ตอนที่ 343 วิเคราะห์ของน้องเจ็ด (2)
“นักสู้ผู้มีพลังยุทธซับซ้อนที่สุดมีสภาพร่างกายที่ซับซ้อนที่สุดน่ะหรือ?” จางหมิงเฮ่อตะลึง
“ถูกแล้ว, ลองดูที่อาวุธของเขาสิ ภาพจำลองของกระบี่เซียนกักสมุทรในมือขวาเขา,กระบี่ปลอดสำเนียงในมือซ้าย แต่เจ้าดูดีๆสิ วิชากระบี่ของเขายังฝึกมาไม่ดี” พลังในการสังเกตของน้องเจ็ดน่าทึ่งมาก
“พอเจ้าพูดออกมา ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้” จางหมิงเฮ่อกล่าวต่อทันที“ถังเทียนใช้วิชากรงเล็บเพลิงภูตพราย”
“กรงเล็บเพลิงภูตพราย?” น้องเจ็ดผงะ, แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับวิทยายุทธของแต่ละตระกูล แต่ปกติเขารู้ว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายมาจากไหน แม้ว่าจะถูกมองแข็งแกร่งในวิทยายุทธระดับหก แต่ในสายตาของเขา ก็ยังไม่มีคุณค่าเท่าใดนัก
“ใช่แล้ว, มันกลายเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นเพราะเขา” จางหมิงเฮ่อกล่าว
“สุดยอดวิชาโดดเด่น!” น้องเจ็ดตาโตทันที เขาประหลาดใจ “กรงเล็บเพลิงภูตพรายมีศักยภาพกลายเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นได้! โอว,ดูเหมือนการค้นคว้าของข้าพลาดไปหลายสิ่งหลายอย่างทีเดียว”
“สุดยอดวิชาโดดเด่นก็แค่สุดยอดวิชาโดดเด่น ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น?” จางหมิงเฮ่อแค่นเสียงแต่เมื่อพูดถึงถังเทียน แต่เขาอดยกย่องไม่ได้“แต่เพราะถังเทียนสามารถทำให้เป็นสุดยอดวิชาโดดเด่นได้ เขาย่อมแข็งแกร่งทรงพลังแน่นอน”
สุดยอดวิชาโดดเด่นคืออัญมณีของระบบวิชาต่อสู้ แต่ขึ้นอยู่คนที่ค้นคว้าหามัน สำหรับคนอย่างจางหมิงเฮ่อพวกเขาจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสุดยอดวิชาโดดเด่นมาตั้งแต่อายุน้อย และพวกเขาจะมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยอธิบายสุดยอดวิชาโดดเด่นรูปแบบต่างๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้มีความต้องการฝึกมีตัวเลือกสำหรับพวกเขามากมาย
น้องเจ็ดหมั่นหยวนส่ายศีรษะ เขารู้ได้แทบจะทันทีที่จางหมิงเฮ่อเอ่ยถึงหัวข้อนี้เหมือนกับสีซอให้กระบือฟัง
“นั่นคือสาเหตุ ที่ข้ากำลังคาดเดาอยู่ ร่างกายของถังเทียนหรือข้าจะบอกว่ากระบี่ของถังเทียนดีมีมรดกวิชากระบี่ผนึกเอาไว้ภายใน นั่นคือสาเหตุที่มันทำให้เกิดภาพเช่นนั้น เพราะวิชากระบี่ของเขา ยังค่อนข้างอ่อนหัด
“รังสีฟ้าสร้างขึ้นมาโดยกระบี่ปลอดสำเนียงไม่ใช่หรือ?” จางหมิงเฮ่อรู้ดีว่าความเข้าใจของเขาไม่ลึกซึ้งเท่ากับน้องเจ็ดแต่เขาก็อดถามไม่ได้
“ไม่ใช่, ดูให้ดีรังสีฟ้าก็คืออนุภาคแสงสีฟ้านับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นมาและนั่นก็คือหัวใจน้ำแข็งฟ้า” น้องเจ็ดพูดอย่างใจเย็น “หัวใจน้ำแข็งฟ้าความจริงคือพิษระดับสูงที่เห็นได้ยากชนิดหนึ่ง”
“พิษระดับสูง?” จางหมิงเฮ่อตกใจ
“ใช่แล้วปัจจุบันนี้มีคนน้อยกว่าน้อยที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของสภาวะจิตใจได้ แต่ถ้าท่านสามารถต้านทานการกัดกร่อนของมันได้ ก็จะทำให้สภาพจิตใจของท่านสงบเยือกเย็นมาก ในอดีตมีนักสู้มากมายที่ลองใช้เพื่อสงบสภาวะจิตใจของพวกเขา ผลที่ได้รับดีมาก แต่ก็อันตรายด้วย ดังนั้นจึงมีคนใช้น้อยลงทุกที”
น้องเจ็ดเลียริมฝีปาก เขายังคงตื่นเต้น เพราะของหายากปรากฏขึ้น จึงเป็นเรื่องที่คาดหวังมากขึ้น
“หัวใจน้ำแข็งฟ้าและเพลิงดำมิติว่างไม่เป็นที่รู้จักทั้งนั้นและจำนวนคนผู้เรื่องนี้ก็มีน้อยมาก คนที่รู้วิธีผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันก็ยิ่งน้อยกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งหนึ่งข้าได้เห็นจากงานของผู้อาวุโสข้าคงไม่รู้จักแน่นอน วัตถุทั้งสองอย่างนี้มีลักษณะขัดแย้งสุดขั้ว เพลิงดำมิติว่างก็คือพลังระเบิด หัวใจน้ำแข็งฟ้าคือพลังสงบเย็น และทักษะที่สามารถสร้างวัสดุทั้งสองที่มีเงื่อนไขขัดแย้งกันให้รวมเป็นหนึ่งได้โดยธรรมชาติหาได้ยากมาก”
“ข้าจำได้ว่ามีวิทยายุทธของชาวบูรพาสามารถใช้ทักษะแปลกๆเช่นนั้นได้” จางหมิงเฮ่อรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้เรียนมาไม่สูญเปล่า
“ถูกแล้ว ชาวบูรพามีวิทยายุทธเช่นนั้น และความจริงสำนักเก่าแก่โบราณก็มีวิชาเช่นนั้นรวมสิบเจ็ดชนิด” หนอนตำรามักจะมีบุคลิกเด่นเช่นนั้นซึ่งสร้างความมั่นใจให้จางหมิงเฮ่อเหมือนเด็กน้อย
น้องเจ็ดชูนิ้วข้างหนึ่งและพูดอย่างลึกลับ “และเจ้าต้องไม่ลืมอีกเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?” จางหมิงเฮ่อเบิกตากว้าง
“กลุ่มดาวคนคู่แห่งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา” น้องเจ็ดเน้นแต่ละคำช้าๆ
“กลุ่มดาวคนคู่?” จางหมิงเฮ่อทำหน้าตกตะลึง “พวกเขาปิดประตูขังตัวเองมาหลายปีแล้ว”
“ถูกแล้ว, ยี่สิบปี” น้องเจ็ดขมวดคิ้ว “เป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาปิดประตูดวงดาวในปีนั้น ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา และไม่มีใครรู้เรื่องกลุ่มดาวคนคู่เป็นเช่นไรจนกระทั่งบัดนี้”
“เจ้าคิดว่าถังเทียนมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับกลุ่มดาวคนคู่หรือ?” จางหมิงเฮ่อทำสีหน้าแปลกเหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก
“ก็อย่างที่ข้าพูด” น้องเจ็ดกรอกนัยน์ตา “ก็ท่านจะหมายถึงใครเล่า?”
สีหน้าของจางหมิงเฮ่อแข็งค้าง
“สังเกตดูท่าเท้าของถังเทียนให้ดี” น้องเจ็ดพูดต่อ “น่าจะเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่น,ไปค้นหาที่สถาบันวิทยายุทธอมตะดูเถอะ เรื่องนั้นสถาบันวิทยายุทธอมตะน่าจะได้ข้อมูลเร็วกว่าเรา และดูท่ากางเขนที่ฟันลงมานั้น คล้ายกับท่าของขุนพลวิญญาณของเขามาก ถ้าข้าคาดไม่ผิด ขุนพลวิญญาณของถังเทียนนั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นหนึ่งในทหารที่เหลืออยู่จากกองทัพดาวกางเขนใต้”
“กองทัพดาวกางเขนใต้? นั่นตั้งหมื่นปีที่แล้วเขาจะมีชีวิตยืนยาวนานขนาดนั้นได้ยังไง?” จางหมิงเฮ่อไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“เขามีวิธีคิดกลยุทธแบบกองทัพดาวกางเขนใต้ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเขา ถ้านอกจากนี้ข้ายังคิดเรื่องอื่นไม่ออก”
“กองทัพดาวกางเขนมต้ใช้อาวุธจักรกลและในยุคปัจจุบันนี้ อาวุธจักรกลตกต่ำลงมาก” จางหมิงเฮ่อดูเหมือนไม่ยอมรับข้อสันนิษฐานของเขา
หมั่นหยวนตอบ “เห็นได้ชัดว่าท่านรู้เรื่องอาวุธจักรกลน้อยนิด ตระกูลม่อเพิ่งปล่อยอาวุธจักรกลรูปแบบใหม่ออกมามีจิตวิญญาณยุทธผสานอยู่ในนั้น เรียกกันว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ และกลุ่มวิญญาณมืดก็สร้างอาวุธพลังสายเลือดรูปแบบใหม่ออกมาและมันแข็งแกร่งมาก สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าวิชาจักรกลกำลังเข้าสู่ยุคทองเป็นครั้งที่สอง”
จางหมิงเฮ่อเริ่มหลั่งเหงื่อ “น้องเจ็ด เจ้าก็ค้นคว้าเรื่องวิชาจักรกลด้วยหรือ?”
“ก็นิดหน่อย” หมั่นหยวนตอบ “โดยรวมนั้นก็คือพลังความแข็งแกร่งของถังเทียนนั้นน่ากลัวและเขามีศักยภาพยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าท่านเลย”
จางหมิงเฮ่อหงุดหงิดทันที “ถ้าถังเทียนอยู่ในราวๆ อันดับห้าสิบและหลิงซิ่วกับอาเฮ่อราวๆ อันดับสองร้อย นั่นไม่ต้องพูดถึงสาเหตุกันแล้ว ยังเพิ่มจิ่งหาวเข้าไปอีก พวกเขาถึงได้เอาชนะน้องหกเย่จนอยู่ในสภาพเช่นนั้น”
หมั่นหยวนตอบเย็นชา “เย่เฉาเกอมักจะดูถูกศัตรูของเขา โอว และเป็นไปได้ว่าเขาอัดอั้นตันใจมานาน ข้าวิเคราะห์แล้วว่าเย่เฉาเกอมีบาดแผลเป็นเครื่องปลุกใจเขามีแนวโน้มว่าจะมีความสุขกับการได้รับบาดเจ็บ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกลุ่มของถังเทียนมีความเหนียวแน่นและสัมพันธ์กันดีมาก สามารถสร้างกลุ่มที่สามารถทำงานร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ นี่หาได้ยาก และข้าชื่นชมเรื่องนี้ของพวกเขา”
“มีความสุขกับการเจ็บตัว?” จางหมิงเฮ่อสั่นรุนแรง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องเย่เฉาเกอแล้ว เขารู้สึกว่าหมั่นหยวนพูดถูก
หมั่นหยวนชำเลืองมองจางหมิงเฮ่อ “ก็เหมือนกับที่ท่านมีความสุขตอนดูสาวๆอาบน้ำนั่นแหละ”
จางหมิงเฮ่อสะดุ้งโหยงเหมือนแมวโดนกระตุกหาง “เฮ้ เฮ้ เฮ้, น้องเจ็ด อย่าพูดอะไรแบบนั้น...”
“เจ้าต้องการให้ข้าพิสูจน์ความจริงกับคุณหนูหวี่ไหมล่ะ? ข้ามีภาพหลักฐานยืนยัน”
“อ๊า อ๊า อ๊า! น้องเจ็ดเจ้าจะทำให้ผู้พี่เลือดหัวตกหรือไง ไม่ว่าเจ้าจะให้ผู้พี่บุกน้ำหรือลุยไฟ ข้าจะทำให้เจ้าก็ได้…”
“งั้นข้าของยืมภาพนี้ค้นคว้าสักสองสามวัน”
“ก็ได้ ไม่มีปัญหา”
น้องเจ็ดยังคงเก็บภาพไว้อย่างมีความสุข เขาเก็บไว้ในอกเสื้อจากนั้นชำเลืองมองจางหมิงเฮ่อ “อะไร? ท่านต้องการเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เหรอ?”
จางหมิงเฮ่อเพิ่งโดนเอาเปรียบไปยิ้มทันที “มันไม่ใช่กงการอะไรของข้า ข้าเพียงแต่สงสัยเท่านั้นข้าแทบไม่อาจรอให้หลิงซิ่วและอาเฮ่อแข็งแกร่งขึ้นได้เลย หึหึ เมื่อเป็นแบบนั้นน้องหกเย่กับน้องสามฉีคงลำบากแน่ ถึงเวลานั้นคงมีเรื่องสนุก”
“ครั้งต่อไปที่ท่านแอบดูสาวๆ อาบน้ำจำไว้นะให้ใช้สมบัติที่ตัดคลื่นรบกวนได้”
พูดจบหมั่นหยวนก็เดินออกไป
ศึกครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของถังเทียนโด่งดังยิ่งขึ้น เย่เฉาเกอ นักสู้ผู้แข็งแกร่งทรงพลังสำหรับทุกคนในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ถือว่าฝีมือของเขานั้นไกลเกินเอื้อม เหมือนกับว่าเส้นผมที่ร่วงของเขาเท่าต้นขาของพวกเขา
นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้สามารถต่อต้านวิถีสวรรค์หาทางมุ่งสู้ขอบฟ้าเหนือได้ถูกมองว่ามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
อย่างนั้นคนระดับเดียวกับเย่เฉาเกอเล่า?
นั่นสูงส่งเกินเอื้อม
แต่สำหรับถังเทียนซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวหมาป่าสามารถเอาชนะเย่เฉาเกอได้ โดยทางปฏิบัติเขาคือม้ามืด หลายๆคนทราบข่าวก็ยังไม่เชื่อ และแม้แต่เย่เฉาเกอก็กลายเป็นคนเจียมตัวหลังจากได้ยินว่าเย่เฉาเกอกลับมาสมาพันธ์ชาวยุทธในสภาพร่างกายที่ยับเยิน เขากลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด
หลังจากราชินีดาวคนธนูแทรกแซงและสมาพันธ์ชาวยุทธนิ่งเงียบทุกคนรู้ผลที่ออกมา แม้ว่าสมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่พอใจ แต่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากการต่อสู้กลุ่มดาวหมาป่ากลายเป็นกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ทันที
แทบจะเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย กลุ่มดาวในขอบฟ้าใต้อื่นๆทั้งหมดส่งข้อความร่วมยินดีที่ถังเทียนได้ปกครองกลุ่มดาวหมาป่า
ทุกคนรู้แม้ว่าจะเป็นสถานที่กันดารมาก แต่ตราบใดที่ถังเทียนและสหายยังมีชีวิตพวกเขาจะเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้เสมอ แต่ทุกคนสงสัยกันว่าถังเทียนจะทำอะไรต่อไป ด้วยพลังอำนาจมากขนาดนั้น กลุ่มดาวหมาป่าที่เล็กอย่างนั้นคงไม่อาจรองรับพวกเขาได้
กลุ่มดาวหมาป่ามีพลังงานเบาบางอยู่ในชั้นบรรยากาศ นอกจากทางออกที่พวกเขามีมากมาย ที่นั่นไม่มีประโยชน์อื่นเพิ่มเติม
และกล่าวกันว่ากลุ่มดาวเพอร์ซูสแห่งสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือมีความเกี่ยวข้องกับถังเทียน
หรือว่าถังเทียนจะใช้กลุ่มดาวหมาป่าเป็นฐานสนับสนุนและใช้กลุ่มดาวเพอร์ซูสเป็นฐานบุกทะลวงกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ?
ข่าวลือมากมายเริ่มแพร่กระจายไป และกลุ่มดาวทั้งหมดเริ่มส่งสาส์นมายังกลุ่มดาวหมาป่าเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับถังเทียน
ถังเทียนไม่มีเวลายุ่งกับเรื่องของพวกเขา
เขาอยู่ในช่วงขังตัวเองฝึกฝน หลังจากต่อสู้กับเย่เฉาเกอ แม้จะเป็นช่วงสั้น แต่เขาก็ยังคงได้ประโยชน์จากการนี้ ว่ากันถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากเย่เฉาเกอไม่มีกระบี่เซียนและระยะห่างของเย่เฉาเกอและการเป็นเซียนนักสู้ยังอยู่ไกลมากนัก ถังเทียนเข้าใจแจ่มชัดถึงความแตกต่างระหว่างเขากับนักสู้ชั้นเซียน
เขารู้สึกว่าเขาชนะได้เพราะมีโชค
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉาเกอได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะแรงระเบิดของกระบี่ปลอดสำเนียงเขาไม่แน่ใจว่าจะมีผลลงเอยเช่นไร
หลังจากพ้นจากสภาวะที่แปลกประหลาดแล้ว ความคุ้นเคยกับวิชากระบี่ก็หายไปเช่นกัน
ถังเทียนไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เขาเพียงแต่ถอนหายใจเหมือนกับว่าชีวิตของเขากลับมาสู่สภาพที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง เขามีความต้านทานต่ออำนาจลึกลับภายในตัวของเขา
หลังจากสู้กับเย่เฉาเกอ เขายิ่งปลุกพลังได้ง่ายมากขึ้น
เย่เฉาเกอไม่มีสมบัติอะไรและใช้แต่เพียงปราณกระบี่ไร้สภาพ แต่ก็ยังทรงพลังมากมาย เพราะหนึ่งเขาเป็นอมตะหรือสองวิชาปราณกระบี่ไร้สภาพเป็นวิชาระดับสูง และสามก็คือรังสีของเขา
ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวพลังง่ายๆ เหล่านี้ทำให้เย่เฉาเกอเป็นนักสู้ผู้น่ากลัว
เทียบกับเขาถังเทียนรู้สึกว่าพลังของเขาเองซับซ้อนมากขึ้น แต่ผลกลับไม่ดีเมื่อเทียบกับเย่เฉาเกอ
ถังเทียนตัดสินใจใช้เวลาคิดใคร่ครวญถึงวิทยายุทธของเขา วิทยายุทธของเขาไม่อ่อนแอ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีการผสานรวบรวมอย่างถูกต้องเพื่อสร้างวิธีต่อสู้ของตนเอง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจความแตกต่างระหว่างเขากับอัจฉริยะที่แท้จริง
แม้ว่าข้างนอกจะยุ่งเหยิง แต่ถังเทียนไม่มีระลอกคลื่นในจิตใจเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงยืนยันถึงตัวเขาเอง พลังนั่นเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด