ตอนที่ 358 เข้าเมือง
แอนเดรียนามองถังเทียนไม่วางตา ตั้งแต่ต้นนางไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขา เขาเป็นใคร? เขามาจากไหน? ทำไมเขาถึงช่วยนาง? นางไม่รู้อะไร
ใบหน้าของเขามีหน้ากากเพลิงดำปกปิดไว้ ทั่วทั้งร่างก็มีเพลิงดำคลุมทั้งตัว ดังนั้นนางทำอะไรไม่ได้นอกจากนี้ดูเหมือนเขาไม่ตั้งใจจะถอดหน้ากากเสียด้วย
แต่จากท่าทางของเขาแอนเดรียนาสามารถคาดเดาได้ว่าเขาคือคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี แม้แต่เวลานั่งกับพื้นก็นั่งตัวตรงเหมือนหินต่างจากพวกนักสู้รับจ้าง พวกเขาจะนั่งกันไม่เป็นระเบียบ
ตั้งแต่ช่วยนางมาเขาไม่พูดอะไรกับนางสักประโยค
แอนเดรียนารวบรวมความกล้า “สวัสดี, ท่านเป็นใคร? ทำไมถึงช่วยข้าไว้?”
ถังเทียนเทียนไม่สนใจนาง เขากำลังคิดถึงบทบาทที่เขาจะทำให้เพียงพอในสิบห้าวัน สำหรับเขา เวลาคือทุกสิ่ง เขาไม่ต้องทำลายแผน “ของเขา” แม้ว่า “เขา”จะมีสติปัญญาอ่อนด้อย เนื่องจาก “เขา” จะลุยทุกอย่างโดยใช้กำลัง และสามารถลุยได้ทั้งเส้นทางสวรรค์
สิบห้าวันก็น่าจะได้
เมื่อตอนเขาออกมา เขาตรวจดูอย่างระมัดระวังแล้วสถานการณ์ของหลิงซิ่วและอาเฮ่อต้องใช้เวลาสิบห้าจึงจะคลี่คลายวิกฤติได้ เขาต้องใช้เวลาสิบห้าวันลดอุปสรรคที่จะมีต่อ“เขา” และโดยเฉพาะเหล่าสหาย “ของเขา”
เขาเห็นคุณค่าของสหายชัดเจนกว่า“เขา” และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพจำศีล ในจุดนี้ “เขา” โดดเด่นมากกว่าเขา
“คำสั่งให้เจ้าแต่งงานกับจูหนิง อัสตาเป็นคนสั่งหรือ?”
เสียงแหบเย็นชาดังขึ้นสร้างความประความประหลาดใจให้แอนเดรียนา นางตอบรับ “ใช่แล้ว”
อัสตาคือจ้าวปกครองกลุ่มดาวอันโดรเมดามาเป็นเวลาหลายปี
“นางสั่งเจ้าต่อหน้าหรือเปล่า?”
แอนเดรียนาฉลาดเมื่อได้ยินคำถามนั้น นางเข้าใจทันที และหลังจากคิดชั่วขณะ นางตอบ “ไม่ ท่านเจ้าปกครองกลุ่มดาวรักสันโดษและนางไม่ค่อยปรากฏตัว ดังนั้นเราจึงพบนางได้ยาก คำสั่งนี้มอบหมายผ่านผู้อาวุโสตระกูลแฮมเมอร์และท่านหญิงอาลี”
“ผู้อาวุโสตระกูลแฮมเมอร์และท่านหญิงอาลี?”
“ผู้อาวุโสตระกูลแฮมเมอร์ก็คือผู้อาวุโสหัวหน้าตระกูล ท่านหญิงอาลีคือน้องสาวของเจ้ากลุ่มดาว ทั้งสองคนได้รับความเชื่อถือสูงสุดจากท่านเจ้ากลุ่มดาว มีเพียงพวกเขาสามารถเข้าออกวังเทพธิดาได้อย่างอิสระ” หน้าของแอนเดรียนาขาวซีด “แต่..คำสั่งต้องมาจากเจ้าปกครองกลุ่มดาวแน่ เพราะว่าถูกส่งมอบให้ด้วยพลังดวงดาว”
เจ้ากลุ่มดาวทุกคนจะใช้สมบัติระดับเซียนและสามารถใช้พลังกลุ่มดาวเมื่อใดก็ได้เพื่อบันทึกภาพและส่งสาร เพราะเจ้ากลุ่มดาวผู้ใช้พลังได้ก็ย่อมทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นตามปกติคำสั่งทุกอย่างที่ถูกใช้โดยเจ้ากลุ่มดาวก็จะใช้วิธีนั้น
เจ้ากลุ่มดาวสามารถถูกคุมขังได้ แต่พลังของสมบัติระดับเซียนไม่อาจแทนที่ได้
แต่คำพูดของถังเทียนเตือนแอนเดรียนาได้จริงๆ แอนเดรียนาระลึกถึงอย่างระมัดระวังและตระหนักได้ว่ามีหลายจุดที่น่าสงสัย ตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ ท่านเจ้าดวงดาวคงไม่ประมาทเกินไป
อย่าบอกนะว่า...
ความคิดที่น่ากลัวผุดขึ้นมาในใจนาง
“ทำไมถึงเป็นข้า?”
หน้าของนางซีดขาวกว่าเดิม และเสียงของนางสั่นสะท้าน
“ทำไมต้องเป็นเจ้า?” ถังเทียนย้อนถาม น้ำเสียงเขาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง ไม่มีความอบอุ่นสักนิด ไม่เห็นอกเห็นใจ ไม่ใส่ใจเหมือนกับน้ำแข็งที่แหลมคม ซึ่งทิ่มแทงหัวใจของแอนเดรียนา
ปากของแอนเดรียนาสั่น ในดวงตาที่งดงามของนาง ความกลัวคืบคลานเข้ามา “ท่านพ่อ... เป้าหมายของพวกเขาคือท่านพ่อ...”
“เขาเป็นใคร?” ถังเทียนถาม
แอนเดรียนาหวาดหวั่นทันทีนางเหมือนคนเคราะห์ร้ายที่กำลังจะจมน้ำและคว้าสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตนางได้ “บิดาข้าชื่อทาร์ตัน,ท่านเป็นแม่ทัพกองทหารราบซึ่งเป็นกองทัพของกลุ่มดาวอันโดรเมดา! ได้โปรดช่วยบิดาข้าด้วย!”
“เจ้าเชื่อถือใครได้บ้าง?”
เสียงที่เยือกเย็นเหมือนมีดความจริงทำให้แอนเดรียนาสงบลงได้ นางเป็นเด็กผู้หญิงฉลาดที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงวินิจฉัย ดังนั้นนางจึงได้รับอิทธิพลจากแผนการทุกประเภท เมื่อสงบได้แล้วใจของนางเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่นางต้องทำในตอนนี้ก็คือส่งจดหมายเตือนบิดาของนาง ถ้าศัตรูวางแผนไว้จริง อย่างนั้นคนที่สนิทกับนางคงถูกสอดแนมไปด้วย
ทันใดนั้นแอนเดรียนาจำบางอย่างได้และนางพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “หอการค้าเวิงหลิน ท่านพ่อบอกไว้ก่อนว่า ถ้าข้าตกอยู่ในอันตรายข้าควรจะไปที่หอการค้าเวิงหลิน! ที่ทำการจะอยู่ที่ ถนนแม่น้ำตะวันตกนครเทพสตรี”
นครเทพสตรีคือเมืองหลวงของกลุ่มดาวอันโดรเมดาและเป็นศูนย์กลางของกลุ่มดาวอันโดรเมดาซึ่งเป็นที่ตั้งของวังเทพธิดา
เมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้เมือง พวกเขาตระหนักได้ว่านครเทพสตรีมีการคุ้มกันหนาแน่น ทุกๆ ทางเข้ามีทหารคอยตรวจตราอย่างเข้มงวด มีการเข้าแถวที่ทางเข้าทุกจุดพร้อมกับมีเสียงด่าสาปแช่งไม่หยุดจนกระทั่งปาฟุปรากฏตัวเสียงด่าทอจึงหายไป
มือของปาฟุมีผ้าพันแผล หน้าของเขาซีดและมีรอยเขียว เขาคอยกวาดสายตามองตลอดและทุกคนเงียบด้วยความกลัว
ทันใดนั้นถังเทียนสังเกตเห็นยานโดยสาร
บนยานโดยสารมีสุภาพสตรีผมยาวประบ่าคนหนึ่ง นางสวมชุดขาวราวหิมะยืนตัวตรงด้วยท่าทีที่เย็นชาดูงดงามมาก ข้างๆ นางเป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนยิ้ม
เหตุผลที่ถังเทียนสังเกตยานโดยสารก็เพราะทั้งที่ผู้คนเข้าแถวยาวเหยียด มีเพียงโดยสารที่เดินหน้าได้โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ถังเทียนทำให้แอนเดรียนาสลบโดยไม่ลังเลใจจากนั้นแบกนางไปด้วย เขากวาดสายตามองดู เห็นได้ชัดว่ายานโดยสารต้องมีสถานะและสำหรับพวกเขาเป็นการปกป้องสูงสุด
“แม้ว่าอันโดรเมดาจะเป็นกลุ่มดาวที่เล็กกลุ่มหนึ่ง แต่ความงดงามของนครเทพสตรีนับว่าไม่เลว” ฉีซานมีมารยาทต่อสตรีงามความของการพูดเขาพอเหมาะพอดี เต็มไปด้วยการคุกคาม แต่ไม่เป็นเหตุให้ใครเกลียด “กลุ่มดาวอันโดรเมดาก็คือกลุ่มดาวที่มั่นคงที่สุดในกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ ดังนั้นธุรกิจการค้าจึงมีเจริญรุ่งเรืองมาก เก้าในสิบส่วนของหอการค้าขอบฟ้าเหนือจะตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ในนครเทพสตรีนักธุรกิจผู้ร่ำรวยเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยและคฤหาสน์ของพวกเขาทุกคนสวยงดงามมาก”
ราวกับว่าเขากำลังแนะนำบ้านของตนเอง คำพูดที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนิทสนม
หมิงเย่กวาดตาดูประตูเมืองที่คุ้มกันแน่นหนาและประหลาดใจเล็กน้อย “แต่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ฉีซานยิ้มอย่างคาดไม่ถึง “อย่าไปสนใจเลย ปล่อยให้พวกเขารับมือเถอะ”
หมิงเยี่ยหันไปมองฉีซาน ฉีซานทำเหมือนเฉื่อยชาและยังมีความมั่นใจ จากนั้นยิ้มทันทีเหมือนกับพยัคฆ์ร้ายแยกเขี้ยวเขาเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทำให้คนเชื่อมั่นในตัวเขามาตลอด เหมือนกับว่าไม่มีอะไรจะขัดขวางเขาได้ ความแข็งแกร่งนั่นคือความรู้สึกที่ชัดเจนจากตัวเขา
หลังจากติดตามเขาไม่กี่วันที่ผ่านมาหมิงเยี่ยเริ่มจะคุ้นเคยกับฉีซานอยู่บ้าง ไม่ว่านางจะถือดีมากเพียงไหนนางก็คงต้องยอมรับว่าฉีซานเป็นบุรุษที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่นางเคยพบ
“นั่นก็จริง” หมิงเยี่ยยิ้มทันที
นางยิ้มเฉิดฉายโปรยเสน่ห์ซึ่งดูน่ารักงดงามทำให้ฉีซานเหมือนถูกกระชากหัวใจในเวลานั้น แต่เขารีบเรียกความรู้สึกกลับมาและยกยอนางโดยไม่เก็บงำความคิด“ยิ้มของแม่นางหมิงเยี่ยช่างงดงามที่สุด ยิ่งกว่างานศิลปะที่ข้าเคยพบในโลก”
หมิงเยี่ยไม่ตอบเขา นางทอดสายตาไปไกลและไม่ได้คิดอะไร
ฉีซานไม่ใส่ใจและยังชื่นชมใบหน้าที่งดงามของนางต่อ แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะให้ความสนใจความงามของหมิงเยี่ยแต่เขาไม่ถึงกับสูญเสียความคิด เขาจึงเริ่มคิด หมิงเยี่ยมีประสบการณ์มากไม่ว่าจะเป็นความสามารถของตัวนางเองหรือพื้นฐานที่หยั่งคาดไม่ถึงของนาง นั่นเป็นตัวช่วยขนาดใหญ่
ถ้าเขาสามารถได้หมิงเยี่ยมาครอบครอง คุณค่าจะสูงมากกว่ากลุ่มดาวอันโดรเมดาถึงสิบเท่า
เขาเคยได้ยินมาก่อนว่านางมีสายสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แต่เท่าที่เห็นนางไม่พึงพอใจเย่เฉาเกออย่างเห็นได้ชัด และสำหรับเขานั่นคือโอกาส
เขาตัดสินใจในไม่กี่วันต่อมาเขาจะใช้โอกาสนั้นกับหมิงเยี่ย ฉีซานมั่นใจในตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ชาติตระกูล อำนาจ เขาเป็นเลิศในทุกด้าน และในสวรรค์วิถีทั้งสิ้น จำนวนคนที่แข็งแกร่งกว่าเขามีไม่กี่คน
ปาฟุเห็นฉีซานและมองเห็นโอกาสประจบประแจงและใช้โอกาสนั้นทันที
“อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง? หนักหนาไหม? ข้ามียาอยู่นี่ รับไปใช้ซะ” ฉีซานไม่ทำท่าหยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าปาฟุ เขาโยนยาให้ปาฟุด้วยสีหน้าห่วงใย
ปาฟุมีสีหน้าซาบซึ้ง และตอบทันที “หามิได้, หามิได้! นายท่าน นายท่านไม่ต้องกังวล! เชิญเข้าเมืองเถิด”
หมิงเยี่ยเห็นอาการโต้ตอบนั้นแล้วนางพอใจ ฉีซานเกิดในตระกูลชนชั้นสูงแต่ไม่หยิ่งยโสและนั่นหาได้ยากจริงๆ
ฉีซานยิ้มและไม่ถูกปาฟุตรวจสอบ เขาเข้าเมืองต่อไป
“สถานที่พักของเราจัดเตรียมไว้ในอุทยานจันทร์ฉาย” ฉีซานยิ้ม “นั่นเป็นสถานที่พักสำหรับประธานหอการค้าและได้ตกแต่งไว้อย่างดี ชื่อก็ยังเหมาะกับท่านมาก ข้าหวังว่าแม่นางหมิงเยี่ยจะชอบ”
“คุณชายฉีซานดีต่อข้าเหลือเกิน” หมิงเยี่ยโค้งคำนับขอบคุณแต่น้ำเสียงของนางเฉื่อยชา “หมิงเยี่ยเรียนรู้มาไม่พอ และชอบธรรมชาติที่เงียบสงบ ข้าหวังว่าคุณชายฉีซานจะช่วยข้าหาภูเขาที่เงียบสงบ”
ฉีซานพึมพำ “ข้าไม่ทันได้นึกถึงความคิดคนอื่นเลย ถ้าเจ้ากำลังมองหาสถานที่เงียบสงบ มีภูเขาทางทิศตะวันตกเรียกว่าหนิวโฉ่วเป็นที่มีทิศทัศน์งดงามและคนน้อย นับเป็นสถานที่ดี”
“ข้าต้องขอบคุณคุณชายฉีซาน” หมิงเยี่ยขอบคุณ
ฉีซานโบกมือเขา “แม่นางหมิงเยี่ยไม่ต้องเกรงใจ”
ภูเขาหนิวโฉ่วอยู่ไม่ไกลและพวกเขามาถึงอย่างรวดเร็วและจอดยานบนยอดเขา หมิงเยี่ยสามารถมองเห็นนครเทพสตรีได้ ทิวทัศน์งดงามและอากาศสดชื่น สีหน้าของนางมีรอยยิ้มพึงพอใจ
“ขอบคุณคุณชายฉีซาน ท่านสามารถจอดยานไว้ที่นั่นได้”
“แม่นางหมิงเยี่ยโปรดระมัดระวังตัว” ฉีซานแนะนำ จากนั้นหัวเราะทันที “แต่จากที่ข้าเห็น ด้วยพลังของแม่นางหมิงเยี่ยจะได้รับความสนใจจากท่าน ข้าคิดว่ามีคนที่อยู่ในขอบเขตชั้นเซียนเท่านั้นจึงจะทำได้”
หมิงเยี่ยคำนับฉีซาน “หมิงเยี่ยของคุณพี่ฉีที่ห่วงใย”
คำพูดว่า “พี่ฉี” ทำให้เขาใจพองโตด้วยความยินดี เขาระงับความดีใจ“น้องหมิงไม่ต้องมากมารยาทกับข้าก็ได้ ข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนความสงบของเจ้าแล้ว”
กล่าวจบ เขาเรียกทุกคนให้ออกไปและส่งคำสั่งลงไปที่ทหารคุ้มกันที่เชิงเขาให้กันมิให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยว
ดวงตาของฉีซานเต็มไปด้วยความหลงใหล หมิงเยี่ยมองดูเขา แต่คำพูดและการกระทำที่ตรงของเขาทำให้นางชื่นชมเขามากขึ้น หย่งเซียนจงยังด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับฉีซาน นางสงสัยว่าฉีซานน่าจะโดดเด่นมาก แต่เขาอยู่ในอันดับสามของนักสู้รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในสมาพันธ์ชาวยุทธ ดังนั้นอันดับหนึ่งและสองจะโดดเด่นมากเพียงไหน?
สมาพันธ์ชาวยุทธน่าทึ่งมากกว่าที่นางคิด
แต่...สายตาของหมิงเยี่ยพลันเย็นชาและพูดขึ้น
“สหายที่อยู่ใต้ยาน ขอเชิญออกมาพบกัน”