ตอนที่ 11-15 แปดปีในสุสาน
คลื่นความร้อนแทรกซึมอยู่ทั่วชั้นที่ห้า ยากจะมองเห็นคนได้ในระยะไกล เนื่องจากสภาพอากาศที่ทำให้เห็นภาพบิดเบือน
“ลินลี่ย์! รีบขึ้นมา!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นแต่ไกล ลินลี่ย์อดมองไปตามเสียงไม่ได้ ร่างที่อยู่ในระยะไกลพร่าเลือนมาก แต่ลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่าคนที่ยืนอยู่ในระยะไกลนั้นคือศิษย์คนโตจากวิทยาลัยเทพสงคราม‘เฟน’
แม้ว่าลินลี่ย์จะมีความท้อแท้แต่ก็ยังมีความมั่นคง
ในสถานที่อย่างสุสานเทพเจ้าเว้นแต่เขาเลือกจะยอมแพ้ ทางเลือกอีกทางเดียวก็คือเชื่อมั่นและไปต่อทีละก้าว
“บีบี, ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าวอย่างใจเย็น และบีบีกระโดดขึ้นไหล่ลินลี่ย์ทันที
เมื่อกลายเป็นร่างเลือนรางลินลี่ย์ก็มาถึงสถานที่ซึ่งมียอดฝีมือรวมตัวกัน ไม่เพียงแต่เฟนเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น เดลี่โรซารี่ ถูลี่และลูเธอร์ฟอร์ดก็อยู่ด้วยเช่นกันทั้งห้าเป็นสุดยอดเซียนที่รวมตัวอยู่ด้วยกัน
นอกจากทั้งห้าแล้วยังมีราชสีห์ทองหกตาอยู่ด้วยเช่นกัน
“คราวนี้พวกเจ้าทั้งสองก็มาถึงที่นี่แล้ว ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า” เดลี่พูดพลางหัวเราะอย่างสงบ
ลินลี่ย์อดรู้สึกงุนงงไม่ได้ หมายความว่ายังไง? ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว?
“ลินลี่ย์!มานั่งตรงนี้” เฟนทำท่าเรียก “ข้าได้ยินว่าในชั้นล่างนาคราชตื่นขึ้นนั่นนับเป็นหายนะแท้จริง โชคดีที่เจ้ารอดมาได้ ตอนนี้มาปรึกษาหารือการไปในชั้นที่หกกันก่อน”
ลินลี่ย์เข้ามาสมทบและนั่งขัดสมาธิ
สำหรับเกล็ดของลินลี่ย์คลื่นไฟความร้อนที่มาจากด้านล่างไม่ส่งผลคุกคามอะไรมาก
“ท่านไม่ได้ปรึกษาพูดคุยกับพวกเขาด้วยหรือ?” บีบีชี้ไปที่ทั้งคนและอสูรเวทที่สับสนอยู่ในระยะไกล
ยอดฝีมือเกินกว่าสามสิบคนรอดมาได้และอยู่ในชั้นที่ห้า ในบรรดาพวกเขามีเกินกว่าสิบเป็นอสูรเวท มีจำนวนพอๆ กับมนุษย์ ในตอนแรกมียอดฝีมือฝ่ายมนุษย์หกสิบจากยอดฝีมือแปดสิบกว่าคน แต่รวมๆ สามสิบคนตายไปที่ชั้นสามและหลายคนมีแนวโน้มว่าจะตายที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองด้วยเช่นกัน มีเหลือราวๆสิบคนอาจจะซ่อนตัวอยู่ในชั้นที่สองไม่กล้าเข้าสู่ชั้นสามอีก
“พวกเขา?” ถูลี่ที่มีท่าทีจริงจังพูดอย่างใจเย็น “ถ้าพวกเขามีส่วนร่วม ก็มีแต่จะกวนใจเราเท่านั้น”
ลินลี่ย์เข้าใจทันทีเมื่อมองไปที่โอลิเวอร์และฮาร์เวิร์ดที่อยู่ห่างออกไป เขาคิดถึงตนเอง “ความตั้งใจของถูลี่ชัดเจนมาก มีเพียงยอดฝีมือหัวกะทิเพียงสิบเท่านั้น บีบีกับข้าไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกเขา ขณะที่ราชสีห์ทองหกตาพลังของพวกเขาก็สุดหยั่งคาด สำหรับโอลิเวอร์ ฮาร์เวิร์ด ศิษย์วิทยาลัยเทพสงครามและอสูรเวทยอดฝีมือต่างๆ..พวกเขาอย่างน้อยยังมีพลังระดับที่ต่ำกว่า”
ในที่อย่างนี้สิบสุดยอดฝีมือจึงรวมตัวเป็นกลุ่มหนึ่งตามธรรมชาติ
มีอีกยี่สิบกว่าคนที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยรวมกันเป็นกลุ่มที่สอง
แม้แต่ในกลุ่มที่สองก็ยังมีสหายรักของเดลี่อย่างฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสัน และศิษย์น้องของเฟนหลายคน ศิษย์ของถูลี่อีกหลายคน ไม่มีอะไรที่ทำได้อยู่แล้ว
“ลินลี่ย์ บีบี คลีโอและน้องทั้งสองของเจ้าพวกเจ้าทั้งห้าอาจจะยังไม่คุ้นกับชั้นที่หกของสุสานเทพเจ้าเราจะอธิบายให้ฟัง” เดลี่พูดอย่างเคร่งขรึม “บีบีเจ้าก็เห็นเมื่อครู่นี้แล้วว่าที่นี่ในชั้นที่ห้ามีปีศาจแม็กมาอยู่สองสามตัว ในแง่ของพลัง พวกเขามีพลังเทียบได้กับฮาร์เวิร์ด”
“ปีศาจแม็กมา?” ลินลี่ย์งง
เขาไม่เคยเห็นปีศาจแม็กมาเดลี่มองดูลินลี่ย์ “ลินลี่ย์,เจ้ามาไม่ทันเวลา พวกปีศาจแม็กมาสร้างขึ้นมาจากลาวาและมีขนาดเทียบเท่ากับตัวมนุษย์ พวกมันแข็งแกร่งมากมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยมแต่พวกมันค่อนข้างช้า พลังของพวกเขา..เอ่อ.. พอจะเทียบได้กับบาร์เกอร์สหายของเจ้า แม้ว่าพลังป้องกันอาจจะอ่อนกว่าบาร์เกอร์เล็กน้อย”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจสัตว์ประหลาดเหล่านี้แล้ว
“ชั้นที่ห้าก็คือชั้นที่อ่อนที่สุดของห้าชั้นแรก ปีศาจแม็กมาเหล่านั้นถูกเราทำลายไปแล้ว” เดลี่พูดต่อ “ชั้นที่ห้านี้เป็นชั้นที่เราเตรียมตัวพักอยู่ แต่ในไม่ช้าเราจะเข้าไปที่ชั้นหก...”
ลินลี่ย์บีบี และราชสีห์ทองหกตาทั้งสามฟังอย่างตั้งใจ
ในชั้นที่หกระดับของความอันตรายเพิ่มขึ้นมากมากยิ่งกว่าสี่ชั้นก่อน
“ชั้นที่หกเป็นโลกหินหลอมเหลว มีอสูรกายที่ทรงพลังอยู่ที่นั่นมันคืออสูรจ้าวอัคคี”
อสูรจ้าวอัคคี?
“พูดตามตรง อสูรจ้าวอัคคีนี้สูงร้อยเมตรและร่างของมันเกิดจากหินแข็งนับไม่ถ้วน พลังของมันก็คือก้อนหินนั่นเอง และพลังป้องกันของมันอยู่ในระดับที่น่ากลัว” เดลี่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ที่สำคัญที่สุดมันใช้ขวานยักษ์กระหายเลือด ถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งโดนขวานยักษ์นั้นโจมตี เราอาจตายได้
ลินลี่ย์หัวใจกระตุก
ตราบใดที่ถูกโจมตีใส่ครั้งเดียวนั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
“และนั่นยังไม่สำคัญ นอกจากอสูรจ้าวอัคคีแล้วชั้นหกยังคงมีปีศาจแม็กมาหลายร้อย” หน้าของเดลี่เข้มกว่าเดิม “ปีศาจแม็กมาหนึ่งหรือสองตนไม่เป็นปัญหา แต่ปีศาจแม็กมาเป็นร้อยนั่นอันตรายมาก
ลินลี่ย์รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด
“ปีศาจแม็กมาเป็นร้อย นั่นเท่ากับมีนักรบอมตะร้อยคนไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์ลอบตกใจ “แม้ว่าปีศาจแม็กมาเหล่านี้จะมีพลังป้องกันที่อ่อนกว่านักรบอมตะเล็กน้อย แต่ก็ยังมีหลายร้อยตัวนั่นเป็นเรื่องน่ากลัวมาก”
เดลี่พูดต่อ “ปีศาจแม็กมาจำนวนมากเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของอสูรจ้าวอัคคี ความจริง, ข้ารู้สึกว่า...อสูรจ้าวอัคคีก็มีพัฒนาการจากปีศาจแม็กมา คิดดูสิพวกมันทั้งหมดก่อตัวขึ้นมาจากหินหลอมเหลว ยกเว้นแต่อสูรจ้าวอัคคีที่มีขนาดเท่ากับภูเขา ขณะที่ปีศาจแม็กมามีขนาดเท่าตัวมนุษย์”
ลูเธอร์ฟอร์ดที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะอย่างเย็นชา “อสูรจ้าวอัคคีก็คือปีศาจแม็กมาที่ขยายขนาดหลายร้อยเท่า พลังของมันมากกว่าปีศาจแม็กมาเป็นร้อยเท่า”
ลินลี่ย์และบีบีมองหน้ากันเอง
“พี่ใหญ่,ปีศาจแม็กมาแข็งแกร่งมากเท่ากับบาร์เกอร์จริงๆถ้าพลังของอสูรจ้าวอัคคียังมากกว่าปีศาจแม็กมาเป็นร้อยเท่า...” เสียงของบีบีดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ยังคงเงียบ
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจชัดมากขึ้นแล้วว่าชั้นที่หกมีสภาพเหมือนอะไร
ศัตรูในชั้นที่หกก็คืออสูรจ้าวอัคคีที่สั่งการปีศาจแม็กมานับร้อยได้ อสูรจ้าวอัคคีเองเหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง และมีพลังบดขยี้ของภูเขาให้เป็นจุลได้ด้วยการต่อยเพียงหมัดเดียว ไม่มีใครสามารถทนรับพลังเช่นนั้นได้
เดลี่เงียบอยู่นาน หลังจากลินลี่ย์และคนอื่นรับทราบข่าวสารนี้แล้ว เดลี่พูดต่อ“ในพวกเราไม่มีใครเป็นคู่มือของอสูรจ้าวอัคคีได้เลย แต่ถ้าเราร่วมกำลังกันและสู้ด้วยกันเราอาจบุกผ่านชั้นหกได้”
ลินลี่ย์พยักหน้าถอนหายใจ
“สามพันปีที่แล้วเรารบกับอสูรจ้าวอัคคีมาแล้ว” เดลี่กล่าว
ตาของลินลี่ย์บีบี และราชสีห์ทองหกตาเป็นประกายขอเพียงมีประสบการณ์ก็สามารถสร้างกลยุทธ์ที่ดีในการรับมือกับอสูรจ้าวอัคคีได้
“ความจริงในครั้งล่าสุดเป็นเฟนกับถูลี่ที่โจมตีอสูรจ้าวอัคคี สำหรับพวกเราที่เหลือถูกส่งไปไล่พวกปีศาจแม็กมา” เดลี่เสริม สามพันปีที่แล้วเขาไม่มีโอกาสเข้าถึงอสูรจ้าวอัคคี
เฟนกล่าว “บรรดาเราทั้งห้าคนถูลี่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งที่สุด”
ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้
ลินลี่ย์อดมองคนผู้นี้ไม่ได้ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทุ่งราบตะวันออกไกล บุรุษที่รู้จักกันในนามว่าเซียนนักรบ ถูลี่กล่าวอย่างใจเย็น “พลังป้องกันของอสูรจ้าวอัคคีนับเป็นพลังป้องกันที่น่ากลัวที่สุดที่ข้าเคยพบเห็นมา แต่เมื่อสามพันปีที่แล้ว พลังของเรายังอ่อนกว่ามัน แต่ในตอนนี้”
คนอื่นพยักหน้าทุกคน
หลังจากสามพันปีแล้วทั้งห้าคนกลายเป็นสุดยอดเซียน พลังของพวกเขาก้าวหน้ามากเมื่อเทียบกับสามพันปีที่แล้ว
“เมื่อเราเข้าไปที่ชั้นหก พวกเจ้าทั้งเจ็ดจำเป็นต้องช่วยข้า,ลูเธอร์ฟอร์ดและโรซารีคอยเบิกเส้นทาง เราสามคนจะร่วมกำลังกันก็น่าจะจัดการกับอสูรจ้าวอัคคีได้” ถูลี่กล่าวลูเธอร์ฟอร์ดและโรซารีพยักหน้าทั้งคู่
เดลี่อธิบายให้ลินลี่ย์บีบีและราชสีห์ทองหกตาทั้งสามฟัง “นี่คือการโจมตีเต็มพิกัดซึ่งพวกเขาทั้งสามร่วมพัฒนาและค้นคว้าร่วมกันเป็นเวลานาน มีแนวโน้มว่านี่จะเป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดที่เราสามารถใช้ได้”
“ก็ได้ ข้าจะช่วยเบิกทาง” ลินลี่ย์พยักหน้า
เนื่องจากถูลี่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นสุดยอดเซียนที่มีพลังโจมตียิ่งใหญ่ที่สุด และมีคนอีกสองคนคอยช่วยเขา พลังที่พวกเขาผสานกันโจมตีกันจะไม่อ่อนแอแน่
“ตอนนี้..สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือ...” เดลี่หัวเราะอย่างใจเย็น “ฝึกอยู่ที่นี่และเตรียมตัวอยู่ในชั้นที่ห้า!”
เฟนหัวเราะเช่นกัน “เราจะใช้เวลาฝึกในช่วงแปดปีก่อน จากนั้นจะมุ่งหน้าไปยังชั้นที่หก”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ พวกเขามีเวลาอยู่ในสุสานเทพเจ้าสิบปี แต่พวกเขาจะใช้เวลาแปดปีกับชั้นที่ห้าที่นี่?
แต่ลินลี่ย์ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เขาเรียนรู้จากเคลย์ว่าในชั้นที่หก เจ็ดแปดและเก้าเป็นที่อันตรายมาก ในสี่ชั้นเหล่านี้ บางทีพวกเขาไม่มีโอกาสได้พัก
การผ่านให้ได้ทั้งสี่ชั้นนี้ ถ้าพวกเขาประสบผลสำเร็จมีแนวโน้มว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเพียงสิบวันหรือครึ่งเดือน
“เตรียมตัวให้ดี การเข้าไปในแต่ละชั้นนั้น ถ้าเราไม่ระมัดระวังให้ดี เราจะพบกับความตาย ถ้าพวกเจ้ากลัว พวกเจ้าสามารถพักอยู่ที่ชั้นห้าได้และรอเวลาจนกว่าจะครบสิบปี” ถูลี่ยืนยันและพูดอย่างใจเย็น จากนั้นก็บินไปอยู่ในที่ไกลและเริ่มนั่งสมาธิ
ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นอีกเก้าคนเท่านั้น แม้แต่โอลิเวอร์ ฮาร์เวิร์ดและยอดฝีมืออื่นอีกยี่สิบคนก็รู้ว่าชั้นที่หกน่ากลัวเพียงไหน และไม่มีใครรีบเข้าไป พวกเขาทุกคนจดจ่อและใช้เวลากับการฝึกฝน บางทีในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาอาจจะบรรลุการรู้แจ้งบางอย่างได้
คลื่นความร้อนและอากาศที่บิดเบี้ยวผันผวน สามารถมองเห็นได้ทุกหนแห่ง
ยอดฝีมือในชั้นที่ห้าของสุสานเทพเจ้าเริ่มทำสมาธิฝึกฝนต่อ
ลินลี่ย์จ้องมองร่างที่อยู่ไกลออกไป ทั้งหมดเลือนรางเพราะคลื่นความร้อน โอลิเวอร์ ยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ยอดฝีมือฝ่ายอสูรเวท..จำนวนรวมสามสิบนี้เป็นกลุ่มยอดฝีมือชั้นสูงทั้งหมดในทวีปยูลาน ตอนนี้ทั้งหมดกำลังฝึกฝนอยู่อย่างเงียบงัน
ลินลี่ย์และบีบีมองหน้ากันเอง พวกเขาเชื่อมโยงจิตใจ มนุษย์และอสูรเวทเริ่มลงมือฝึก
“ตึกๆ!” “ตึกๆ!” “ตึกๆ!” “ตึกๆ!” ......
ชีพจรของโลกมีอยู่ทั่วทุกแห่ง แม้ว่าลินลี่ย์จะอยู่ในสุสานเทพเจ้า ลินลี่ย์ก็สามารถรู้สึกถึงความลึกลับนั้นการเต้นของชีพจรโลกที่ลึกซึ้งลึกล้ำ ชีพจรที่ลึกซึ้งลึกลับมากลินลี่ย์เริ่มนั่งสมาธิและไตร่ตรอง ขณะเดียวกันก็ทดลองพลังสัจธรรมแห่งธาตุดินอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
หนึ่งปี สองปี สามปี
ยอดฝีมือหลายคนจะฝึกเป็นเวลาปีหรือครึ่งปี และจากนั้นจะลุกขึ้นทดสอบพลังโจมตีที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้น ขณะนั้นเวลายังคงเดินต่อไป
ในอดีตลินลี่ย์ต้องใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะสามารถควบพลังคลื่นชีพจรโลก256 ชั้นจนเหลือ 128 ชั้น แต่เขาต้องใช้เวลาห้าปีเต็มจึงจึงผ่านเลยครึ่งทางของการพยายามควบพลังคลื่น128 ชั้นให้เหลือ 64 ชั้น
นี่คือทั้งหมดที่ลินลี่ย์คาดการณ์ไว้ การเต้นของชีพจรโลกเริ่มผสานตัวยากขึ้นๆในระดับต่อไป
ในพริบตาเดียวผ่านไปถึงแปดปี
สุสานเทพเจ้าชั้นห้ายังคงเป็นเหมือนในอดีตมีคลื่นความร้อนบิดเบือนอากาศ ยอดฝีมือหลายคนฝึกฝนมานาน ที่สำคัญหลายคนมีการฝึกฝนมาเป็นพันปีแล้ว แค่เพียงไม่กี่ปีมานี้ก็ทำให้พลังโจมตีของพวกเขามีความสมบูรณ์ในตนเองมากขึ้น
“ทำไมลินลี่ย์ยังคงฝึกอยู่อีก? ตอนนี้เรายังรอเขาอยู่เท่านั้น” ลูเธอร์ฟอร์ดอดหงุดหงิดไม่ได้ขณะที่จ้องมองลินลี่ย์ที่อยู่ในระยะไกลเขายังอยู่ในท่านั่งสมาธิ
ตอนนี้ห้าเซียนสุดยอด ราชสีห์ทองหกตาและบีบีหยุดฝึกแล้ว บีบีมีระดับพลังสามารถสร้างร่างเงาร่างมายาได้ถึงแปดร่างแล้ว ในหน่วยของพวกเขายังเหลือแต่เพียงลินลี่ย์คนเดียวที่ยังหมกมุ่นอยู่กับการฝึก
“อย่าเพิ่งใจร้อนพี่ใหญ่ข้ากำลังฝึกถึงระดับจุดที่สำคัญ เมื่อเขาบรรลุผ่านขั้นนี้ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า” บีบียืนอยู่ข้างลินลี่ย์จ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้าขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชา
“ถึงระดับที่จะทำให้เขามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าเชียวหรือ?” เดลี่ ถูลี่และยอดฝีมือคนอื่นอดประหลาดใจไม่ได้
พวกเขาเข้าถึงระดับเซียนชั้นสุดยอดและใกล้จะสุดเส้นทางที่พวกเขาได้เลือกฝึก เว้นแต่พวกเขาเอาจริงกับการบรรลุขั้นสุดท้าย ก็จะบรรลุระดับเทพชั้นต้นมันเป็นความก้าวที่ทำได้ยาก ในระดับการรู้แจ้งปัจจุบันของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่า เว้นแต่พวกเขาจะกลายเป็นเทพ
“ฮ่าาาาห์” ลินลี่ย์ผ่อนลมหายใจยาว จากนั้นลืมตายิ้มเต็มหน้า
หลังจากใช้เวลาแปดปีในที่สุดลินลี่ย์ก็เชี่ยวชาญพลังคลื่นชีพจรโลก 64ชั้นและพลังสัจธรรมแห่งธาตุดินของเขาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอีกครั้ง
ลินลี่ย์มองดูทุกคนที่กำลังยืนรออยู่ และเขาเข้าใจทันที เขาได้แต่หัวเราะแก้เก้ออย่างช่วยไม่ได้จากนั้นกล่าว “ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านรอนาน เราจะไปกันหรือยัง?”