ตอนที่ 347 ประตูดวงดาวบรอนซ์
“จุ๊ๆ,เย่เฉาเกอน่ากลัวจริงๆ!” เซรีนกระเซ้าเมื่อเห็นซากพยัคฆ์ฟ้าที่เหลือเหมือนกับกำลังชื่นชมชิ้นงานศิลปะ
ปิงหน้าดำราวกับก้นหม้อ อาวุธจักรกลวิญญาณของใครก็ตามที่ถูกทำลายและเพราะวิศวกรจักรกลของเขายังมีท่าทางสรรเสริญฝ่ายตรงข้ามของเขาอีกก็คงทำให้เขาโกรธแน่นอน และยิ่งกว่านั้นปิงเป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองสูง
เซรีนไม่สนใจสายตาของปิง ตำแหน่งของนางในกลุ่มมิอาจขาดหายได้ คนอื่นๆ อาจกลัวยอดครูฝึกผู้นี้ แต่นางไม่ใช่ เล็บแดงแจ๊ดของนางไล้ผ่านซากที่เหลือ นางยิ่งทึ่งประหลาดใจมากขึ้น
“ดูตรงนี้สิ ปรากฏว่ามันหลอมละลายด้วยอุณหภูมิที่สูง ดังนั้นในช่วงเวลานั้นจุดนี้เป็นจุดปะทะกับอุณหภูมิ ผลึกฟ้าถึงกับละลาย จุ๊จุ๊ ท่านรู้ไหมอุณหภูมิเท่าไหร่จึงจะละลายผลึกสีฟ้าได้? 2400 องศาเซลเซียส! เย่เฉาเกอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
“แล้วดูตรงนี้นะมันบิดตัวไปหมด นั่นก็หมายความว่าพลังโจมตีนั้นไม่ใช่เฉพาะข้างหน้า แต่ยังมีแรงบิดในแนวนอนอีกด้วย เย่เฉาเกอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“และตรงนี้อีกสามารถสร้างแรงกระแทกยุบเป็นรูด้วยพลังมหาศาลเฉียบพลัน หวาๆๆเย่เฉาเกอนี่ไม่ธรรมดาเลย”
ทุกครั้งที่เซรีนกล่าวพรรณนา “เย่เฉาเกอช่างไม่ธรรมดา” หน้าของปิงยิ่งเขียวคล้ำขึ้นทีละน้อย
“ถ้าข้ามีบุรุษผู้ไม่ธรรมดาแบบนี้มาช่วยข้านะว้าว... ถือว่าเป็นการผสานกันระหว่างมนุษย์กับจักรกลอย่างสมบูรณ์แบบ! มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบและอาวุธจักรกลที่ทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ...ความสมบูรณ์แบบอีกครึ่งหนึ่งของวิศวจักรกล...”
“และ...เขาต้องมีพลังมากแน่นอน...” เซรีนกัดเล็บแดงของนาง หน้าแดงซ่าน
ปิงไม่อาจทนนางได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจไม่สนใจผู้หญิงบ้านี่และหันหน้าเดินออกมา
เซรีนแลบลิ้นล้อใส่ด้านหลังปิง ด้วยความรู้สึกสะใจ เป็นเรื่องยากที่จะหาโอกาสล้อเลียนปิง และนางจะไม่ยอมพลาดแน่นอนน่าเสียดาย หนุ่มชาวฟ้าไม่อยู่แถวนี้เมื่อคิดถึงหน้าตอนโมโหของเขา นางอดยิ้มไม่ได้
นางทำท่าทำทางอยู่หน้ากระจกอย่างมีความสุข เมื่อเห็นหุ่นวัยสาวของนางที่หน้ากระจกใบหน้าที่งดงามของนางมีสีหน้ามั่นใจ
เรายังมีหุ่นโค้งเว้าเหมือนกัน
หลังจากชื่นชมตัวเอง เซรีนพอใจเต็มที่แล้วนางเดินกลับมาที่ซากอาวุธจักรกล สีหน้าของนางค่อยๆ จริงจังขึ้น
นางยกย่องเย่เฉาเกอ ไม่ได้ทำอย่างจริงใจแต่เพื่อยั่วโมโหปิง แต่พลังของเย่เฉาเกอสามารถเปิดวิสัยทัศน์ของนาง หลังจากพยัคฆ์ฟ้าได้รับการปรับปรุงล่าสุดในทุกด้าน และอาจจัดได้ว่าเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นของมัน นอกจากนี้ ปิงยังเป็นปรมาจารย์นักสู้จักรกล เซรีนจึงมั่นใจมาก
พวกเขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะสูญเสียอย่างน่าสยดสยอง....
ตาของเซรีนฉายประกาย เหมือนกับว่ามีประกายไฟอยู่ในนั้นจิตวิญญาณนักสู้ของนางกำลังเพิ่มขึ้น
เจ้าแข็งแกร่ง แต่เซรีนมุ่งมั่นว่าจะกลายเป็นวิศวกรจักรกลผู้แข็งแกร่งที่สุด แล้วนางจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
เย่เฉาเกอ เจ๊ผู้นี้กำลังมาแล้ว
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของเซรีน ปิงใช้เวลามุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกฝนอาวุธจักรกล ถังโฉ่วอยู่ข้างๆ เขารายงานความคืบหน้าล่าสุด ถังโฉ่วแตกต่างจากถังอี้สิ้นเชิง เขาไม่เหี้ยมหาญเหมือนถังอี้แต่ฉลาดมากกว่าถังอี้ ลูกเล่นและกลยุทธทางทหารของเขากำลังก้าวหน้า ทั้งหมดนี้สามารถสรุปได้จากแผนการฝึกฝนของเขา ถังอี้จะทำตามคำสั่งของปิงและปฏิบัติตาม ส่วนถังโฉ่วจะสร้างชุดแผนการฝึกฝนขึ้นใหม่ซึ่งพิถีพิถันมาก
ปิงพอใจกับถังโฉ่วมาก มาตรฐานของถังโฉ่วนับว่าดี แม้ว่ากองทัพที่เขาดูแลจะไม่มีความเหี้ยมหาญเท่าถังอี้ แต่ก็ยังโดดเด่นกว่าในบางเรื่องรายละเอียด กองทัพของเขาไม่ได้เข้มงวดกวดขันแต่การเผชิญหน้าและขัดขวางนั้นโดดเด่น
หลังจากแจ้งเรื่องถังโฉ่วสองสามเรื่องแล้วปิงออกจากเมืองสามวิญญาณ
เขากลับไปที่ค่ายฝึกทหารใหม่ และหยุดอยู่กับที่ทันที นั่นแปลก ถังเทียนกำลังฝึก
หลุมหินถล่มหรือ?
พลังของถังเทียนเกินระดับทหารใหม่ไปแล้ว และห้องฝึกฝนกับหัวข้อวิชาส่งเสริมค่ายฝึกทหารใหม่ก็ไม่อาจเพิ่มความยากได้อีก เขาไปที่หลุมหินถล่มด้วยความสงสัยและมองดูถังเทียนฝึก
“เอ๊ะ!”
ปิงหยุดอยู่กับที่
เจ้าเด็กนี่....
เขามองดูถังเทียนในหลุมหินถล่มอย่างทึ่งเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกตัว
ภายในหลุมหินถล่มถังเทียนกำลังห้าวและตื่นเต้นตะโกนออกมา “หวา หวา” อยู่ตลอด เขาเป็นเหมือนพยัคฆ์ร้ายมุ่งจู่โจมอยู่ภายในหินถล่มที่แน่นหนาปิงสายตาแหลมคม สามารถบอกด้วยการมองทีเดียวว่าถังเทียนแตกต่างไปจากเดิม เขามักจะพุ่งเข้าหาหินที่ถล่ม เพื่อให้ความเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นมาก
และถ้าหินถล่มแตกระเบิดทันทีต่อหน้าเขา ร่างของถังเทียนจะเบี่ยงตัวเล็กน้อยเหมือนกับแมวร่างของเขาเต็มไปด้วยรังสีอันตราย
เจ้าเด็กนี่.... ก้าวหน้าอีกแล้ว!
วิทยายุทธของปิงไม่ใช่วิถีแห่งสัญชาตญาณ แต่เขาเคยพบเห็นยอดฝีมือผู้ใช้สัญชาตญาณต่อสู้มาก่อน และสัญชาตญาณของถังเทียนที่ปล่อยออกมาก็เหมือนกับยอดฝีมือพวกนั้น
ปิงสามารถบอกได้ว่าถังเทียนกำลังทดสอบ เขาทดสอบด้วยวิทยายุทธของเขาอย่างต่อเนื่องใช้วิธีประสานวิทยายุทธเข้ากับสัญชาตญาณ
แผ่นหินแหลมที่ร่วงลงมาเมื่อกระทบถังเทียนจะระเบิดทันทีที่สัมผัส
พลังวิญญาณยุทธเงิน!
ถังเทียนยังคงตะโกนลั่นและปล่อยวิชาเร็วขึ้นทุกทีจนดูกลายเป็นเงาสายหนึ่ง ไวจนกระทั่งเขาไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตาของปิงขยายกว้าง มีความกลัวในดวงตาเขา
เจ้าเด็กนี่...กำลังใช้สัญชาตญาณเพื่อปรับการใช้วิทยายุทธของตนเอง
ใบหน้าไพ่ของปิงไม่อาจสงบได้อีกต่อไป หน้าของเขาแสดงอาการเหลือเชื่อ
ปากของถังเทียนส่งเสียงโดยมิได้ตั้งใจ เขาตื่นเต้นมาก เขาเบิกตากว้างหินทั้งหมดที่พุ่งตกเข้ามาหาเขาเป็นศัตรูถาวรที่เขาต้องการให้พวกมันคุกเข่าให้
สภาพแวดล้อมดูเหมือนจะเปลี่ยนไปไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ยินดีและรู้สึกปลาบปลื้มใจ
เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของเจ้า!
โดยไม่รู้ตัว ถังเทียนเริ่มอาศัยสัญชาตญาณของเขามากขึ้นทุกที เขาเริ่มใช้สัญชาตญาณปรับแต่งวิทยายุทธ ตัวอย่างเช่นความเร็วของพลังวิญญาณยุทธเกลียวเงินโคจรวนไปมาในเส้นชีพจรของเขา การผสานกับพลังวิญญาณยุทธเกลียวเงินกับกรงเล็บเพลิงภูตพรายและบางครั้งวิชาโล่อากาศโจมตีของเขาก็ถูกนำมาใช้กับย่างก้าวลมพรางต่อเนื่องเป็นจังหวะ
เนื่องจากเขาไม่สามารถค้นหาหลักการในหลุมหินถล่ม เขาจึงต้องอาศัยพรสวรรค์สัญชาตญาณ
ยิ่งถังเทียนสู้ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมาก เลือดของเขาไม่มีทีท่าว่าจะสงบเย็นลงเลย ร่างของเขาเชื่อฟังดีและสนองตอบทุกความคิดและสั่งได้ตามที่ต้องการ
ทักษะการปลดปล่อยความเร็วของถังเทียนเร็วมากขึ้นทุกที และยังคงสภาพอยู่ได้โดยไม่รู้สึกยากลำบากเลยไหลลื่นเหมือนสายน้ำ ไวเหมือนสายฟ้า
ข้าคือสายฟ้า! ข้าคือประกายไฟ!
เย่เฉาเกอ ครั้งต่อไปที่ข้าพบเจ้า ข้าจะใช้ความสามารถที่แท้จริง และจะสู้กับเจ้าให้สุดฝีมืออีกครั้ง
ถังเทียนไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้
ปิงมองดูอย่างเงียบงันขณะที่ถังเทียนฝึกอย่างเงียบงันอย่างสุดกำลัง เหงื่อของเขากระเซ็นไปโดนหินถล่ม ทั้งตัวของเขาสกปรก แต่นัยน์ตาสดใสและกระจ่างของเขาเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนกับจะแสดงถึงจิตใจที่ห้าวหาญของบุรุษหนุ่ม
ปิงที่รู้สึกเก็บกดยังอดมีแรงบันดาลใจเพิ่มไม่ได้
ถ้าเจ้างี่เง่านี่ยังมีแรงบันดาลใจได้ แล้วเราจะทำตัวหดหู่ไปเพื่ออะไร?
ข้าเป็นเพียงคนในกองทัพดาวกางเขนใต้คนเดียวที่เหลืออยู่ ถ้าข้าต้องทำทุกอย่างเอง เจ้าพวกนั้นคงด่าข้าในสวรรค์เป็นแน่...ใบหน้าไพ่ของปิงเริ่มมีรอยยิ้ม
เขาหันหน้าและมุ่งหน้าไปตามทางสู่ค่ายทหารที่เจ็ด
ปัญหาใหญ่ที่สุดของค่ายทหารที่เจ็ดก็คือระยะทาง ดังนั้นสิ่งแรกที่ปิงต้องการทำในการบำรุงรักษาก็คือติดตั้งประตูดวงดาวบรอนซ์ มีประตูดวงดาวบรอนซ์ในค่ายทหารใหม่และค่ายทหารที่เจ็ดทั้งสองซึ่งเชื่อมถึงกัน แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพไม่สูง สามารถเทเลพอร์ตได้วันละสิบครั้ง แต่ก็ยังเป็นประโยชน์ดีที่สุดในปัจจุบัน แผนการออกแบบประตูดวงดาวบรอนซ์ที่ค้นคว้าโดยเซรีน ได้รับการแก้ไขในที่สุด
หลังจากรีบเร่งทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดปิงก็มาถึงค่ายทหารที่เจ็ด
ค่ายทหารที่เจ็ดเด่นสง่าและเงียบสงบได้กลิ่นของสนิมทองแดงลอยอยู่ในอากาศและโครงสร้างบรอนซ์ที่เป็นสนิมก็มีอยู่มากปิงหยุดยืนกับที่แหงนหน้ามองดูอาคารบรอนซ์ที่ทรุดโทรมเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องบางเรื่องหลังจากนั้นชั่วขณะเขารั้งสายตากลับ
ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาเศร้าและคิดถึงเรื่องในอดีต ข้ายังไม่ตาย
กองทัพดาวกางเขนยังไม่ล่มสลาย
ปิงมีสีหน้าหนักแน่นและยิ้มเยาะตัวเองในใจเมื่อคิดถึงบุคลิกของเขาว่ายังอ่อนแอเกินไป ถ้าเป็นผู้บัญชาการผู้มั่นคง ใจแข็งดุจเหล็กและแน่วแน่ก็คงไม่มีความคิดอ่อนแอเช่นกัน
เขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่แคล่วคล่องกระโจนอยู่ในป่าบรอนซ์
ไม่ต้องใช้เวลามาก เขาก็พบตำแหน่งของประตูดวงดาวบรอนซ์ มันถูกใช้มากในสงครามเพื่อส่งข้อมูลและข่าว เขามาถึงที่ประตูโค้งครึ่งวงกลม ประตูโค้งที่ดูอ่อนแอนี้ก็คือประตูดวงดาวบรอนซ์ คนในกองทัพขี้เกียจกันทั้งนั้น พวกเขายินดีนั่งมากกว่ายืนและยินดีนอนมากกว่านั่ง แม้แต่วิศวกรจักรกลก็พลอยติดเชื้อนี้ไปด้วย ด้วยการฝึกฝนพื้นๆนี้ทำให้อาวุธจักรกลทั้งหมดและอาวุธจักรกลอื่นๆในกองทัพดาวกางเขนใต้ไม่มีแบบตกแต่งใดๆ เลย
ออกแบบ? เวลาถูกใช้ไปกับการนอนหลับ
โชคดีที่ปิงเคยชินแล้วและไม่มีอารมณ์เชิงลบใดๆต่อสิ่งก่อสร้างบรอนซ์ ประตูโค้งบรอนซ์ถูกสนิมกัดกร่อนเป็นรู ต้องบำรุงรักษากันมาก
ปิงต้องอดทน ตามหนังสือคู่มือดูแลรักษาที่เซรีนมอบให้ เขาค่อยๆ ฟื้นฟูซ่อมแซมช้าๆ ปิงยังยินดีกับความจริงว่าเขาเคยทำงานแปลกๆ มาก่อนและนั่นเป็นจุดเชื่อมโยงทั้งหมด เมื่ออายุยังน้อยเขาเป็นคนพูดสุภาพ และทุกคนที่ไม่มีน้ำใจมักจะโยนงานของพวกเขาให้เขาทำ
หลังจากทำความสะอาด ปิงพบว่าอารมณ์เขาแปลกประหลาด ความเคลื่อนไหวของเขาชำนาญมากขึ้น
ก่อนเขาจะเดินทางเซรีนได้เตรียมตัวให้เขาโดยคาดการณ์สถานการณ์บางอย่างที่เขาอาจเจอดังนั้นเขาเตรียมตัวไว้อย่างเพียงพอ เขาตั้งใจทำและพิถีพิถัน
เวลาที่น่ากลัวผ่านไปช้าเหลือเกิน ประมาณสิบหกชั่วโมงเขาก็หยุด
ประตูโค้งบรอนซ์มองดูเหมือนของใหม่ สนิม แผลและรูหายเกลี้ยงกลายเป็นเงามันวับสะท้อนเงาของเขา เมื่อเห็นผลสำเร็จของงาน เขาแสดงความพึงพอใจ
เขาล้วงหินดวงดาวระดับแปดออกมาสามก้อน และใส่เข้าไปในประตูบรอนซ์
แสวงสว่างแพรวพราวเปล่งออกมาจากประตูโค้งกลายเป็นรูปประตูแสง ประตูโค้งครึ่งวงกลมมีแผ่นฐานเป็นบรอนซ์ บนฐานเป็นสัญลักษณ์ระบุว่าในอดีตประตูดวงดาวบรอนซ์สามารถเชื่อมโยงกับประตูดวงดาวบรอนซ์อื่นอีกหกบาน หนึ่งในนั้นสว่างเป็นเครื่องหมายถึงค่ายทหารใหม่
ปิงกระตุ้นการทำงานของประตูโค้ง ทำให้มันเลื่อนช้าๆ และเมื่อประตูโค้งถูกผลักไปถึงแท่นที่หมายประตูแสงและแสงสว่างก็สว่างวาบขึ้น
ปิงเข้าไปในประตูแสงโดยไม่ลังเล และภาพที่ปรากฏต่อหน้าเขาทำให้เขาปลื้มใจทันที
สำเร็จ!