83
บทที่ 83
เมื่อกลุ่มของ ฮยอนอู เดินผ่านประตูเข้าไป สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือห้องขนาดใหญ่ และตรงกลางของห้องก็มีโลงศพขนาดใหญ่ตั้งอยู่
“ผมคิดว่า โรตอน น่าจะอยู่ในนั้น”
“เป็นไปได้ บางที โรตอน อาจจะเปิดตัวแบบบริวารพวกนั้นก็ได้”
ทันใดนั้น คิม ซอกจอง ก็กระโจนออกไปด้านหน้าระหว่างที่ คัง จุนอู และ ฮยอนอู กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่
คิม ซอกจอง กระโดดขึ้นไปด้านข้างโลงศพก่อนจะง้างหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์สาวตรงไปที่โลงศพขนาดใหญ่นั่น อย่างไรก็ตาม โลงศพกลับไม่มีแม้แต่รอยร้าวด้วยซ้ำ ทว่าทันใดนั้นพื้นที่ทั้งหมดก็สั่นสะเทือนขึ้น
“ลูกพี่ คุณทำอะไรน่ะ !?”
“นี่นายอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ทำไมถึงยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีก !?มันเป็นนิสัยเสียของลูกพี่จริง ๆ ที่อัดก่อนค่อยถามทีหลังแบบนี้”
ฮยอนอู และ คัง จุนอู ต่างรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง นั่นทำให้พวกเขาทั้งสองรีบหันไปทาง คิม ซอกจอง ทันที โดยเฉพาะ คัง จุนอู ที่ตำหนิ คิม ซอกจอง อย่างตรงไปตรงมา ดูเหมือนว่าเขาจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีนักสำหรับนิสัยเสียของ คิม ซอกจอง ในด้านนี้
“อ่า ... ฉันแค่ลองดูเท่านั้น ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวอะไรจะออกมา” คิม ซอกจอง พูดด้วยเสียงเรียบโดยไม่รู้สึกผิด
ทันใดนั้น ค้างคาวยักษ์ก็บินออกมาจากโลงศพที่เปิดออกพร้อมกับกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างรวดเร็ว “ใครเข้ามาขัดขวางการพักผ่อนของข้า !!”
แวมไพร์โรตอน คือชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา
“ฉันมาที่นี่เพื่อทำให้นายได้พักผ่อนไปตลอดกาล” ฮยอนอู ก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับพูด เมื่อได้เห็น แวมไพร์โรตอน มันก็ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก เพราะนั่นหมายความว่าการล่าที่ยาวนานครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ลูกพี่ ถึงเวลายุติการล่าที่เหน็ดเหนื่อยครั้งนี้แล้ว”
“งั้นเราก็ไปลุยกันเลย” คัง จุนอู พูดพร้อมกับกระโจนเข้าหา แวมไพร์โรตอน เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะได้รับรางวัล และออกไปพักผ่อน
“ทังอี อัดเจ้านั่นให้ยับ!!”
“ได้เลยนายท่าน” ทังอี ยกอุ้งเท้าทุบหน้าอกตัวเอง
“เยี่ยมมาก” ฮยอนอู ลูบศีรษะของ ทังอี อีกครั้งก่อนจะกระโจนเข้าหา แวมไพร์โรตอน
.....
โรตอน ไม่ได้โกรธแค้นที่มนุษย์เข้ามาปลุกเขาจากการหลับใหล เขาแค่รู้สึกรำคาญมนุษย์เหล่านี้ที่เปรียบเหมือนแมลงวันตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถบดขยี้ได้ในพริบตา ทว่าความคิดของ โรตอน ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเขามองเห็นแสงสีขาวจากกำปั้นของ คิม ซอกจอง
‘พลังศักดิ์สิทธิ์!!’ โรตอน ตกตะลึงเมื่อได้เห็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของ คิม ซอกจอง เขารีบใช้สกิลป้องกันตัวทันที “เกราะเลือด !!”
โรตอน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่ง เขาเกือบจะต้องรับพลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง ๆ หน้าโดยไม่มีการป้องกันไปแล้ว
“ให้ตายเถอะ พวกมันคือสาวกของ ลิรู”
นี่ไม่ใช่แมลงวันอีกต่อไป แต่เป็นตัวต่อที่มีพิษ โรตอน ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาจะต้องจัดการกับผู้บุกรุกเหล่านี้อย่างเหมาะสม ผู้บุกรุกเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เขาจะละเลยได้
“เข้ามาเลยเจ้าพวกหนอนแมลง !!”
หลังจากสิ้นเสียงของ โรตอน ทั้งห้องก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นหนึ่งในสกิลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ โรตอน สกิลอาณาเขตเลือด
[คุณตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาเขตเลือด ]
[ค่าสถานะทั้งหมดลดลง ]
[พลังเวทมนตร์ที่จำเป็นต่อการใช้สกิลเพิ่มขึ้น ]
“ลูกพี่ มองค์มีสกิลลบดีบัพไหม !?” ฮยอนอู ตะโกนถาม
“ถ้าเป็นนักบวชขั้นสองจะมีสกิลลบดีบัพ แต่พวกเราเป็นมองค์เลยไม่มีสกิลนั้น”
“นี่ ...” ฮยอนอู อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น เพราะตอนนี้ดูเหมือนค่าสถานะทั้งหมดของเขาจะลดลงไปกว่า 10-20%
“ลูกพี่ ดูเหมือนสกิลของเจ้านั่นจะทำให้ค่าสถานะของเราลดลง 10-20% แล้วก็เพิ่มค่าสถานะของตัวมันเองขึ้นนิดหน่อย แต่เรายังมีสกิลบัพจาก ทังอี อยู่ แบบนี้คงไม่น่ามีปัญหา”
ในบางแง่สกิลอาณาเขตเลือดแสดงผลคล้ายกับสถานะผิดปกติหวาดกลัว มันเป็นสกิลที่จะสร้างความผิดปกติให้กับเป้าหมาย และเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตาม สกิลหวาดกลัวจะคงอยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่สกิลอาณาเขตเลือดจะสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องตราบที่ยังมีค่าพลังเวทมนตร์เพียงพอ
‘ทังอี ยังมีสกิลคำรามอยู่’
ฮยอนอู คิดว่าการจัดการกับ โรตอน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแต่ขั้นตอนระหว่างนั้นค่อนข้างยุ่งยากไปเล็กน้อย
“ลูกพี่ เราตั้งเป้าไปที่การต่อสู้ระยะสั้นดีไหม !?หรือคุณอยากต่อสู้ระยะยาวมากกว่า !?”
คัง จุนอู ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ “ฉันว่าเรารีบจัดการให้จบเลยดีกว่า ตอนนี้เราไม่มีข้อมูลของ โรตอน เลย ถ้านานไปอาจจะแย่สำหรับพวกเราได้”
คำตอบของ คัง จุนอู สมเหตุสมผลอย่างแท้จริง เพราะตอนนี้พวกเขารู้จักเพียงสองสกิลของ โรตอน เท่านั้นก็คือ เกราะเลือด และ อาณาเขตเลือด มันยังคงมีตัวแปรอีกมากในการต่อสู้ครั้งนี้
“ถ้างั้นเราก็ลุยกันเลย ลูกพี่ซอกจอง เห็นด้วยใช่ไหม”
หลังจากพูดจบ ฮยอนอู ก็หันไปทาง ทังอี
“ทังอี เปลี่ยนแผน เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดึงความสนใจของมันก่อน จากนั้นนายก็ใช้สกิลขยายร่างยักษ์ และใช้สกิลคำรามใส่มันทันทีที่มีโอกาส ต่อจากนั้นก็อัดสกิลเวทมนตร์ของนายได้เลย”
“รับทราบนายท่าน”
ทังอี ความคิดของตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ‘ถ้าข้าแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย ... ข้าคงอัดมันได้ด้วยมือข้างเดียวได้’
‘ต้องขอบใจไอ้เจ้านายล่ะนะ ที่ทำให้ข้าสามารถใช้เวทมนตร์ไฟ กับน้ำแข็งได้ หึหึ ...’
ทังอี ยิ้มอย่างมีเลศนัย มันเป็นรูปลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขากำลังจะสร้างเหตุการณ์ครั้งใหญ่
.....
คิม ซอกจอง ทำตามแผนที่ คัง จุนอู เสนอ เขาใช้สกิลทั้งหมดที่มีตั้งแต่สกิลเฉพาะตัว สกิลคลาสอาชีพ และสกิลที่ได้รับมาจากการสวมใส่ไอเทม ปัจจุบัน คิม ซอกจอง มีเลเวล 197 แล้ว และไอเทมที่เขาสวมใส่ยังถือว่าเป็นไอเทมที่ดีที่สุดในหมู่ผู้เล่น นั่นหมายความว่า ในสถานะปัจจุบัน คิม ซอกจอง ถือว่าเป็นมองค์ลิรูที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้
‘ตะวันพิทักษ์ , ราชันประทาน’
สกิลตะวันพิทักษ์คือสกิลของมองค์ลิรูที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพิ่มค่าสถานะขึ้น 30% ในระยะเวลาหนึ่ง ขณะเดียวกัน สกิลราชันประทานจะช่วยเพิ่มค่าความแข็งแรงขึ้นอีก 50% เป็นเวลา 10 นาที นี่คือสกิลที่ตัดมากับกำไลข้อมือที่ คิม ซอกจอง สวมใส่ ด้วยสกิลทั้งสองนี้มันก็ทำให้ คิม ซอกจอง ไร้เทียมทานทันที และราวกับเป็นการตอกย้ำความจริงในข้อนี้ กำปั้นของ คิม ซอกจอง สามารถทำลายเกราะเลือดของ โรตอน ได้อย่างง่ายดาย
‘นี่มันอะไร !?’ โรตอน ตื่นตระหนก
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้สกิลอาณาเขตเลือดออกไปแล้ว มันจะต้องทำให้มนุษย์พวกนี้อ่อนแอลง หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ตอนนี้ทั่วร่างของมนุษย์เหล่านี้ปกคลุมไปด้วยพลังเวทมนตร์ดำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้แม้แต่นิดเดียว
“ว๊ากกกก !!” โรตอน ส่งเสียงคำรามลั่น ทันใดนั้นเมฆสีแดงที่เกิดจากพลังเวทมนตร์ก็เริ่มก่อตัวขึ้นกลางอากาศ ไม่ช้าฝนสีแดงก็เริ่มตกลงมาจากเมฆก้อนใหญ่นั่น
[ผู้เล่น คิม ซอกจอง ติดสถานะผิดปกติ เชื่องช้า ]
[ผู้เล่น คัง จุนอู ติดสถานะผิดปกติ เชื่องช้า ]
[ผู้เล่น คัง ฮยอนอู ติดสถานะผิดปกติ เชื่องช้า ]
ฝนเลือดทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งสามคนช้าลง ขณะเดียวกันหอกสีแดงสดก็พุ่งออกมาจากก้อนเมฆ มันตรงเข้าหา คิม ซอกจอง อย่างแม่นยำ ทันใดนั้น ออร่าดาบของ ฮยอนอู ก็ตัดลงมาปะทะกับหอก และไม่ใช่เพียงแค่หอกที่พุ่งเข้าหา คิม ซอกจอง เท่านั้น แต่หอกเลือดอันอื่น ๆ ก็ถูกทำลายจากสกิลระเบิดพลังเวทมนตร์ของเขาด้วยเช่นกัน
“ขอบใจมากน้องชาย” คิม ซอกจอง หันไปขอบคุณ ฮยอนอู เพราะหาก ฮยอนอู ไม่เข้ามาช่วยเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากรับหอกเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทมนตร์ดำนั่น
“ลูกพี่ เดี๋ยวผมจะเข้าไปดึงความสนใจของมันไว้ก่อน ลูกพี่ไปเตรียมการโจมตีครั้งใหญ่กับ ลูกพี่จุนอู ก่อน ระหว่างนี้ ทังอี จะใช้สกิลคำรามทุกห้านาทีเพื่อลดค่าสถานะของมันลงได้สามนาที จากนั้นเราจะอัดมันในช่วงเวลานั้น” ฮยอนอู พูดก่อนจะวิ่งตรงเข้าหา โรตอน
การเคลื่อนไหวของ ฮยอนอู รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าเขาจะติดสถานะผิดปกติเชื่องช้าอยู่ก็ตาม เขาพุ่งเข้าหา โรตอน พร้อมกับเหวี่ยงดาบหักในมือออกไป
‘เจ้านี่เร็วมากจริง ๆ แต่คิดจะทำลายเกราะเลือดของข้าด้วยดาบหัก ๆ เล่มนั้นงั้นเหรอ !?’ โรตอน หัวเราะเยาะ
ทว่าทันใดนั้น ใบดาบในมือของ ฮยอนอู ก็ยืดออกอย่างกะทันหัน มันคือการใช้ออร่าดาบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เกราะเลือดของ โรตอน ถูกผ่อนออกเป็นสองซีกพร้อมกับบาดแผลที่ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขา
ซู่วววว !!!!
บาดแผลค่อย ๆ หายไปในเวลาอันสั้น แต่ทว่าความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นกับ โรตอน ไม่ได้หายไปพร้อมกับบาดแผลแต่อย่างใด
‘เจ้านี่ตัดเกราะเลือดของข้าได้ยังไง ... !?’ โรตอน ประหลาดใจ
เกราะเลือดถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทมนตร์จำนวนมาก มันคือสกิลที่สามารถต้านการโจมตีของแวมไพร์ระดับวิสเคาท์ได้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมมันถึงถูกทำลายได้ง่าย ๆ จากการโจมตีของมนุษย์เช่นนี้
‘บอสมอนสเตอร์จะต้องเป็นอาหารสำหรับฉัน’
ฮยอนอู ไม่ได้สนใจเกราะเลือดตั้งแต่แรก คู่ต่อสู้ของเขาเป็นบอสมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นั่นหมายความว่าฉายา และสกิลส่วนใหญ่ของเขาจะมีผลกับคู่ต่อสู้ครั้งนี้
[ชัยชนะ 100 ครั้ง ติดต่อกัน]
[ฉายาที่มอบให้กับผู้เล่นที่ได้รับชัยชนะ 100 ครั้งติดต่อกันในโคลอสเซียม ]
[ความสามารถ : ความเสียหายต่อมอนสเตอร์ประเภทมนุษย์ (รวมถึง PVP) เพิ่มขึ้น 20% ระหว่างการต่อสู้ ]
[โซโลเรดเดอร์ ]
[ฉายาที่มอบให้กับผู้เล่นที่ต่อสู้กับบอสมอนสเตอร์เพียงลำพัง ]
[ความสามารถ : ค่าสถานะเพิ่มขึ้น 10% เมื่อต่อสู้กับบอสมอนสเตอร์ ]
แตกต่างจากสถานการณ์ตามปกติ มันเป็นเรื่องยากมากที่ความสามารถจากฉายาทั้งสองจะทำงานพร้อมกัน แต่เมื่อมันแสดงผลออกมาพร้อมกันแบบนี้ มันก็ทำให้ ฮยอนอู มีพลังโจมตีที่น่ากลัวมากที่สุด
“ลองรับนี่ดู !!”
ฮยอนอู ใช้สกิลผ่าจันทร์เสี้ยวเสริมด้วยสกิลระเบิดพลังเวทมนตร์ทันทีที่คูลดาวน์หมดลง ออร่าดาบของเขาตัดผ่านเกราะโลหิตของ โรตอน ได้อย่างง่ายดาย และในครั้งนี้มันไม่เพียงแค่ฝากรอยแผลไว้เท่านั้น แต่แขนซ้ายทั้งข้างของ โรตอน กลับถูกตัดขาดในทันที
“อ๊ากกก !!” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของ โรตอน ที่พยายามดิ้นรนจากความเจ็บปวด ขุนนางแห่งรัตติกาลต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ !?อย่างไรก็ตาม ด้วยศักดิ์ศรีขุนนางแห่งรัตติกาล โรตอน ก็ฟื้นความสงบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำ !!” โรตอน ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
เวทมนตร์ดำสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์ และความรู้สึกของผู้ใช้ และความโกรธก็เป็นหนึ่งในความรู้สึกที่ส่งผลต่อพลังเวทมนตร์ดำมากที่สุด โรตอน กำลังจะใช้สกิลเวทมนตร์ดำออกมาอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังก้องไปทั่วอากาศอย่างกะทันหัน มันเป็นสกิลคำรามของ ทังอี ในร่างยักษ์อย่างไม่ต้องสงสัย
“อั่ก !!” เมื่อการร่ายเวทมนตร์ถูกขัดมันก็ทำให้ โรตอน กระอักเลือดกองใหญ่ออกมาทันที แม้ว่าพลังเวทมนตร์จะมีพลังที่รุนแรงมากก็ตาม แต่ผลกระทบจากการใช้มันก็รุนแรงไม่แพ้กันเช่นกัน โรตอน รู้สึกเหมือนพลังเวทมนตร์ในร่างกายของเขากำลังปั่นป่วนอย่างมากในเวลานี้
เปรี้ยง !!!!
ทันใดนั้น สายฟ้าขนาดใหญ่ก็ฟาดลงมายังร่างของ โรตอน มันคือสกิลสายฟ้าฟาดของ ทังอี ที่ระดับความชำนาญเลื่อนมาถึงระดับ B แล้ว
[โรตอน เซย์นอด ติดสถานะผิดปกติ อัมพาต ]
เมื่อ โรตอน ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะจากสถานะผิดปกติอัมพาต การโจมตีครั้งใหญ่จากทั้ง คิม ซอกจอง และ คัง จุนอู ก็ถาโถมเข้าหาเขาทันที
สกิลที่ดีที่สุดของมองค์ลิรูกระหน่ำเข้าหาร่างของ โรตอน ร่างของเขาค่อย ๆ ถูกเผาไหม้จากพลังศักดิ์สิทธิ์ และไม่นานหลังจากนั้น โรตอน ก็หายตัวไปเหลือแต่เพียงเถ้าถ่านบนพื้น
[ขุนนางแห่งรัตติกาล วิสเคานท์ โรตอน เซย์นอด ถูกกำจัดแล้ว ]