ตอนที่ 353 – ตอนที่ 334 มีแต่ศัตรูแข็งแกร่งอยู่ทุกที่
ซาฟี่ร้องลั่นและรีบเรียกคัมภีร์แพลตตินั่มของเขา กางโล่ปกป้องไว้
โล่ปกป้องของคัมภีร์แพลตตินัมสามารถป้องกันการโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าวงจักรล้างโลกกลับเป็นเหมือนกระดาษ วงจักรล้างโลกตัดผ่านโล่ป้องกันและตรงเข้าหาศีรษะของซาฟี่อย่างไร้เสียง ถ้าวงจักรล้างโลกเข้าถึงตัวซาฟี่ เขาคงได้พบจุดจบจริงๆ ซาฟี่พบว่าพันธนาการเขาคลายตัวแล้วและสหายของเขากำลังพุ่งลงมาจากอากาศเพื่อช่วยเขา ลูเธอร์, ดูดี้และโบเว่นปล่อยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาพร้อมกัน พวกเขาทุ่มเดิมพันทั้งหมดโจมตีศัตรูมนุษย์หนุ่มผู้น่ากลัวด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ปีศาจอสรพิษน้อยหันมาและกระพริบตาที่พันธนาการของเธอใส่สหายทั้งสามของซาฟี่แทน จึงทำให้เขาหลุดจากพันธนาการ นี่ทำให้ซาฟี่ดีใจจริงๆ เขาหลุดจากพันธนาการจนได้
ในเสี้ยววินาที ซาฟี่เกือบคอหักเขารีบเบนศีรษะหลบวงจักรล้างโลก
เขาไม่เคยรู้สึกอยู่ใกล้ความตายมากขนาดนี้มาก่อน
ถ้าสหายของเขาช่วยเขาช้าไปวินาทีเดียว
เขาคงจะถูกฆ่าตายทันทีไปแล้ว
เย่ว์หยางเข้าใจว่าเขาจำเป็นต้องพัฒนาการควบคุมวงจักรล้างโลกให้ได้ ก่อนนั้น เมื่อเขาโจมตีใส่ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและราชันย์จ้าวปีศาจบารุธ เขาปล่อยให้ศัตรูของเขาหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย พอซาฟี่หลบการโจมตีของเขาได้ เย่ว์หยางคาดไว้แล้ว เขาพยายามบังคับการควบคุมให้วงจักรล้างโลกเคลื่อนที่คดเคี้ยวเล็กน้อย ไล่ตามศีรษะของซาฟี่ซึ่งกำลังเบี่ยงออกทางขวา
ซาฟี่ตกใจรีบบิดศีรษะหันไปทิศทางอื่นทันทีและหลบวงจักรล้างโลกได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเตรียมท่าสังหารที่แท้จริงไว้แล้ว พลังปราณกระบี่
เย่ว์หยางใช้นิ้วกดใส่โล่ปกป้องของซาฟี่ และปล่อยพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
มีเสียงดังซี่ ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ยิงผ่านโล่ปกป้องเกิดเป็นรูเล็กๆ แลพุ่งตรงเข้าที่หน้าผากของซาฟี่
เป็นท่าสังหารที่คล้ายกันอีกท่าหนึ่ง
ซาฟี่พยายามเอาตัวรอดโดยยื่นมือขวาออกมา อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่แทงทะลุฝ่ามือและแขนของเขาต่อเนื่องได้อย่างง่ายดายพุ่งเข้าหาหน้าผากของซาฟี่ ซาฟี่ถีบคัมภีร์แพลตตินัมข้างหน้าเขาและดันตัวเองถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว.. วงจักรล้างโลกและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ไล่กดดันเขาทันทีทั้งจากด้านซ้ายและขวาล้อมตัวซาฟี่ไว้ ซาฟี่ทำได้เพียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลงบนพื้น มีเลือดพุ่งกระจายขึ้นในอากาศ
เย่ว์หยางลอบลงมือประสบผล ในทันทีนั้น เขายังคงเรียกคัมภีร์อัญเชิญของเขาและใช้โล่ปกป้องต้านรับการพลังโจมตีร่วมกันของลูเธอร์และดูดี้และโบเว่น
การโจมตีของพวกเขาทำให้โล่ป้องกันสั่นสะท้านไปหมดและเกิดแรงระเบิดกระจายคลื่นอัดกระแทกไปทั่วทั้งวิหาร
ผู้เฒ่าเต่ามังกรยังคงปลอดภัย เขาไม่เคลื่อนไหวมาชั่วขณะและใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองไว้
หัวหน้าตัวประหลาดแองเจิ้ล เป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ถูกแรงอัดกระแทกจากการปะทะกันทำให้เขาปลิวออกไปร่วงนอกโถงวิหาร
“น่าเสียดาย…” เย่ว์หยางตระหนักว่าซาฟี่ถูกไม้ตายสองชนิดเล่นงานยังคงมีชีวิต เขาพยายามยืนขึ้นทั้งที่เลือดโชกไปทั้งตัว แขนขวาของซาฟี่ถูกวงจักรล้างโลกตัด แขนท่อนบนห้อยร่องแร่งไร้ความรู้สึก เลือดเปรอะเปื้อนไปทั้งร่างของเขา และยังคงไหลเป็นสายหยดลงพื้นไม่หยุด ปีกนกสีทองบนหลังของเขาถูกวงจักรล้างโลกฉีกขาดกระจุย ขนปีกสีทองกระจายร่วงลงพื้น มีรูเล็กๆ เกิดจากพลังปราณกระบี่หลงเหลืออยู่บนหน้าผากของเขา พลังปราณกระบี่ทะลุผ่านจนถึงหลังศีรษะของเขา เลือดยังคงไหลพุ่งออกจากบาดแผลทำให้ใบหน้างดงามของซาฟี่มองดูน่ากลัวมาก
ซาฟี่หมดสภาพสิ้นเชิง เขาได้รับบาดเจ็บจากวงจักรล้างโลกและพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีชีวิต
เย่ว์หยางรู้สึกเสียดายในใจ ถ้าสหายทั้งสามของซาฟี่ช้าไปเพียงครึ่งวินาที ซาฟี่คงตายไปแล้ว น่าเสียดาย แค่เพียงครึ่งวินาทีเท่านั้น
เสี่ยวเหวินหลีผู้ใช้ทักษะโซ่ล่องหนหยุดศัตรูแข็งแกร่งทั้งสามกลางอากาศเพื่อปกป้องเย่ว์หยางที่กำลังลอบลงมือทำร้ายซาฟี่อย่างสุดกำลังของเธอ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่หนึ่งวินาที แต่ก็ทำให้จิตใจของเธอตึงเครียดหนัก หน้าของเธอซีดขาว และเธอหอบหายใจ เย่ว์หยางลูบศีรษะน้อยๆ ของเธอ เขาพยายามอย่างดีที่สุด และเธอก็พยายามอย่างดีที่สุด แม้ว่าทั้งคู่ฆ่าศัตรูจะไม่ประสบผลได้ทันที ไม่ใช่เพราะแผนของพวกเขาไม่ดี หรือไม่มีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่เป็นเพราะซาฟี่โชคดีเกินไป
ตอนแรกซาฟี่โชคดีที่มีสหายทั้งสามเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาทุ่มพลังโจมตีใส่เขา เสี่ยวเหวินหลีก็ไม่จำเป็นต้องคุ้มครองเย่ว์หยาง ด้วยพันธนาการของเธอ ซาฟี่คงต้องตายแน่ ต่อให้เขามีถึงสิบชีวิตก็ตาม
โชคดีที่สอง ก็คือเมื่อซาฟี่ถูกวงจักรล้างโลกฟันใส่ ร่างของเขากระตุกบิดด้วยความเจ็บปวด ทำให้หน้าผากของเขาเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิมหนึ่งนิ้ว นั่นเป็นหนทางให้เขาหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บสาหัสจากพลังโจมตีของปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้
เดิมที เย่ว์หยางเล็งไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางมุกวิญญาณของเขา
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเบี่ยงเบนวิถีเพียงเล็กน้อย เขาจึงไม่อาจโจมตีถูกมุกวิญญาณได้
แม้ว่าปราณกระบี่ได้สร้างรูบนหน้าผากของซาฟี่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอสังหารเขา
ซาฟี่ไม่ใช่มนุษย์ แม้ว่าบาดแผลจะลึก แต่เขาก็ยังรอดชีวิตอยู่ได้ ก่อนนี้เมื่อเย่ว์หยางกับสื่อจินโหวต่อสู้กัน เขายังสามารถเจาะหน้าผากสื่อจินโหวได้ แต่ในฐานะเจ้าชายแห่งแดนอเวจี สื่อจินโหวเอาชีวิตรอดได้
“มาร่วมมือกันฆ่าเขาเถอะ!” เงาที่เป็นนักสู้แดนสวรรค์นามว่าลูเธอร์เปิดเผยร่างจริงของเขา เขามีร่างคล้ายมนุษย์สูงสามเมตร ตั้งแต่เอวเบื้องล่างลงมายังเป็นคงเป็นควัน แต่ร่างที่เหลือนอกนั้นครบบริบูรณ์ ร่างของเขามีแสงสีทองส่องสว่างดูทรงพลังและสง่างามมาก ในทันใดก่อนที่เขาจะแสดงตัว แผ่นหินแก้วผลึกสว่างวาบขึ้นขณะที่วงเวทอักษรรูนเริ่มทำงาน เป็นการแสดงสัญญาณเช่นเดียวกับ แผ่นแก้วผลึกก่อนนั้นเมื่อมันเพิ่งดูดกลืนกู่หยาไป
“ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระแล้ว ข้ามีเวลาเพียงสามนาที ทุกคนโจมตี เราจะบุกสุดกำลัง!” นักรบแดนสวรรค์อีกคนหนึ่งชื่อดูดี้ตะโกน
“ซาฟี่, เจ้ารีบถอยไปรักษาบาดแผลของตนเองก่อน!” นักรบแดนสวรรค์คนที่สามชื่อโบเว่นโยนบอลแสงที่เต็มไปด้วยพลังงานให้ซาฟี่ซึ่งบาดเจ็บสาหัส เหมือนกับว่าต้องการช่วยให้เขาฟื้นคืนสภาพให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ที่สำคัญที่สุด ซาฟี่มีร่างที่เต็มเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ ร่างของพวกเขาเป็นครึ่งร่างวิญญาณครึ่งร่างเนื้อ และพวกเขายังถูกควบคุมอยู่ใต้ผนึกแผ่นแก้ว แม้แต่ลูเธอร์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในพวกเขาสามารถอยู่ข้างนอกได้เพียงห้านาที
“ตาย!” เย่ว์หยางจะปล่อยโอกาสให้ซาฟี่ได้ถอยออกไปรักษาบาดแผลได้อย่างไร?
เมื่อเขาเห็นซาฟี่ได้รับบอลพลังงาน เย่ว์หยางรีบเทเลพอร์ตมาปรากฏตัวอยู่หน้าซาฟี่ทันที
เขาใช้ดาบวิเศษฮุยจินฟันใส่อย่างดุเดือด
ซาฟี่กระพือปีกและบินสูงเพื่อหลบการโจมตี ลูเธอร์, ดูดี้และโบเว่น นักรบแดนสวรรค์ทั้งสามโจมตีใส่เย่ว์หยางพร้อมกันทันที ช่วยให้สหายของพวกเขาหลบออกไปจากสนามต่อสู้
เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ของเขาและกักพลังงานบอลไว้ในภายในโล่ปกป้อง จากนั้นเขาใช้อสูร “โลก” ซึ่งกางอาณาเขตคอยดูดซับพลังงาน หลังจากนั้นเขาโดดสูงขึ้นไปในอากาศและใช้ดาบจันทร์เสี้ยวและดาบฮุยจินในมือทั้งสองต้านรับการร่วมมือโจมตีจากลูเธอร์และโบเว่น สำหรับดูดี้ผู้กระโจนขึ้นมาเหนือศีรษะของเขา เขาปล่อยให้เสี่ยวเหวินหลีที่กอดเอวเขาแน่นคอยรับมือ
ตาของเธอฉายประกายวาบหนึ่ง ขณะที่เธอใช้ทักษะแฝงเร้นพันธนาการ
ในทันทีเมื่อดูดี้ลอยลงมาจากอากาศและเกือบจะถึงตัวเย่ว์หยาง ทันใดนั้นเขาก็หยุดอยู่กลางอากาศไม่สามารถจะขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว
บึ้ม!
เย่ว์หยางเพียงแค่รอโอกาส เพลิงอมฤตของเขาลุกโพลงขึ้นเป็นลำสูงขึ้นไปในอากาศและปะทุใส่หมัด, หน้าและร่างของดูดี้ ลูเธอร์และโบเว่นไม่สนใจเพลิงอมฤตรีบดึงสหายของเขากลับออกมา อย่างไรก็ตาม การปะทุระเบิดของเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางเป็นการยิงใส่ดูดี้และพุ่งจนถึงเพดานวิหาร
ดูดี้ร้องไม่หยุด
บรรดาทั้งสี่คนนี้ ร่างของเขาฟื้นฟูได้น้อยที่สุด ดังนั้นพลังของเขาจึงอ่อนแอที่สุด
ร่างของเขาซึ่งตั้งแต่เอวลงมาเป็นควัน หลังจากต้านรับการโจมตีด้วยพลิงอมฤต ทำให้ร่างของเขาเกือบละลายกลายเป็นควันหมด อีกทั้งยังโดนวงแหวนอักษรรูนที่แผ่นแก้วผลึกดูดซึมซ้ำอีก เขาร้องเจ็บปวดครวญครางไม่หยุด เสียงครวญครางของเขาก้องไปทั้งโถงวิหาร ไม่ต้องเสียเวลารอให้เขาตายช้าๆ เย่ว์หยางใช้ดาบฮุยจินแทงใส่ส่วนที่เป็นเลือดเนื้อของเขา เย่ว์หยางปล่อยมีดคาไว้ในร่างของเขาและใช้ปราณกระบี่อีกครั้ง เขายิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เจาะใส่หน้าผากของดูดี้ เกิดเป็นรูที่หน้าผากขณะที่เลือดพุ่งกระจายอยู่ในอากาศ
ดูดี้พยายามดิ้นรนต่อยใส่เย่ว์หยาง แต่เสี่ยวเหวินหลีใช้ดาบคู่แทงใส่หลังของเขาทันที
ผู้เฒ่าเต่ามังกรเตรียมใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายและพุ่งเข้ามาเหมือนดาวตกทันที
กระดองเต่าของเขากระแทกใส่อกของดูดี้ด้วยพลังราวกับดาวตกพุ่งใส่ ทำให้ดูดี้กระเด้งกลับไปชนเพดานรูปโดมของวิหารเป็นครั้งที่สอง
เสียงดังสนั่น, รอยร้าวรูปเหมือนใยแมงมุมปรากฏอยู่บนพื้นผิวเพดานโดมซึ่งทำจากแผ่นหิน
ฝุ่นร่วงกราวลงบนพื้นโถงวิหารอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ดูดี้พยายามดิ้นรนต่อสู้ ผู้เฒ่าเต่ามังกรอ้าแขนและรวบแขนกอดเอวเขาไว้แน่น ขณะที่เขายันหัวของดูดี้ไว้ทำให้เขาไม่อาจหลุดไปได้ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนหรือโจมตีอย่างไรก็ตาม
ผู้เฒ่าเต่ามังกรยันศัตรูของเขาไว้ขณะที่เขาตะโกนใส่เย่ว์หยาง “เจ้ายังจะรออะไรกัน? ใช้เพลิงอมฤตต่อสิ!”
ลูเธอร์และโบเว่นจ้องดูขณะที่เย่ว์หยางปล่อยเพลิงอมฤตออกจากมือทั้งสอง พวกเขาทำอะไรไม่ถูก แต่รู้สึกว่าสั่นสะท้านไปทั้งไขสันหลัง เวลานี้พวกเขาไม่กล้าเข้ามาช่วยดูดี้อีกต่อไป ทั้งนี้เพราะนอกจากพบว่าไม่มีหวังช่วยสหายของพวกเขาแล้ว พวกเขายังกลัวจับใจ เจ้าเด็กนี่มีทักษะที่น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน วงจักรล้างโลก, เพลิงอมฤตและปราณกระบี่ที่สามารถสังหารศัตรูได้ทันที ไม่มีสักทักษะเดียวที่จะรับมือได้ง่ายเลย
ทันทีพวกเขาก็ถูกทักษะหนึ่งเล่นงานแล้ว ซาฟี่และดูดี้เป็นตัวอย่างยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ กู่หยายังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ถูกสังหารได้ฉับพลัน
เย่ว์หยางประทับมือใส่ศีรษะของดูดี้
ภายใต้เปลวเพลิงอมฤต ดูดี้พบกับความตายอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นควันดำและเขาถูกดูดกลืนกลับเข้าไปในแผ่นผลึกที่มีวงเวทอักษรรูน หายวับไปกับความว่างเปล่า
มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลือก็คือมุกวิญญาณของเขา มุกของดูดี้ถูกกลั่นโดยเพลิงอมฤต วิญญาณของเขาหายไปหมดแล้ว ยิ่งกว่านั้นมุกวิญญาณสีดำยังเปลี่ยนเป็นมุกสีแดงเลือด
พอเห็นภาพนี้ ลูเธอร์และโบเว่นมองหน้ากันเองทันที ทันใดนั้นพวกเขาคิดว่าการกลับเข้าไปในแผ่นผนึกแก้วและเข้าสู่ห้วงนิทราลึกอีกครั้งยังนับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว
อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ตายจริงๆ
เพียงแค่พวกเขาเตรียมจะหนีและกลับเข้าไปนอน ทันใดนั้นที่ด้านนอกวิหาร มีร่างหนึ่งพุ่งลงมาราวกับดาวตก
เสียงระเบิดดังสนั่น
วิหารเทพแห่งจักรพรรดิอวี้สั่นสะเทือนไม่หยุด เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เป็นไปได้ไหมว่านางเซียนหงส์ฟ้าพบกับศัตรูแข็งแกร่ง?
จู่ๆ ลางสังหรณ์ไม่ดีก็แว่บเข้ามาในใจของเย่ว์หยาง เขารีบพุ่งตรงไปที่ทางเข้าวิหารและพบว่านางเซียนหงส์ฟ้าอยู่ตรงนั้นจริงๆ ความรุนแรงที่นางร่วงลงมาทำลายแผ่นหินทางเข้าวิหารจนแตกหัก เกิดเป็นปล่องขนาดยักษ์ เหมือนกับว่ามีค้อนหนักล้านตันทุบใส่พื้นผิว นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ยังร่วงลงมาจากวิหารที่สามหรือนี่
“แค่ก แค่ก…” นางเซียนหงส์ฟ้าลุกขึ้นยืนตัวสั่นและมองมาที่เย่ว์หยางด้วยแววเห็นใจเล็กน้อย เลือดหยดจากมุมปากของนาง ขณะที่นางฝืนยิ้ม “เจ้ามักจะพบข้าในสภาพเจ็บตัวเสมอนะ”
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางไม่สามารถคาดได้ว่าศัตรูแบบไหนกันที่แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
“ข้าไม่ได้พบผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ดูเหมือนพวกเขายังคงถูกผนึกอยู่ ที่ด้านบนมีนักสู้แดนสวรรค์ห้าตนคุ้มครองสถานที่นั้นอยู่ ข้าถูกตรวจพบโดยบังเอิญ แค่ก แค่ก, ข้าฉวยโอกาสลอบทำร้ายพวกเขาประสบผลสำเร็จ ข้าสังหารได้หนึ่ง แต่ต้องเผชิญหน้ากับอีกสี่คนที่เหลือ มีสองคนซึ่งมีพลังพอๆ กับข้า คนหนึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ข้าไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ วิหารเทพจักรพรรดิอวี้ซึ่งเป็นสถานที่เต็มไปด้วยผนึกนักรบแดนสวรรค์ ไม่ใช่ที่จะจัดการได้ง่ายแน่นอน.. ข้าเหนื่อยแล้ว ขอข้าพักสักเดี๋ยวนะ…” นางเซียนหงส์ฟ้าเดินเซเล็กน้อย ขณะเข้ามาใกล้เยว์หยาง เลือดยังไหลออกมาจากมุมปากนางต่อเนื่อง นี่แสดงว่านางได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก
“ท่านยังมีเรื่องต้องทำหลายอย่าง ดังนั้นพักเสียตอนนี้เถอะ!” เยว์หยางรีบช่วยพยุงนางและถ่ายปราณก่อกำเนิดให้นางโดยไม่ยั้ง
ดูจากภายนอกเขายังดูและพูดอย่างสบายๆ แต่ในใจเขาตื่นตัวอย่างมาก
นักรบแดนสวรรค์เหล่านี้ถูกผนึกมานานหกพันปี และพลังของพวกเขาลดลงถึงหนึ่งในสิบจากพลังดั้งเดิมของพวกเขา พวกเขาไม่ใช่กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ยังมีพลังสามารถทำร้ายนางเซียนหงส์ฟ้าจนบาดเจ็บหนักได้
ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตนเอง เขาคงไม่เชื่อแน่นอน
บรรดาสี่คนที่เหลืออยู่ มีสองคนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 คนหนึ่งระดับ 9 ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เขาควรจะดำเนินการต่อสู้ต่อไปอย่างไร? ทั้งสี่คนนี้ยังไม่ใช่สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ด้วยซ้ำ ถ้าสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ตื่นขึ้น พวกเขาจะน่ากลัวมากขนาดไหน? เมื่อเย่ว์หยางนึกถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกมึนชาทันที ความกังวลของผู้เฒ่าเต่ามังกรไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูล แค่ความช่วยเหลือของนางเซียนหงส์ฟ้าตามลำพังยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะความท้าทายนี้
โชคดีที่ศัตรูไม่ได้ไล่ตามนางเซียนหงส์ฟ้า นี่พิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากวิหารที่สามได้ พวกเขายังคงอยู่ในสภาพถูกผนึกไว้
เย่ว์หยางตัดสินใจว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะให้นางเซียนหงส์ฟ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้หายก่อน
นางคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะปราศจากนาง
“ระวัง!” ทันใดนั้นผู้เฒ่าเต่ามังกรเหินเข้ามากระแทกเย่ว์หยางผู้กำลังอุ้มนางเซียนหงส์ฟ้ากระเด็นออกไปหลายสิบเมตร จู่ๆ ก็มีฝ่ามือยักษ์สีทองกดกระแทกลงมาจากท้องฟ้ากระแทกใส่จุดที่เย่ว์หยางเคยยืนอยู่ ผู้เฒ่าเต่ามังกรพยายายามป้องกันด้วยโล่รูปกระดองเต่า แต่ทันใดนั้นมันกลับแตกทำลายทันที ฝ่ามือยักษ์กระแทกร่างของผู้เฒ่าเต่ามังกรจมลงไปในพื้นครึ่งหนึ่ง ทำให้เขากระอักโลหิตจากปาก
“อ้อ..ยังคงมีหนูอยู่ตรงนี้อีกหลายตัว พวกเจ้าตายเสียทั้งหมดนี่แหละ!” ยักษ์สีทองสูงสิบเมตรมีร่างเปล่งแสงสีทองกำลังลอยลงมาช้าๆ
พอเขาชี้นิ้ว รังสีดวงอาทิตย์ก็ยิงกรีดอากาศออกมา
เกิดเสียงดังหวีดหวิว และแสงนั้นพุ่งเข้าหาไหล่ของผู้เฒ่าเต่ามังกร
ผู้เฒ่าเต่ามังกรหลบอย่างว่องไวเอาชีวิตรอดมาได้ มิฉะนั้น แรงยิงจะทะลวงตรงเข้าหัวใจของเขา เย่ว์หยางมองเห็นหลังที่แข็งแกร่งของผู้เฒ่าเต่ามังกรยังถูกลำแสงเจาะทะลวงได้ เขารู้สึกสั่นสะท้านในใจ ลำแสงนี่ทรงพลังมากยิ่งกว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาเสียอีก ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถโจมตีได้ในระยะที่ไกลกว่า ศึกครั้งนี้สู้ได้ลำบากนัก
เจ้าผู้นี้เป็นอยู่ในระดับเดียวกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ถ้านางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ก็ยังไม่มีปัญหาหากพวกเขาร่วมมือสู้ด้วยกันกับนางเซียนหงส์ฟ้า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางเซียนหงส์ฟ้าหมดสติไปแล้ว นางไม่เหลือพลังพอต่อสู้แล้ว
เย่ว์หยางมองดูยักษ์ทองผู้เปล่งแสงทองเหมือนดวงอาทิตย์ จากนั้นมองดูซาฟี่, ลูเธอร์และโบเว่น เขามองดูตัวประหลาดนามว่าแองเจิ้ลผู้แอบมองพวกเขาแต่ไกล ในที่สุดเย่ว์หยางก็ส่ายศีรษะ
ศัตรูแข็งแกร่งมีอยู่ทุกที่
ศึกครั้งนี้ เขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องดูต่อไปแล้ว กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เร็วเข้า…” ผู้เฒ่าเต่ามังกรโบกไม้เท้าไล่เย่ว์หยางและบ่นด้วยเสียงแหบแห้ง
“ผู้เฒ่าเต่า! กลับเข้าไปด้วยกันเถอะ หายดีแล้วเราค่อยกลับออกมาสู้อีก!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าการทิ้งเต่าชราไว้ที่นี่และกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ตามลำพังเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป
“เหลวไหล ถ้าข้าไม่ขัดขวางการโจมตีให้เจ้า เจ้านึกหรือว่าจะหลบเข้าโลกในคัมภีร์ได้ง่ายๆ? ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่เจ้าหลบเข้าไปข้างใน ตำแหน่งพิกัดและร่องรอยของพื้นที่ตรงนี้จะถูกศัตรูทำลาย แล้วเจ้าจะกลับออกมาได้อย่างไร? เมื่อเจ้าออกมา ศัตรูจะรายล้อมเจ้าไว้ในกับดัก ภายใต้ปณิธานของจักรพรรดิอวี้ กระดองเต่าของข้าจะยังไม่ถูกทำลายง่ายๆ นักหรอก ไม่ว่าศัตรูจะพยายามทำลายอย่างหนักแค่ไหนก็ตาม มันจะยังคงอยู่ได้ เจ้าสามารถใช้มันเป็นจุดเทเลพอร์ตได้..” สังขารของเต่ามังกรแก่มากแล้ว เขายังพึมพำกับเย่ว์หยาง หน้าย่นของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะไร้มารยาทและน่ารำคาญ แต่ข้าก็ดีใจมากที่ได้พบเจ้า เด็กน้อย นี่เหมือนกับข้าได้เห็นจักรพรรดิอวี้ผู้ยังเยาว์วัยอีกครั้ง.. ไปซะ ตาแก่ผู้นี้ใช้ชีวิตมาพอแล้ว ถ้าเจ้าเอาแต่จิตใจอ่อนไหว เจ้าอาจทำลายแผนของเราทุกอย่างได้!”
“น่าปลื้มมาก!” ยักษ์ทองพึมพำเย็นชา “ถ้าเจ้ากล้าซ่อนตัวอยู่ภายในโลกคัมภีร์ ข้าจะทรมานเจ้าเต่าแก่นี่สักร้อยปีและค่อยฆ่ามันให้ตาย ลองดูก็ได้”
“ไปลองกับน้องเจ้าเถอะ! เจ้าเป็นแค่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ไม่ใช่หรือ? ข้าก็ยังสู้เจ้าได้อยู่ดี” เย่ว์หยางบุกเข้าใส่อย่างเกรี้ยวกราด***************