ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0124
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0126

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0125


บทที่ 38 เอลเดอร์ลิช พ่อพระของคนตาย (7)

* * *

กลุ่มทหารต่างเห็นหมาป่าผี กระโดดกัดคอแมลงตัวสูงกว่าสองเมตร

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนมีแค่จองจีฮุนที่ตามทัน คนอื่นจึงยังคงสับสน

“…ผี?”

“ฉิบหายแล้ว… เจ้าหน้าที่ คุณต้องรายงานเบื้องบนทันที…”

“รอดูก่อน”

จองจีฮุนปรามหัวหน้าทีมป้องกัน

หมาป่าผีดูน่ากลัวมาก ผิดไปจากรูปลักษณ์ปกติของหมาป่าสคาเวน

ชัดเจนว่าทางบริษัทไม่เคยได้รับรายงานเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้

กล่าวคือ นี่ไม่ใช่สายพันธุ์ท้องถิ่น

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

ทั้งแสงสีซีดและความโปร่งใส ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว

“กิ๊——!”

แมลงดีดดิ้นหลังจากถูกจู่โจมทีเผลอ หมาป่ายังคงกัดไม่ปล่อย แต่ก็ไม่พอที่จะฆ่าแมลง

ท้ายทอยไม่ใช่จุดตาย แมลงตัวนี้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

ผู้เก็บงานคือคังซอนฮูที่กำลังเข้าประชิดด้วยม้า

เมื่อเข้าใกล้ ชายหนุ่มยืนบนหลังม้าด้วยขาสองข้าง

ฝั่งแมลงก็ไม่อยู่เฉย หนวดของมันตรวจจับการมาเยือนของมนุษย์และม้า จึงสะบัดขาหน้าอันคมกริบเต็มแรงโดยที่ยังถูกหมาป่าผีกัดท้ายทอย

คังซอนฮูเพียงยืนมองการจู่โจมที่พุ่งเข้าหา

ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งดูอันตราย

“กรร—!”

เคร้ง!

ม้าสีดำของคังซอนฮูใช้ฟันกัดขาหน้าแมลงอันคมกริบ

ทุกคนตะลึงงันกับภาพที่เห็น

ม้า? ต่อสู้?

ขณะเดียวกัน คังซอนฮูกระโดดขึ้นพร้อมกับใช้มีดสั้นปักโหนกเล็กๆ บนหลังแมลง

“เทอร์มา tterma”

ในสายตาจองจีฮุน การโจมตีนี้ไม่ได้สร้างแรงปะทะมากนัก

ทันทีที่มีดปักลงไป ประกายไฟฟ้าสว่างวาบพร้อมกับส่งเสียง ‘เปรี้ยะ’

แต่แมลงที่ถูกมีดแทงกลับตัวกระตุกรุนแรง ไม่นานก็หมดสติล้มลง

คังซอนฮูกระโดดออกมาก่อนที่แมลงสูงกว่าสองเมตรจะล้มกระแทกพื้น

“……”

จองจีฮุนยืนนิ่งข้างๆ ศพสัตว์ประหลาดเป็นเวลานาน

เขายังไม่ลืม แมลงตัวนี้ไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกกระสุนหลายสิบนัดกระหน่ำยิง

จากนั้นก็เดินไปทางหมาป่าผี

“……?”

ตอนแรกเห็นเป็นหมาป่าไม่ผิดแน่ แต่เมื่อได้ดูใกล้ๆ

“โฮ่ง!”

เผลอครู่เดียว มันกลายเป็นลูกสุนัขขนปุยตัวเล็กน่ารัก

จองจีฮุนจ้องลูกหมาที่กำลังกระดิกหางพลางกวาดตามองผู้คน

นี่มันอะไร?

คังซอนฮูไปเรียนวิชาอะไรมาอีก?

ไม่มีทางที่เขาจะรู้คำตอบ

“…กลับมาทันเวลาพอดีเลยนะครับ”

“ทำไมพวกนายถึงเดือดร้อนทุกทีที่ฉันไม่อยู่? เป็นงานเลี้ยงต้อนรับหรือไง?”

“ทำนองนั้นครับ”

เหมือนกับทุกครั้ง ทั้งสองทักทายกันตามปกติ

* * *

“กรร—!”

“คายออกมา! นั่นไม่ใช่ของกิน!”

“แง่ง—!”

“เฮ้ย!”

ฉันคิดมาสักพักแล้วว่า เรลิกซิน่าต้องถูกฝึกเสียบ้าง

ไม่ใช่ฝึกแบบม้า แต่ฝึกนิสัยแบบหมาแมว

โดยเฉพาะนิสัยที่ชอบกัดทุกอย่าง

ทำไมน่ะหรือ? ไม่งั้นมันได้ป่วยเพราะกินอะไรแปลกๆ เข้าสักวัน

“คุณซอนฮูกลับมารอบนี้ ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก”

“สักเรื่องก็ไม่มีเลยหรือ”

“เรื่องที่อยากจะพูด…”

จองจีฮุนมองสลับไปมาระหว่างศพแมลงบนพื้น เรลิกซิน่า และไม้เท้าในมือซ้ายฉัน

“มีเยอะมากครับ แต่ปัญหาคือมีเยอะเกินไป… เอาเป็นว่าซ่อนไม้เท้าก่อนดีไหมครับ ถ้ารุ่นพี่ซอยอนมาเห็นเข้าคงตาเป็นประกายแน่”

“นั่นสินะ… ฟังดูน่ารำคาญนิดหน่อย”

ฉันเปลี่ยนกลับเป็นอัญมณีและเก็บเข้าเข็มชี้

จอห์นสันที่เสร็จงาน หายตัวไปโดยไม่ต้องรอให้ฉันสั่ง

ดูเหมือนจะเกี่ยวกับการที่หัวไม้เท้าเลิกส่องแสงสีคราม

ไว้ค่อยทดสอบอย่างละเอียดวันหลัง

“ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี… เอ่อ ให้ผมเก็บเรื่องพวกนี้เป็นความลับไหมครับ?”

“จากบริษัท? ไม่ต้อง… แค่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาก็พอ”

“เจ้านี่คือสิ่งมีชีวิตประเภทแมลงที่ยังไม่ถูกจำแนก แต่เรายืนยันได้ว่ามันอาศัยเป็นกลุ่ม…”

“ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น”

ฉันมองไปยังทิศทางที่แมลงน่าจะบุกมา

“ตะวันตกหรือเหนือ?”

“ตะวันตกครับ”

“พวกนี้กินพลังธรรมชาติเป็นอาหาร เรื่องคงเกิดได้ห้าวันแล้วสินะ”

จองจีฮุนพยักหน้า

คล้ายสังเกตเห็นว่าฉันเข้าใจปัญหา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้ากลับมาขึงขัง

“ครับ ถูกเผง… เมื่อห้าวันก่อน เสาลำแสงขนาดใหญ่ถูกพบจากทางใต้ เกิดเป็นลมร้อนพัดผ่านเบสแคมป์สองวันเต็ม พวกเราตรวจพบการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของสิ่งมีชีวิตละแวกใกล้เคียง… หลังจากนั้นแมลงก็เริ่มบุกมา”

“……”

คงเป็นผลข้างเคียงจากความตายของกาลอส

ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนี้ เพราะต้นตอมาจากพลังมหาศาลสองขั้วปะทะกัน

เรียบเรียงความคิดสักพัก ฉันหันไปมองศพที่เรลิกซิน่ากำลังกัด

“…เจ้านี่จะคอยกระจายฟีโรโมนเพื่อทำให้ฝูงแมลงมีเป้าหมายเดียวกัน หลังจากนั้นพวกมันจะเปิดฉากโจมตีเต็มรูปแบบ”

หัวหน้ารปภ.ที่ฟังอยู่เดินเข้ามาใกล้

“ถ้าอย่างนั้นค่อยโล่งใจ ขอบคุณมากที่มาช่วยได้ทันเวลา…”

“ไม่เลย ฉันมาไม่ทัน”

“…อะไรนะ?”

สีหน้าหัวหน้ารปภ.ที่เคยยิ้มแย้ม ดำมืดกะทันหัน

“หน้าที่ของมันคือการตายในพิกัดเป้าหมาย แค่แสร้งทำตัวเป็นจ่าฝูง แสร้งทำเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงและติดอาวุธน่ากลัวเต็มตัว”

“…จงใจมาตาย?”

“ถูกต้อง เหมือนกับถังฟีโรโมนเคลื่อนที่ แค่ตายในพิกัดเป้าหมายก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ”

พวกมันอาศัยรวมกันเป็นกลุ่มเหมือนมดหรือผึ้ง แต่ละตัวอาจไม่น่ากลัว แต่เมื่อรวมเป็นกลุ่มใหญ่ พวกมันจะแข็งแกร่งจนถูกขนานนามให้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูง

“…ต้องเร่งมือแล้ว”

เวลาเดียวกัน กลุ่มทหารที่คล้ายทหารรับจ้างปรากฏตัวในหมู่บ้าน

ทุกคนลากอาวุธที่ฉันคุ้นเคย

“ปืนครก?”

“พวกเราจะถล่มรังของพวกมัน ช่วงเย็นวันนี้จะมีประกาศแจ้งเตือน เพราะงั้น คืนนี้คุณซอนฮูอย่าเพิ่งดื่มหนัก…”

“อย่าทำ”

“ครับ?”

“รังเป็นแค่ด่านหน้า ถิ่นจริงๆ ของพวกมันอยู่ไกลออกไปมาก การทำลายรังอย่างไร้เหตุผลมีแต่จะยั่วยุให้พวกมันโกรธ อีกอย่าง แมลงพวกนี้เรียนรู้เร็วมาก ถ้าถูกถล่มด้วยปืนครก คราวหน้าพวกมันจะมุดดินโจมตี”

จองจีฮุนเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน

เป็นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าเพิ่งได้ฟังข้อมูลสำคัญในเวลาแบบนี้

“ไม่ต้องรีบร้อน อดทนไปก่อน ฉันจัดการเอง”

“…เบสแคมป์จะไม่เป็นอันตรายหรือครับ”

“ยกเลิกประกาศแจ้งเตือนได้เลย พวกมันจัดการง่ายกว่าที่เห็น แค่สั่งให้ทหารทุกคนอยู่ห่างๆ จากรังก็พอ”

“ถ้าต้องการอะไรก็แจ้งได้ทุกเมื่อนะครับ ผมจะพยายามเต็มที่ ทั้งกายและใจ”

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน… ทุกสิ่งที่จัดการได้จะตกเป็นของฉัน”

“ตกลงครับ”

เยี่ยม

ฉันพยักหน้าและเดินกลับกระท่อม

เดินพ้นหมู่บ้านได้ประมาณห้านาที ฉันมองเห็นกระท่อมหลังใหญ่

ไม่สิ ที่นี่ไม่ใช่กระท่อมอีกแล้ว แต่เป็นสำนักงานกิลด์

ไฟปิดทุกดวง

“กลับมาแล้ว”

ลิลี่พูด

ดูเหมือนเธอจะคิดว่าที่นี่คือบ้าน ฉันก็ไม่ขัดข้อง การมีบ้านอบอุ่นให้กลับคือเรื่องดีเสมอ

ไม่ว่าร่างกายจะเหลือพลังงานมากแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นบ้าน จะเกิดปรากฏการณ์ทางใจที่ทำให้เรี่ยวแรงหดหาย

ดวงตาสีแสงของลิลี่เผยความอ่อนเพลีย ฉันก็เหมือนกัน

ลิลี่มัดบังเหียนม้าไว้กับต้นเสาในลานหลังบ้าน ส่วนเรลิกซิน่าเป็นเด็กดี ฉันจึงปล่อยวิ่งเล่น

จากนั้น เราเปิดประตูและเข้าไปข้างใน

โต๊ะรับรองลูกค้ามีเอกสารจำนวนหนึ่งวางกอง เป็นหลักฐานว่าชาโซฮี—ตัวแทนกิลด์—ทำงานหนักแค่ไหน

ไฟข้างในปิดสนิท

เนื่องจากไม่มีหน้าต่าง บรรยากาศภายในจึงค่อนข้างมืดเพราะแสงส่องไม่ถึง แต่ฉันยังพอมองเห็น

“คร่อก~”

ชาโซฮีกำลังหลับบนโซฟา

“……”

ขณะลิลี่ยืนมองด้วยสายตาว่างเปล่า ฉันเปิดไฟ

“อ๊า…! แสบตา… ปิดไฟหน่อย…”

“พระอาทิตย์ลอยกลางฟ้าแบบนี้ ทำไมเธอยังนอนอยู่อีก? เหม็นเหล้า… เมื่อคืนดื่มหนักรึไง?”

ฉันเปิดหน้าต่าง

ชาโซฮีที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเกาท้ายทอย

“ใช่… จีอากินเก่งจริงๆ … ชาวต่างโลกสืบเชื้อสายมาจากยุโรปตอนเหนือรึไง?”

“ซอจีอา? เธออยู่ไหน”

“…ออกไปตั้งแต่เมื่อไรล่ะเนี่ย”

พอฉันไม่อยู่ก็ทำตัวเหลวไหลกันเลยนะ

แต่เมื่อมองไปรอบๆ ฉันพบว่าอย่างน้อยบ้านก็ไม่ได้รก และมีร่องรอยการทำงาน

ชาโซฮีกวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนกับวัวกึ่งหลับกึ่งตื่น

“…นายกลับมาเร็วกว่าที่คิด ไหนบอกว่าจะไปที่ไกลๆ”

“ถ้ามีแต่พื้นราบ คนเราสามารถข้ามคาบสมุทรเกาหลีได้สามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ สิ่งสำคัญคือภูมิประเทศ ไม่ใช่ระยะทาง”

“เสาลำแสงเมื่อห้าวันก่อน… ฝีมือนายใช่ไหม?”

“เปล่า ฝีมือมังกร”

ดวงตาชาโซฮีกลมโตทันที

“…มังกร? มังกรคราวที่แล้ว?”

หงึก

ชาโซฮีจ้องฉันและเปิดปากอีกครั้ง

“เรื่องเล่าคราวนี้ต้องสนุกมากแน่ จีอากลับโซลเพราะซื้อของรอฉลองนายกลับ แต่นายดันกลับเร็วกว่าที่พวกเราคิด”

“หืม… ฉลองด้วยอะไร?”

“เหล้า”

“…”

“ไม่ต้องห่วง เธอบอกว่าจะซื้อเนื้อมาด้วย”

“ช่างเถอะ ตอนนี้ช่วยหลบหน่อย”

หลังจากวางสัมภาระลวกๆ ฉันไล่ชาโซฮีขยับไปข้างๆ และนั่งลงพร้อมกับถอดอัญมณี

ไม้เท้าสีคราม — หน้าตาเหมือนกับที่อยู่ในอนิเมแฟนตาซีทั่วไป

แต่ถึงอย่างนั้น ภาพของรากไม้สีทองอ่อนก็มอบความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก

ชาโซฮีจ้องสักพักก่อนจะพูด

“…นายใช้เวทมนตร์ได้แล้ว? ไม่สิ ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้…”

ไว้ค่อยอธิบายอย่างละเอียดทีหลัง ตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้หลักการทำงานที่แน่ชัด

รูปถ่ายใบหนึ่งถูกหยิบออกจากเสื้อ

มันเคยเป็นรูปถ่ายจอห์นสัน

แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรนอกจากทิวทัศน์โลกวิญญาณ

“…”

มีเวลาเหลือเฟือให้ขบคิด

ลิลี่ที่จัดการสัมภาระของตัวเองเสร็จ นั่งบนโซฟาเดี่ยวและมองมาทางฉัน

ฉันผุดความคิดขณะดูรูป

ถ้าโลกมนุษย์มีผี หน้าตาจะเป็นยังไง เหมือนกับช่วงเวลาไหนของชีวิต?

สำหรับคำถามที่ทุกคนบนโลกน่าจะเคยสงสัยอย่างน้อยหนึ่งครั้ง คำตอบยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่หลักฐานทางกายภาพที่สามารถพิสูจน์ตัวตนของผี

แต่ต่างโลกไม่เหมือนกัน ผีมีอยู่จริง มีกฎระเบียบการดำรงอยู่ชัดเจน แถมยังมีโลกเป็นของตัวเอง

ถ้าอย่างนั้น ย้อนกลับไปคำถามแรก ผีหน้าตาเป็นยังไง เหมือนกับช่วงเวลาไหนของชีวิต?

ทุกคนคงจินตนาการว่า คงเหมือนกับตัวเองขณะใกล้ตาย

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น โลกวิญญาณก็ต้องไม่ต่างจากบ้านพักคนชราซีซั่นสอง ไม่ใช่โลกแห่งความตาย

ฟังดูไม่หลากหลายและไม่น่าสนุกสักเท่าไร

แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ

สำคัญที่ฉันไม่เคยรู้คำตอบมาก่อน เพราะผีไม่ได้ใจดีคอยบอกประวัติทุกครั้งที่เผชิญหน้า

จนกระทั่งได้พบผีจอห์นสัน

“ทัล talle”

แสงสีครามเอ่อล้นจากไม้เท้าและก่อตัวเป็นรูปร่าง

ผิวหนังของฉันสัมผัสถึงขอบเขตแห่งความตาย ราวกับจะได้เห็นผีทันทีที่หลับตา

ไม้เท้าคนตาย

สมบัติชิ้นนี้มีอำนาจบุกรุกดินแดนคนตาย

ทันใดนั้น

“โฮ่ง!”

ฉันได้ฟังเสียงที่น่ายินดี

ตอนแรกที่พบกับจอห์นสัน ฉันค่อนข้างตกใจที่เห็นมันเป็นลูกหมา

จอห์นสันในความทรงจำฉันแก่กว่านี้แน่นอน

ตอนแรกคิดว่าเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว

ดูเหมือนว่าผีจะเลือกใช้รูปลักษณ์ในช่วงเวลาใดก็ได้ขณะยังมีชีวิต

สะดวกดีเหมือนกัน

“……”

ฉันมิอาจละสายตาจากลูกหมาที่กำลังหายใจหอบพลางจ้องหน้าฉัน

ด้วยความสัตย์จริง ฉันมีความทรงจำเก่าๆ ไม่มาก

ช่วงเวลาที่ฉันเสียสติ มีมากกว่าช่วงเวลาที่สติดี

และถึงจะเป็นช่วงสติดี ความทรงจำบางส่วนก็ยังบิดเบี้ยว

ท่ามกลางความทรงจำที่อลหม่าน จอห์นสันค่อนข้างกระจัดกระจาย

มันคงสมบูรณ์หากฉันประกอบเข้าด้วยกันครบทุกชิ้น แต่อาจต้องใช้เวลาสักพัก

“…ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ”

“โฮ่ง!”

ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำนี้

ฉันต้องพึ่งพาหัวใจมากกว่าความทรงจำ แต่นั่นก็ไม่ได้ลดทอนความยินดีที่เกิดขึ้นขณะพวกเรากลับมาพบกัน

ฉันแค่แสดงความรู้สึกไม่ถูก

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด