ตอนที่ 346 โฉมงามหมิงเยี่ย
ปัง!
เพลิงเงินเพิ่มขนาดขึ้นทันทีเหมือนกับว่ามันเป็นสัตว์ป่าที่โกรธเกรี้ยวดุร้ายและมีความตั้งใจสังหารคนภายนอกที่บุกรุกเข้ามาในเขตแดนของมัน เปลวเพลิงเงินพันห่อหุ้มรอบเพลิงดำมิติว่างต้องการจะกลืนกินมันทั้งหมดแต่แกนของเพลิงดำมิติว่างไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยเหมือนกับว่ามันไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและแกนเส้นเพลิงดำมิติว่างไม่มีอะไรเปลี่ยน แม้ว่าเพลิงเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง แต่ด้ายเพลิงดำยังสะดุดตาอยู่ในเปลวเพลิงเงิน
แม้แต่จิตวิญญาณยุทธก็ไม่สามารถกระตุ้นด้ายเพลิงดำมิติว่างหรือนี่?
แต่เพลิงจิตวิญญาณยุทธเงินของเขารุนแรงและโกรธเกรี้ยวเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีประโยชน์จริงๆ อย่างนั้นจิตวิญญาณยุทธของเขาคงไม่กลายเป็นแบบนั้นแน่ แต่หลังจากผ่านไปสองวัน ด้ายเพลิงดำมิติว่างก็ยังไม่มีอะไรตอบสนอง
ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงคิดว่าคาดคะเนผิด แต่สำหรับหนุ่มน้อยจอมห้าวผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่หวั่นไหวกับการคาดคะเนของตัวเขาเองกลับยิ่งตื่นเต้นและโกรธมากขึ้น เพลิงดำมิติว่างที่มีขนาดเท่าเส้นผมบังอาจทำตัวเป็นเหมือนเจ้านายเชียวหรือ?
ถังเทียนทั้งที่ยังโกรธ เร่งเพลิงเงินของเขาด้วยพลังทั้งหมดบิดพันรอบเพลิงดำมิติว่าง
หลังจากผ่านไปห้าวันเต็ม ถังเทียนรวบรวมพลังของเขาทั้งหมดกัดฟันสู้ตายกับเพลิงดำมิติว่าง จิตวิญญาณยุทธของเขาสั่นไหว ดังนั้นเขารวบรวมพลังทั้งหมดกระตุ้นเพลิงดำต่อไป
อูหวังไห่ที่ยังอยู่ในมิติว่างเบิกตากว้างทันที “ไอ้หนูนี่มันใจถึง”
เขาเงียบไปครึ่งวันและพึมพำกับตนเอง “แต่ก็นับว่าเป็นความคิดที่น่าสนใจ และทำให้ข้ากระวนกระวายได้”
ในวันที่เจ็ด เพลิงดำมิติว่างเริ่มเปลี่ยนแปลงในที่สุด เพลิงชั้นนอกเหมือนกับยางมะตอยที่เริ่มหลอมเหลวและไหลลงเผยให้เห็นไฟโปร่งใสชั้นในเหมือนไส้ตะเกียง เมื่อเพลิงดำหายไปเพลิงโปร่งใสขนาดหนึ่งในสิบของเส้นผมปรากฏอยู่ต่อหน้าของถังเทียน
เปลวเพลิงเงินเข้มข้นเริ่มสงบลง
ใจของถังเทียนที่เต็มไปด้วยความโกรธหายไปทันที เนื่องจากเขาสังเกตเห็นชัดว่าเพลิงเงินกำลังลอยอยู่และเป็นด้ายที่โปร่งใสชัดเจน
อะไรนั่น?
อูหวังไห่ผู้อยู่ในมิติว่างมีอาการสนองตอบ เขาลืมตาทันที รังสีแสงกระจายออกผมของเขาเหมือนกับเพลิงดำเต้นพริ้วอยู่ในท้องฟ้า หน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นอย่างนี้นี่เอง! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะที่ดื้อรั้นและป่าเถื่อนค่อยๆกลายเป็นความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย หน้าของอูหวังไห่เต็มไปด้วยน้ำตา
“..มันซ่อนอยู่ในเพลิงดำมิติว่างมาโดยตลอด... ข้า อูหวังไห่ใช้เวลาทั้งชีวิตค้นหามันอยู่ภายในมิติว่างแต่ไม่ได้อะไรเลย และมันกลับถูกค้นพบโดยเด็กคนหนึ่ง! หรือว่านี่เป็นประสงค์ของฟ้า นี่คือประสงค์ของฟ้า....”
ด้ายเพลิงโปร่งใสผสานรวมกับเพลิงเงินของถังเทียน
ฟู่....!!!
เพลิงเงินพุ่งขึ้นทันทีทำให้ถังเทียนเหมือนกับถูกต่อยที่ศีรษะ และหน้าของเขามีท่าทีมึนงง
เขารู้สึกว่าจิตวิญญาณยุทธของเขามีด้ายแปลกประหลาดเส้นหนึ่ง เพลิงเงินของเขากลายเป็นเหมือนเมื่อก่อนราวกับว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ถังเทียนค้นหาอยู่ครึ่งวัน แต่ไม่พบอะไรแปลก เขาสับสนเล็กน้อย ข้าใช้เวลาไปเจ็ดวันสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยหรือนี่?
ช่างมันเถอะ ต่อให้ข้าใช้เวลาอีกเจ็ดวันและไม่รู้ว่านั่นคืออะไร ข้ายังจำเป็นต้องค้นหาให้ได้ก่อนแล้วค่อยถามคนอื่น ถังเทียนตัดสินใจไปถามปิงหรือผู้เฒ่าเฟ่ย ดังนั้นเขาโยนความสงสัยทิ้งไปก่อน และเข้าไปที่หลุมหินถล่มอีกครั้ง
หลังจากใช้เวลาหลายวันคิดค้นเขายังต้องทดลองดูเพื่อค้นหาคำตอบ
เมื่อเข้าไปในหลุมหินถล่ม ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแตกต่างออกไป
*************************
ยานโดยสารขนาดใหญ่หรูหราบินอยู่ในอากาศ ยานนั้นมีขนาดยาวร้อยเมตรและข้างหน้ามีหัวมังกรที่สง่างามและดูสดใสเหมือนมีชีวิต นั่นคือยานมังกรบินของกลุ่มดาวมังกรเป็นหนึ่งในยานพานิชของกลุ่มการค้าพัลสติลลา, กลุ่มการค้าพัลสติลลาเป็นกลุ่มการค้าใหญ่มีอิทธิพลและอำนาจมากในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ
เพื่อให้เข้าใจถึงอำนาจของหอการค้าพัลสติลลา กิจการยานขนส่งเป็นตลาดที่ใหญ่ทรงพลังและน่าเกรงขาม เดินทางขนส่งทั่วสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ ยานมังกรบินเป็นยานขนาดใหญ่บริการอยู่ในตลาดระดับสูง ภายในยานหรูหราและโอ่อ่า
ห้องน้ำชาแบบเปิดโล่ง อยู่ชั้นบนหลังคาของยานไม่มีมุมบังในด้านข้าง มองเห็นวิวที่งดงาม ยานบินอย่างรวดเร็ว แต่ห้องน้ำชายังสงบเงียบ ไม่มีการกระทบกระเทือนจากการเคลื่อนไหวและถ้านักสู้ได้ฝึกพลังสายตามองดู พวกเขาจะสามารถสังเกตเห็นชั้นพลังที่แทบจะมองไม่เห็นครอบคลุมห้องน้ำชา นั่นเป็นเพราะม่านพลังที่บางจนแทบไม่เห็นคอยป้องกันกระแสลมแรงด้านนอก
หย่งเซียนจงเลือกนั่งใกล้ทางเดินและบริกรเข้ามารับคำสั่งทันที แม้ว่ายานมังกรบินจะบินด้วยสภาพมั่นคงมาก แต่ก็ยังมีการกระเทือนบ้าง แต่บริกรคล่องแคล่วว่องไวมากเขาเข้ามาถึงอย่างเงียบและรวดเร็ว
หย่งเซียนจงชำเลืองมองดูเขา บริกรเป็นนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับห้าและรู้สึกว่ามีรากฐานที่ดีกับยานโดยสาร
หย่งเซียนจงกวาดตามองดูรายการของ และรูปจาน “เมฆแดงเพลิง”
“โปรดรอสักครู่”บริกรรับคำด้วยความเคารพ
หลังจากนั้นชั่วขณะหญิงสาวผู้งดงามดูกระตือรือร้นถือชุดชาเดินตรงมาที่หย่งเซียนจง“คุณชาย ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอ”
นางนั่งคุกเข่าและเตรียมชงชาให้เขา เขารู้สึกสนใจมองดูนางชงชา นางวางกาน้ำชาสีขาวไว้ตรงกลางใช้มือเรียวยาวขาวดุจหิมะเตรียมชาชงชาอย่างคล่องแคล่วมีด้ายสีแดงสองเส้นและมีประกายสีฟ้าขดอยู่รอบกาชา เห็นได้ชัดว่าเป็นพลังปราณแท้สายธาตุน้ำและธาตุไฟ ความเคลื่อนไหวมือของนางแม่นยำและดูเพลินตา
“คุณชาย สำหรับท่าน”
หย่งเซียนจงรับถ้วยชาและเห็นว่าภายในนั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีชั้นเมฆแดงและมีชั้นเนื่องถึงกันอย่างคาดไม่ถึง แค่ในถ้วยชาเล็กๆกลับมีความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง
หย่งเซียนจงเป็นคนที่รู้วิธีหาความสำราญเขาหัวเราะ “ขอบคุณ”
จิบชิมรสชาติความเปลี่ยนแปลงในชาและชมโฉมงามที่อยู่ต่อหน้าเขา อารมณ์หม่นหมองของหย่งเซียนจงค่อยมีความสุขขึ้น เมื่อว่าถึงเรื่องการเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่าของเขาครั้งนี้เขาอดขมขื่นใจไม่ได้
การปรากฏตัวของอาเฮ่อเขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ แต่หลังจากนั้นก็ทำให้เขาตกใจ
ปกติเขามักคิดถึงตัวเองเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์ที่มีพรสวรรค์และมีความคิดเห็นมั่นใจตนเองสูง ตั้งแต่อายุน้อย เขาไม่ค่อยได้ฝึกวิทยายุทธอย่างตรากตรำเหมือนกับศิษย์พี่ของเขาและชอบลำเอียง ในใจของเขา เขาจะเชี่ยวชาญในการดำเนินงานของสำนักอาจารย์ของเขาคือเซียนกระบี่ที่มีสถานะสูงส่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถเบ่งได้ทุกที่โดยไม่ต้องกลัวพบกับความยุ่งยาก
แต่เมื่อได้เห็นประจักษ์กลุ่มพวกบ้าหัวรั้น เขาจึงได้ตื่นขึ้นทันทีและรู้ตัวว่าเขาก็แค่คนธรรมดา
เขาไม่เคยมีความรู้สึกว่าถูกขัดขวางและเหมือนกับมีเมฆดำกลุ่มหนึ่งเข้ามาบดบังเขา
“ขออภัยคุณชาย, ข้านั่งตรงนี้ได้ไหม?”
หญิงสาวผู้งดงามขาวปานเย้ยหิมะปรากฏอยู่ในสายตาของหย่งเซียนจง ใบหน้าของนางงามสง่าและแม้แต่หย่งเซียนจงที่ชอบโอ้อวดว่าชำนาญในการตรวจสอบสตรีก็ยังตะลึงกับความงามของนางไปชั่วขณะ ใบหน้านางไม่มีตำหนิข้อบกพร่อง ผมยาวประบ่า คิ้วสีเขียวนัยน์ตาดำขลับเหมือนดวงตาทารกที่บริสุทธิ์
ดูเหมือนนางจะเคยถูกคนมองอย่างตกตะลึงมาแล้ว นางยืนรออย่างสงบเหมือนกับว่านางกำลังรอชุดของนางขาวราวหิมะไม่มีรอยเปรอะเปื้อน
หย่งเซียนจงค่อยรู้สึกตัวและตอบทันที “ขอโทษที ขอโทษที เชิญท่านตามสบาย”
บริกรหญิงที่อยู่ใกล้ๆเข้ามารินน้ำชาให้นางด้วยความเคารพทันที
สตรีผู้นั้นนั่งขัดสมาธิรับถ้วยน้ำชา นางจิบชาเบาๆ
“ข้าชื่อหย่งเซียนจงได้พบแม่นางครั้งนี้นับเป็นเกียรติของข้า แม่นางมีนามว่ากระไร?” หย่งเซียนจงถาม ใจของเขาเต็มไปด้วยความลุ่มหลง เขาได้พบสตรีมานับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยเห็นสตรีที่ทำให้เขาตะลึงมาก่อน
“หมิงเยี่ย” สตรีนางนั้นตอบ
“หมิงเยี่ย! เป็นนามที่ไพเราะจริงๆ!” หย่งเซียนจงปรบมือชื่นชม สุภาพสตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาใจเย็นและสดชื่น เหมือนกับพระจันทร์ฉายแสงไม่ใช่หรือ?(หมิงเยี่ย..แปลว่า จันทร์ฉาย)
“ข้าได้ยินคนมากมายพูดถึงเรื่องสงครามในกลุ่มดาวหมาป่าและมีความสนใจมาก ข้าเห็นว่าคุณชายหย่งเคยได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดวางท่าทาง แต่ดูเหมือนไม่ตื่นเต้น ดังนั้นข้ามาที่นี่เพราะอยากจะฟังความเห็นของคุณชาย” หมิงเยี่ยยิ้ม
หมิงเยี่ยมีนิสัยใจเย็น แค่รอยยิ้มของนางก็งดงามเหมือนดอกบัวบานแล้ว
สายตาของหย่งเซียนจงดูมีความคลั่งไคล้หลงใหลอยู่ในนั้น แต่กลับคืนสภาพปกติเหมือนก่อนทันที เขารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็มีความสงสัยเขาไม่เคยเห็นสตรีงดงามขนาดนั้นในช่วงสองสามวันก่อน ขณะอยู่บนยาน
เขามีความรู้สึกที่ดีต่อหมิงเยี่ย และอดอวดตัวไม่ได้อยู่บ้างและยิ้มอย่างมั่นใจ “แม่นางหมิงเยี่ยไม่รู้ ข้าไม่เพียงแต่ได้เห็นการต่อสู้เท่านั้น แต่ข้ายังได้เข้าร่วมการต่อสู้นั้นด้วย ดังนั้นเมื่อข้าได้ยินคนพวกนั้นคุยเรื่องไร้สาระแล้ว ข้ารู้สึกหงุดหงิด”
“โอวอย่างนั้นข้าก็หาถูกคนแล้ว”
“ข้าจะไม่ปิดบังอะไรกับแม่นางหมิงเยี่ย” หย่งเซียนจงฝืนหัวเราะ “ถ้าข้าจะต้องพูด เรื่องใหญ่ที่สุดที่เป็นบทสรุปกลับมาก็คือ ในที่สุดข้าก็ได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”
“คุณชายถ่อมตัวเกินไป” หมิงเยี่ยกล่าว
“ไม่ได้ถ่อมตัวเลย” หย่งเซียนจงส่ายศีรษะ “ศึกครั้งนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง ได้เห็นกับตาตัวเอง ข้าเองยังไม่สามารถจินตนาการได้เลย น่าเจ็บใจนัก”
เขาหยุดพูดทันที และเริ่มอธิบายรายละเอียดที่ชัดเจนของสงครามทั้งหมด
หมิงเยี่ยฟังอย่างหลงใหล และหลังจากฟังทุกอย่างแล้ว นางหัวเราะ “ข้าหวังว่าคุณชายหย่งคงสามารถอธิบายถึงคนสองสามคนได้”
หย่งเซียนจงอธิบายอย่างตื่นเต้นเหลือประมาณและไม่มีอะไรปิดบัง “เย่เฉาเกอแข็งแกร่งอย่างแท้จริงที่หาได้ยาก เขาเย็นชาและบ้าคลั่งปฏิบัติกับศัตรูและตัวเขาเองเหมือนกัน จะมีผลลัพธ์ออกมาในอีกสองวัน นั่นคือจะเป็นเซียนกระบี่หรือไม่ก็ตาย บุคลิกของเขาสุดโต่งเกินไป วิถีที่เขาเดินนั้นอันตรายมาก ถ้าไม่ตั้งใจแม้แต่เพียงเล็กน้อยเขาจะตายอย่างสยดสยอง ในสมาพันธ์ชาวยุทธมีคนรุ่นเดียวกันน้อยคนนักที่สามารถรับมือเขาได้”
“ข้าได้ยินชื่อของเย่เฉาเกอมานานแล้ว และข้อคิดเห็นของคุณชายที่มีต่อเขาก็คล้ายกับข้า” หมิงเยี่ยยกย่อง
“ถังเทียนและผองสหายของเขา ถ้าท่านพูดถึงพวกเขาเป็นรายบุคคล, พวกเขาอาจยังไม่ดีพอ ข้ายังทำความเข้าใจพวกเขาได้ไม่มาก แต่ที่พวกเขาทำให้ข้าประทับใจมากที่สุดก็คือความสามัคคีของพวกเขา ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็น กลุ่มนั้นประกอบไปด้วยอัจฉริยะหลายคนจึงมีความเหนียวแน่นอย่างน่าทึ่ง”
หย่งเซียนจงยังคงยกย่องต่อไป “ว่ากันถึงในแง่วิทยายุทธ มาตรฐานของข้ายังต่ำเกินไปและคำพูดของข้าไม่มีค่า แต่หลังอยู่ในตระกูลที่ทำธุรกิจมาสองสามปี ข้าเรียนรู้ได้มาก ข้ามองเห็นพลังของธุรกิจว่ายิ่งใหญ่ แต่ไม่มีกลุ่มไหนเทียบได้กับพวกเขาเลย ถ้าพวกเขาจะเริ่มทำธุรกิจ ข้าจะร่วมทำธุรกิจกับพวกเขาทันทีและจะเป็นพันธมิตรการค้ากับพวกเขา”
ประกายวูบหนึ่งฉายผ่านดวงตาหมิงเยี่ยโดยไม่ทันได้สังเกตแต่ก็หายไปทันที นางหัวเราะ“ถ้าพวกเขารู้ว่าคุณชายหย่งชื่นชมพวกเขามากเพียงไหน พวกเขาคงจะปลื้มใจจนน้ำตาคลอเป็นแน่”
“ดึกแล้วหมิงเยี่ยเพลียจริงๆ คุณชาย,ราตรีสวัสดิ์”
หมิงเยี่ยโบกมืออำลาหย่งเซียนจง
หย่งเซียนจงได้แต่เพียงส่งหมิงเยี่ยกลับเข้าห้องนางอย่างไม่เต็มใจนัก