ตอนที่ 352 เม็ดผลึกกระเรียน
ฝีมือทั้งสามคนนั้นมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วมาก
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วเพียงหนึ่งท่วงท่าเขาก็สามารถสร้างฝนหอกได้กระบี่เหล็กของอาเฮ่อก็รวดเร็วมากเหมือนกับว่ากระบี่จะติดตามร่างเขาตลอด ทุกๆ กระบี่มีความเคลื่อนไหวน้อยที่สุดเหมือนกับจะงอยปากกระเรียนที่จิกหาอาหาร รวดเร็วดุจสายฟ้า
เมื่อเทียบกับทั้งสองคนนี่แล้ว ถังเทียนไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย ความเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากและการเปลี่ยนท่วงท่าของเขาทำได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด แต่เมื่อเทียบกับการปลดปล่อยท่วงท่ากับพวกเขาแล้ว เขามิได้โด่ดเด่นกว่าเท่าใดนัก
แต่เขายังคงวิ่งขึ้นหน้า
ปกติจะมีช่วงหน่วงเวลาระหว่างที่สะดุดและโจมตี ยอดฝีมือมักจะลดเวลาที่หน่วงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และยอดฝีมือที่มีการตอบสนองได้รวดเร็วจะไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ได้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่สะดุดหรือหน่วงเวลานั้น
แต่ถังเทียนกลับไม่มีช่องว่างของเวลาดังกล่าว
เขาไม่จำเป็นต้องหยุดเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้จับเค้า ท่วงท่าและการโจมตีของเขาไหลลื่นมากความเคลื่อนไหวที่ต้องการเสร็จสิ้นได้ในอึดใจเดียว ความเคลื่อนไหวของเขากระชับไม่มีความเคลื่อนไหวที่สิ้นเปลืองหวือหวาแต่แฝงด้วยความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดบางอย่างเขาสามารถทำนายและเข้าใจบอลแสงได้ล่วงหน้า และความเคลื่อนไหวทั้งหมดสามารถดำเนินการได้หลากหลายเพื่อโจมตีเป้าหมายได้หลายชั้นทำลายได้ทีละมากๆ
นอกจากนี้ถังเทียนยังโจมตีได้ไม่ช้าเลย ประสิทธิภาพของเขาน่าทึ่งและเป็นไปตามธรรมชาติ
อาเฮ่อตกใจ
เขาผนวกความรู้แจ้งในสายลมเข้าในกระบวนวิชากระบี่กระเรียนฟ้าทำให้มันรวดเร็วขึ้นมาก จนอยู่ในระดับที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถรับมือเขาได้
วิชากระบี่ของอาเฮ่อก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งและค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้เขายังทำตัวไม่ให้โดดเด่น เพราะเขาเป็นคนเงียบๆและไม่ชอบต่อสู้ ขณะที่ถังเทียนและหลิงซิ่วพอใจกับการทำตัวเด่นและชอบต่อสู้ เขามักซ่อนตัวอยู่ในเงาเสมอ แต่มีเพียงสามคนที่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้เย่เฉาเกอได้ ก็คือ ถังเทียน,ปิงและอาเฮ่อ
หลิงซิ่วมีนิสัยชอบแข่งขันและชอบเอาชนะเสมอ เขามักต่อสู้จนสุดกำลังและไม่คิดเก็บรั้งพลังไว้
อาเฮ่อสามารถเห็นรูปแบบการรุกของถังเทียนได้อย่างชัดเจนและมันดึงดูดสายตาของเขาได้เสมอ เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกประหลาดมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่อาเฮ่อได้เห็น ถังเทียนในบางครั้งก็ปล่อยบอลแสงไว้ข้างหลังสองสามใบแต่ความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดหลังจากนั้นดึงบอลแสงทั้งหมดเข้ามาและทำลายทั้งหมดเหมือนกับใช้แหหว่านจับปลา เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่
นั่นคือเหตุผลที่รูปแบบการบุกของถังเทียนดูเหมือนจะพิเศษ และถ้าเขาก้าวโซเซเพียงเล็กน้อย ถังเทียนจะดูเหมือนกับคนเมา เส้นทางเดินข้างหน้าของเขาเป็นแบบสุ่มโดยสิ้นเชิงบางครั้งก็โยกซ้ายบางครั้งก็โยกขวา บางครั้งก็นิ่งเฉย บางครั้งก็ตีลังกากลับหลังจากนั้นคลานขึ้นหน้าไม่สามารถอ่านทางได้เลย
อาเฮ่อคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เข้าใจว่า นั่นคือสัญชาตญาณ
ถ้าเป็นเจตนาอย่างนั้นจะดูสง่างามมาก เหมือนกับว่าเขากำลังเล่นหมากรุกซึ่งต้องใช้สติปัญญา แต่ด้วยระดับปัญญาของถังเทียน....
ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าดูจะเหมาะสมกับเจ้าบ้านี่แล้ว
แต่นั่นคือสัญชาตญาณที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
หัวใจอาเฮ่อประหลาดใจอย่างต่อเนื่องเขามีนิสัยที่สงบเสงี่ยม เขามักสงสัยเรื่องสัญชาตญาณอยู่เสมอ แต่สำหรับสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมาก เขารู้สึกกลัวอยู่บ้าง
เป็นความสงสัยที่คล้ายกับฬ่อที่ดื้อและแข็งแกร่ง
ถังเทียนไม่ได้สังเกตว่าอาเฮ่อกำลังวิเคราะห์เขาเนื่องจากเขาตื่นเต้นมากเกินไป สัญชาตญาณที่น่ากลัวของเขาทำให้ร่างของเขาปลดปล่อยความเคลื่อนไหวและสนองตอบได้รวดเร็วต่อเนื่อง และความรู้สึกนี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าเขามีพลังอยู่ในร่างกายซึ่งทั้งหมดโอนอ่อนและเชื่อฟังมาก แทบจะเห็นด้วยเลยว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวในระดับที่มีความยากมาก
ความเคลื่อนไหวของเขายิ่งไหลลื่นมากขึ้น และเขาเริ่มทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเขาได้มากขึ้น
สภาวะสัญชาตญาณที่ตื่นเต้นและสภาวะสัญชาตญาณที่สงบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สภาวะสัญชาตญาณที่ตื่นเต้นจะเน้นที่การควบคุมตนเองให้มากขึ้นเป็นหลัก สภาวะสัญชาตญาณที่สงบจะมุ่งเน้นสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน
ถังเทียนดื่มด่ำอยู่ในสภาวะที่ยอดเยี่ยม
หลังจากไม่รู้ตัวมานานถนนข้างหน้าพวกเขาพลันเปิดโล่งกว้างทันที ถังเทียนออกจากสภาวะที่น่าทึ่งทันที ขณะที่เขาหันกลับไปมองทางข้างหลัง
เขาผ่านมาตลอดเส้นทางแล้วและไม่มีบอลแสงเหลือให้เห็นเลย เนื่องจากบอลแสงทั้งหมดเปลี่ยนสภาพเป็นหมอกสีฟ้าแล้ว
ถังเทียนยังรำลึกถึงความรู้สึกที่เพิ่งจะผ่านมา“เผียะ” บอลแสงลูกหนึ่งแตกทันที และหลิงซิ่วโผล่ออกมาจากกลางแสงสีฟ้า ถังเทียนมีปฏิกิริยารวดเร็วเบนหลังหลบและหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เสี่ยวซิ่วซิ่ว, ข้าชนะอีกแล้ว”
บนตัวแพะภูเขาบรอนซ์ หยาหยายืนอยู่ข้างๆมือเท้าสะเอวหอบหายใจอกกระเพื่อม มันมีท่าทางยินดีบนใบหน้า และหันไปมองกระรอกบรอนซ์ที่มีท่าทางซึมเซาและร้องหาถังเทียน
กระรอกที่น่าสงสารถูกหยาหยาฉุดลากไปเหมือนเรือน้อยเผชิญพายุในทะเลกว้าง หน้าของมันตกใจทำอะไรไม่ถูก
เมื่อหลิงซิ่ววิ่งออกมาจากกลุ่มแสงและเห็นหน้าถังเทียน เขามีสีหน้าไม่พอใจทันที อีกทั้งถังเทียนตะโกนอย่างดีใจทำให้เขาหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
อาเฮ่อเพิ่งจะเสร็จเช่นกันเขายิ้ม “ดูเหมือนว่าข้าจะมาถึงที่สามนะ”
ถังเทียนเดินไปมาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นคิดเรื่องที่อาเฮ่อพูดไว้ เขาถามทันที “เสี่ยวเฮ่อ, เจ้าพูดถึงอะไรบางอย่างที่น่าทึ่งไว้ไม่ใช่หรือ?”
เสี่ยวเฮ่อ.....
ยิ้มของอาเฮ่อชะงักค้างและเขาฝืนหัวเราะ “อ่า.. ใช่แล้ว ใช่แล้วใช่แล้ว”
แม้ว่าหลิงซิ่วยังทำหน้าเขียวคล้ำ แต่นัยน์ตาเขาเป็นประกาย เขาสงสัยคำว่าน่าทึ่งของอาเฮ่อ เนื่องจากอาเฮ่อไม่ใช่คนที่ชอบคุยโตโอ้อวด
อาเฮ่อล้วงโคมกระเรียนหงอนแดงสมบัติชั้นเงินออกมา มันคือโคมไฟรูปถ้วยขนาดเล็กคล้ายกับกระเรียนหงอนแดงและดูเหมือนจริงมาก
ตาของกระเรียนหงอนแดงเปล่งประกายทันที แสงสีแดงทำให้เหมือนกับว่ามันกลับมามีชีวิต
สมบัติ!
ถังเทียนและหลิงซิ่วจ้องมองตาค้าง ทั้งสองไม่กระพริบตา
ทันใดนั้นแสงสีฟ้าทั้งหมดทะลักเข้าหาโคมกระเรียนหงอนแดงและไหลเข้าไปในปาก แสงสีฟ้าถูกดูดเข้าปากกระเรียนหงอนแดง แต่เมื่อเทียบกับแสงสีฟ้าตามทางทั้งหมดยังนับว่าเล็กน้อย
ถังเทียนทำหน้าตกใจ “เอ๊ะ, มันดูดพลังงานได้ด้วย”
หลิงซิ่วยังหงุดหงิดเรื่องส่วนตัวก่อนนั้นเขาแค่นเสียงคำราม “งี่เง่า เรื่องง่ายๆ แบบนี้ใครๆ ก็พูดได้”
“อย่างนั้นคนที่แพ้คนงี่เง่าจะเรียกว่าอะไร?” ถังเทียนหัวเราะ “ไม่คู่ควรจะเป็นคนงี่เง่าด้วยซ้ำ”
หลิงซิ่วโมโห กระโดดผางใช้หอกเหล็กชี้มาทางถังเทียน“มาสู้กันเลย สู้กันแบบลูกผู้ชายดีกว่าเถียงกันไปมา”
อาเฮ่อพูดตัดบท “เฮ้, พวกเจ้าสู้กันไปก่อนยังพอมีเวลาเหลือโคมกระเรียนหงอนแดงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด”
ในที่สุดการต่อสู้ก็ไม่เกิดขึ้น
ถูกอาเฮ่อดุใส่ถังเทียนรู้สึกว่าสู้ไปก็คงเป็นเรื่องโง่ ก็ได้ ก็ได้ เสี่ยวซิ่วซิ่วยังไม่เห็นตรงจุดนี้ พวกสมองไม่ดีนับว่าช่วยอะไรไม่ได้ หนุ่มชาวฟ้าจะยอมๆเขาไปก่อน
ถังเทียนมีแววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ ปล่อยหลิงซิ่วเดินห่างออกไปอย่างหัวเสีย
ถังเทียนเดินไปอยู่ข้างๆอาเฮ่อ และถาม “เฮ้..อาเฮ่อ อะไรกันนี่? ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเอาของนี้ออกมาให้ดูเลย”
อาเฮ่ออธิบาย “นี่เรียกว่าโคมกระเรียนหงอนแดงและนี่คือสมบัติชั้นเงินจากกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า ท่านพ่อข้าเคยใช้เมื่อตอนเขาอายุน้อย ดังนั้นเจ้าสำนักจึงเก็บไว้ให้ข้า มันใช้งานง่ายมาก แค่ใช้ดูดซับพลังงาน ถ้ามีพลังงานเพียงพอมันสามารถควบแน่นพลังงานเปลี่ยนเป็นเม็ดผลึกกระเรียน แต่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนข้าได้ยินว่าในอดีตกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าสามารถควบแน่นเม็ดผลึกกระเรียนได้ทุกๆห้าปี แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำมานานแล้วเนื่องจากพลังงานเบาบางเกินไป”
“เม็ดผลึกกระเรียนกินได้ไหม?” ถังเทียนน้ำลายหก
“ได้สิ” อาเฮ่ออดยิ้มไม่ได้ “แต่ผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือ มันสามารถช่วยให้เจ้าฝึกฝนปราณแท้ได้
“ฝึกฝนปราณแท้!” หลิงซิ่วและถังเทียนปากอ้าค้างพร้อมกัน
สำหรับทั้งสองคนนั้นสิ่งที่ยากจะก้าวหน้ามากที่สุดก็คือปราณแท้ของพวกเขา ถังเทียนในปัจจุบันนี้ใช้ชุดสำหรับฝึกที่สร้างตามแบบห้องพลังงานโบราณที่แก้ไขโดยเซรีน แต่กระบวนการฝึกปราณแท้ทำให้ทั้งสองคนไม่สบายใจ ความสิ้นเปลืองหินดวงดาวของชุดฝึกก็มากจนน่ากลัว และถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนเป็นผู้นำเผด็จการในตอนนี้ เขาคงไม่สามารถใช้ชุดฝึกพลังได้เลย
ในสวรรค์วิถี สมบัติที่สามารถใช้ฝึกฝนปราณแท้ตกอยู่ในมือของกลุ่มมหาอำนาจ
“ใช่” อาเฮ่อยิ้ม “แต่อย่าตั้งความหวังไว้จนเกินไป มันถูกใช้กับข้ามานานหลายปีแล้ว แต่ข้าไม่เคยเห็นมันผลิตเม็ดผลึกกระเรียนออกมาเลย ทางสำนักเขียนบันทึกไว้ว่าอย่างนั้น และท่านแม่ข้าบอกว่ามันเคยผลิตเม็ดผลึกมาก่อน ดังนั้นข้าจึงนำติดตัวมาด้วย”
“เทียบกับชุดฝึกพลังแล้วเป็นยังไงบ้าง?” ถังเทียนถามทันที
“ข้าได้ยินว่ามันสามารถใช้ได้ทันที” อาเฮ่อไม่แน่ใจ “ข้าไม่เคยใช้มาก่อน ดังนั้นข้าไม่อาจพูดยืนยันได้ เป็นเพราะข้าเห็นว่าพลังงานที่นี่หนาแน่นมาก ดังนั้นถ้าข้าไม่ใช้มัน ก็คงน่าเสียดาย โชคดีที่เราพบทางน้ำจี้ชิว ถ้าไม่อย่างนั้นโคมนี้คงได้กองอยู่กับฝุ่นตลอดไป”
สถานที่มีพลังงานหนาแน่นขนาดนั้นเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก
ทำไมกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือถึงได้แข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าใต้? ทำไมกลุ่มดาวขั้วขอบฟ้าถึงได้แข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ? ทำไมยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งยินดีเข้าสู่กลุ่มดาวระดับสูง? ทำไมตำหนักระนาบสุริยุปราคาถึงเป็นแกนกลางสวรรค์วิถี?
ทุกสิ่งล้วนสรุปลงเป็นเหตุผลง่ายๆ นั่นก็คือพลังงาน
พลังงานคือแหล่งของปราณแท้ และปราณแท้ก็คือพื้นฐานและหัวใจของปราณแท้
พลังงานในกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือหนาแน่นมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ และความเร็วในการฝึกฝนจะสูงกว่า ขณะที่ทำการฝึกฝนในกลุ่มดาวที่มีพลังงานมากมาย ดังนั้นพวกนักสู้จึงสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่นักสู้แข็งแกร่งที่มีความทะเยอทะยานทุกคนยินดีไปยังกลุ่มดาวที่มีระดับสูงกว่าเพื่อค้นหากระบวนการที่เร็วขึ้น
ด้วยความสนใจเม็ดผลึกกระเรียนหลิงซิ่วและถังเทียนจึงคืนดีกันในที่สุด ทั้งสองน้ำลายหกมองดูโคมกระเรียนหงอนแดง
หลังจากมองดูชั่วขณะทั้งสามคนก็เบื่อหน่าย จึงเริ่มนั่งเดินพลัง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อถังเทียนลืมตา อาเฮ่อและหลิงซิ่วมองดูโคมอย่างกระวนกระวาย
ถังเทียนหันไปมองดูอย่างประหลาดใจเนื่องจากแสงฟ้าในทางผ่านเบาบางลงมาก เทียบกับหมอกสีฟ้าที่หนาแน่นก่อนนั้นหมอกตอนนี้เบาบางมากและเขาสามารถเห็นทางเดินได้ไกล
โคมกระเรียนหงอนแดงดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงร่างสีขาวบริสุทธิ์มีนัยน์ตาสีแดงดุจโลหิต
ทันใดนั้นเสียงกระเรียนร้องชัดเจนดังออกมาจากในใจพวกเขา
ทั้งสามคนสั่นสะท้าน
กระเรียนหงอนแดงอ้าจะงอยปากของมันและคายเม็ดผลึกขนาดเม็ดถั่วเหลืองออกมาสามเม็ด แสงเรืองรองบนร่างกระเรียนหงอนแดงสลัวลงและตาของมันกลายเป็นสีเงินอีกครั้งเหมือนตอนที่อาเอ่อล้วงออกมา
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่เม็ดผลึกกระเรียน เม็ดผลึกกระเรียนปลดปล่อยพลังงานสั่นสะเทือนเป็นคลื่นๆ มันไม่รุนแรง แต่ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง
“หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งคน” อาเฮ่อไม่พูดไร้สาระ และหยิบออกมาหนึ่งเม็ด
หลิงซิ่วและถังเทียนหยิบคนละเม็ด
ทั้งสามมองหน้ากันและหยอดเม็ดผลึกกระเรียนใส่ปากพร้อมกัน