ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 132 เมฆากระจาย พิรุณโปรยปราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 134 จอมยุทธ์ขั้นสอง

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 133 ทะลวงเข้าสู่ขั้นสอง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 133 ทะลวงเข้าสู่ขั้นสอง

แปลโดย iPAT  

เมื่อหยางซ่งได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการกระทำของหลี่ฉิงซานในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาตกใจจนอ้าปากค้าง นิกายเมฆาพิรุณทรงพลังมาก มันเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมณฑลชิงเหอและเหนือกว่านิกายภูเขาสุราองุ่นเขียวหรือตระกูลเฉียน กระทั่งสำนักกำปั้นเหล็กก็ยังห่างไกลจากพวกเขา

นิกายเมฆาพิรุณสาขาหลักอยู่ในเมืองชิงเหอ พวกเขามีเครือข่ายกว้างขวาง แม้แต่รองผู้บัญชาการของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ก็ยังไปเยี่ยมพวกเขาบ่อยๆและสนิทสนมกับผู้นำนิกายเมฆาพิรุณ

หลี่ฉิงซานทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ไม่ เขาทำลายหอเมฆาพิรุณทันทีที่มาถึงเมืองเจียเผิง นี่เป็นความกล้าบ้าบิ่นที่ไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบ

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าเพียงเรียกร้องความยุติธรรม” เขากดฝักดาบวายุโดยไม่รู้ตัว เขารู้ว่าความยุติธรรมอยู่ที่ไหน

…..

มันเป็นคืนเดือนมืดที่ทั้งเงียบและมืดสนิท หลี่ฉิงซานนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่ในห้อง

พลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่กระทั่งจะได้รับความช่วยเหลือจากเม็ดยารวบรวมพลังปราณ ความเร็วในการเติบโตของมันก็ยังดำเนินไปอย่างช้าๆ

เขาสวมแหวนมิติไว้ที่นิ้ว มันไม่ได้โดดเด่นในความมืดและไม่ตอบสนองเมื่อหลี่ฉิงซานถ่ายทอดพลังปราณเข้าไป

มันเหมือนเขากำลังเฝ้าคลังสมบัติอันล้ำค่าแต่ไม่สามารถเข้าไป เขาทำได้เพียงเดินอยู่รอบๆและคาดเดาสิ่งที่อยู่ภายในเท่านั้น

เขาสามารถต้านทานการล่อลวงจากความมั่งคั่งของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแต่เขาไม่สามารถต้านทานความเย้ายวนใจจากสิ่งที่วัวดำกล่าวถึงก่อนจากไปว่า “ข้าทิ้งบางสิ่งไว้ให้เจ้า”

วัวดำมอบความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวบนเส้นทางสายปีศาจให้เขาและเสี่ยวอัน ตั้งแต่วัวดำกล่าวเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันย่อมเป็นสมบัติล้ำค่าที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน

มันจะเป็นอาวุธในตำนานหรือเคล็ดวิชาระดับสูงสุด บางทีมันอาจเป็นยาวิเศษที่ทำให้เขาสามารถบินขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้าเมื่อกินเข้าไป?

ยิ่งหลี่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งกระสับกระส่วยมากเท่านั้น เขาลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ‘พี่วัว ท่านทิ้งสิ่งใดไว้ให้ข้า เหตุใดท่านไม่มอบมันให้ข้าโดยตรง? ท่านต้องทำสิ่งต่างๆให้ยากลำบากสำหรับข้าเสมองั้นหรือ? ข้าถูกบังคับให้เปิดแหวนมิติด้วยวิธีการของมนุษย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนท่านต้องการเปลี่ยนข้าเป็นปีศาจงั้นหรือ?’

แม้เขาจะคร่ำครวญแต่เขาก็รู้สึกว่าวัวดำมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ วัวดำต้องคาดหวังให้เขากลับเข้าสู่สังคมมนุษย์ในฐานะมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตะเกียกตะกายอยู่ในเวลานี้

เขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านและหยุดการบ่มเพาะ วิธีก้าวเข้าสู่ขั้นที่สี่ของเคล็ดวิชาการบ่มเพาะพลังปราณเบื้องต้นลอยผ่านจิตใจของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงทดลองทะลวงขอบเขตทันที

ภายใต้การควบคุมของเขา พลังปราณไหลเข้าสู่ข้อเท้าซ้ายของเขาเหมือนกระแสน้ำ นี่คือประตูบานแรกที่เขาต้องเปิด

เขาไม่ได้นั่งไขว้ขาอยู่บนเตียงอีกต่อไป เขาเริ่มทำท่าแปลกๆโดยการโน้มตัวไปข้างหน้า ยืนด้วยขาขวา เหยียดแขนทั้งสองข้างและขาซ้ายไปออกไปเหมือนท่าโยคะ

เดิมทีเสี่ยวอันกำลังนอนอ่านคัมภีร์พุทธศาสนาอยู่ข้างเตียง แต่เมื่อเด็กน้อยเห็นหลี่ฉิงซานลุกขึ้นมาทำท่าทางแปลกประหลาด เขาก็วางหนังสือในมือลงและเฝ้ามองหลี่ฉิงซานอย่างตั้งใจ

สิ่งที่หลี่ฉิงซานต้องการทำคือเคาะประตู!

พลังปราณพุ่งไปรวมตัวกันที่จุดสำคัญแต่มันยังไม่สามารถกระทั่งทำให้ประตูสั่นไหว

เขารู้ว่าตนเองยังสะสมพลังปราณได้ไม่เพียงพอ มีเพียงการสะสมพลังปราณอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่เท่านั้นจึงจะสามารถทลายเขื่อนที่ขวางกั้นได้

สิ่งที่เขาพยายามทำตอนนี้คือการทุบเขื่อนด้วยลำธารเล็กๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะทะลวงผ่าน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ท้อแท้ เขากินเม็ดยารวบรวมพลังปราณอีกเม็ดเข้าไปเพื่อเติมพลังปราณให้กับตนเอง

หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง มันก็ยังไม่มีประโยชน์ สุดท้ายเขาจึงต้องหยุด แน่นอนว่าเขายังไม่ยอมแพ้ เขาทำสมาธิและพยายามเปลี่ยนลำธารให้เป็นหอกน้ำแข็งที่แข็งแกร่งขึ้นร้อยเท่า

จากนั้นเขาก็ส่งหอกน้ำแข็งพุ่งเข้าปะทะเขื่อนอย่างรุนแรง

ความเจ็บปวดปะทุขึ้นที่ปลายเท้าของหลี่ฉิงซานแต่เขาเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง ในทางตรงข้าม เขารู้สึกประหลาดใจและสนุกสนาน ครั้งนี้พลังปราณของเขาไม่ได้ถูกปิดกั้น มันแทงเข้าสู่จุดสำคัญอย่างแม่นยำ ภายใต้การควบคุมของเขา มันค่อยๆฝังลึกลงไปทีละนิ้วอย่างยากลำบาก

เขื่อนกั้นน้ำเกิดรูรั่วเล็กๆขึ้นขณะที่หลี่ฉิงซานส่งพลังปราณพุ่งไปที่รูดังกล่าว

ทันใดนั้นจุดแสงจุดหนึ่งก็สว่างขึ้นในร่างของเขา มันดูราวกับดาวดวงแรกท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด

แต่ก่อนที่หลี่ฉิงซานจะได้เฉลิมฉลอง พลังปราณของเขาก็พุ่งเข้าปะทะสิ่งกีดขวางอีกจุดที่อยู่ใกล้กับข้อเท้าของเขา

ครั้งนี้พลังปราณของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆและไม่สามารถรวบตัวกันได้อีก ภายใต้แรงกดดันที่มองไม่เห็น พลังปราณของเขาถูกบังคับให้ล่าถอยกลับไป

เขาล้มเหลวในการเปิดเส้นลมปราณ!

แม้แต่ประตูด่านแรกก็ยังปิดตัวลงอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานหอบหายใจอย่างหนักหน่วง การทดลองครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่าการบ่มเพาะพลังปราณไม่ใช่เรื่องง่าย

หากเปรียบเทียบ การบ่มเพาะของปีศาจง่ายกว่ามาก สิ่งที่พวกมันต้องทำคือการหายใจและดูดซับปราณจิตวิญญาณของโลกใบนี้หรือกินเม็ดยาจิตวิญญาณเพื่อให้ปราณปีศาจของพวกมันเติบโตขึ้นเท่านั้น เมื่อปราณปีศาจบรรลุถึงระดับหนึ่ง มันจะควบแน่นเป็นแก่นปีศาจด้วยตัวมันเอง การบ่มเพาะหลังจากนั้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ สะสมปราณปีศาจและยกระดับแก่นปีศาจ เมื่อถึงจุดหนึ่ง พวกมันจะต้องก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ หากพวกมันรอดชีวิต พวกมันจะกลายเป็นขุนพลปีศาจ หากล้มเหลว พวกมันจะถูกสายฟ้าสวรรค์เผาจนกลายเป็นจุล

ปีศาจส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการเป็นสัตว์ป่าทั่วไปหรือแม้แต่พืช การบ่มเพาะจะเกิดขึ้นเองตามสัญชาตญาณ กระบวนการทั้งหมดต้องใช้สติปัญญาเพียงเล็กน้อย การบ่มเพาะของปีศาจเป็นเรื่องง่ายเช่นนี้ มิฉะนั้นโลกนี้คงไม่มีปีศาจ

อย่างไรก็ตามแม้มันจะง่ายแต่มันต้องใช้เวลา ยังไม่ต้องกล่าวถึงพืช แม้แต่สัตว์ป่าที่ต้องการกลายเป็นขุนพลปีศษจ พวกมันก็ต้องใช้เวลาหนึ่งศตวรรษเป็นอย่างต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังต้องกินยาจิตวิญญาณที่มีฤทธิ์เท่ากับโสมจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อยจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ

การบ่มเพาะพลังปราณถือเป็นของขวัญจากสวรรค์สำหรับมนุษย์ เช่นเดียวกับทางลัดที่มนุษย์คิดค้นขึ้น แต่ไม่ว่าทางลัดจะยอดเยี่ยมเพียงใด พวกเขาก็ยังต้องทำไปทีละก้าว

ในสายตาของจอมยุทธ์พลังปราณทั่วไป การกระทำของหลี่ฉิงซานถือเป็นการเสียสติ เขาพึ่งเริ่มบ่มเพาะพลังปราณได้ไม่กี่วันแต่เขากลับต้องการทะลวงขอบเขต ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะล้มเหลว

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่ท้อแท้ เขาคว้าเม็ดยารวบรวมพลังปราณและยัดเข้าไปในปากก่อนจะเริ่มทะลวงขอบเขตอีกครั้ง

ด้วยประสบการณ์จากครั้งแรก มันง่ายกว่ามากสำหรับเขาที่จะทะลวงผ่านด่าน

สี่ชั่วโมงผ่านไป เขากินเม็ดยารวบรวมพลังปราณไปยี่สิบห้าเม็ดและพยายามทะลวงขอบเขตสิบสามครั้ง ความพยายามครั้งสำคัญที่สุดของเขาคือการทะลวงผ่านจุดชีพจรสามจุดที่ขาซ้ายแต่มันล้มเหลวเมื่อไปถึงสะโพก

ฤทธิ์ของเม็ดยารวบรวมพลังปราณที่เขาดูดซับไม่หมดถูกเปลี่ยนเป็นปราณปีศาจ เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ กล่าวได้ว่าหากสำเร็จ มันย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่หากล้มเหลว มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

เขารู้สึกว่าจุดชีพจรของเขาเปิดได้ง่ายกว่าก่อนหน้าเล็กน้อยในทุกความพยายาม ด้วยเหตุนี้หลี่ฉิงซ่านจึงได้รับประสบการณ์มากมาย เขายังได้รับความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังปราณอีกด้วย

หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หลี่ฉิงซานก็หยิบเม็ดยาเม็ดหนึ่งออกมา มันเหมือนหยาดน้ำค้างบนกลีบดอกไม้ยามรุ่งสาง มันไม่ใช่เม็ดยารวบรวมพลังปราณแต่เป็นไข่มุกน้ำค้างที่เขาได้รับมาจากเตียวเฟย นี่เป็นเม็ดยาที่เตียวเฟยต้องการเก็บไว้เพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่ มันค่อนข้างสิ้นเปลืองหากใช้มันทะลวงเข้าสู่ขั้นสอง แต่มันสมบูรณ์แบบสำหรับหลี่ฉิงซานที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการสะสมพลังปราณ

อย่างไรก็ตามหากเขาล้มเหลวในครั้งนี้ เม็ดยาที่ดีจะกลายเป็นสูญเปล่า

หลี่ฉิงซานไม่ลังเล เขาตัดสินใจเดิมพันกับมัน

เมื่อเม็ดยาที่เหมือนไข่มุกไหลลงคอของหลี่ฉิงซาน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นและพลังงานที่ควบแน่นอยู่ในเม็ดยา แต่เมื่อมันไปถึงท้อง มันกลายเป็นกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

ลำธารเล็กๆกลายเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกรากในทันที มันทะลวงผ่านจุดชีพจรสามจุดโดยไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทาน จากนั้นมันก็บิดเป็นเกลียวและทะลวงผ่านจุดชีพจรอีกจุดก่อนจะพุ่งขึ้นแผ่นหลังไปที่ไหล่ของเขา ตรงจุดนั้นมีแรงต่อต้านเล็กน้อย

แต่หลี่ฉิงซานให้ความสำคัญกับจุดนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าจู่โจมจุดชีพจรที่หัวไหล่ทีละจุด

เป็นเพียงเวลานี้ที่พลังปราณของเขาเริ่มแสดงสัญญาณของการอ่อนกำลังลงแต่เขาเตรียมพร้อมตัวไว้แล้ว เขากินเม็ดยารวบรวมพลังปราณทีละเม็ดโดยไม่หยุดและทะลวงผ่านจุดชีพจรอื่นๆต่อไป

ตอนนี้พลังปราณอยู่ใกล้สมองของเขามาก เขาต้องระวังมากขึ้น หากเกิดข้อผิดพลาด สมองของเขาจะได้รับการกระทบกระเทือน เขาจะกลายเป็นคนเสียสติ แน่นอนว่าหลี่ฉิงซานไม่ต้องการประสบกับชะตากรรมเช่นนั้น

แม้มันจะน่ากลัวแต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันไปได้โดยไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น จุดแสงสิบเอ็ดจุดสว่างขึ้นในร่างของเขา พวกมันเชื่อมต่อกันด้วยเส้นแสงที่เลือนลาง นั่นทำให้มันดูเหมือนแผนที่ดวงดาว

ในที่สุดเขาก็เห็นจุดสุดท้ายบนแผนที่ดวงดาว มันเป็นจุดที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ตราบเท่าที่เขาสามารถเชื่อมโยงจุดสำคัญดังกล่าว เขาจะกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นสองทันที

อย่างไรก็ตามพลังปราณของเขาหมดลงแล้ว ผลของการเติมพลังด้วยเม็ดยารวบรวมพลังปราณไม่สามารถช่วยเขาในจุดนี้ มันเหมือนกองทัพที่ถูกทำลายเสบียง พวกเขาสามารถล้มลงได้ตลอดเวลา

ทั้งหมดที่เขารู้สึกคือความเหนื่อยล้า ราวกับเขาพึ่งผ่านการเดินทางที่ยากลำบากมาอย่างยาวนาน เขาสามารถมองเห็นเส้นชัยแต่เขาไม่สามารถก้าวต่อไป นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เขาไม่สามารถหยุดอยู่ที่นี่

แต่เขาจะทำได้หรือไม่?