ตอนที่ 341 เดชกระบี่ปลอดสำเนียง
“เฮ้, เจ้ากระบี่ชำรุด, เจ้ารู้ไหมว่าข้าไม่ยอมจะมอบเจ้าออกไป?”
“เพื่อให้เจ้าได้คงอยู่ต่อไปเมิ่งเว่ยสละชีวิตตัวเองให้เจ้า แม้นางจะต้องสังเวยชีวิตนางยังหวังจะปกป้องเจ้าไว้ได้ ในหัวใจนางเจ้าต้องเป็นสิ่งที่มีค่ามาก”
“ผู้คนอาจคิดว่านางโง่, แน่นอน, พวกเขาก็อาจคิดว่าข้าโง่ด้วย แต่ข้ารู้สึกว่า เป็นแบบนี้สมควรแล้วหรือ? สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้โดยการคิดเงียบๆ ใช่ว่าทุกอย่างจะวัดได้ด้วยกำไรและขาดทุน”
“จะต้องมีเหตุผลบางประการที่จะทำให้เจ้าไม่สนใจอะไรอย่างอื่น”
“ดังนั้น,เจ้ากระบี่ชำรุด เจ้าจำเป็นต้องสู้, ไม่ใช่เพื่อข้า, แต่เพื่อตัวเจ้าเอง, เพื่อเมิ่งเว่ย อย่างน้อยที่สุด เจ้าสามารถทำให้การเสียสละของนางไม่ดูโง่เขลาจนเกินไป”
“นางหวังให้เจ้าปลอดภัยมีชื่อเสียงตลอดไป”
“ดังนั้นเลิกฝันได้แล้ว! ถ้าชีวิตของเจ้าจำเป็นต้องให้นางเสียสละ ความปลอดภัยและชื่อเสียงเล่าเจ้าเอาแต่ซ่อนสำนึกตัวเองอยู่ในมุมมืด ในที่สุดเจ้าจะต้องถูกคนอื่นทำลาย เมื่อเจ้าตาย พวกเขาจะเริ่มเย้ยหยันเจ้าว่า ฮะฮ่า.. เจ้าก็รู้ มีหญิงสาวผู้โง่เขลาสละชีวิตตัวเองเพื่อกระบี่ชำรุดที่สวะและโง่เขลานี้ นางช่างโง่เขลาเกินกว่าจะเยียวยา”
“นอกจากสู้เจ้ายังจะมีทางเลือกอื่นอะไรอีก?”
“มีแต่ต้องสู้และเอาชนะให้ได้จึงจะพิสูจน์ตัวเจ้าเอง ขอเพียงรอดอยู่ได้เจ้าก็สามารถพิสูจน์คุณค่าความเสียสละของนางว่าที่นางทำนั้นถูกต้อง! ขอเพียงให้คนอื่นรู้ว่าความเสียสละของนางในปีนั้นความเชื่อมั่นของนางในปีนั้น ไม่ใช่การกระทำที่สิ้นคิดและนางไม่ได้โง่เขลา”
“เฮ้อ..ข้ามัวแต่พูดเพ้อเจ้ออยู่ได้ ความจริงข้าต้องการจะพูดเพียงประโยคเดียว”
“นางทำทุกอย่างที่นางทำได้เพื่อเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องทำให้ดี อย่ายอมเป็นขยะล่ะ”
……
…..
ในมิติว่างเปล่าของดาบกระบี่ปลาวาฬขาวที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งกำลังแหวกว่ายอย่างเงียบงัน หางของมันมีเปลวเพลิงกระพริบตาทั้งสองของมันปิด หน้าผากอวบหน้ามีรอยฟกช้ำนับไม่ถ้วนและมีอักษรสีดำว่าปลอดสำเนียงประทับอยู่บนนั้น
นางทำทุกอย่างที่นางทำได้เพื่อเจ้า ดังนั้นเจ้าอย่าทำตัวเป็นสวะดีกว่า
พูดได้ดี
ปลาวาฬขาวลืมตาของมัน เบ้าตาของมันว่างเปล่ามีแต่เพียงความมืดมิดเงียบสงบเท่านั้น
ปราณแท้ทะลักขึ้นมาในกระบี่อย่างรุนแรง จุดสีฟ้านับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปในมิติว่าง ราวกับว่ามิติว่างกลายเป็นท้องมหาสมุทร ปลาวาฬขาวขยับตัวเต็มกำลังกระตุ้นแสงในท้องฟ้า มันแหวกว่ายอย่างรวดเร็วและจุดแสงทั้งหมดที่ถูกกระตุ้นนั้นเหมือนกับน้ำทะเลที่แปรสภาพโดยร่างกายของมัน
เหมือนกับว่ามันไม่เหนื่อยล้า ปลาวาฬขาวแหวกว่ายอยู่ในมิติว่างอย่างเงียนงัน
ท่านไม่อยู่นี่อีกต่อไปแล้ว เหลือแต่เพียงข้า ปลอดสำเนียง
ท่านจงรู้ไว้ ข้าคิดถึงท่านอย่างสุดซึ้ง
ภายในมหาสมุทรแสงสีฟ้ามันใช้พลังของมันโบกว่ายก่อกวนมหาสมุทรเต็มกำลังของมัน มันใช้หางของมันกวนทะเลแสง
มันโบกหางอย่างรวดเร็วครั้งแล้วครั้งเล่า
กระแสไหลเวียนของทะเลเปลี่ยนเป็นคลื่นรุนแรง
ร่างสีขาวกวนปั่นคลื่นสีฟ้าอย่างรุนแรงซึ่งก็คือปราณแท้ที่เย็นเสียดกระดูกจนไม่รู้สึกอะไร
มันร้องทันทีพร้อมกับแหวกว่ายอยู่ในมิติว่างอย่างรวดเร็ว
นี่คือความปรารถนาของข้า นี่คือคำมั่นที่ข้าให้ไว้กับท่าน ท่านได้ยินไหม ท่านได้ยินหรือเปล่า?
เบ้าตาสีดำสนิทของวาฬขาวมีน้ำตาเอ่อท้นขึ้นทันทีมันกลายเป็นแก้วผลึกและหายไปในทะเลแสงสีฟ้า
มันอ้าปากที่ช้ำและยิ้มเป็นธรรมชาติและพ่นฟองอากาศขาวใสออกมา
คลื่นปราณแท้ที่รุนแรงดูเหมือนถูกดูดเข้าไปในตัวของมันและพ่นใส่ฟองอากาศที่ขาวดุจหิมะ
ปัง!
คลื่นสีฟ้ารุนแรงถูกฟองอากาศกดดัน และเปลี่ยนลำแสงฟ้าพุ่งผ่านมิติว่าง
ในมิติว่างปลาวาฬขาวเหน็ดเหนื่อยมองดูตำแหน่งที่ลำแสงถูกยิงหายไป
นายหญิง ข้าคิดถึงท่านมาก....
******
แสงสีฟ้าอัดแน่นอยู่ที่ปลายกระบี่ระเบิดดังสนั่นทันที ตาของเย่เฉาเกอเบิกกว้างประกายตามีความรู้สึกเหลือเชื่อ นั่นคือ...
แสงสีฟ้าเหมือนกระบี่ทะลวงผ่านร่างของเขาเย่เฉาเกอและทะลุออกด้านหลังได้อย่างง่ายดาย
ความมุ่งมั่นของกระบี่....
ข้าคาดการณ์ผิด....ดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าข้า...
คลื่นพลังดูเหมือนจะช้าลงเล็กน้อยหลังจากแทงใส่เขาแล้ว ปากของเย่เฉาเกอมีรอยยิ้มคลั่งไคล้ทันที เขาใช้พลังในฝ่ามือซ้ายจับกระบี่ปลอดสำเนียงไว้
สองพลังผสานกันเป็นหนึ่ง เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขาถูกฟาดอย่างรุนแรง ภาพร่างเงาของเขาบินห่างออกไปไกล
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าอ่า! ถังเทียน, ข้าจะมาหาเจ้า! ข้าจะมาหาเจ้า!”
ท้องฟ้ามีหยาดเลือดกระเซ็นกระจายและเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเย่เฉาเกอจางลงและห่างออกไปทุกที
พลังโจมตีครั้งสุดท้ายของเย่เฉาเกอทำให้ถังเทียงครางจากนั้นร่วงลงบนเนินทราย
“เจ้าโง่เง่า”
เหมือนกับว่าเสียงเยือกเย็นดังออกมาจากใจของถังเทียน ถังเทียนคิดว่าเขาได้ยินผิด เขาเชิดหน้ามองดูเย่เฉาเกอที่เหลือแต่เพียงจุดดำเล็กๆ และอดชื่นชมไม่ได้
เขาไม่เคยเห็นคนที่ดุร้ายและบ้าคลั่งเท่าตัวเขาเองมาก่อน
แสงสีฟ้าที่ระเบิดทะลวงร่างเย่เฉาเกอได้หลายแผล และการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา ถังเทียนเห็นได้ชัดว่าฝ่ามือของเขาเสียหายอย่างหนักแล้ว
เขาไม่คิดเรื่องนั้นอย่างแน่นอน แต่ถังเทียนนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำโดยไม่มีความลังเล แม้แต่การโจมตีครั้งสุดท้าย ถังเทียนคิดว่าเขาคงมีไม้ตายสุดท้ายบางอย่าง
เขาบ้าเย็นชาแข็งแกร่งยากจะรับมือได้จริงๆ
ทันใดนั้นถังเทียนเพิ่งรู้ตัวว่าภาพการมองของเขาพร่าเลือนช้าๆ
ข้าชนะหรือ?
หนื่อยเหลือเกิน...
ร่างของเขาอ่อนล้า ความคิดเริ่มเลือนราง ความเมื่อยล้าถั่งโถมเข้าหาเขาเหมือนน้ำบ่า
เขาหมดสติทันที
ผลการทำศึกที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน
เย่เฉาเกอเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีลำดับที่4444 อันเป็นสัญลักษณ์ระดับความตาย สามารถเข้าไปอยู่ในระดับ 5000 ก่อนอายุ 25ปี สมาชิกของกลุ่มอัจฉริยะสมาพันธ์ชาวยุทธแทบนับจำนวนได้ด้วยมือข้างเดียวตั้งแต่เย่เฉาเกอออกมา เขามักได้รับความชื่นชอบจากผู้อื่น และยังถูกจับตาว่าเป็นคนสำคัญจากกลุ่มผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธ เขาเป็นอัจฉริยะผู้มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียน นอกจากนี้ เขามาจากตระกูลเย่ที่แข็งแกร่งและบิดาของเขาก็เป็นผู้อาวุโสในสมาพันธ์ชาวยุทธ ก็หมายความว่าเขาจะได้รับทรัพยากรจนทำให้คนอื่นต้องอิจฉากันได้ง่ายๆ
ถ้าไม่อย่างนั้นเพราะสมาพันธ์ชาวยุทธแข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถี ด้วยพลังของเย่เฉาเกอเขาสามารถกลายเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาวแห่งไหนก็ได้และได้รับตำแหน่งสำคัญ
ภารกิจของเย่เฉาเกอในสมาพันธ์ชาวยุทธมีผลสำเร็จเต็มร้อยซึ่งก็หมายความว่าเขาจะไม่เคยล้มเหลว
แต่การถูกคนในกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้เล่นงานพ่ายแพ้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นธรรมดา
สำหรับคนในกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ,สี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ถูกมองว่าเป็นชนบท และสำหรับห้าดินแดนขั้วขอบฟ้าก็มองว่านั่นเป็นดินแดนยิ่งกว่าชนบท สำหรับแดนตำหนักระนาบกลางก็มอง มองว่าเป็นภูมิภาคห่างไกลความเจริญมากจริงๆ
และในสายตาของสิบสองกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา ก็จะพูดกันว่าเราคุยกันเฉพาะปัญหาบุคลิกลักษณะของเราเป็นพอ
เย่เฉาเกอมีศัตรูมากมาย ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่นในสมาพันธ์ชาวยุทธก็มีบุตรของราชสีห์เลโอน, ศิษย์ของราชินีกลุ่มดาวคนธนู, ศิษย์ฝ่ายมืดขององค์การวิญญาณมืด ฯลฯ คุณชายของตำหนักระนาบกลางได้แต่มองอยู่ห่างๆ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักขนาดไหนเพื่อจะเข้ามาในกลุ่มคนเหล่านี้ แต่พวกเขาได้แต่อยู่ในกลุ่มด้านนอก
เย่เฉาเกอและพวกที่เหลือคือความภูมิใจของสวรรค์อย่างแท้จริง และจะเป็นผู้ปกครองในอนาคตของสวรรค์วิถี
ถ้าไม่ใช่เพราะอายุของพวกเขาความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่พอ แต่ทุกคนเชื่อมั่นว่าพวกเขาทุกคนจะมีอันดับติดร้อยนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีในอนาคต
“น้องเจ็ด,มีเรื่องยุ่งยากอะไรหรือ?” จางหมิงเฮ่อทักหมั่นหยวนจากด้านหลัง
หมั่นหยวนสนองตอบช้ามากและถูกจางหมิงเฮ่อจับตัวไว้ เขายืนนิ่งอึ้งอยู่สามวินาทีจากนั้นจึงค่อยแสดงความรู้สึกในดวงตา “โอว หมิงเฮ่อนั่นเอง ข้าได้ค้นคว้าความเป็นไปได้ถึงอิทธิพลของอากาศที่มีต่อการเข้าถึงขอบเขตเซียน”
“ขอบเขตเซียนและอากาศ?” ใบหน้าที่สดใสของจางหมิงเฮ่อขมวดเพราะคำถาม
หมั่นหยวนเห็นว่าจางหมิงเฮ่อมีความสนใจอยู่บ้างจึงมีความกระตือรือร้นสูงทันที “ถูกแล้ว, มีความสัมพันธ์กันอย่างแท้จริง ข้าเลือกบันทึก 300ตัวอย่าง ของขอบเขตเซียนมาวิเคราะห์ดู และมีหลักฐานว่าอิทธิพลของอากาศที่มีต่อขอบเขตเซียนมีอยู่ประมาณ3-5% ...”
จางหมิงเฮ่อรู้สึกปวดหัวจึงตะโกนขึ้นทันที “พอก่อน พอก่อน, แค่นั้นแหละ น้องหกพลาดท่าบาดเจ็บสาหัส”
“พี่หกเย่น่ะหรือ?” สีหน้าของหมั่นหยวนเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด
จางหมิงเฮ่อลูบหน้าผา “เย่เฉาเกอ”
“โอว,เขานั่นเอง” หมั่นหยวนรับรู้และพยักหน้าทันทีแล้วตอบอย่างเคร่งเครียด “ข้าเคยบอกไว้ก่อนแล้ว นั่นเป็นผลของการไม่ฝึกฝนให้ดี นอกจากพวกเราทุกคนแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ชอบเข้าชั้นเรียนและยังทำลายสถิติเรื่องความล้มเหลว เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้แล้วว่าการต่อสู้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าและเอาแต่ปะทะกันตรงๆอวดอ้างความกล้าหาญของเขา มีแต่จะนำความล้มเหลวมาให้ เอาทฤษฎีแยกไปจากการปฏิบัติ ยังไงก็ไม่รอด...”
จางหมิงเฮ่อคิดถึงหัวข้อที่เขาได้พักเอาไว้และหลั่งเหงื่อเยียบเย็นทันที เขากระแอมเบาๆ “อย่าให้เหมือนอย่างนี้เลย พวกเราเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน ถ้าเขาไม่ตาย ก็หมายความว่าเขามีชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่รออยู่ต่อหน้าเขา”
“เขาจะไม่ตาย” หมั่นหยวนส่ายศีรษะ “ข้าได้ค้นคว้าพลังสายเลือดของเขา พลังชีวิตของเขาแข็งแกร่งมาก เว้นแต่...”
เขาหยุดพูดทันที
จางหมิงเฮ่อนัยน์ตาเป็นประกาย “เจ้าพบจุดอ่อนของน้องหกเย่หรือ?”
หมั่นหยวนไม่พูดหน้ากลมของเขาตะลึงทำอะไรไม่ถูก
จางหมิงเฮ่อคุ้นเคยกับเขามาก เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนั้นน้องเจ็ดต้องพบจุดอ่อนของเย่เฉาเกอและตื่นเต้นสุดขีด น้องหกเย่เป็นตัวก่อกวนอันดับหนึ่งจากพวกเขาทั้งหมด ทำให้พวกเขารำคาญมาก
แต่เมื่อเห็นหมั่นหยวนยังคงหุบปาก เขารู้ว่าหมั่นหยวนคงไม่พูด ทันใดนั้น เขาทำหน้าสงสัย “เจ้าวิจัยข้าด้วยใช่ไหม?”
หมั่นหยวนเปลี่ยนสายตามองไปรอบๆ และยังคงยืนอยู่กับที่
โธ่..เจ้าหนอนตำรานี่ น่าคลั่งใจนัก...
จางหมิงเฮ่อรู้สึกลำบากใจทันทีคิดหาวิธีทำให้เขาพูดแต่นั่นไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เขามาพบหมั่นหยวน “น้องหกเย่พ่ายแพ้ที่กลุ่มดาวหมาป่า”
“กลุ่มดาวหมาป่า? กลุ่มดาวขอบฟ้าใต้น่ะหรือ?” ในที่สุดหมั่นหยวนก็แสดงสีหน้าความรู้สึก “ดูเหมือนจะมีคนดุร้ายห้าวหาญเกิดขึ้นเสียแล้ว”
“ใช่ใช่แล้ว น้องหกเย่เกือบถูกทำลาย” จางหมิงเฮ่อรู้สึกมีความคิดขัดแย้ง เขารู้สึกสะใจที่เย่เฉาเกอล้มเหลว แต่เขารู้สึกว่าพ่ายแพ้ในขอบฟ้าใต้ก็หมายความว่าพวกเขาเสียศักดิ์ศรี เขาพูดเสริมทันที “เขาซ่องสุมกัน ข้าได้ยินว่าหลานของราชินีดาวคนธนูก็ร่วมอยู่ในนี้ด้วย ดังนั้นนางส่งข้อความไปว่าอนุญาตให้น้องหกเย่เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้”
“มีบันทึกการต่อสู้บ้างไหม?” หมั่นหยวนสีหน้าตะลึงตอนนี้กลับเป็นปกติอีกครั้ง
“ฝ่ายตรงข้ามใช้สมบัติก่อกวนพลังงาน” จางหมิงเฮ่อแสดงท่าทีผิดหวัง แต่กล่าวทันที “แต่ข้าหาภาพมาได้บางภาพ”
“งั้นมาวิเคราะห์กันเถอะ” หมั่นหยวนกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีปัญหา”จางหมิงเฮ่อมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ก่อนอื่น บอกจุดอ่อนข้ามาก่อน”