ตอนที่ 348 จั่วเยี่ยนกับโอวหยาง
ประตูดวงดาวบรอนซ์ทำงานได้แล้วทำให้อารมณ์ของปิงดีขึ้นทันตา
ค่ายทหารที่เจ็ดไม่ใช่ค่ายฝึกทหารใหม่ มันถูกสร้างอย่างมีมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบและมีระบบการทำงานที่โดดเด่นเหนือกว่าค่ายฝึกทหารใหม่
ด้วยการใช้ประตูดวงดาวบรอนซ์นี้สิ่งอำนวยความสะดวกของค่ายทหารที่เจ็ดก็สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าหลายอย่างยังใช้งานไม่ได้เนื่องจากความเก่าแก่ แต่ด้วยฝีมือของเซรีน ทุกอย่างสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูได้
เขาตัดสินใจตรวจสอบค่ายทหารที่เจ็ดอย่างละเอียด
ปิงตื่นเต้นจัดเดินเข้าไปในประตูดวงดาวบรอนซ์เข้าสู่ค่ายทหารที่เจ็ดอีกครั้ง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วข้อมูลข้างหน้าเขายังไม่เพียงพอ เขาตัดสินใจทำการตรวจสอบและมองดูทุกอย่างที่เขาผ่านมาทำความคุ้นเคยกับสถานที่อย่างรวดเร็ว แต่สถานการณ์ดูไม่ดีเอามากๆเนื่องจากมีความเสียหายอยู่มากมายดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการบำรุงรักษา แต่โชคดีที่เขามีเซรีนวิศวกรจักรกลที่โดดเด่นอยู่ข้างตัว
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ตำแหน่งห้องฆ่าตัวตายปิงหัวเราะเบาๆ เป็นไปตามคาดถังเทียนไม่ทำให้เขาผิดหวัง และประสบความสำเร็จออกมาจากห้องฆ่าตัวตายได้ ความสำเร็จนี้หมายความว่าศักยภาพของถังเทียนไม่อ่อนแอเลย เพราะพวกที่ออกมาจากห้องฆ่าตัวตายได้ล้วนเป็นตัวประหลาดทุกคน
เขาไม่ได้เที่ยวมองดูห้องฆ่าตัวตายอีกต่อไป เขาแค่เก็บกวาดห้องอย่างดีและปล่อยให้ถังเทียนได้ใช้ และไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นเขาตัดสินใจไปต่อ
แต่เมื่อเขามาถึงตำแหน่งห้องฆ่าตัวตาย เขาถึงกับตกตะลึง
ปากของเขาอ้าค้าง สิ่งที่เหลืออยู่ของห้องฆ่าตัวตายก็มีเพียงผนังที่พังทลาย สีหน้าของปิงเหมือนว่าเขาเห็นผี
อะไรนี่ ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
*******************
ยานมังกรบิน
“เป็นยังไงบ้าง? เจ้าได้อะไรมาจากหย่งเซียนจงบ้าง?” เด็กสาวชุดเขียวหัวเราะคิกคัก ลักษณะของนางไม่โดดเด่นเท่ากับหมิงเยี่ย แต่นางมีลักษณะที่อ่อนหวานน่ารัก นางคือญาติผู้น้องของหมิงเยี่ยนามว่าอวิ๋นเฉี่ยน
หมิงเยี่ยเล่าเรื่องที่หย่งเซียนจงคุยกับนางทั้งหมด
“หย่งเซียนจงเป็นศิษย์ของอาจารย์เปียน ดังนั้นเขาย่อมมีฝีมืออยู่บ้าง” อวิ๋นเฉี่ยนกระพริบตางดงามของนาง “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเย่เฉาเกอจะแข็งแกร่งทรงพลังมากนัก! พี่! ทำไมท่านไม่เลือกเย่เฉาเกอไว้เล่า หึ หึ ด้วยฝีมืออย่างเขา เขาจะกลายเป็นเซียนกระบี่ได้อย่างแน่นอน”
หน้าของหมิงเยี่ยกระจ่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “นิสัยของเย่เฉาเกอเย็นชา เจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานและโหดร้ายเกินไป เราไม่คู่ควรกับเขาแน่”
“นั่นก็จริง” อวิ๋นเฉี่ยนเย้ยหยัน “ข้านึกภาพไม่ออกเลยจริงๆบุรุษแบบไหนจะคู่ควรกับท่านข้าได้ยินมาว่าสิบอัจฉริยะของสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนโดดเด่นกันทุกคน”
“น่าเสียดายที่เรามาสายเกินไปและไม่มีโอกาสได้ดูการรบ” สายตาหมิงเยี่ยเป็นประกายมีแววเสียใจ พวกนางความจริงต้องการจะไปดูเย่เฉาเกอ
“ใช่” อวิ๋นเฉี่ยนหงุดหงิดมากและเอียงศีรษะ “เมื่อคิดดูแล้ว คนที่ชื่อถังเทียนและสหายของเขา หย่งเซียนจงก็ประเมินพวกเขาไว้สูงมาก”
“ผู้มีพรสวรรค์แต่ไม่มีรากฐานก็เป็นเหมือนจอกแหนที่ทำอะไรไม่ได้” หมิงเยี่ยพูดอย่างเฉยชา “ความสำเร็จของพวกเขาในครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของราชินีแล้ว พวกเขาคงได้ตายกันหมด ยิ่งกว่านั้นเย่จิ่วเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก และยังโหดเหี้ยมอำมหิต เขาจะไม่ปล่อยเรื่องเหล่านี้ไว้แน่นอน ถ้าข้าเดาไม่ผิด เบื้องหลังที่หนุนเขาคงพร้อมจะมีส่วนร่วมกับพวกเขาแน่”
“น่าเสียดาย” อวิ๋นเฉี่ยนรู้สึกผิด “ข้ารู้สึกว่าสำหรับพวกเขาที่สามารถต้านทานเย่เฉาเกอและรอดชีวิตมาได้ พวกเขาก็คงแข็งแกร่งทรงพลังแน่นอนแล้ว”
“พวกเขาอาจถูกมองว่ามีพรสวรรค์อยู่บ้างก็ได้” หมิงเยี่ยปฏิเสธจะแสดงความเห็นเพิ่มเติม
***********
จั่วเยี่ยนทอดตัวนอนอยู่บนโต๊ะขณะที่เขามองดูบันทึก หน้าของเขาซีดขาวเหมือนกับคนมีอาการอาหารเป็นพิษ โอวหยางซื่อนั่งอยู่ข้างๆ เขามีสีหน้ากระวนกระวายขณะที่จ้องมองบันทึก เขากำหมัดโดยไม่รู้ตัว ความรุนแรงของการต่อสู้ในบันทึกดึงดูดใจเขาอย่างลึกล้ำ
ความดุร้ายและความบ้าคลั่งของเย่เฉาเกอสั่นสะท้านจิตใจโอวหยางซือ โอวหยางและจั่วเยี่ยนเป็นศิษย์ของตำหนักกลุ่มดาวชั้นยอดและและถูกมองว่าเป็นอัญมณีที่สำคัญของกลุ่มดาวแกะ สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา,สมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืดถือว่าเป็นกลุ่มทรงอำนาจระดับเดียวกัน และสำหรับศิษย์รุ่นเยาว์อย่างพวกเขา พวกเขาถือว่าอยู่ในแวดวงระดับเดียวกัน
โอวหยางซือเคยพบเย่เฉาเกอมาก่อน และยังรู้อีกชื่อที่เรียกกันว่า น้องหก แต่ในสายตาของโอวหยางซือตอนนั้นให้ความสนใจฉีซานจางหมิงเฮ่อ ส่วนเย่เฉาเกอเป็นภาพลวงตาที่เขาแทบจำไม่ได้
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเย่เฉาเกอจะแข็งแกร่งมากจริงๆ!
เขาเริ่มเปรียบเทียบในใจ ถ้าเขาพบกับเย่เฉาเกอโอกาสประสบความสำเร็จของเขาคงน้อยจนน่าสงสาร
“จั่วเยี่ยน, เจ้าเอาชนะอันดับหกเย่ได้ไหม?” โอวหยางซือหันมาถาม
จั่วเยี่ยนยังคงนอนอยู่บนโต๊ะและพูดอย่างอ่อนเพลีย“ข้าจะตอบได้ก็หลังจากข้าสู้กับเขาเท่านั้น”
“โอว” โอวหยางซือสงบใจลง เมื่อได้ยินว่าจั่วเยี่ยนพูดออกมาอย่างมั่นใจ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นนักสู้พาหนะขนนกดำ แต่ระยะห่างระหว่างเขากับจั่วเยี่ยนจะเท่ากับมหาสมุทรเชียวหรือ? แต่ว่าเปรียบเทียบเช่นนั้นอาจใหญ่เกินไปบ้าง
โอวหยางซือให้ความสนใจบันทึกอีกครั้งและอุทาน“จิ่งหาวผู้นี้มาจากไหนกัน? เขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก”
“ก็มาจากท้องแม่ของเขานั่นแหละ” จั่วเยี่ยนนอนลงบนพื้นและตอบอย่างเพลียแรง เขาพลิกตัวคว่ำ
“โหวๆๆ! อาเฮ่อนี่แข็งแกร่งทรงพลังไม่เบา!”
“เฮ้ๆๆ! นักสู้จักรกลนั่นก็ทรงพลังเหมือนกัน!”
….
โอวหยางซือน้ำลายแตกฟองกระเด็นไปทุกที่ หน้าของเขาดูหวาดหวั่น ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าโลกภายนอกกลายเป็นสถานที่อันตรายตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาพบกับคนที่แข็งแกร่งทรงพลัง?
“เอ๊ะ?” จั่วเยี่ยนลุกพรวดนั่งทันที สีหน้าอ่อนเพลียของเขาหายไปและความเคร่งขรึมเข้ามาแทน เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้าเคยบอกไว้ก่อนแล้วว่าทำไมวิชาหอกของหลิงซิ่วรู้สึกว่าคล้ายกับวิชาของกลุ่มดาวผึ้ง ที่แท้นั่นคือหอกดาราแห่งดาวแกะ!”
“หอกดาราแห่งดาวแกะ? ชื่อนั่นฟังดูคุ้นๆ!” โอวหยางซือพูดโดยไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเขาจึงนึกขึ้นได้ เขาตกใจกลัวลุกขึ้นยืน “อะไร อะไรเจ้าว่าอะไร? หอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะเหรอ?”
“ถูกแล้ว” ตาของจั่วเยี่ยนเป็นประกายมองดูภาพบันทึกเขม็ง “นั่นคือหอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะแน่นอน! โอวหยางซือในที่สุดเราก็จับปลาตัวใหญ่ได้ เราไปจับเขากันเราจะได้ไม่ถูกลงโทษเพราะโดดเรียนอีกด้วย”
“หอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ...” โอวหยางซือไม่ทันเรียกความรู้สึกจากอาการตกใจกลับคืนมา
ชื่อนั่นเป็นชื่อต้องห้ามของกลุ่มดาวแกะอย่างมิต้องสงสัย เบื้องบนได้พยายามซ่อนปกปิดไว้จากประวัติศาสตร์ แต่นักรบพาหนะขนนกดำมีความโดดเด่นมาประมาณสามร้อยปีและวันคืนรุ่งเรืองของนักรบพาหนะน้ำแข็งเงินยังไม่เคยถูกลบล้างไปจากใจ
ศิษย์ของกลุ่มดาวแกะเข้าใจอย่างชัดเจนว่ามรดกในปัจจุบันของกลุ่มดาวแกะมีที่มาไม่ชัดเจน
นี่คือเหตุผลที่อำนาจของกลุ่มดาวแกะลดลงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เหลียนหวี่ผู้ทำลายอำนาจของนักรบพาหนะเงินอย่างสิ้นเชิงในปีนั้น, ไม่เพียงแต่ทำลายมรดกของนักรบพาหนะน้ำแข็งเงินเท่านั้น เขายังทำลายแก่นวิชาพาหนะน้ำแข็งเงิน เขามีใจทะเยอทะยานบัญญัติวิชาหอกวิญญาณขนนกดำและกองกำลังพาหนะขนนกดำ แต่ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากจะจัดสร้างได้ตัวอย่างเช่น ประเพณีและจิตวิญญาณ
การตกทอดมรดกของนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินแห่งกลุ่มดาวแกะทำกันมาหลายชั่วคนแล้วและกลายเป็นวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่มั่นคงในกลุ่มดาวแกะ หลังจากสูญเสียไป กลุ่มดาวแกะก็เริ่มตกต่ำ
ทางด้านวิทยายุทธหอกวิญญาณขนนกดำมีรูปแบบที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแต่ไม่ด้อยไปกว่าวิชาหอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ
แต่วิทยายุทธนอกสารบบไม่สามารถสนับสนุนกลุ่มดาวแกะได้ เพราะเป็นตำหนักใหญ่ในระนาบสุริยุปราคา
อิทธิพลของกลุ่มดาวแกะลดลงอย่างรวดเร็ว และรุ่นปัจจุบันนี้กลุ่มดาวแกะไม่แข็งแกร่งเท่ากลุ่มดาวราชสีห์และกลุ่มดาวคนธนู และไม่อาจนับได้ว่าเป็นขุนศึกได้เลย คนรุ่นใหม่ของกลุ่มดาวแกะทุกรุ่นกำลังฝึกฝนอย่างหนักพยายามฟื้นฟูความรุ่งเรืองของกลุ่มดาวแกะโบราณ แต่น่าเศร้า วันเวลาเช่นนั้นยังคงห่างไกล
แม้ว่าการสร้างกลุ่มดาวแกะใหม่ยังคงมืดมนเพราะพาหนะน้ำแข็งเงินสิ้นสูญไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงค้นหาเรื่องราวความรุ่งเรืองของกลุ่มดาวแกะโบราณผ่านความรู้ทางประวัติศาสตร์
ศิษย์ของกลุ่มดาวแกะทุกคนมีมุมมองที่ขัดแย้งเกี่ยวกับนักรบพาหนะน้ำแข็งเงินและวิชาหอกดาราแห่งดาวแกะ
ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน
พาหนะน้ำแข็งเงินและหอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะปัจจุบันไม่เหลือความรุ่งเรืองในกลุ่มดาวแกะอีกแล้ว แต่เป็นวิชาหอกวิญญาณขนนกดำที่ทำลายพวกเขาได้และได้เข้ามาปกป้องกลุ่มดาวแกะทีละก้าวๆ
เหลียนหวี่ทำลายพวกเขาไปหมดสิ้น แต่ประชาชนของกลุ่มดาวแกะก็ยังเป็นประชาชนของกลุ่มดาวแกะ และตำนานของพาหนะน้ำแข็งเงินยังคงอยู่ติดปากพวกเขา และยังส่งต่อสืบเนื่องกัน โอวหยางซือและจั่วเยี่ยนรู้ว่าในหัวใจของคนส่วนใหญ่พาหนะน้ำแข็งเงินน่าเคารพนับถือมากกว่าพาหนะขนนกดำ
โอวหยางซือและจั่วเยี่ยนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่านักสู้พาหนะขนนกดำยังคงนิ่งเงียบกับจุดนี้ในประวัติศาสตร์บางส่วน พาหนะน้ำแข็งเงินคือสัตว์พาหนะที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้สวรรค์ แต่พาหนะขนนกดำถูกสร้างใหม่และชนะมาเพียงไม่กี่ศึก แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ถอยกลับบ้านตัวเอง โดยไม่มีความสำเร็จอีกต่อไป
แท้ที่จริงสมควรถูกเยาะเย้ยต่างหาก
โอวหยางซือตะลึง เขาไม่ได้ฉลาดในการเริ่มก่อน และเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากลำบาก เขาจะไม่มีความคิดเห็นอะไรและพูดอย่างอ่อนแอ “จั่วเยี่ยน ถ้าเขามาจากนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินจริง ถ้าเราฆ่าเขาอย่างนั้นก็คงไม่ดีแน่”
“ใครบอกว่าเจะฆ่าเขา?” จั่วเยี่ยนย้อนถามด้วยสีหน้าแปลก
“เจ้าบอกว่าจะจับเขาไม่ใช่หรือ? ถ้าเราส่งเขาไปให้เบื้องบนพวกเขาจะต้องฆ่าเขาแน่” โอวหยางซือพึมพำ
“ไม่, ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” จั่วเยี่ยนทำสีหน้าที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนัก “ข้าอยากดูว่านักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินแข็งแกร่งเพียงไหน ข้าต้องการค้นดูว่าเขาแข็งแกร่งกว่านักสู้พาหนะขนนกดำตรงไหน”
โอวหยางซือถอนหายใจโล่งอก
จั่วเยี่ยนยิ้มลึกลับ “ใครจะรู้? เมื่อวันนั้นมาถึง และข้ากลายเป็นวีรบุรุษ ข้าจะทำให้พาหนะขนนกดำทรงพลังเท่ากับพาหนะน้ำแข็งเงินก็ได้”
โอวหยางซือหัวเราะ “จั่วเยี่ยน หยุดฝันเถอะ! แม้ว่าผลงานเจ้าจะดี แต่ถ้าเจ้ายังจนกรอบอยู่อย่างนี้ เจ้ากลายเป็นวีรบุรุษใหญ่ไม่ได้แน่”
“ใครว่าวีรบุรุษต้องใช้เงิน?” จั่วเยี่ยนหันหน้ามามองอย่างสับสน
“ผลงานเจ้าดี ดังนั้นเจ้าสามารถเข้ากลุ่มพาหนะขนนกดำได้แน่นอน แต่เจ้าไม่มีคนหนุนหลังและไม่มีใครช่วยเจ้า ถ้าเจ้าไม่มีเงินต่อให้เจ้าเข้ากองพาหนะขนนกดำ เจ้าก็ไม่ถูกยกย่อง แม้ว่าข้าจะไม่ฉลาด แต่ข้าเข้าใจเหตุผลนี้” โอวหยางซือถอนหายใจ “น่าเสียดาย ข้าก็ไม่มีเงินเหมือนกัน”
จั่วเยี่ยนตบไหล่ของโอวหยางซือและปลอบใจเขา “ถ้าไม่ใช่เพราะกองพาหนะขนนกดำจ่ายค่าจ้างสูง ข้าก็คงไม่เข้าร่วม อย่างไรก็ตามเราทำได้เพียงเข้ากับคนอื่นให้ดีและกินกันตายเท่านั้น การพยายามเป็นวีรบุรุษมันน่าเบื่อเกินไป ฮ่าฮ่า เป็นไปได้ไงที่คนขี้เกียจอย่างข้า จะทำเรื่องน่าเบื่อมากขนาดนั้น?”
“นั่นก็จริง” โอวหยางซือยิ้มเปิดเผยและจริงใจ
“เราต้องรีบจะดีกว่า” จั่วเยี่ยนตาเป็นประกาย “ข้ายังข้องใจเกี่ยวกับหอกดาราแห่งดาวแกะของนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงิน”
“ใช่ ใช่แล้ว ข้าเองก็ข้องใจมากเหมือนกัน” โอวหยางซือผงกศีรษะ
“ข้าตรวจสอบมาแล้ว ที่ไวที่สุดก็คือบริการยานขนส่งและข้าได้ยินว่ายานมังกรบินที่โอ่อ่าจะผ่านไปยังกลุ่มดาวหมาป่า” จั่วเยี่ยนกระวนกระวายใจ
“นั่นมันแพงมากจริงๆ... ถ้าเราซื้อตั๋วเราจะไม่มีเงินเหลือเลย..” โอวหยางซือลังเล
“โอกาสหายากมากขนาดนั้น ถ้าเราพลาด จะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต” จั่วเยี่ยนอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน
“ก็ได้... ถ้าเราไม่สามารถหาเขาได้ อย่างนั้นเราก็แค่ไปหางานทำ” โอวหยางซือคิดเรื่องนี้แล้วยิ้มกว้าง