ตอนที่ 344 ยอดฝีมือระยะประชิดคืออะไร?
หัวหม่าเอ๋องานยุ่งต้องวิ่งเต้นไปมาแทบไม่ได้หยุด
สาส์นข้อความทั้งหมดส่งมาจากทุกที่กลุ่มอำนาจท้องถิ่นยอมสวามิภักดิ์ การฟื้นฟูหลังจากสงคราม ทั้งหมดทำให้นางอดีตหัวหน้าโจรทะเลทรายต้องใช้ชีวิตแบบใหม่ แต่ใบหน้าของนางยังคงยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น ทั่วทั้งกลุ่มดาวหมาป่าก็มีความร่าเริงยินดี ชื่อของถังเทียนโด่งดังสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทุกคนจะจดจำเขาในฐานะตำนานตลอดไป
ในที่สุดกลุ่มดาวหมาป่าที่แห้งแล้งกันดาร ก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุขจนได้
สถานะปัจจุบันของกลุ่มดาวหมาป่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทุกกลุ่มดาวในสี่สิบสองกลุ่มดาวอื่นล้วนคุยกันถึงเรื่องสงคราม ทั้งหมดรู้สึกอิจฉาและนับถือ แม้แต่กลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือที่มักทำอวดอ้างใหญ่โตกับพวกเขาก็ทำตัวสุภาพและดีขึ้น
นี่เป็นความจริงของโลก ตราบเท่าที่ยังมีอำนาจผู้นั้นก็จะยังได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่น
กลุ่มดาวหมาป่ามีสภาพแวดล้อมที่อัตคัดและมีประชากรมาก มีนักสู้เกิดขึ้นมากมาย และประชาชนชาวหมาป่านับถือพลังอำนาจมากกว่ากลุ่มดาวอื่น
เมื่อไม่นานมานี้ ถังเทียนยังไม่มีชื่อเสือง
ก่อนเกิดสงครามถังเทียนก็ควบคุมกลุ่มดาวหมาป่าไว้ได้แล้ว แต่กลุ่มอำนาจท้องถิ่นอื่นๆ สวามิภักดิ์แต่เพียงภายนอก แต่ภายในมีแรงจูงใจแอบแฝง และหลังจากมีประสบการณ์สงครามชื่อของถังเทียนขจรไกล และนักสู้ชาวหมาป่าผู้แข็งแกร่งและป่าเถื่อนต่างยอมรับและชื่นชมอย่างจริงใจ
ปัจจุบันนี้ชื่อของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวหมาป่าไปแล้ว
เหล่านักสู้จะได้รับความเคารพ ใช่เพราะนับถือแต่พลังอำนาจอย่างเดียวก็หาไม่ แต่เพราะยิ่งนักสู้แข็งแกร่งมากขึ้นก็สามารถทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างพื้นที่ให้ครอบครัวได้เติบโต
นักสู้ผู้แข็งแกร่งทุกคนจากเผ่าต่างๆเริ่มวิ่งเต้นเข้ามาหาเผ่าหมาป่า
ไม่ว่าสถานที่ใดกลุ่มอิทธิพลที่เป็นกลางทั้งหมดคือกระดูกสันหลังของอำนาจทั้งหมด และยากจะดึงเข้ามาร่วมมากที่สุด
ชื่อของกองกำลังหมาป่าของถังอี้มีชื่อเสียงระบือไกลหลังจากสงคราม และเป็นที่โจษจันในที่สาธารณะ และเพราะความสูญเสียของพวกเขา กองกำลังหมาป่าจำเป็นต้องขัดเกลาระดับของพวกเขา พลังสั่งการของถังอี้คือ 500 คน ดังนั้นกองทัพหมาป่าจึงเพิ่มขนาดเป็น 500 นาย
กองกำลังหมาป่าขยายขนาดได้สมบูรณ์ประกอบด้วยพลังของนักสู้ฝีมือดีของกลุ่มดาวหมาป่า
เทียบกับกองกำลังของถังอี้แล้ว กองทัพเหล็กกล้าได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก การโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าของเย่เฉาเกอทำร้ายสมาชิกของเขาไปถึงครึ่งหนึ่ง สิ่งที่ทำให้หวงฝู่หงผิดหวังมากก็คือนักสู้ผู้รอดชีวิตสูญเสียปณิธานต่อสู้
ขณะหลบหนี พวกเขาถูกเผ่าหมาป่าไล่โจมตีตลอดทางและกองทหารเหล็กกล้าที่สูญเสียปณิธานต่อสู้ ไม่ว่าหวงฝู่หงพยายามกระตุ้นพวกเขามากเพียงไหน พวกเขาก็ไม่ต้องการร่วมต่อสู้กับเขาอีกต่อไป
หวงฝู่หงมองดูความล่มสลายของกองกำลังเหล็กกล้าของเขา ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณ
เขาตกเป็นเชลยและถูกกองกำลังท้องถิ่นส่งตัวไปให้หัวหม่าเอ๋อ
“จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือเชลยของข้า และชีวิตของเจ้าเป็นของข้า” ปิงพูดตามตรง “ตั้งแต่วันนี้เจ้าจะเป็นผู้ช่วยของถังอี้ ดังนั้นจงทำงานให้ดี”
หน้าของหวงฝู่หงแดงจัดแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แม่ทัพที่มีชื่อเสียง แต่เขาเป็นผู้นำกองทัพเหล็กกล้าต่อสู้ด้วยตนเองมาหลายปี และต้องมากลายเป็นผู้ช่วยขุนพลวิญญาณผู้นำทหาร ทำให้เขาอายและหัวใจสลาย
“ถ้าเจ้าอยากตายงั้นก็ไปฆ่าตัวตายได้เลย” ปิงทิ้งท้ายอย่างเย็นชา จากนั้นไม่แนะนำเขาต่อไป
ปิงไม่ยินดีและมีความสุขกับชัยชนะชนะแล้วเขาได้อะไร? เพราะสงครามพวกเขาใช้เงินไปถึงสองสามพันล้านเหรียญดาว ขณะที่ศัตรูมีแค่คนเดียว สำหรับคนอื่น ถังเทียนและสหายสร้างความมหัศจรรย์ แต่สำหรับปิง ทั้งหมดนี้น่าอับอายขายหน้า การที่พยัคฆ์ฟ้าถูกทำลายทำให้เขารู้สึกย่ำแย่
ปิงมีความเกลียดในดวงตาของเขาและสัญญากับตัวเองว่า เขาจะต้องล้างหนี้แค้นครั้งนี้แน่
และเขารู้ว่าตระกูลเย่คงไม่ปล่อยหลายอย่างให้เป็นแบบนี้แน่นอนและคงเตรียมแผนโจมตีพวกเขาอีกในอนาคตแน่นอน
แต่ยังคงมีเรื่องดีหลังจากสงคราม
พวกเขามีชื่อเสียงเป็นที่นิยม ถังเทียนและสหายไม่ใช่ไพร่พลที่ไร้ชื่อเสียงอีกต่อไป และแต่ละคนสร้างชื่อให้ตนเองในสวรรค์วิถี หลังจากศึกนี้ความเชื่อมั่นจากตระกูลม่อเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ที่สำคัญยิ่งกว่าทุกคนกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง ถังเทียนปิดประตูขังตัวเองฝึกฝน จิ่งหาวก็ขังตัวเองฝึกฝน, หลิงซิ่วขังตนเองฝึกฝน, อาเฮ่อก็ยังขังตนเองฝึกฝน อาโมรี่และพวกอีกสามคนก็ขังตัวเองฝึกฝีมือ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความแข็งแกร่งของแต่ละคนจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และนั่นคือสิ่งที่คุ้มค่าน่าพอใจ
ปิงมีประสบการณ์ในเรื่องส่งเสริมทหารใหม่ ตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล ทหารใหม่ทั้งหมดมีพรสวรรค์ที่ดี นอกจากเทียบกับอาโมรี่กับสหายอีกสามคนซึ่งมีคุณภาพเกินกว่าคนธรรมดาอยู่มากและไม่ต้องพูดถึงเรื่องถังเทียนและพวกทั้งสาม (หลิงซิ่ว, อาเฮ่อ, จิ่งหาว) ทั้งสี่คนนี้ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่มีคนแนะนำ ไม่มีแหล่งทรัพยากรแต่พวกเขาก็ยังรุ่งเรืองทรงพลัง
โลกภายนอกคงใช้คำสองคำเพื่ออธิบายถังเทียนและสหายของเขาและนั่นก็คือ “ม้ามืด” แต่ก็แค่นั้น ทุกๆปีในสวรรค์วิถีจะมีม้ามืดสองสามคนปรากฏออกมา แต่ม้ามืดเหล่านี้ปรากฏออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ยและสร้างความมึนงงให้กับทุกคนเก้าในสิบส่วนของเวลา พวกเขาจะค่อยๆ เงียบหายไปโดยไม่มีใครรู้
นั่นคือลักษณะของม้ามืด
พวกเขาสามารถอาศัยลักษณะที่พิเศษและในช่วงเวลาหนึ่งก็บรรลุสิ่งที่พิเศษ แต่ก็แค่เพราะทุกคนไม่คุ้นเคยกับเขา เมื่อกลายเป็นที่รู้จักของทุกคน ก็จะมีคนพูดถึงและวิเคราะห์ถึงพวกเขา ข้อมูลของพวกเขาทั้งหมดความผิดพลาดล้มเหลวของพวกเขาทั้งหมดจะปรากฏออกมาสู่ที่แจ้ง การใช้ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่สภาพลำบาก และศัตรูของพวกเขากลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ม้ามืดมักจะถูกพูดถึงอย่างกระตือรือร้น แต่นั่นคือทั้งหมด ทุกคนกำลังรอข่าวสารล่าสุดจากสำนักยุทธอมตะว่าถังเทียนนั้นจะอยู่ในอันดับที่เท่าใด
ม้ามืด? ปิงแค่นเสียงในใจ เขามั่นใจมากในอนาคต
ในกองทัพจะเต็มไปด้วยนักสู้ผู้มีพรสวรรค์ แม้ว่าปิงจะเห็นมามากแต่เขาก็ยังประหลาดใจ ความเหนียวแน่นของทุกคนนั้นน่าทึ่ง มันดูเหมือนกองทัพรวมมาก
เหมือนกับเคยเห็นมาก่อนบ้างปิงจำได้ถึงภาพเมื่อทุกคนจัดตั้งกองทัพดาวกางเขนใต้
คนที่มีพรสวรรค์เหมือนกัน มาอยู่รวมกัน
เขาหัวเราะทันที เขาช่างคิดมากไปได้
กองทัพดาวกางเขนใต้คือกองทัพที่เป็นเผด็จการในยุคของพวกเขา และเผด็จการเช่นนั้นก็มีได้ในยุคไหนๆพวกเขาไม่ด้อยกว่ากันอยู่แล้ว แม้แต่ในทุกวันนี้ราชสีห์เลโอนก็ยังไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จด้วยมาตรฐานสูงเท่ากองทัพดาวกางเขนใต้
หยุดฝันกลางวันได้แล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
ในสายตาทุกคน ถังเทียนเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาวหมาป่าไปแล้ว แต่ปิงรู้ ถังเทียนคงไม่ยอมอยู่กับที่ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องวางแผนทุกอย่างให้ดีก่อนที่ถังเทียนจะเสร็จจากการขังตัวฝึกฝนได้สำเร็จ เขาไม่ต้องการ เขาไม่ต้องการให้พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักหลังจากที่ใช้เวลาและศักยภาพในสงครามไปมาก
แม้ว่าพวกเขาจะออกจากกลุ่มดาวหมาป่า เขาก็ยังต้องการให้อยู่ในมือของพวกเขา
ถังเทียนนั่งขัดสมาธิและคิดลึก ใบหน้าของเขาดูไม่ปกติ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะเพ่งสมาธิอย่างหนัก
ทำไมข้าถึงอ่อนแอกว่าเย่เฉาเกอมากนัก?
ข้ามีวิชาต่อสู้มากมายหลายรูปแบบ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฉาเกอทั้งหมดกลับไร้ประโยชน์ แต่ทำไมข้าถึงได้มีวิทยายุทธมากนัก? ถังเทียนรู้ว่าเขาไม่ฉลาด ดังนั้นเขาพยายามค้นดูรากเง่าและปัญหาช้าๆ
ยอดฝีมือนักสู้ระยะประชิด
เขานึกถึงเรื่องในอดีตและในที่สุดก็เข้าใจความหมายของคำนี้ ผู้เฒ่าเว่ยเคยแนะนำให้เขาเดินตามเส้นทางของยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิตและชั้นเรียนนั้นจำเป็นต้องได้รูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย ดังนั้นเขาเองจึงต้องขยายขอบเขตแนวทางของเขา
พอคิดถึงเรื่องนั้นเขาไม่เห็นข้อผิดพลาดอะไร ถังเทียนลูบหน้าผากตนเอง “ทำไมเราถึงอ่อนกว่าเย่เฉาเกอ?”
เป็นเพราะยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดเป็นพวกอ่อนแอโดยธรรมชาติ?
ถังเทียนส่ายศีรษะ ไม่มีหรอก มืออาชีพที่อ่อนแอ เพียงแต่ว่าความสำเร็จของเขายังไม่เพียงพอ เขายังคงเข้าใจเหตุผลพื้นฐาน ถังเทียนใจสั่น “ความสำเร็จของเรายังไม่ลึกซึ้งพอ?”
ทันใดนั้นถังเทียนตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยคิดจริงจังเกี่ยวกับคำว่า “ยอดฝีมือสู้ระยะประชิด” ความเข้าใจของเขาต่อคำว่ายอดฝีมือสู้ระยะประชิดความจริงก็คือต่อสู้ระยะใกล้
ถังเทียนหลั่งเหงื่อทันที เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องรู้ความหมายที่แท้จริงของยอดฝีมือนักสู้ระยะประชิดให้ได้เสียที
เขาเข้าประตูแสงและวิ่งไปที่เมืองสามวิญญาณและตามหาติงตัง
“เจ้ารู้บ้างไหมยอดวิชาสู้ระยะประชิดคืออะไร?”
ติงตังชะงัก“นั่นคือมืออาชีพที่ถูกละเลยกันมาก”
“เจ้าสามารถหาภาพการต่อสู้ของพวกเขาได้ไหม?” ถังเทียนถามอย่างกระตือรือร้น
“ได้” ติงตังผงกศีรษะ “แต่ราคาไม่ใช่ถูกๆ นะ”
“เอามาเลย”ถังเทียนพูดตามตรง
ติงตังไม่ถามอะไรมากและรีบหาช่องทางติดต่อของนางทันทีและสั่งซื้อภาพมาได้สองสามภาพ ภาพทั้งหมดนี้มีราคาสูงมาก ราคารวมแล้วสูงถึง 60 ล้านเหรียญดาว
ถังเทียนรับไว้เหมือนกับว่านั่นคือสมบัติเขาเปิดดูบันทึกหน้าแรก
บุรุษรูปร่างแข็งแกร่งปรากฏในภาพ เขาตัวไม่สูงร่างตรงและเปลือยร่างท่อนบนไม่มีเครื่องป้องกันตัว แต่ตลอดทั้งตัวของเขาแผ่รังสีปราณที่อันตรายมากเหมือนกับสัตว์ป่า คู่ต่อสู้ของเขาคือมือกระบี่สตรีที่ดูเคร่งขรึม
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนนั้นตึงเครียดมาก
ตั้งแต่แรกบุรุษผู้นั้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบมือกระบี่สตรี แต่หลังจากนาทีแรกถังเทียนก็สังเกตเห็นความก้าวหน้าบางอย่าง แม้ว่าบุรุษนั้นจะเป็นฝ่ายถูกต้อน แต่ในแง่การป้องกัน จังหวะก้าวของเขาไม่สับสน
การผสานวิทยายุทธของบุรุษนั้นทำได้โดดเด่น การป้องกันตัวทำได้ดีไม่มีที่ติ มือกระบี่สตรีระมัดระวังเต็มที่และรักษาระยะห่างจากบุรุษผู้นี้ไว้ตั้งแต่แรก ขณะที่บุรุษผู้นั้นอดทนมาก ทั้งสองฝ่ายนั้นมีทั้งรุกและรับ
เวลาผ่านไปสามนาที หกวินาที ในที่สุดมือกระบี่สตรีไม่สามารถทนได้และใช้วิชาที่แข็งแกร่งทรงพลังออกมา บุรุษที่อยู่หน้านางพุ่งออกมาเหมือนลูกธนูทันทีตรงเข้าปะทะกับนาง
ถังเทียนตกใจ บุรุษผู้นั้นระเบิดความเร็วออกมาทันที เร็วอย่างน่าประหลาด เหมือนกับสายฟ้า เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้ามือกระบี่สตรี
ความมีเปรียบเปลี่ยนไปทันทีทำให้มือกระบี่หญิงตื่นเต้นและวิชากระบี่ของนางสับสน
บุรุษนั้นใช้ศอกอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าเขาเป็นเสาแข็งแรงและปะทะใส่รังสีกระบี่ของมือกระบี่หญิง
มือซ้ายของเขาเป็นเหมือนกรงเล็บคว้าไหล่ของนาง มือขวาฟันออกมาเหมือนกับมีด ท่วงท่าว่องไวจนถังเทียนไม่สามารถสังเกตเห็นมือได้
ศีรษะนางขาดกระเด็น
รุกหนึ่งครา ฆ่าหนึ่งคน!
ถังเทียนหลั่งเหงื่อเยียบเย็นขณะมองดู ร้ายกาจยิ่งนัก
แม้ว่าเขาแค่มองดูบันทึกภาพโหดเหี้ยมอำมหิตที่อยู่ต่อหน้าเขาแต่เขาก็สามารถจินตนาการได้ว่ามือกระบี่สตรีผู้ถูกทำร้ายคงจะกลัวจนสูญเสียสติ
ตรงและรุนแรงเฉียบขาด นี่เป็นบันทึกแรกที่ถังเทียนได้ดู
ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดในบันทึกภาพที่สองเป็นภาพบุรุษร่างผอมแต่ศัตรูของเขาเป็นมือธนูที่มีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งมาก การดูบันทึกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ทั้งสองผลัดกันรุกและรับ บุรุษผอมเป็นเหมือนงูเอี้ยวตัวได้ในแง่มุมที่แปลกประหลาด ไม่มีทางต้อนเขาจนมุมได้
ธนูของศัตรูไม่ว่าจะยิงมาจากแง่มุมไหนก็ยิงไม่ถูกเขา เนื่องจากเขาสามารถหลบหลีกได้หมด
การต่อสู้เปลี่ยนไปตอนราวๆ นาทีที่ 22
มือธนูใช้ปราณแท้ออกไปมาก ฝีเท้าของเขาเริ่มตกลงและระยะห่างระหว่างทั้งสองคนสั้นลงเรื่อยๆ ในทันใดนั้นร่างของคนร่างผอมแยกออกเป็นหกทันที
ร่างแยกทั้งหกพุ่งเข้าหามือธนูที่กำลังตื่นตกใจ
แขนของเขาอ่อนเหมือนงูและรัดรอบตัวมือธนูทันที
กร๊อบ!
รุกหนึ่งครา ฆ่าหนึ่งคน!