บทที่ 9: ช่วยเหลือบางคน เปลี่ยนแปลงบางสิ่ง
บทที่ 9: ช่วยเหลือบางคน เปลี่ยนแปลงบางสิ่ง
พลังของแสงกระบี่เมื่อครู่นี้นั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันอยู่เหนือความคาดหมายของซุยเฮ็งไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนแรกเขาก็คิดว่ามันเป็นเพียงเคล็ดวิชากระบี่ธรรมดาๆ และต่อให้มันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะทรงพลังมากถึงขนาดนี้
แสงกระบี่ได้ผ่าแยกเมฆบนท้องฟ้าออกจากกันและสร้างหุบเหวลึกยาวสามเมตรขึ้นบนพื้น!
ถ้าเขาอยู่ที่โลกเก่าของเขา เขาก็คงจะเป็นยอดมนุษย์ไปแล้ว!
ซุยเฮ็งรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก
นี่คือเสน่ห์ของพลังอย่างงั้นหรอ?
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะพยายามฝึกฝนมามากกว่าร้อยปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเข้าใจวิธีการที่จะปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างแท้จริง
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็กำลังนั่งอยู่บนกองภูเขาขุมทรัพย์แต่ไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีทรัพย์สมบัติมากเท่าไร?
ถึงกระนั้น ในตอนนี้ ซุยเฮ็งก็ตระหนักได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นมีมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นาน
เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าวิชากระบี่ที่ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังดังกล่าวได้นั้น... เป็นเพียงวิชากระบี่จากโลกของเจียงฉีฉี!
เนื่องจากเขาสามารถปล่อยแสงกระบี่อันทรงพลังออกมาได้ ดังนั้นมันก็หมายความว่าตราบใดที่ผู้คนในโลกใบนั้นมีระดับการฝึกตนแบบเดียวกับเขา พวกเขาก็จะสามารถปลดปล่อยพลังแบบเดียวกันออกมาได้!
นี่ไม่ใช่วิชากระบี่ที่จะสามารถพบได้ทั่วไปบนโลกอย่างแน่นอน!
โลกแห่งวรยุทธ์ธรรมดาๆ ย่อมไม่มีทางที่จะพัฒนาวิชากระบี่ขั้นสูงเช่นนี้ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ยังเป็นเพียงวิชากระบี่ที่ใช้ในการเสริมสุขภาพเท่านั้น มันไม่ใช่วิชากระบี่ที่เอาไว้ใช้ฆ่าคน!
“ถ้าเป็นวิชากระบี่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการฆ่าโดยเฉพาะ มันจะทรงพลังขนาดไหนกันนะ?” ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจ
พลังที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหันทำให้เขาตกใจมาก เขามั่นใจว่านี่จะต้องไม่ใช่วิชากระบี่ธรรมดาๆ แน่นอน
มันน่าจะเป็นวรยุทธ์ขั้นสูงชนิดหนึ่ง
“ในโลกเช่นนี้ หากใครสามารถฝึกฝนวิชากระบี่ของพวกเขาจนไปถึงระดับสูงสุดได้ พวกเขาก็อาจจะสามารถทำลายได้แม้แต่ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์”
ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง
สมแล้วที่เป็นโลกเซียนระดับสูง!
มันไม่มีโลกใดที่เรียบง่าย
อย่างแรก มันมีโลกแห่งการฝึกตนอย่างหงฟู่กุ่ย และจากนั้น มันก็ยังมีโลกแห่งวรยุทธ์อย่างเจียงฉีฉี
พวกมันล้วนเป็นสถานที่ที่มีผู้ฝึกตนกระจัดกระตายอยู่มากมาย และอันตรายก็ซุ่มซ่อนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
เขาคิดว่ามันเป็นเพียงโลกแห่งวรยุทธ์ธรรมดาๆ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์!
ตอนนี้ความสุขและความตื่นเต้นในหัวใจของซุยเฮ็งก็ได้หายไปหมดแล้ว
เขาเริ่มกลับมารู้สึกว่าเขากำลังขาดความแข็งแกร่งอย่างหนัก
ในโลกเซียนเช่นนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐานคืออะไร?
พวกเขาคือมดที่ไม่ได้มีค่าอะไร!
เขาไม่สามารถหลงระเริงไปกับพลังอำนาจเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกของเจียงฉีฉีและหงฟู่กุ่ย ความสามารถของเขาก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าพูดถึงเลย
ในขณะที่ซุยเฮ็งกำลังสงบจิตสงบใจ
จิตใจของเจียงฉีฉีก็เต็มไปด้วยความสับสน
ในสายตาของเธอ แสงกระบี่เล่มนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากปาฏิหาริย์
มันอยู่เหนือความเข้าใจของเธอไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นความแข็งแกร่งที่ไร้สาระเกินไป!
วรยุทธ์สามารถทรงพลังได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ?
ไม่ มันจะต้องเป็นเพราะเขาเป็นเซียนแน่ๆ!
ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
ไม่สิ พี่ใหญ่เซียนเป็นเซียนอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาก็จะต้องเป็นเซียนที่อยู่เหนือเซียนอีกทีแน่นอน!
เขาสามารถเปลี่ยนวิชาเน่าๆ ให้กลายเป็นวิชาวิเศษได้!
นี่มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เจียงฉีฉีมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความชื่นชม
เธอคิดอยู่เสมอว่าเธออยากจะออกไปท่องโลกยุทธจักรและถอนรากถอนโคนทรราชผู้กดขี่และช่วยเหลือประชาชนผู้อ่อนแอ เธออยากจะเป็นวีรสตรีที่แท้จริง
และสิ่งนี้ก็จำเป็นจะต้องมีกำลังเป็นรากฐาน
“พี่ใหญ่เซียน!” เจียงฉีฉีสูดหายใจเข้าลึกๆ และโค้งคำนับอย่างสุภาพให้กับซุยเฮ็ง “โปรดสอนวิชากระบี่เซียนให้กับข้าด้วย!”
“วิชากระบี่เซียน?” ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะตะลึงเมื่อได้ยินชื่อนี้ และจากนั้นเขาก็เข้าใจทั้งหมดในทันที
ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จะไม่รู้ว่าวิชากระบี่ที่เธอกำลังฝึกอยู่นั้นทรงพลังเพียงใด เธอคงจะคิดว่าที่มันทรงพลังแบบนี้นั้นเป็นเพราะมันมาจากเขา
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะวิชากระบี่นั้นทรงพลังอยู่แล้ว แล้วเขาจะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกมาได้อย่างไร?
และจากคำอธิบายก่อนหน้านี้ของเจียงฉีฉี มันก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยติดต่อกับอาจารย์ที่สอนเธออีกเลย ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะเข้าใจผิด
“ใช่แล้ว วิชากระบี่เซียน!” เจียงฉีฉีพยักหน้าอย่างจริงจังและมองซุยเฮ็งด้วยดวงตาที่สดใส “ข้าต้องการจะออกไปท่องรอบยุทธจักรเพื่อขจัดทรราชและช่วยเหลือผู้อ่อนแอ!”
คำพูดของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่
“ทำไมเจ้าถึงมีความคิดแบบนั้นล่ะ?” ซุยเฮ็งไม่ได้ตอบอะไรและถามกลับด้วยความสงสัยแทน
ต่างจากหงฟู่กุ่ยที่เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เจียงฉีฉีมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว
แบบนั้นแล้วทำไมเธอถึงยังต้องการจะออกไปท่องโลกกว้างและช่วยเหลือผู้อ่อนแอกัน?
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็อันตรายมากที่จะออกไปท่องในโลกกว้าง โดยเฉพาะเมื่อโลกใบนั้นเป็นโลกแห่งการฝึกตนหรือโลกแห่งวรยุทธ์
“นั่นก็เพราะ… ข้าเป็นคนที่โชคดีมาก”
เสียงของเจียงฉีฉีทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน ราวกับว่าเธอกำลังหวนย้อนไปในความทรงจำของเธอ เธอยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าโชคดีมากตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย และข้าก็ยังมีพ่อแม่กับพี่น้องที่รักข้า”
“แม้ว่าข้าจะมีอาการป่วยแต่กำเนิด แต่ตราบใดที่ข้ายังกินยาอยู่ทุกวัน มันก็จะไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร หมอเองก็ดูแลข้าอย่างจริงใจ ทั้งยังมีนักพรตเฒ่าผู้ใจดีที่ได้สอนวิชากระบี่ถนอมชีวาให้กับข้า”
“หลังจากที่ข้าได้เริ่มต้นธุรกิจของตระกูลของข้าแล้ว เพื่อนบ้านและลูกค้าจำนวนมากของข้าก็ยังดูแลข้าเป็นอย่างดีอีก สิ่งนี้ทำให้ข้าสามารถประสบผลสำเร็จและแม้กระทั่งได้รับตำแหน่งอัจฉริยะมาครอง”
“สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้าเข้าใจดีว่าข้าเป็นคนที่โชคดีมากแค่ไหน หลายคนใจดีกับข้าและยังช่วยเหลือข้า แต่กระนั้น ข้าก็กลับแบกรับโชคเหล่านี้ไว้โดยไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเลย ข้าไม่แม้แต่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าเคยได้ยินตำนานมากมายเกี่ยวกับโลกแห่งวรยุทธ์ พวกเขากล่าวว่าวีรบุรุษเดินทางไปทั่วโลก ขจัดทรราชชั่วและช่วยเหลือผู้อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังไม่เคยเห็นวีรบุรุษเช่นนี้มาก่อนเลย ข้าเคยเห็นก็แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่รังแกผู้อ่อนแอ”
“ในบางครั้ง ข้าก็สงสัยว่าข้าควรจะยอมรับความโชคดีที่สวรรค์มอบให้ข้าดีหรือไม่? เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ไม่เคยได้ทำอะไรตอบแทนเลย”
“และเพราะแบบนี้เอง ข้าถึงอยากจะออกไปทำอะไรสักอย่าง เช่นการช่วยเหลือผู้อ่อนแอ”
“อย่างไรก็ตาม ในอดีต ข้าก็ทำได้เพียงคิดถึงเรื่องเหล่านี้เท่านั้น ข้าไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงพอจะสามารถเดินทางไปทั่วโลกได้ และข้าก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าและช่วยเหลือผู้อ่อนแอได้ ข้า… ข้าทำอะไรไม่ได้เลย”
“ถึงกระนั้น ในท้ายที่สุด ข้าก็ยังโชคดีที่ได้มาเจอท่าน พี่ใหญ่เซียน ข้า... ข้าต้องการจะเรียนรู้วิชากระบี่เซียนจากท่าน!”
“แม้ว่าคำขอนี้อาจจะดูเห็นแก่ตัวและโลภมากไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่อยากจะยอมแพ้เพียงแค่นี้จริงๆ...”
“ถ้าท่านต้องการอะไร ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด”
“เข้าใจแล้ว!” ซุยเฮ็งยิ้ม “อันที่จริง เจ้าก็ได้ให้สิ่งที่ข้าต้องการมาเรียบร้อยแล้ว”
“ห้ะ?” เจียงฉีฉีรู้สึกสับสน
“มารอที่นี่ในพรุ่งนี้เช้า” ซุยเฮ็งหันหลังให้กับเจียงฉีฉีในขณะที่เขาเดินไปที่วิลล่าสำหรับผู้เริ่มต้น “ข้าจะสอนวิชากระบี่ให้เจ้าเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในบ้านและหายตัวไป
เจียงฉีฉีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ เธอคุกเข่าลงบนพื้นและก้มหัวคำนับด้วยความเคารพ
“ขอบคุณพี่ใหญ่เซียน!”