ตอนที่ 345 ไตร่ตรองและตรวจตรา
ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดในบันทึกที่สามยิ่งแปลกมากกว่า ฝ่ามือของเขาเหมือนมีพลังดึงดูด เขาสามารถใช้ประโยชน์จากรังสีกระบี่ที่ปล่อยออกมาจากคู่ต่อสู้ของเขาได้ พื้นที่ใต้เท้าเขาเหมือนกับสวมสเก็ตน้ำแข็ง คู่ต่อสู้ได้แต่มองอย่างสิ้นหวังขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาสั้นลงๆและจากนั้นเขาก็ถูกฆ่า
ถังเทียนมองดูภาพบันทึกทั้งสาม โดยเฉพาะสองบันทึกแรกให้ประโยชน์กับเขามาก
ตัวอย่างเช่นภาพบันทึกที่สองซึ่งแยกร่างได้เป็นหกร่าง เขารู้จักท่านั้น พันกระเรียนบรรจบสังหาร
แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะใช้ในรูปแบบนั้นได้ ดังนั้นถังเทียนตบหน้าผากตัวเองอย่างต่อเนื่อง ความจริงเขาฉลาดไม่พอเอง
เขาดูภาพบันทึกที่สามอย่างสับสนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนลืมวันลืมคืน เขารู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ฉลาด ดังนั้นเขาจึงได้แต่ดูซ้ำๆ กัน ตรวจดูรายละเอียดช้าๆใคร่ครวญถึงรายละเอียดทั้งหมด ในช่วงเวลาสั้นๆดูเหมือนว่าเขาย้อนเวลากลับไปช่วงที่เขาฝึกฝนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานของเขา เวลานั้นเขาฝึกหนักเหมือนกัน
หลังจากมองดูนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็จับเคล็ดได้สองสามอย่าง
ตัวอย่างเช่นจังหวะ ช่วงเวลาโจมตีในบันทึกของยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดมักจะเกิดขึ้นเมื่อจังหวะของคู่ต่อสู้สับสน แค่ช่วงเวลานั้นสองคนในสองบันทึกแรกฉวยโอกาสที่จังหวะของพวกเขาเปลี่ยนฉับพลันทำให้คู่ต่อสู้เกิดอาการแตกตื่น สำหรับนักสู้ในบันทึกที่สามเหมือนกับว่าเขากำลังสะสมพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช้าๆแต่ส่งผลกดดันต่อคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงทำให้ศัตรูแตกตื่น
ไม่ว่าจะเป็นภาพบันทึกใดๆก็ตาม ความจริงก็คือพวกเขาทำให้ศัตรูปรับเปลี่ยนเข้ามาอยู่ในจังหวะของตัวพวกเขาเอง
เมื่อแนวโน้มความได้เปรียบของศัตรูถูกทำลาย พวกเขาจะเผยจุดอ่อนออกมา ดังนั้เนการโจมตีที่ตามมาจะทรงพลังมาก สามารถบรรลุมาตรฐาน “รุกหนึ่งครา ฆ่าหนึ่งคน”
นั่นคือลักษณะของยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากคิดเป็นเวลานาน ถังเทียนจึงค่อยๆ จัดลำดับแผนความคิดในใจหลังจากนั้นเขาได้บทสรุปสองจุด
ประการแรกเขาจะต้องมีทักษะสกัดควบคุมที่แข็งแกร่งมากสามารถอดทนจนเข้าไปใกล้ตัวของฝ่ายตรงข้ามได้
ประการที่สองหลังจากเข้าประชิดแล้ว เขาจะต้องมีความเร็วสูงมากจนสามารถจบการต่อสู้ได้ทันที
ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดไม่ใช่เป็นแค่เพียงนักสู้ที่ต้องเข้าไปต่อสู้ใกล้ๆเท่านั้น แต่ทันทีที่เขาเข้าประชิดตัวได้แล้วต้องแก้ปัญหาได้ทันที
ท่าเท้าลมพรางของเขาเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นอย่างหนึ่ง อาจจะไม่ไวที่สุด แต่ก็เหมาะกับการลอบโจมตีและหลบหลีก แต่เมื่อวิชาตัวเบาของคู่ต่อสู้ดี อย่างนั้นก็จะอาศัยวิชานี้ใช้กักกันได้
กรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นวิชาที่แข็งแกร่งแต่เหมาะสำหรับจบการต่อสู้และไม่เหมาะสำหรับการป้องกันตั้งรับรังสีโจมตีของคู่ต่อสู้ เพราะการปะทะกันของปราณแท้จะขัดขวางการก้าวหน้าของเขา
ถังเทียนคิดเรื่องพึ่งพาวิชาโล่อากาศโจมตี แต่เขารู้สึกว่ามันควรจะใช้ร่วมกับโล่ตะลุยเลือดมากกว่าและมีขีดจำกัดเรื่องเวลามาก โล่ตะลุยเลือดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้โดยกองทัพดาวคนแบกงูและมวลพลังของมันก็นับว่าไม่เลวนัก สามารถเอามาใช้รับมือนักสู้ธรรมดา แต่จะใช้ต่อต้านเย่เฉาเกอนับว่ายังไม่เพียงพอ โล่ตะลุยเลือดไม่สามารถทนรับปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอได้
ปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอมีพลังหนาแน่นมากและอาจทำลายโล่ตะลุยเลือดได้ทันที
ถังเทียนเปลี่ยนภาพศัตรูในใจเป็นเย่เฉาเกอ
เมื่อคิดว่าโล่ตะลุยเลือดไม่สามารถรับมือเย่เฉาเกอได้ ถังเทียนคิดหาทางอื่น เขาจำเป็นต้องหาวิธีป้องกันปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอและต้องขมวดคิ้วเนื่องจากเขาคิดหาวิธีอย่างยากลำบาก
ไม่สามารถคิดว่าวิธีเอาชนะได้เขาไม่รู้ว่าคนนับไม่ถ้วนค้นคว้าเรื่องปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอก่อนจะคิดหาทางแก้ได้ แต่ทุกคนที่รู้นั้นมีไม่กี่คนและเป็นยอดฝีมือในสวรรค์วิถีทั้งนั้น
แต่ถังเทียนไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ เขาลูบคางและเค้นสมองทำไมปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอถึงรับมือได้ยากนัก? ถังเทียนตัดสินใจใช้การฝึกโง่ๆ แก้ปัญหาจุดสำคัญของที่ทรงพลังที่สุดของปราณกระบี่ไร้สภาพก็คือมีพลังหนาแน่น คำว่าพลังหนาแน่นไม่ถือว่าเป็นการพูดเกินจริง อาโมรี่ผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในกลุ่มเมื่อเผชิญกับปราณกระบี่ไร้สภาพ ก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บสูญเสียพลัง
นอกจากนี้กระบี่ของเย่เฉาเกอไวเหมือนสายน้ำตกและเขาปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมาแน่นขนัดเต็มท้องฟ้า เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องกระตุ้นปราณแท้แม้แต่น้อยสามารถระดมปล่อยรังสีกระบี่ออกมาได้อย่างง่ายดาย
เย่เฉาเกอต้องกระตุ้นปราณแท้ออกมาแน่นอน เพียงแต่วิธีการของเขาใช้แบบไม่เป็นทางการ
เป็นไปได้ไหมว่าโล่อากาศโจมตีจะสามารถรับมือปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอ? ถังเทียนคิดอยู่นาน และรู้สึกว่าคงไม่ได้ โล่อากาศโจมตีเป็นวิธีการที่จำเป็นต้องใช้โล่ และที่สำคัญยิ่งกว่านี่เป็นวิชาที่มีแนวโน้มใช้รุกโจมตี
ใช้รุกต้านรุก?
ถังเทียนลูบคางและดำดิ่งอยู่กับความคิด
สำหรับทุกคนใช้การรุกโจมตีของเย่เฉาเกอด้วยการรุกต่อสู้ไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน เย่เฉาเกอเป็คนบ้า และเขาเป็นคนที่ไม่ตระหนักถึงผลพวงที่ตามมาอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับว่าเขาสามารถทำลายตัวเองได้ในกระบวนการโจมตีนี้ ด้วยบุคลิกที่บ้าคลั่งจึงเป็นตัวกำหนดรูปแบบโจมตีของเขาซึ่งทำให้การโจมตีของเขามีพลังมากและไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
ถังเทียนไม่ได้กริ่งเกรงศักดิ์ศีรของเย่เฉาเกอเลย แต่กระตือรือร้นพยายามต้านทานเขา
ความคิดนั้นทำให้เขาตื่นเต้น การเผชิญกับเย่เฉาเกอ ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจะให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นดีใจ
แต่เขาไม่ได้สูญเสียเหตุผล แม้หลังจากตัดสินใจโจมตีสู้กับพลังโจมตีของเย่เฉาเกอ ลักษณะของการโจมตีก็ต้องเอามาพิจารณา การรุกโจมตีของเย่เฉาเกอนั้นบ้าคลั่งไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ทั้งหมดเกิดจากบุคลิกและร่างกายที่แปลกและอมตะของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีจุดอ่อน เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงทำให้เขาเน้นในการรุกโจมตีมากขึ้น
ถังเทียนไม่เชื่อว่าจะมีร่างที่อมตะอย่างแท้จริง แต่เขาก็ต้องยอมรับ ลักษณะการโจมตีที่บ้าคลั่งนั้นเหมาะกับเย่เฉาเกอ
เขามีร่างกายที่ธรรมดาสามารถหลั่งเลือดได้ รู้สึกเจ็บปวดได้ ตายได้และการได้รับบาดเจ็บอาจทำให้พลังต่อสู้ของเขาลดลง
ดังนั้นเขาควรจะบุกต่ออย่างไร?
ทำยังไงจึงจะดีที่สุดถังเทียนฝืนหัวเราะ ถ้าเป็นในอดีตเขาคงบอกว่าใช้สัญชาตญาณแน่นอน จะรับมือนักสู้ธรรมดา ถังเทียนจะใช้สัญชาตญาณระดับสูงทำให้เขาเป็นเหมือนสายน้ำ แต่เมื่อเผชิญกับคู่ต่อสู้อย่างเย่เฉาเกอสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งของเขาไม่สามารถมองเห็นได้
ใช่แล้วแม้ว่าข้าไม่สามารถเห็นได้ แต่สัญชาตญาณของข้าคือจุดแข็งที่แท้จริงของข้า
ข้าต้องคิดหาวิธีเพิ่มพลังสัญชาตญาณของข้า หลังจากมองภาพสองสามชุดแล้ว ถังเทียนเข้าใจว่าเขาไม่ได้เอาชนะในทุกด้าน แต่แค่ต้องการบางอย่างที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้ และนั่นจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะ
ถ้าเขาอ่อนแอด้อยกว่าทุกด้านเว้นแต่คู่ต่อสู้ทำผิดพลาด เขาคงไม่มีโอกาสชนะแน่นอน
ในเวลาอันรวดเร็วถังเทียนยืนยันเป้าหมายยกระดับพลังสัญชาตญาณของเขาเป็นขั้นตอนแรก ขั้นต่อไปคือหาวิทยายุทธที่สามารถต้านรับปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอ เป้าหมายทั้งสองนี้ไม่อาจบรรลุได้ง่ายๆ หาซื้อวิทยายุทธเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากเขาไม่อัตคัดเงินทองเขาแค่บอกติงตังให้ทราบ
จะเพิ่มพลังสัญชาตญาณก็หมายความว่าเขาจำเป็นต้องให้จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาแข็งแกร่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วถังเทียนหลั่งเหงื่อเยือกเย็น ตั้งแต่จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาเป็นพลังระดับเงิน เขาไม่ได้ให้ความสนใจมาเป็นเวลานานแล้ว เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือเขาจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกนาน และตรงกันข้าม เป็นความประมาทของตัวเขาเอง เขามักรู้สึกว่าจิตวิญญาณยุทธเงินของเขาแข็งแกร่งมากพอแล้ว มากกว่านักสู้คนอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันของเขา เขาจำเป็นต้องแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองและนั่นสำคัญมากกว่า
การเพิ่มพลังจิตวิญญาณยุทธจำเป็นต้องใช้เม็ดพลังวิญญาณ จิตวิญญาณยุทธของถังเทียนเป็นเพลิงสีเงิน ซึ่งเหมาะกับเม็ดพลังวิญญาณยุทธปรับแต่ง
ต้องเสริมพลังของจิตวิญญาณยุทธ
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นความสงสัยอีกข้อก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา จิตวิญญาณยุทธระดับเงินของเขาอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ แต่น่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเย่เฉาเกอ ดังนั้นทำไมสัญชาตญาณของเขาจึงถูกข่มเล่า
เว้นแต่มีเรื่องลึกลับอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?
เมื่อคิดถึงเรื่องเช่นนั้นถังเทียนถึงกับตื่นเต้นทันที เขารู้สึกว่าเขาพบจุดสำคัญ ความเกี่ยวข้องระหว่างจิตวิญญาณยุทธและสัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องง่าย
ถังเทียนคิดถึงเรื่องสภาพใจในขณะกำลังต่อสู้ และความคิดของเขาสั่นคลอน เนื่องจากมีความคิดที่โง่เขลาออกมา
ถังเทียนหันไปทางหลุมดาวตก
ปังปัง ปัง!
เมื่อถังเทียนออกมามีสภาพที่น่ากลัว แต่หน้าของเขามีความสุข การฝึกฝนยืนยันความคิดของเขาสัญชาตญาณและสภาพจิตใจของเขาเกี่ยวข้องกันอย่างใหญ่หลวง
ภายใต้เงื่อนไขทั้งสองนั้นสัญชาตญาณของเขาจะแข็งแกร่งที่สุด นั่นคือต้องอยู่ภายใต้ความตื่นเต้นและเขาต้องมีความสงบมากและในสภาพใจที่ธรรมดา สัญชาตญาณของเขาจะต่ำ ภายใต้ความรู้สึกทั้งสองนี้ จึงทำให้สัญชาตญาณมีความแตกต่างกัน สัญชาตญาณภายใต้ความตื่นเต้นจะมีบุคลิกลักษณะก้าวร้าว เขามักเลือกลักษณะก้าวร้าวเป็นตัวเลือกอยู่เสมอ ขณะที่ภายใต้ความสงบมากทำให้เขามีทางเลือกมากขึ้นและรอฉวยโอกาสจากจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
การฝึกฝนของเขาก่อนหน้านั้นความจริงถือว่าไม่ถูกต้อง
การฝึกกระตุ้นสัญชาตญาณและกระตุ้นความอดทนคนจะใช้เวลาสั้นและเข้มข้น
เงื่อนไขสัญชาตญาณทั้งสองนั้น ถังเทียนเลือกสภาวะที่ใจตื่นเต้นโดยไม่ลังเล การชิงเป็นฝ่ายรุกถือว่าเหมาะกับหนุ่มชาวฟ้าแล้ว
จะสร้างความตื่นเต้นให้เขามากมายเพียงไหน?
ตื่นเต้นเป็นสภาวะของจิตใจ และเป็นเรื่องยากจะปั้นอารมณ์และความรู้สึกขึ้นมาได้
ถังเทียนเค้นสมองและในที่สุดก็คิดถึงเพลิงดำมิติว่างในร่างของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับกระบี่อีกก็ตามแต่วิชากระบี่และข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาในใจของเขาก็ยังไม่หายไป ดังนั้นเขาจึงมีความเข้าใจเพลิงดำมิติว่าง
เพลิงดำมิติว่างคือคือพลังงานบ้าดีเดือดชนิดหนึ่งในมิติว่าง นอกจากอูหวังไห่แล้วไม่มีคนอื่นที่ใช้พลังงานบ้าดีเดือดนี้ได้
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนเอาใจใส่มากขึ้นก็คือเพลิงดำมิติว่างสามารถทำร้ายจิตวิญญาณบุคคลได้โดยตรงและคนที่ถูกเพลิงดำมิติว่างทำร้ายอาจกลายเป็นบ้าคลั่งหรือแตกตื่นก็ได้
เพลิงดำมิติว่าสามารถทำให้คนแตกตื่น
ลักษณะเฉพาะนี้ทำให้ตาถังเทียนเป็นประกาย แต่เขาจะใช้ลักษณะเฉพาะของเพลิงดำมิติว่างนี้ได้อย่างไร เขาค้นหาข้อมูลในใจเขาเกี่ยวกับเพลิงดำมิติว่างอย่างระมัดระวัง อูหวังไห่เป็นคนแรกที่สามารถใช้เพลิงนี้ ขณะที่วิทยายุทธหลายอย่างที่คาดไม่ถึงทำให้นัยน์ตาของถังเทียนเบิกกว้าง
ข้อมูลในใจถังเทียนเริ่มชัดเจนขึ้น
เพลิงดำมิติว่างเป็นเปลวเพลิงรูปแบบหนึ่ง จิตวิญญาณพลังยุทธของข้ายังคงเป็นเปลวเพลิงเงิน ถ้าข้าผสมเข้ากับเพลิงดำมิติว่าง จะได้ผลออกมาเป็นยังไง?
ความคิดนี้เช่นนี้เย้ายวนใจมาก วิชากระบี่ของอูหวังไห่ภายในตัว มีสองสามวิชาที่ใช้กับเพลิงดำมิติว่างและคล้ายกับกระบวนความคิดของถังเทียน เพียงแต่อูหวังไห่ใช้เพลิงดำมิติว่างเพื่อผสมกับเลือดและเนื้อของเขาทำให้เขาบ้าระห่ำมากขึ้น
ถังเทียนตัดสินใจทดสอบดู เขาเปลี่ยนจิตวิญญาณยุทธเป็นเพลิงสีเงินในมือและคว้าเพลิงดำมิติว่างออกมาสายหนึ่ง
ถังเทียนไม่ได้โง่ขนาดหนัก เขาไม่กล้าคว้าเพลิงดำมิติว่างออกมามาก เขาแค่คว้าออกมาแค่เพียงสายด้ายบางๆ
ทันทีที่เพลิงเงินและเพลิงดำมีปฏิกิริยาต่อกัน มีการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดเกิดขึ้น