ตอนที่ 11-30 เซียนจอมเวทคนใหม่
เดลี่ถือดาบคมทดลองเหวี่ยงไปมาสองสามครั้งทำให้พลังงานของดาบตัดกัน
“ดาบเป็นของดี เพียงแต่พลังแขนของข้ายังไม่ดีพอ”เดลี่ถอนหายใจ
ไม่มีปราณยุทธถ้าคนผู้นั้นมีร่างกายแข็งแรงพอเหมือนสี่สุดยอดนักรบเขาสามารถเข้าถึงระดับพลังที่น่าประหลาดก็สามารถกวัดแกว่งอาวุธด้วยพลังภายนอกได้ ความจริงปีศาจดาบอเวจีอาศัยพลังภายนอกล้วนๆเพื่อกวัดแกว่งดาบของพวกมัน
“จะรีบร้อนไปทำไม?” เฟนหัวเราะ “เดลี่! หลังจากเจ้ากลายเป็นเทพแล้ว ร่างเทพจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ยังจะสามารถใช้อาวุธนี้ได้ดีไม่ใช่หรือ?”
“ฮะฮะ จริงสิ” เดลีหัวเราะเช่นกัน
ความจริง ทุกคนรู้ดีว่ายังมีอุปสรรคอย่างหนึ่งก่อนจะกลายเป็นเทพ
ชั้นที่สิบเอ็ด!
ระดับความยากจากชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่ห้ายังไม่สูงมากนัก แต่ชั้นที่หกมีอสูรจ้าวอัคคีก็มีอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทุกๆห้าชั้นจะแสดงความยากออกมาระดับหนึ่ง ชั้นที่สิบเอ็ดนี้จะต้องมีระดับความอันตรายมากกว่าชั้นที่หกถึงสิบที่ผ่านมา อสูรจ้าวอัคคี นางพญาพฤกษา และสัตว์ประหลาดอื่นที่ล้วนแต่มีความน่ากลัวมากจะมีอะไรปรากฏขึ้นมาในชั้นที่สิบเอ็ด?
ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนรู้ว่าชั้นที่สิบเอ็ดนี้มีศพเทพและมีประกายศักดิ์สิทธิ์!
“ชั้นที่สิบเอ็ด...”ลินลี่ย์มองเสาโบราณที่อยู่ห่างออกไปมีบันไดอยู่ข้างล่างมีรัศมีสีดำอย่างเห็นได้ชัด “ตามที่ลอร์ดเบรุตบอกผู้พิทักษ์ชั้นที่สิบเอ็ดก็ยังเป็นระดับเซียน”
เห็นได้ชัดว่ามหาเทพผู้ควบคุมสุสานเทพเจ้ายังให้โอกาสได้รับความสำเร็จบ้าง
อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์เข้าใจว่าจากชั้นที่สิบสองเป็นต้นไปมีเพียงระดับเทพเท่านั้นที่สามารถไปต่อได้
“ข้าคาดว่าจากชั้นสิบสองเป็นต้นไป ผู้พิทักษ์คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพกันหมด” ลินลี่ย์ไม่กล้าคิดเลยเถิดไปถึงชั้นที่สิบสอง พลังของเขาไม่เลวแม้ก็จริง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักสู้ระดับเทพ เขาไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
ได้ประกายศักดิ์สิทธิ์และรับร่างเทพคือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการดำรงอยู่ของเทพ
“ทุกคนเข้าใจแล้ว” เดลี่พูดเสียงก้องกังวานพลางมองดูยอดฝีมือที่ชุมนุมกันอยู่ “จากยอดฝีมือแปดสิบกว่าคนที่เข้ามาตอนเริ่มแรก มีเพียงเราสิบเอ็ดเท่านั้นที่มาถึงในชั้นที่สิบได้
ทุกคนพยักหน้า
ยอดฝีมืออีกเจ็ดสิบกว่า ถ้าไม่ตายก็ถอยกลับไป
มีเพียงพวกเขาที่มาได้จนถึงชั้นที่สิบ
“นี่ยังเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เข้ามาใกล้ประกายศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ ข้ารู้ว่าชั้นที่สิบเอ็ดขึ้นไปมีประกายศักดิ์สิทธิ์” เดลี่รู้สึกว่ามีอารมณ์ตึงเครียด ที่สำคัญเขาต่อสู้มาหลายปีมากแล้ว “แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าชั้นที่สิบเอ็ดย่อมอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เทียกับอสูรจ้าวอัคคี, นางพญาพฤกษา,ราชันย์เนตรมายาและปีศาจธอเรียม ยังจะอันตรายมากกว่า!”
ยอดฝีมือทุกคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาสั่นราวกับว่าได้ยินเสียงฟ้าผ่า
“บางทีพวกเราคนใดคนหนึ่งอาจตายที่ชั้นที่สิบเอ็ดได้” เสียงของเดลี่เบาลง “อย่างไรก็ตาม ข้าเองไม่กลัวตายอยู่แล้ว ข้ามีชีวิตมาหลายพันปีแล้วและประสบพบทุกอย่างเท่าที่ข้าจำเป็นต้องพบ ถ้าข้าต้องตายในเส้นทางมุ่งสู่ความเป็นเทพ ข้าจะไม่เสียใจกับความตายของข้า”
ตาของยอดฝีมือทุกคนเป็นประกายเจิดจ้า
เดลี่ โรซารี่ เฟนถูลี่ ราชสีห์ทองหกตา จ้าวแมงป่องเกล็ดดำ.. พวกเขาทั้งหมดพยายามอุตสาหะเพื่อให้กลายเป็นเทพมาหลายพันปีแล้ว ความเป็น ความตายพวกเขาเลิกกังวลเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว
ในบรรดาห้าเซียนสุดยอด ลูเธอร์ฟอร์ดตายไปแล้ว
ไม่มีใครรู้สึกเศร้าใจเกินไปกับความตายของลูเธอร์ฟอร์ด เพราะทุกคนเข้าใจ...บางทีหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเองอาจตายในเส้นทางสู่ความเป็นเทพก็ได้
ในกลุ่มยอดฝีมือสิบเอ็ดคนนี้ ลินลี่ย์ บีบี และโอลิเวอร์ยังอายุเยาว์ ทุกคนเมื่อเปรียบเทียบกัน ไม่มีใครที่มีอายุเกินร้อย เทียบกับเดลี่และยอดฝีมืออื่นมีความแตกต่างระหว่างพวกเขามาก ดังนั้นในใจพวกเขาความเข้าใจเรื่องชีวิตและความตายบางทีอาจแตกต่างจากเดลี่และยอดฝีมืออื่น
“ทุกคน, ไปเตรียมตัวกันเถอะ ช่วงเวลานี้เราจะพักอยู่ที่ชั้นสิบหนึ่งปีครึ่ง อีกปีครึ่ง เราจะเข้าชั้นที่สิบเอ็ด” เดลี่กล่าว
ยอดฝีมือทั้งหมดตื่นเต้น พวกพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ
พวกเขาเข้ามาในสุสานเทพเจ้าแปดปีที่แล้ว หลังจากฝึกอีกปีครึ่ง พวกเขาจะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดเวลาที่จำกัดไว้สิบปี ในชั้นที่สิบเอ็ด ความสงสัยว่าพวกเขาจะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ อาจได้รับการคลี่คลายในวันเดียว
ทุกคนแยกย้ายหาสถานที่ฝึกทำสมาธิเงียบๆ
“พี่ใหญ่” บีบีมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองดูบีบีเช่นกัน พวกเขาเข้าใจความคิดของกันและกัน
“ฝึกให้ดี”
สำหรับลินลี่ย์ บีบีและโอลิเวอร์ มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุระดับใหม่ภายในปีครึ่ง และพลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่สำหรับอีกแปดยอดฝีมือ..เว้นแต่จะบังเอิญได้รับโชค คงเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่พวกเขาจะบรรลุความก้าวหน้าอีกต่อไป
………….
บนท้องทุ่งกว้างใหญ่ภายในพื้นที่มีหญ้างอกเงย สายลมพัดโบกพลิ้วผมยาวของลินลี่ย์โบกสะบัด
ตาของลินลี่ย์ยังปิด และเขานั่งทำสมาธิเงียบๆ
“สัจธรรมแห่งธาตุดิน.. ยิ่งทอดยาวไปตามเส้นทางนี้ก็ยิ่งเพิ่มระดับความยากมากขึ้น ข้าถึงระดับผสานพลังชีพจรโลก 64 ชั้นแล้ว ถ้าต้องการให้ถึระดับ 32 ชั้น ก็ต้องใช้เวลามากกว่าครั้งก่อน ครั้งสุดท้ายเราใช้เวลาไปแปดปีจึงจะก้าวหน้าระดับใหม่ได้..เราเหลือเวลาไม่ถึงปีครึ่ง” ลินลี่ย์ตัดสินใจ “เราจะวิเคราะห์สัจธรรมแห่งธาตุลมแทนดีกว่า”
ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยกระดับพลังและบรรลุความก้าวหน้าให้เร็วมากที่สุด เพื่อที่ว่าจะได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นในชั้นที่สิบเอ็ด
“การปรับวิญญาณของเราให้เข้ากับธรรมชาติจะทำให้พลังจิตของเราเพิ่มขึ้น ด้วยวิธีนั้นเราจะสามารถฝึกทั้งพลังจิตและพลังสัจธรรมแห่งธาตุลมไปพร้อมกันได้” ลินลี่ย์ค้นหาจุดสมดุล
จากนั้นลินลี่ย์ปรับใจให้นิ่ง
เขา ‘ลืม’ สถานะของเขาและสัมผัสรู้ภายนอกของตนเอง
พลังจิตของลินลี่ย์ปรับเข้าหาธรรมชาติได้ ภายในสำนึกรู้ของลินลี่ย์เขาสามารถรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของสายลมได้ขณะที่พัดผ่านทุ่งกว้าง ในขณะเดียวกันท่า ‘ระลอกลม’ ‘จังหวะแห่งสายลม’ และ ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ปรากฏขึ้นในใจเขา
ลินลี่ย์เพ่งสมาธิในด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ ของกฎธาตุสายลม
ขณะเดียวกัน เขาเพ่งสมาธิถึงวิชากระบี่ต่างๆ และภาพกระบี่ต่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
เงากระบี่วาบผ่านไปเหมือนสายลม ไร้รูปและไร้ลักษณ์!
ลินลี่ย์อยู่ในสภาพที่ไตร่ตรองอย่างเงียบสงบก็ยิ่งเข้าใจกฎธาตุลมเพิ่มขึ้นไปทีละก้าวทีละขั้นตอน ในจิตสำนึกของเขาวิชากระบี่ที่ผ่านเข้ามาในใจยิ่งลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติ วิญญาณของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และพลังจิตของเขาค่อยๆ ก้าวหน้าด้วยเช่นกัน
……….
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในทุ่งหญ้าชั้นที่สิบของสุสานเทพเจ้า ยอดฝีมือทุกคนอยู่ในท่านั่งทำสมาธิ หรือไม่ก็ฝึกท่าไปทีละท่า ทุกคนเตรียมตัวสำหรับขึ้นสู่ชั้นที่สิบเอ็ด
บีบีนอนหมอบกับพื้น ตัวของเขาคลุมไปด้วยรัศมีดำเลือนราง
ผมของลินลี่ย์งอกยาวขึ้นช้าๆ เช่นกัน
ในพริบตา ผ่านไปเกินปีและเหลืออีกเพียงสองเดือนจะถึงเวลาที่กำหนด
“เดลี่” เฟนนั่งอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ เดลี่ พวกเขาฝึกจนถึงขีดจำกัดของพวกเขามานานแล้ว ถ้าพวกเขายังฝึกจนก้าวหน้าอีกต่อไป พวกเขาจะกลายเป็นเทพ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาในการพยายามเพื่อบรรลุระดับต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงคุยหยอกล้อกัน “จำการต่อสู้ครั้งนั้นได้ไหม เมื่อห้าพันปีที่แล้ว?”
“แน่นอน ข้าจำได้” เดลี่ถอนหายใจ “การสู้รบครั้งที่มียอดฝีมือจากพิภพอื่นลงมาด้วย..เซียนคนแล้วคนเล่าต้องล้มตายไป การสู้รบที่แผดเผาทะเลทรายให้ร้อนระอุ ในอากาศเหนือทะเลใต้... พวกเขาอำมหิตมาก”
เฟนพยักหน้าถอนหายใจเช่นกัน
ตอนนั้น เฟนและเดลี่เข้าถึงระดับเซียนแล้ว แต่พวกเขายังเป็นเซียนระดับรองๆ ตอนนั้นพวกเขายังเทียบได้กับกระบี่ดาราดิลลอน พวกเขาเป็นเพียงเซียนชั้นต้นและพวกเขาจะตายได้ถ้าร่วมสู้รบระหว่างยอดฝีมือที่มาจากพิภพอื่น
“เซียนนับไม่ถ้วน และเทพจำนวนน้อย เซียนปะทะเซียน เทพปะทะเทพมีเทพตนหนึ่งตะลุยใส่กลุ่มของเซียนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย” เดลี่ถอนหายใจ “จากวันนั้นเป็นต้นมา ข้าจึงตั้งใจแล้ว ว่าสักวันข้าจะต้องกลายเป็นเทพให้ได้”
การปรากฏตัวของเทพเหมือนกับคุก! อยู่ต่อหน้าพลังเทพ เซียนจะอ่อนแอมากเกินไป
“นี่ก็ผ่านมาห้าพันแล้ว” เดลี่ถอนหายใจ “บนเส้นทางนี้ ข้าสูญเสียสหายไปมากมายเท่าใดแล้ว?” ฮาร์เวิร์ดตาย ส่วนปีนั้นก็เคอเรียนตาย ลูเธอร์ฟอร์ดก็ตายเช่นกัน...”
เฟนพยักหน้า
ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายปีเพื่อกลายเป็นเทพ สำหรับพวกเขา การเป็นเซียนไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะกลายเป็นเทพ...ระดับความยากนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ
“เฟน” เดลี่มองดูเขา “เรามาถึงก้าวสุดท้ายกันแล้ว นี่นับว่าใกล้ที่สุดที่เรามาถึงได้ในช่วงห้าพันปี เราก็จะกลายเป็นเทพ”
เฟนพยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง “สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการเดินทางครั้งสุดท้ายนี้”
“หืมม?”เฟนกับเดลี่หันไปมองทางลินลี่ย์พร้อมกัน พวกเขามองหน้ากันเอง ตาพวกเขามีแววตกใจ สำหรับเดลี่และยอดฝีมืออื่น ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์เป็นสองอัจฉริยะแน่นอน สิ่งที่คนอื่นใช้เวลาทำหลายพันปีจึงจะสำเร็จได้ แต่ทั้งสองคนกลับทำสำเร็จได้ภายในศตวรรษเดียว
สำหรับลินลี่ย์เขายังสร้างความน่าตกตะลึงให้พวกเขามากกว่าโอลิเวอร์เสียอีก
เขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเขามีพลังแห่งการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ และตอนนี้..
“ดูเหมือนว่า... ในที่สุดเขาบรรลุกลายเป็นเซียนจอมเวทไปแล้ว” เดลี่ถอนหายใจ ในอดีตตัวเขาเองก็ได้พบกับการบรรลุความสำเร็จระดับนี้มาแล้ว
……
ตอนนี้ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนทางวิญญาณของเขา ในจิตสำนึกของเขารู้สึกว่าทะเลพลังจิตกำลังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น และอัญมณีวิญญาณเจ็ดสีกำลังสั่นสะเทือนราวกับว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลง
“ในที่สุดข้าก็บรรลุระดับใหม่ได้” ใจของลินลี่ย์เต็มได้วยความตื่นเต้น
จากระดับเก้าขึ้นสู่ระดับเก้าชั้นสูง ใช้เวลาสิบปี แต่จากระดับเก้าชั้นสูงขึ้นไป เขาต้องใช้เวลามากกว่าสิบปี!
“ครืนนน...” พลังจิตของเขากำลังเปลี่ยนสภาพอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ของทะเลพลังจิตของเขากำลังสั่นสะเทือนเช่นกัน แต่พลังของพลังงานจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นจริงๆ และที่สำคัญยิ่งกว่า....อัญมณีวิญญาณกำลังเปลี่ยนแปลง
มีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ
พลังจิตปริมาณมหาศาลลดลงเหลือหนึ่งในสิบจากที่เคยมีในก่อน แต่ความบริสุทธิ์ของพลังจิตและพลังในการควบคุมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
“อัญมณีวิญญาณ?” ลินลี่ย์หัวใจพองโต
ความจริง เส้นทางการฝึกคือวิธีให้ระดับที่มีอยู่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและพื้นฐานสำคัญที่สุดของชีวิตก็คือวิญญาณ! ปกติวิญญาณเองจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ‘เซียนจอมเวท’ จะมุ่งเน้นที่การฝึกพลังจิต และเมื่อเข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแล้ว วิญญาณจะเปลี่ยนสภาพเข้าสู่ระดับใหม่
การเปลี่ยนแปลงช้า
“การเปลี่ยนแปลงทางพลังจิตนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปนานเพียงไหนกว่าจะจบได้?” ลินลี่ย์ไม่ต้องการเสียเวลาอีก
เขารู้ว่าวันที่พวกเขาเข้าชั้นที่สิบเอ็ดกำลังใกล้เข้ามา การเปลี่ยนแปลงทางพลังจิตของเขาเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หลังจากให้ความสนใจการเปลี่ยนทางพลังจิตนี้สองสามวัน เขาก็รอต่อไปไม่ได้ และมุ่งเน้นปรับใจให้เข้ากับกฎธาตุลมและวิเคราะห์วิชากระบี่ทั้งหมด
ท่ากระบี่ทั้งหมดผุดขึ้นมาในใจเขาต่อเนื่อง
ขณะที่ลินลี่ย์ปรับสภาพใจอยู่นั้น เนื่องจากวิญญาณเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ประสิทธิภาพในการวิเคราะห์กฎธรรมชาติและวิชากระบี่ก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“หืมม?” ลินลี่ย์รู้สึกว่าวิญญาณเขาสั่นสะท้าน “สำเร็จ!”
ลินลี่ย์ตรวจสอบวิญญาณอย่างระมัดระวัง ภายในจิตสำนึกของเขาเหนือทะเลพลังจิตซึ่งบริสุทธิ์มากกว่าเดิมหลายสิบเท่ามีกระบี่บินฉวัดเฉวียนไปมาซึ่งมีรัศมีสีฟ้าหุ้มรอบ เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง!
“กระบี่?”ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“วิญญาณของเราเปลี่ยนสภาพไปเป็นรูปกระบี่หรือ?” ลินลี่ย์คาดเรื่องนี้ไม่ถึง
ความจริง รูปแบบวิญญาณของคนจะไม่แข็งกระด้างเป็นหิน เช่นภูตพรายจากแดนยมโลกอาจมีรูปวิญญาณเป็นเหมือนเปลวเพลิงยักษ์ ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ ‘ไฟวิญญาณ’ วิญญาณของ ‘อสูรจ้าวอัคคี’ที่ลินลี่ย์ฆ่าตายเป็นหินแก้วใส
นักสู้ระดับเทพอาจจะมีวิญญาณที่มีรูปเหมือนดาบหรือเป็นลูกกลม
นี่ขึ้นอยู่กับวิถีการฝึกฝนของแต่ละคน
“เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแท้จริงช่างแตกต่าง” พลังจิตของลินลี่ย์ผ่านไปทั่วร่างได้เร็วขึ้น ในดินแดนประหลาดนี้ในอดีตพลังจิตของลินลี่ย์สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้สิบเมตร แต่ตอนนี้สามารถครอบคลุมในพื้นที่ร้อยเมตร
ลินลี่ย์ลืมตา
“ขอแสดงความยินดีด้วย,ลินลี่ย์” เฟน โรซารี่เดลี่และยอดฝีมืออื่นที่อยู่ใกล้เขา แม้แต่บีบีต่างยิ้มให้ลินลี่ย์
“พี่ใหญ่,ท่านได้เป็นเซียนจอมเวทแล้วหรือ? ฮ่าฮ่า,ทำไมไม่เอาเวทคมดาบมิติในตำนานมาอวดกันหน่อยเล่า ข้ายังไม่เคยเห็นเลย” บีบีตื่นเต้นมาก เขามีความสุขมากที่ลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนจอมเวท
ลินลี่ย์ในตอนนี้สามารถใช้งานเวทต้องห้ามทั้งสายธาตุดินและสายธาตุลมได้
“คมมีดมิติเหรอ?” ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความคาดหวังต่อเวทในตำนานนี้เวทต้องห้ามเป้าหมายเดี่ยวที่ทรงพลังที่สุด เขาเริ่มร่ายเวททันที เขาเรียนเนื้อคาถาไว้นานแล้ว เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ออก
ชั่วเวลาต่อมา...
แก่นธาตุลมนับไม่ถ้วนม้วนตัวอยู่รอบลินลี่ย์ และลมในพื้นที่ดูเหมือนจะหยุดชะงัก
ดาบสายลมรูปจันทร์เสี้ยวยาวสามถึงสี่เมตรปรากฏขึ้นและเหมือนกับประกายสายฟ้า มันพุ่งจากตัวลินลี่ย์ออกไปในที่ห่างออกไป ความเร็วของเวทนี้รวดเร็วมากซึ่งมีแนวโน้มว่าแม้แต่บีบีและเฟนก็คงจะหลบไม่ทัน ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือไม่ว่าตรงไหนที่ดาบสายลมผ่านไปจะมีเสียงกรีดฝ่าอากาศ มิติที่ฉีกขาดปรากฏขึ้น
เหมือนกับเศษผ้าที่ถูกฉีกขาด ริ้วมิติที่ฉีกขาดปรากฏ แต่แน่นอนว่ามันซ่อมแซมตัวเองในทันทีหลังจากนั้น
หลังจากบินห่างออกไปหลายร้อยเมตร คมดาบมิติก็หายไปในที่สุด
“ฉีกขาดมิติยังทำได้ .. แล้วจะมีอะไรทนพลังโจมตีเจ้าสิ่งนี้ได้? นอกจากนั้น หลังจากส่งคมดาบมิติออกไปแล้ว ข้าเพียงแค่ควบคุมทิศทางที่มันผ่านไปด้วยพลังจิตเท่านั้น” ลินลี่ย์ตื่นเต้นดีใจ