ตอนที่แล้วตอนที่ 344 ยอดฝีมือระยะประชิดคืออะไร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 346 โฉมงามหมิงเยี่ย

ตอนที่ 345 ไตร่ตรองและตรวจตรา


ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดในบันทึกที่สามยิ่งแปลกมากกว่า  ฝ่ามือของเขาเหมือนมีพลังดึงดูด เขาสามารถใช้ประโยชน์จากรังสีกระบี่ที่ปล่อยออกมาจากคู่ต่อสู้ของเขาได้   พื้นที่ใต้เท้าเขาเหมือนกับสวมสเก็ตน้ำแข็ง คู่ต่อสู้ได้แต่มองอย่างสิ้นหวังขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาสั้นลงๆและจากนั้นเขาก็ถูกฆ่า

ถังเทียนมองดูภาพบันทึกทั้งสาม  โดยเฉพาะสองบันทึกแรกให้ประโยชน์กับเขามาก

ตัวอย่างเช่นภาพบันทึกที่สองซึ่งแยกร่างได้เป็นหกร่าง เขารู้จักท่านั้น พันกระเรียนบรรจบสังหาร

แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะใช้ในรูปแบบนั้นได้ ดังนั้นถังเทียนตบหน้าผากตัวเองอย่างต่อเนื่อง  ความจริงเขาฉลาดไม่พอเอง

เขาดูภาพบันทึกที่สามอย่างสับสนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนลืมวันลืมคืน  เขารู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ฉลาด  ดังนั้นเขาจึงได้แต่ดูซ้ำๆ กัน ตรวจดูรายละเอียดช้าๆใคร่ครวญถึงรายละเอียดทั้งหมด ในช่วงเวลาสั้นๆดูเหมือนว่าเขาย้อนเวลากลับไปช่วงที่เขาฝึกฝนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานของเขา  เวลานั้นเขาฝึกหนักเหมือนกัน

หลังจากมองดูนับครั้งไม่ถ้วน  ในที่สุดเขาก็จับเคล็ดได้สองสามอย่าง

ตัวอย่างเช่นจังหวะ ช่วงเวลาโจมตีในบันทึกของยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดมักจะเกิดขึ้นเมื่อจังหวะของคู่ต่อสู้สับสน  แค่ช่วงเวลานั้นสองคนในสองบันทึกแรกฉวยโอกาสที่จังหวะของพวกเขาเปลี่ยนฉับพลันทำให้คู่ต่อสู้เกิดอาการแตกตื่น  สำหรับนักสู้ในบันทึกที่สามเหมือนกับว่าเขากำลังสะสมพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช้าๆแต่ส่งผลกดดันต่อคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงทำให้ศัตรูแตกตื่น

ไม่ว่าจะเป็นภาพบันทึกใดๆก็ตาม ความจริงก็คือพวกเขาทำให้ศัตรูปรับเปลี่ยนเข้ามาอยู่ในจังหวะของตัวพวกเขาเอง

เมื่อแนวโน้มความได้เปรียบของศัตรูถูกทำลาย  พวกเขาจะเผยจุดอ่อนออกมา  ดังนั้เนการโจมตีที่ตามมาจะทรงพลังมาก  สามารถบรรลุมาตรฐาน “รุกหนึ่งครา ฆ่าหนึ่งคน”

นั่นคือลักษณะของยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญ

หลังจากคิดเป็นเวลานาน  ถังเทียนจึงค่อยๆ จัดลำดับแผนความคิดในใจหลังจากนั้นเขาได้บทสรุปสองจุด

ประการแรกเขาจะต้องมีทักษะสกัดควบคุมที่แข็งแกร่งมากสามารถอดทนจนเข้าไปใกล้ตัวของฝ่ายตรงข้ามได้

ประการที่สองหลังจากเข้าประชิดแล้ว เขาจะต้องมีความเร็วสูงมากจนสามารถจบการต่อสู้ได้ทันที

ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดไม่ใช่เป็นแค่เพียงนักสู้ที่ต้องเข้าไปต่อสู้ใกล้ๆเท่านั้น แต่ทันทีที่เขาเข้าประชิดตัวได้แล้วต้องแก้ปัญหาได้ทันที

ท่าเท้าลมพรางของเขาเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นอย่างหนึ่ง  อาจจะไม่ไวที่สุด  แต่ก็เหมาะกับการลอบโจมตีและหลบหลีก  แต่เมื่อวิชาตัวเบาของคู่ต่อสู้ดี อย่างนั้นก็จะอาศัยวิชานี้ใช้กักกันได้

กรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นวิชาที่แข็งแกร่งแต่เหมาะสำหรับจบการต่อสู้และไม่เหมาะสำหรับการป้องกันตั้งรับรังสีโจมตีของคู่ต่อสู้ เพราะการปะทะกันของปราณแท้จะขัดขวางการก้าวหน้าของเขา

ถังเทียนคิดเรื่องพึ่งพาวิชาโล่อากาศโจมตี แต่เขารู้สึกว่ามันควรจะใช้ร่วมกับโล่ตะลุยเลือดมากกว่าและมีขีดจำกัดเรื่องเวลามาก โล่ตะลุยเลือดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้โดยกองทัพดาวคนแบกงูและมวลพลังของมันก็นับว่าไม่เลวนัก  สามารถเอามาใช้รับมือนักสู้ธรรมดา  แต่จะใช้ต่อต้านเย่เฉาเกอนับว่ายังไม่เพียงพอ โล่ตะลุยเลือดไม่สามารถทนรับปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอได้

ปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอมีพลังหนาแน่นมากและอาจทำลายโล่ตะลุยเลือดได้ทันที

ถังเทียนเปลี่ยนภาพศัตรูในใจเป็นเย่เฉาเกอ

เมื่อคิดว่าโล่ตะลุยเลือดไม่สามารถรับมือเย่เฉาเกอได้  ถังเทียนคิดหาทางอื่น  เขาจำเป็นต้องหาวิธีป้องกันปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอและต้องขมวดคิ้วเนื่องจากเขาคิดหาวิธีอย่างยากลำบาก

ไม่สามารถคิดว่าวิธีเอาชนะได้เขาไม่รู้ว่าคนนับไม่ถ้วนค้นคว้าเรื่องปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอก่อนจะคิดหาทางแก้ได้  แต่ทุกคนที่รู้นั้นมีไม่กี่คนและเป็นยอดฝีมือในสวรรค์วิถีทั้งนั้น

แต่ถังเทียนไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้  เขาลูบคางและเค้นสมองทำไมปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอถึงรับมือได้ยากนัก?  ถังเทียนตัดสินใจใช้การฝึกโง่ๆ แก้ปัญหาจุดสำคัญของที่ทรงพลังที่สุดของปราณกระบี่ไร้สภาพก็คือมีพลังหนาแน่น คำว่าพลังหนาแน่นไม่ถือว่าเป็นการพูดเกินจริง  อาโมรี่ผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในกลุ่มเมื่อเผชิญกับปราณกระบี่ไร้สภาพ ก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บสูญเสียพลัง

นอกจากนี้กระบี่ของเย่เฉาเกอไวเหมือนสายน้ำตกและเขาปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมาแน่นขนัดเต็มท้องฟ้า  เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องกระตุ้นปราณแท้แม้แต่น้อยสามารถระดมปล่อยรังสีกระบี่ออกมาได้อย่างง่ายดาย

เย่เฉาเกอต้องกระตุ้นปราณแท้ออกมาแน่นอน  เพียงแต่วิธีการของเขาใช้แบบไม่เป็นทางการ

เป็นไปได้ไหมว่าโล่อากาศโจมตีจะสามารถรับมือปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอ?  ถังเทียนคิดอยู่นาน และรู้สึกว่าคงไม่ได้ โล่อากาศโจมตีเป็นวิธีการที่จำเป็นต้องใช้โล่ และที่สำคัญยิ่งกว่านี่เป็นวิชาที่มีแนวโน้มใช้รุกโจมตี

ใช้รุกต้านรุก?

ถังเทียนลูบคางและดำดิ่งอยู่กับความคิด

สำหรับทุกคนใช้การรุกโจมตีของเย่เฉาเกอด้วยการรุกต่อสู้ไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน  เย่เฉาเกอเป็คนบ้า  และเขาเป็นคนที่ไม่ตระหนักถึงผลพวงที่ตามมาอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับว่าเขาสามารถทำลายตัวเองได้ในกระบวนการโจมตีนี้  ด้วยบุคลิกที่บ้าคลั่งจึงเป็นตัวกำหนดรูปแบบโจมตีของเขาซึ่งทำให้การโจมตีของเขามีพลังมากและไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น

ถังเทียนไม่ได้กริ่งเกรงศักดิ์ศีรของเย่เฉาเกอเลย  แต่กระตือรือร้นพยายามต้านทานเขา

ความคิดนั้นทำให้เขาตื่นเต้น  การเผชิญกับเย่เฉาเกอ ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจะให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นดีใจ

แต่เขาไม่ได้สูญเสียเหตุผล  แม้หลังจากตัดสินใจโจมตีสู้กับพลังโจมตีของเย่เฉาเกอ  ลักษณะของการโจมตีก็ต้องเอามาพิจารณา  การรุกโจมตีของเย่เฉาเกอนั้นบ้าคลั่งไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ทั้งหมดเกิดจากบุคลิกและร่างกายที่แปลกและอมตะของเขา

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีจุดอ่อน  เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ  ดังนั้นจึงทำให้เขาเน้นในการรุกโจมตีมากขึ้น

ถังเทียนไม่เชื่อว่าจะมีร่างที่อมตะอย่างแท้จริง  แต่เขาก็ต้องยอมรับ  ลักษณะการโจมตีที่บ้าคลั่งนั้นเหมาะกับเย่เฉาเกอ

เขามีร่างกายที่ธรรมดาสามารถหลั่งเลือดได้ รู้สึกเจ็บปวดได้ ตายได้และการได้รับบาดเจ็บอาจทำให้พลังต่อสู้ของเขาลดลง

ดังนั้นเขาควรจะบุกต่ออย่างไร?

ทำยังไงจึงจะดีที่สุดถังเทียนฝืนหัวเราะ  ถ้าเป็นในอดีตเขาคงบอกว่าใช้สัญชาตญาณแน่นอน จะรับมือนักสู้ธรรมดา ถังเทียนจะใช้สัญชาตญาณระดับสูงทำให้เขาเป็นเหมือนสายน้ำ  แต่เมื่อเผชิญกับคู่ต่อสู้อย่างเย่เฉาเกอสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งของเขาไม่สามารถมองเห็นได้

ใช่แล้วแม้ว่าข้าไม่สามารถเห็นได้ แต่สัญชาตญาณของข้าคือจุดแข็งที่แท้จริงของข้า

ข้าต้องคิดหาวิธีเพิ่มพลังสัญชาตญาณของข้า  หลังจากมองภาพสองสามชุดแล้ว  ถังเทียนเข้าใจว่าเขาไม่ได้เอาชนะในทุกด้าน แต่แค่ต้องการบางอย่างที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้ และนั่นจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะ

ถ้าเขาอ่อนแอด้อยกว่าทุกด้านเว้นแต่คู่ต่อสู้ทำผิดพลาด เขาคงไม่มีโอกาสชนะแน่นอน

ในเวลาอันรวดเร็วถังเทียนยืนยันเป้าหมายยกระดับพลังสัญชาตญาณของเขาเป็นขั้นตอนแรก ขั้นต่อไปคือหาวิทยายุทธที่สามารถต้านรับปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอ  เป้าหมายทั้งสองนี้ไม่อาจบรรลุได้ง่ายๆ  หาซื้อวิทยายุทธเป็นเรื่องง่าย  เนื่องจากเขาไม่อัตคัดเงินทองเขาแค่บอกติงตังให้ทราบ

จะเพิ่มพลังสัญชาตญาณก็หมายความว่าเขาจำเป็นต้องให้จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาแข็งแกร่ง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วถังเทียนหลั่งเหงื่อเยือกเย็น ตั้งแต่จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาเป็นพลังระดับเงิน เขาไม่ได้ให้ความสนใจมาเป็นเวลานานแล้ว เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือเขาจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกนาน  และตรงกันข้าม เป็นความประมาทของตัวเขาเอง เขามักรู้สึกว่าจิตวิญญาณยุทธเงินของเขาแข็งแกร่งมากพอแล้ว  มากกว่านักสู้คนอื่นๆ  ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันของเขา  เขาจำเป็นต้องแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองและนั่นสำคัญมากกว่า

การเพิ่มพลังจิตวิญญาณยุทธจำเป็นต้องใช้เม็ดพลังวิญญาณ  จิตวิญญาณยุทธของถังเทียนเป็นเพลิงสีเงิน  ซึ่งเหมาะกับเม็ดพลังวิญญาณยุทธปรับแต่ง

ต้องเสริมพลังของจิตวิญญาณยุทธ

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นความสงสัยอีกข้อก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา จิตวิญญาณยุทธระดับเงินของเขาอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ  แต่น่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเย่เฉาเกอ  ดังนั้นทำไมสัญชาตญาณของเขาจึงถูกข่มเล่า

เว้นแต่มีเรื่องลึกลับอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?

เมื่อคิดถึงเรื่องเช่นนั้นถังเทียนถึงกับตื่นเต้นทันที เขารู้สึกว่าเขาพบจุดสำคัญ ความเกี่ยวข้องระหว่างจิตวิญญาณยุทธและสัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องง่าย

ถังเทียนคิดถึงเรื่องสภาพใจในขณะกำลังต่อสู้  และความคิดของเขาสั่นคลอน  เนื่องจากมีความคิดที่โง่เขลาออกมา

ถังเทียนหันไปทางหลุมดาวตก

ปังปัง ปัง!

เมื่อถังเทียนออกมามีสภาพที่น่ากลัว แต่หน้าของเขามีความสุข การฝึกฝนยืนยันความคิดของเขาสัญชาตญาณและสภาพจิตใจของเขาเกี่ยวข้องกันอย่างใหญ่หลวง

ภายใต้เงื่อนไขทั้งสองนั้นสัญชาตญาณของเขาจะแข็งแกร่งที่สุด  นั่นคือต้องอยู่ภายใต้ความตื่นเต้นและเขาต้องมีความสงบมากและในสภาพใจที่ธรรมดา สัญชาตญาณของเขาจะต่ำ ภายใต้ความรู้สึกทั้งสองนี้ จึงทำให้สัญชาตญาณมีความแตกต่างกัน สัญชาตญาณภายใต้ความตื่นเต้นจะมีบุคลิกลักษณะก้าวร้าว เขามักเลือกลักษณะก้าวร้าวเป็นตัวเลือกอยู่เสมอ  ขณะที่ภายใต้ความสงบมากทำให้เขามีทางเลือกมากขึ้นและรอฉวยโอกาสจากจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

การฝึกฝนของเขาก่อนหน้านั้นความจริงถือว่าไม่ถูกต้อง

การฝึกกระตุ้นสัญชาตญาณและกระตุ้นความอดทนคนจะใช้เวลาสั้นและเข้มข้น

เงื่อนไขสัญชาตญาณทั้งสองนั้น ถังเทียนเลือกสภาวะที่ใจตื่นเต้นโดยไม่ลังเล  การชิงเป็นฝ่ายรุกถือว่าเหมาะกับหนุ่มชาวฟ้าแล้ว

จะสร้างความตื่นเต้นให้เขามากมายเพียงไหน?

ตื่นเต้นเป็นสภาวะของจิตใจ และเป็นเรื่องยากจะปั้นอารมณ์และความรู้สึกขึ้นมาได้

ถังเทียนเค้นสมองและในที่สุดก็คิดถึงเพลิงดำมิติว่างในร่างของเขา  แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับกระบี่อีกก็ตามแต่วิชากระบี่และข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาในใจของเขาก็ยังไม่หายไป  ดังนั้นเขาจึงมีความเข้าใจเพลิงดำมิติว่าง

เพลิงดำมิติว่างคือคือพลังงานบ้าดีเดือดชนิดหนึ่งในมิติว่าง นอกจากอูหวังไห่แล้วไม่มีคนอื่นที่ใช้พลังงานบ้าดีเดือดนี้ได้

สิ่งที่ทำให้ถังเทียนเอาใจใส่มากขึ้นก็คือเพลิงดำมิติว่างสามารถทำร้ายจิตวิญญาณบุคคลได้โดยตรงและคนที่ถูกเพลิงดำมิติว่างทำร้ายอาจกลายเป็นบ้าคลั่งหรือแตกตื่นก็ได้

เพลิงดำมิติว่าสามารถทำให้คนแตกตื่น

ลักษณะเฉพาะนี้ทำให้ตาถังเทียนเป็นประกาย แต่เขาจะใช้ลักษณะเฉพาะของเพลิงดำมิติว่างนี้ได้อย่างไร  เขาค้นหาข้อมูลในใจเขาเกี่ยวกับเพลิงดำมิติว่างอย่างระมัดระวัง  อูหวังไห่เป็นคนแรกที่สามารถใช้เพลิงนี้ ขณะที่วิทยายุทธหลายอย่างที่คาดไม่ถึงทำให้นัยน์ตาของถังเทียนเบิกกว้าง

ข้อมูลในใจถังเทียนเริ่มชัดเจนขึ้น

เพลิงดำมิติว่างเป็นเปลวเพลิงรูปแบบหนึ่ง จิตวิญญาณพลังยุทธของข้ายังคงเป็นเปลวเพลิงเงิน  ถ้าข้าผสมเข้ากับเพลิงดำมิติว่าง  จะได้ผลออกมาเป็นยังไง?

ความคิดนี้เช่นนี้เย้ายวนใจมาก  วิชากระบี่ของอูหวังไห่ภายในตัว  มีสองสามวิชาที่ใช้กับเพลิงดำมิติว่างและคล้ายกับกระบวนความคิดของถังเทียน เพียงแต่อูหวังไห่ใช้เพลิงดำมิติว่างเพื่อผสมกับเลือดและเนื้อของเขาทำให้เขาบ้าระห่ำมากขึ้น

ถังเทียนตัดสินใจทดสอบดู  เขาเปลี่ยนจิตวิญญาณยุทธเป็นเพลิงสีเงินในมือและคว้าเพลิงดำมิติว่างออกมาสายหนึ่ง

ถังเทียนไม่ได้โง่ขนาดหนัก  เขาไม่กล้าคว้าเพลิงดำมิติว่างออกมามาก  เขาแค่คว้าออกมาแค่เพียงสายด้ายบางๆ

ทันทีที่เพลิงเงินและเพลิงดำมีปฏิกิริยาต่อกัน  มีการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดเกิดขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด