ตอนที่แล้วตอนที่ 11-29 ปีศาจดาบอเวจี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-31 ชั้นที่สิบเอ็ด

ตอนที่ 11-30 เซียนจอมเวทคนใหม่


เดลี่ถือดาบคมทดลองเหวี่ยงไปมาสองสามครั้งทำให้พลังงานของดาบตัดกัน

“ดาบเป็นของดี เพียงแต่พลังแขนของข้ายังไม่ดีพอ”เดลี่ถอนหายใจ

ไม่มีปราณยุทธถ้าคนผู้นั้นมีร่างกายแข็งแรงพอเหมือนสี่สุดยอดนักรบเขาสามารถเข้าถึงระดับพลังที่น่าประหลาดก็สามารถกวัดแกว่งอาวุธด้วยพลังภายนอกได้  ความจริงปีศาจดาบอเวจีอาศัยพลังภายนอกล้วนๆเพื่อกวัดแกว่งดาบของพวกมัน

“จะรีบร้อนไปทำไม?” เฟนหัวเราะ  “เดลี่!  หลังจากเจ้ากลายเป็นเทพแล้ว  ร่างเทพจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์  เจ้าก็ยังจะสามารถใช้อาวุธนี้ได้ดีไม่ใช่หรือ?”

“ฮะฮะ จริงสิ”  เดลีหัวเราะเช่นกัน

ความจริง ทุกคนรู้ดีว่ายังมีอุปสรรคอย่างหนึ่งก่อนจะกลายเป็นเทพ

ชั้นที่สิบเอ็ด!

ระดับความยากจากชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่ห้ายังไม่สูงมากนัก  แต่ชั้นที่หกมีอสูรจ้าวอัคคีก็มีอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ  ทุกๆห้าชั้นจะแสดงความยากออกมาระดับหนึ่ง ชั้นที่สิบเอ็ดนี้จะต้องมีระดับความอันตรายมากกว่าชั้นที่หกถึงสิบที่ผ่านมา  อสูรจ้าวอัคคี นางพญาพฤกษา และสัตว์ประหลาดอื่นที่ล้วนแต่มีความน่ากลัวมากจะมีอะไรปรากฏขึ้นมาในชั้นที่สิบเอ็ด?

ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้  แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนรู้ว่าชั้นที่สิบเอ็ดนี้มีศพเทพและมีประกายศักดิ์สิทธิ์!

“ชั้นที่สิบเอ็ด...”ลินลี่ย์มองเสาโบราณที่อยู่ห่างออกไปมีบันไดอยู่ข้างล่างมีรัศมีสีดำอย่างเห็นได้ชัด “ตามที่ลอร์ดเบรุตบอกผู้พิทักษ์ชั้นที่สิบเอ็ดก็ยังเป็นระดับเซียน”

เห็นได้ชัดว่ามหาเทพผู้ควบคุมสุสานเทพเจ้ายังให้โอกาสได้รับความสำเร็จบ้าง

อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์เข้าใจว่าจากชั้นที่สิบสองเป็นต้นไปมีเพียงระดับเทพเท่านั้นที่สามารถไปต่อได้

“ข้าคาดว่าจากชั้นสิบสองเป็นต้นไป ผู้พิทักษ์คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพกันหมด” ลินลี่ย์ไม่กล้าคิดเลยเถิดไปถึงชั้นที่สิบสอง  พลังของเขาไม่เลวแม้ก็จริง  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักสู้ระดับเทพ  เขาไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย

ได้ประกายศักดิ์สิทธิ์และรับร่างเทพคือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการดำรงอยู่ของเทพ

“ทุกคนเข้าใจแล้ว” เดลี่พูดเสียงก้องกังวานพลางมองดูยอดฝีมือที่ชุมนุมกันอยู่ “จากยอดฝีมือแปดสิบกว่าคนที่เข้ามาตอนเริ่มแรก  มีเพียงเราสิบเอ็ดเท่านั้นที่มาถึงในชั้นที่สิบได้

ทุกคนพยักหน้า

ยอดฝีมืออีกเจ็ดสิบกว่า ถ้าไม่ตายก็ถอยกลับไป

มีเพียงพวกเขาที่มาได้จนถึงชั้นที่สิบ

“นี่ยังเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เข้ามาใกล้ประกายศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้  ข้ารู้ว่าชั้นที่สิบเอ็ดขึ้นไปมีประกายศักดิ์สิทธิ์”  เดลี่รู้สึกว่ามีอารมณ์ตึงเครียด  ที่สำคัญเขาต่อสู้มาหลายปีมากแล้ว  “แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าชั้นที่สิบเอ็ดย่อมอันตรายเป็นอย่างยิ่ง  เทียกับอสูรจ้าวอัคคี, นางพญาพฤกษา,ราชันย์เนตรมายาและปีศาจธอเรียม ยังจะอันตรายมากกว่า!”

ยอดฝีมือทุกคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาสั่นราวกับว่าได้ยินเสียงฟ้าผ่า

“บางทีพวกเราคนใดคนหนึ่งอาจตายที่ชั้นที่สิบเอ็ดได้”  เสียงของเดลี่เบาลง  “อย่างไรก็ตาม ข้าเองไม่กลัวตายอยู่แล้ว  ข้ามีชีวิตมาหลายพันปีแล้วและประสบพบทุกอย่างเท่าที่ข้าจำเป็นต้องพบ ถ้าข้าต้องตายในเส้นทางมุ่งสู่ความเป็นเทพ ข้าจะไม่เสียใจกับความตายของข้า”

ตาของยอดฝีมือทุกคนเป็นประกายเจิดจ้า

เดลี่  โรซารี่ เฟนถูลี่  ราชสีห์ทองหกตา  จ้าวแมงป่องเกล็ดดำ.. พวกเขาทั้งหมดพยายามอุตสาหะเพื่อให้กลายเป็นเทพมาหลายพันปีแล้ว  ความเป็น ความตายพวกเขาเลิกกังวลเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว

ในบรรดาห้าเซียนสุดยอด ลูเธอร์ฟอร์ดตายไปแล้ว

ไม่มีใครรู้สึกเศร้าใจเกินไปกับความตายของลูเธอร์ฟอร์ด  เพราะทุกคนเข้าใจ...บางทีหลังจากนั้นไม่นาน  พวกเขาเองอาจตายในเส้นทางสู่ความเป็นเทพก็ได้

ในกลุ่มยอดฝีมือสิบเอ็ดคนนี้  ลินลี่ย์ บีบี และโอลิเวอร์ยังอายุเยาว์ ทุกคนเมื่อเปรียบเทียบกัน  ไม่มีใครที่มีอายุเกินร้อย  เทียบกับเดลี่และยอดฝีมืออื่นมีความแตกต่างระหว่างพวกเขามาก ดังนั้นในใจพวกเขาความเข้าใจเรื่องชีวิตและความตายบางทีอาจแตกต่างจากเดลี่และยอดฝีมืออื่น

“ทุกคน, ไปเตรียมตัวกันเถอะ  ช่วงเวลานี้เราจะพักอยู่ที่ชั้นสิบหนึ่งปีครึ่ง อีกปีครึ่ง เราจะเข้าชั้นที่สิบเอ็ด” เดลี่กล่าว

ยอดฝีมือทั้งหมดตื่นเต้น พวกพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ

พวกเขาเข้ามาในสุสานเทพเจ้าแปดปีที่แล้ว  หลังจากฝึกอีกปีครึ่ง พวกเขาจะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดเวลาที่จำกัดไว้สิบปี  ในชั้นที่สิบเอ็ด ความสงสัยว่าพวกเขาจะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์หรือไม่  อาจได้รับการคลี่คลายในวันเดียว

ทุกคนแยกย้ายหาสถานที่ฝึกทำสมาธิเงียบๆ

“พี่ใหญ่” บีบีมองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์มองดูบีบีเช่นกัน พวกเขาเข้าใจความคิดของกันและกัน

“ฝึกให้ดี”

สำหรับลินลี่ย์ บีบีและโอลิเวอร์ มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุระดับใหม่ภายในปีครึ่ง  และพลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีก  ขณะที่สำหรับอีกแปดยอดฝีมือ..เว้นแต่จะบังเอิญได้รับโชค คงเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่พวกเขาจะบรรลุความก้าวหน้าอีกต่อไป

………….

บนท้องทุ่งกว้างใหญ่ภายในพื้นที่มีหญ้างอกเงย  สายลมพัดโบกพลิ้วผมยาวของลินลี่ย์โบกสะบัด

ตาของลินลี่ย์ยังปิด และเขานั่งทำสมาธิเงียบๆ

“สัจธรรมแห่งธาตุดิน.. ยิ่งทอดยาวไปตามเส้นทางนี้ก็ยิ่งเพิ่มระดับความยากมากขึ้น ข้าถึงระดับผสานพลังชีพจรโลก 64 ชั้นแล้ว ถ้าต้องการให้ถึระดับ 32 ชั้น ก็ต้องใช้เวลามากกว่าครั้งก่อน  ครั้งสุดท้ายเราใช้เวลาไปแปดปีจึงจะก้าวหน้าระดับใหม่ได้..เราเหลือเวลาไม่ถึงปีครึ่ง” ลินลี่ย์ตัดสินใจ “เราจะวิเคราะห์สัจธรรมแห่งธาตุลมแทนดีกว่า”

ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยกระดับพลังและบรรลุความก้าวหน้าให้เร็วมากที่สุด เพื่อที่ว่าจะได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นในชั้นที่สิบเอ็ด

“การปรับวิญญาณของเราให้เข้ากับธรรมชาติจะทำให้พลังจิตของเราเพิ่มขึ้น  ด้วยวิธีนั้นเราจะสามารถฝึกทั้งพลังจิตและพลังสัจธรรมแห่งธาตุลมไปพร้อมกันได้”  ลินลี่ย์ค้นหาจุดสมดุล

จากนั้นลินลี่ย์ปรับใจให้นิ่ง

เขา ‘ลืม’ สถานะของเขาและสัมผัสรู้ภายนอกของตนเอง

พลังจิตของลินลี่ย์ปรับเข้าหาธรรมชาติได้  ภายในสำนึกรู้ของลินลี่ย์เขาสามารถรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของสายลมได้ขณะที่พัดผ่านทุ่งกว้าง  ในขณะเดียวกันท่า ‘ระลอกลม’ ‘จังหวะแห่งสายลม’ และ ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ปรากฏขึ้นในใจเขา

ลินลี่ย์เพ่งสมาธิในด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ ของกฎธาตุสายลม

ขณะเดียวกัน เขาเพ่งสมาธิถึงวิชากระบี่ต่างๆ และภาพกระบี่ต่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา

เงากระบี่วาบผ่านไปเหมือนสายลม  ไร้รูปและไร้ลักษณ์!

ลินลี่ย์อยู่ในสภาพที่ไตร่ตรองอย่างเงียบสงบก็ยิ่งเข้าใจกฎธาตุลมเพิ่มขึ้นไปทีละก้าวทีละขั้นตอน  ในจิตสำนึกของเขาวิชากระบี่ที่ผ่านเข้ามาในใจยิ่งลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติ  วิญญาณของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  และพลังจิตของเขาค่อยๆ ก้าวหน้าด้วยเช่นกัน

……….

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในทุ่งหญ้าชั้นที่สิบของสุสานเทพเจ้า ยอดฝีมือทุกคนอยู่ในท่านั่งทำสมาธิ หรือไม่ก็ฝึกท่าไปทีละท่า  ทุกคนเตรียมตัวสำหรับขึ้นสู่ชั้นที่สิบเอ็ด

บีบีนอนหมอบกับพื้น ตัวของเขาคลุมไปด้วยรัศมีดำเลือนราง

ผมของลินลี่ย์งอกยาวขึ้นช้าๆ เช่นกัน

ในพริบตา ผ่านไปเกินปีและเหลืออีกเพียงสองเดือนจะถึงเวลาที่กำหนด

“เดลี่” เฟนนั่งอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ เดลี่ พวกเขาฝึกจนถึงขีดจำกัดของพวกเขามานานแล้ว ถ้าพวกเขายังฝึกจนก้าวหน้าอีกต่อไป พวกเขาจะกลายเป็นเทพ  ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาในการพยายามเพื่อบรรลุระดับต่อไป  ดังนั้นพวกเขาจึงคุยหยอกล้อกัน  “จำการต่อสู้ครั้งนั้นได้ไหม  เมื่อห้าพันปีที่แล้ว?”

“แน่นอน ข้าจำได้” เดลี่ถอนหายใจ “การสู้รบครั้งที่มียอดฝีมือจากพิภพอื่นลงมาด้วย..เซียนคนแล้วคนเล่าต้องล้มตายไป การสู้รบที่แผดเผาทะเลทรายให้ร้อนระอุ ในอากาศเหนือทะเลใต้... พวกเขาอำมหิตมาก”

เฟนพยักหน้าถอนหายใจเช่นกัน

ตอนนั้น เฟนและเดลี่เข้าถึงระดับเซียนแล้ว  แต่พวกเขายังเป็นเซียนระดับรองๆ ตอนนั้นพวกเขายังเทียบได้กับกระบี่ดาราดิลลอน  พวกเขาเป็นเพียงเซียนชั้นต้นและพวกเขาจะตายได้ถ้าร่วมสู้รบระหว่างยอดฝีมือที่มาจากพิภพอื่น

“เซียนนับไม่ถ้วน และเทพจำนวนน้อย เซียนปะทะเซียน  เทพปะทะเทพมีเทพตนหนึ่งตะลุยใส่กลุ่มของเซียนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย”  เดลี่ถอนหายใจ “จากวันนั้นเป็นต้นมา ข้าจึงตั้งใจแล้ว ว่าสักวันข้าจะต้องกลายเป็นเทพให้ได้”

การปรากฏตัวของเทพเหมือนกับคุก!  อยู่ต่อหน้าพลังเทพ  เซียนจะอ่อนแอมากเกินไป

“นี่ก็ผ่านมาห้าพันแล้ว”  เดลี่ถอนหายใจ “บนเส้นทางนี้ ข้าสูญเสียสหายไปมากมายเท่าใดแล้ว?”  ฮาร์เวิร์ดตาย ส่วนปีนั้นก็เคอเรียนตาย  ลูเธอร์ฟอร์ดก็ตายเช่นกัน...”

เฟนพยักหน้า

ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายปีเพื่อกลายเป็นเทพ  สำหรับพวกเขา การเป็นเซียนไม่ใช่เรื่องยาก  แต่จะกลายเป็นเทพ...ระดับความยากนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ

“เฟน” เดลี่มองดูเขา “เรามาถึงก้าวสุดท้ายกันแล้ว  นี่นับว่าใกล้ที่สุดที่เรามาถึงได้ในช่วงห้าพันปี  เราก็จะกลายเป็นเทพ”

เฟนพยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง “สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการเดินทางครั้งสุดท้ายนี้”

“หืมม?”เฟนกับเดลี่หันไปมองทางลินลี่ย์พร้อมกัน พวกเขามองหน้ากันเอง ตาพวกเขามีแววตกใจ สำหรับเดลี่และยอดฝีมืออื่น ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์เป็นสองอัจฉริยะแน่นอน สิ่งที่คนอื่นใช้เวลาทำหลายพันปีจึงจะสำเร็จได้  แต่ทั้งสองคนกลับทำสำเร็จได้ภายในศตวรรษเดียว

สำหรับลินลี่ย์เขายังสร้างความน่าตกตะลึงให้พวกเขามากกว่าโอลิเวอร์เสียอีก

เขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเขามีพลังแห่งการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ และตอนนี้..

“ดูเหมือนว่า... ในที่สุดเขาบรรลุกลายเป็นเซียนจอมเวทไปแล้ว”  เดลี่ถอนหายใจ ในอดีตตัวเขาเองก็ได้พบกับการบรรลุความสำเร็จระดับนี้มาแล้ว

……

ตอนนี้ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนทางวิญญาณของเขา ในจิตสำนึกของเขารู้สึกว่าทะเลพลังจิตกำลังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น  และอัญมณีวิญญาณเจ็ดสีกำลังสั่นสะเทือนราวกับว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลง

“ในที่สุดข้าก็บรรลุระดับใหม่ได้”  ใจของลินลี่ย์เต็มได้วยความตื่นเต้น

จากระดับเก้าขึ้นสู่ระดับเก้าชั้นสูง ใช้เวลาสิบปี  แต่จากระดับเก้าชั้นสูงขึ้นไป  เขาต้องใช้เวลามากกว่าสิบปี!

“ครืนนน...” พลังจิตของเขากำลังเปลี่ยนสภาพอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ของทะเลพลังจิตของเขากำลังสั่นสะเทือนเช่นกัน  แต่พลังของพลังงานจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นจริงๆ  และที่สำคัญยิ่งกว่า....อัญมณีวิญญาณกำลังเปลี่ยนแปลง

มีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ

พลังจิตปริมาณมหาศาลลดลงเหลือหนึ่งในสิบจากที่เคยมีในก่อน  แต่ความบริสุทธิ์ของพลังจิตและพลังในการควบคุมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

“อัญมณีวิญญาณ?” ลินลี่ย์หัวใจพองโต

ความจริง เส้นทางการฝึกคือวิธีให้ระดับที่มีอยู่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและพื้นฐานสำคัญที่สุดของชีวิตก็คือวิญญาณ!  ปกติวิญญาณเองจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ‘เซียนจอมเวท’ จะมุ่งเน้นที่การฝึกพลังจิต และเมื่อเข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแล้ว วิญญาณจะเปลี่ยนสภาพเข้าสู่ระดับใหม่

การเปลี่ยนแปลงช้า

“การเปลี่ยนแปลงทางพลังจิตนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปนานเพียงไหนกว่าจะจบได้?”  ลินลี่ย์ไม่ต้องการเสียเวลาอีก

เขารู้ว่าวันที่พวกเขาเข้าชั้นที่สิบเอ็ดกำลังใกล้เข้ามา การเปลี่ยนแปลงทางพลังจิตของเขาเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ  หลังจากให้ความสนใจการเปลี่ยนทางพลังจิตนี้สองสามวัน  เขาก็รอต่อไปไม่ได้ และมุ่งเน้นปรับใจให้เข้ากับกฎธาตุลมและวิเคราะห์วิชากระบี่ทั้งหมด

ท่ากระบี่ทั้งหมดผุดขึ้นมาในใจเขาต่อเนื่อง

ขณะที่ลินลี่ย์ปรับสภาพใจอยู่นั้น  เนื่องจากวิญญาณเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ประสิทธิภาพในการวิเคราะห์กฎธรรมชาติและวิชากระบี่ก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น

“หืมม?” ลินลี่ย์รู้สึกว่าวิญญาณเขาสั่นสะท้าน “สำเร็จ!”

ลินลี่ย์ตรวจสอบวิญญาณอย่างระมัดระวัง  ภายในจิตสำนึกของเขาเหนือทะเลพลังจิตซึ่งบริสุทธิ์มากกว่าเดิมหลายสิบเท่ามีกระบี่บินฉวัดเฉวียนไปมาซึ่งมีรัศมีสีฟ้าหุ้มรอบ เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง!

“กระบี่?”ลินลี่ย์ประหลาดใจ

“วิญญาณของเราเปลี่ยนสภาพไปเป็นรูปกระบี่หรือ?”  ลินลี่ย์คาดเรื่องนี้ไม่ถึง

ความจริง รูปแบบวิญญาณของคนจะไม่แข็งกระด้างเป็นหิน  เช่นภูตพรายจากแดนยมโลกอาจมีรูปวิญญาณเป็นเหมือนเปลวเพลิงยักษ์ ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ ‘ไฟวิญญาณ’ วิญญาณของ ‘อสูรจ้าวอัคคี’ที่ลินลี่ย์ฆ่าตายเป็นหินแก้วใส

นักสู้ระดับเทพอาจจะมีวิญญาณที่มีรูปเหมือนดาบหรือเป็นลูกกลม

นี่ขึ้นอยู่กับวิถีการฝึกฝนของแต่ละคน

“เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแท้จริงช่างแตกต่าง” พลังจิตของลินลี่ย์ผ่านไปทั่วร่างได้เร็วขึ้น  ในดินแดนประหลาดนี้ในอดีตพลังจิตของลินลี่ย์สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้สิบเมตร  แต่ตอนนี้สามารถครอบคลุมในพื้นที่ร้อยเมตร

ลินลี่ย์ลืมตา

“ขอแสดงความยินดีด้วย,ลินลี่ย์”  เฟน โรซารี่เดลี่และยอดฝีมืออื่นที่อยู่ใกล้เขา แม้แต่บีบีต่างยิ้มให้ลินลี่ย์

“พี่ใหญ่,ท่านได้เป็นเซียนจอมเวทแล้วหรือ?  ฮ่าฮ่า,ทำไมไม่เอาเวทคมดาบมิติในตำนานมาอวดกันหน่อยเล่า ข้ายังไม่เคยเห็นเลย” บีบีตื่นเต้นมาก เขามีความสุขมากที่ลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนจอมเวท

ลินลี่ย์ในตอนนี้สามารถใช้งานเวทต้องห้ามทั้งสายธาตุดินและสายธาตุลมได้

“คมมีดมิติเหรอ?” ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความคาดหวังต่อเวทในตำนานนี้เวทต้องห้ามเป้าหมายเดี่ยวที่ทรงพลังที่สุด เขาเริ่มร่ายเวททันที  เขาเรียนเนื้อคาถาไว้นานแล้ว  เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ออก

ชั่วเวลาต่อมา...

แก่นธาตุลมนับไม่ถ้วนม้วนตัวอยู่รอบลินลี่ย์  และลมในพื้นที่ดูเหมือนจะหยุดชะงัก

ดาบสายลมรูปจันทร์เสี้ยวยาวสามถึงสี่เมตรปรากฏขึ้นและเหมือนกับประกายสายฟ้า มันพุ่งจากตัวลินลี่ย์ออกไปในที่ห่างออกไป  ความเร็วของเวทนี้รวดเร็วมากซึ่งมีแนวโน้มว่าแม้แต่บีบีและเฟนก็คงจะหลบไม่ทัน  ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือไม่ว่าตรงไหนที่ดาบสายลมผ่านไปจะมีเสียงกรีดฝ่าอากาศ มิติที่ฉีกขาดปรากฏขึ้น

เหมือนกับเศษผ้าที่ถูกฉีกขาด  ริ้วมิติที่ฉีกขาดปรากฏ แต่แน่นอนว่ามันซ่อมแซมตัวเองในทันทีหลังจากนั้น

หลังจากบินห่างออกไปหลายร้อยเมตร  คมดาบมิติก็หายไปในที่สุด

“ฉีกขาดมิติยังทำได้ .. แล้วจะมีอะไรทนพลังโจมตีเจ้าสิ่งนี้ได้?  นอกจากนั้น หลังจากส่งคมดาบมิติออกไปแล้ว  ข้าเพียงแค่ควบคุมทิศทางที่มันผ่านไปด้วยพลังจิตเท่านั้น”  ลินลี่ย์ตื่นเต้นดีใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด