บทที่ 853 ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ(ตอนฟรี)
บทที่ 853 ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
รถเก๋งสีดำจอดอยู่ด้านข้างของถนนภายใต้แสงไฟสลัว แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดนักเนื่องจากความมืดแต่ในระยะใกล้ก็มองเห็นอยู่ว่าด้านหน้าของรถเก๋งคันนี้มีรอยบุบลึกจากแรงกระแทก กันชนบิดเบี้ยวและแม้แต่ไฟหน้าดวงหนึ่งก็แตกหัก
เมื่อดูแวบแรกรถคันนี้ดูน่ากลัวมาก ถ้าไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของมันที่พอจะแยกแยะได้ว่าเป็นรถบีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หก จี้เฟิงก็เกือบจะไม่แน่ใจแล้วว่านี่ใช่รถของเขาเองจริงๆหรือเปล่า
อันที่จริงมันคือรถของจี้เฟิงจริงๆ และสาเหตุที่มันบุบบี้มีสภาพน่าสยดสยองจนแทบจำไม่ได้ล้วนเป็นเพราะผลงานชิ้นเอกเมื่อตอนเที่ยง
ผู้ชายหลายร้อยคนบนมอเตอร์ไซค์ถูกรถคันนี้พุ่งชนจนกระเด็นออกข้างทาง บ้างก็ตัวลอยไปในอากาศและหล่นลงในคูน้ำไม่ก็หล่นลงบนพื้นถนน พร้อมกับมอเตอร์ไซค์เหล่านั้นที่พุ่งชนสวนเข้ามาด้วยความเร็วสูง... ตอนนี้สภาพของบีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกเรียกได้ว่าแย่มาก แต่นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เครื่องยนต์และภายในไม่ได้รับผลกระทบอะไรนัก ซึ่งนั่นทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของรถคันนี้ (ผู้แปล : ผู้แต่งเป็นเซลล์ขายรถป่ะนิ...)
ในขณะนี้ จี้เฟิงนั่งอยู่ในที่นั่งของคนขับรถบนรถบีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกของเขาที่ด้านหน้าพังยับ และซูหยวนก็นั่งอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถอย่างเงียบๆ จ้องมองไปที่ถนนข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา
ห่างออกไปทางด้านหลังของรถบีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกประมาณ 30 ถึง 40 เมตร มีรถตู้สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งในนั้นมีโจวเฟยเฟยและบอดี้การ์ดหลายคนของเธอนั่งอยู่
รถของพวกเขาอยู่ด้านหนึ่งของถนน แต่ไม่ได้จอดอยู่บนถนน มันถูกซ่อนไว้ในป่าข้างๆ มีเพียงแสงไฟสลัวๆของไฟถนนส่องผ่านกิ่งไม้ผ่านมาเท่านั้นถึงจะพอมองเห็นโครงร่างของรถทั้งสองคันได้
“บอส คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าพวกเขาจะผ่านถนนสายนี้จริงๆ?” ในความมืด เสียงของซูหยวนได้ทำลายความเงียบของค่ำคืน และดูเหมือนเธอจะมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “ถ้าพวกเขาไม่ผ่านมาทางนี้ มันจะไม่กลายเป็นว่าเราได้แต่นั่งรออยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยหรอกเหรอคะ?”
จี้เฟิงไม่ได้ขยับเขยื้อน เขายังคงจ้องมองตรงไปข้างหน้าและพูดขึ้นเบาๆ “ซูหยวน ใจเย็นๆ หนักแน่นเข้าไว้ ตอนนี้บอดี้การ์ดของเฟยเฟยกำลังติดตามซูหลงอยู่ พวกนั้นกำลังมาตามถนนสายนี้ มุ่งหน้ามาทางเรา ดังนั้นอย่ากังวล พวกนั้นจะต้องผ่านมาทางนี้อย่างแน่นอน มันเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลา!”
ซูหยวนพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจเธอกลับยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม เมื่อคิดถึงว่าต้องเผชิญหน้ากับคนที่ฆ่าแม่ของตัวเอง มันทำให้เธอรู้สึกประหม่าโดยไม่ได้ตั้งใจ และยังมีอารมณ์ที่ซับซ้อนอื่นๆแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งอารมณ์พวกนั้นมันทำให้เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง จึงได้แต่หายใจเข้าออกอย่างรวดเร็วเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง
จี้เฟิงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “ซูหยวน ถ้าซูหลงตกอยู่ในมือเธอจริงๆ เธอตั้งใจจะจัดการกับเขายังไง?”
“อ่า...”
ซูหยวนชะงักและนิ่งไป แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดว่า “ฉันจะฆ่าเขา!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “แค่ได้ยินเธอตอบแบบนี้ ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน เอาดีๆ เธอคิดไว้หรือยังว่าจะทำยังไง?”
ซูหยวนไม่รู้จะตอบยังไง จึงได้แต่นิ่งเงียบไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอเคยคิดแค่ว่าจะหาทางจัดการกับผู้ชายคนนั้นให้ได้ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร ผู้ชายที่ชื่อซูหลง ผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่วันเดียว แต่เขาคือพ่อแท้ๆของเธอ!
เธอกัดฟันด้วยความโกรธแค้นนับครั้งไม่ถ้วน เฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นให้แม่ของเธอ ฝันว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้ฆ่าสัตว์ร้ายตัวนี้ด้วยมือของเธอเอง ทำให้แม่และตาของเธอได้นอนตายตาหลับ...
แต่ตอนนี้ แม้ว่าซูหยวนจะยังไม่เคยเห็นชายคนนี้ แต่หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
และเมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์ที่ซับซ้อนและขัดแย้งกันได้ทวีคูณมากขึ้นจนทำให้เธอรู้สึกสับสน ใจหนึ่งเธอก็หวังว่าซูหลงจะผ่านถนนสายนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่ต้องการให้เขาผ่านถนนสายนี้...
ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เธอต้องการให้ซูหลงตาย แต่เมื่อความจริงนั้นใกล้เข้ามา เธอกลับไม่อยากให้เขาตาย.... มันซับซ้อนและขัดแย้งกันไปหมด
ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะสัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลใจของซูหยวน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอาอย่างนี้มั้ยซูหยวน เธอกลับไปพักผ่อนที่วิลล่าก่อน...”
“ไม่!”
ซูหยวนส่ายหน้าและปฏิเสธทันที “ครั้งหนึ่งฉันเคยสาบานที่หลุมฝังศพของแม่ว่าฉันจะล้างแค้นให้เธอ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย เขารู้ดีว่าซูหยวนคงต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากในการตัดสินใจแบบนี้
สำหรับซูหยวน ไม่ว่าเธอต้องการล้างแค้นให้แม่ของเธอหรือไม่ก็ล้วนเป็นทางเลือกที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง
การที่เธอต้องเผชิญหน้ากับพ่อแท้ๆของเธอแบบตัวต่อตัวเพื่อล้างแค้น มันเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะมีใครเข้าใจ
แต่ถ้าซูหยวนตัดสินใจไม่แก้แค้น ทุกครั้งที่เธอหลับตา เธอจะนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าของแม่และเหตุการณ์ก่อนที่แม่ของเธอจะเสียชีวิต แล้วจะปล่อยให้แม่ของเธอตายโดยที่ผู้กระทำยังลอยนวลอยู่ได้อย่างไร?
สำหรับซูหยวน นี่เป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่ว่าเธอจะเลือกวิธีไหน มันก็เป็นการกระทำที่ทำให้หัวใจสลาย!
จนกระทั่งตอนนี้ ซูหยวนก็ยังคงดิ้นรนในการเลือกเส้นทางที่ยากลำบากและเจ็บปวดนี้
แล้วจะมีสักกี่คนที่เข้าใจความเจ็บปวดเช่นนี้?
ในคืนที่มืดมิด จี้เฟิงหันไปด้านข้างและมองใบหน้าที่เป็นสีแดงเล็กน้อยของซูหยวน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร เมื่อสิบปีก่อน ซูหยวนในช่วงอายุที่ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่น เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ครอบครัวของเธอต้องถูกทำลาย ยิ่งกว่านั้นมันเป็นการทำลายจากคนในครอบครัวของเธอเอง ซ้ำร้ายยังต้องหลีกหนีจากการถูกตามล่าของพี่ชายต่างแม่...
เธอในเวลานั้น จะตกอยู่ในความรู้สึกเช่นไร? จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป? เบื้องหน้าคงเต็มไปด้วยความมืดมน...
“ซูหยวน...” จี้เฟิงมองไปที่ซูหยวนที่สวมผ้าพันคอโดยเปิดเพียงแค่ใบหน้าและเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“คะ?” ซูหยวนตอบอย่างเป็นกันเอง “มีอะไรเหรอ?”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันมีอะไรที่อยากจะพูดสักสองสามคำ เอ่อ... คือ ฉันมีแฟนแล้ว ฉันคิดว่าเธอคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่มั้ย?”
“ฉันรู้” หัวใจของซูหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เธอยังคงพยักหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ดังนั้น...” จี้เฟิงลังเลเล็กน้อย และในชั่วขณะหนึ่งเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และในที่สุดเขาก็ได้แต่ส่ายหัวและยิ้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแฟนฉันคนหนึ่ง เอ่อ... คนที่จดทะเบียนเป็นเจ้าของโรงงานน่ะ ก่อนหน้านี้เธอเป็นครู แต่ตอนนี้เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วและอาจมาทำงานในโรงงานผลิตยาในปีหน้า”
ห๊ะ?!
ซูหยวนผงะไปทันที ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างประหม่า “บอส.. สรุปคือแฟนของคุณจะมาทำงานที่โรงงาน?”
“ใช่!”
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “เธอเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียน แต่มีปัญหานิดหน่อยในการทำงาน เธอก็เลยลาออกและตัดสินใจที่จะเรียนรู้การบริหารโรงงานผลิตยา เมื่อถึงเวลานั้นฉันคงต้องให้เธอช่วยดูแลแล้วก็สอนงานแฟนของฉันน่ะ”
“ไม่มีปัญหา! ตราบใดที่เธอเต็มใจที่จะเรียนรู้ ฉันสามารถสอนทุกอย่างที่ฉันรู้ให้เธอได้!” ซูหยวนพยักหน้าทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าหัวใจของเธอจะรู้สึกจี๊ดๆเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมาทางสีหน้าเลย
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างฝืนของเธอ จี้เฟิงก็เปิดปากของเขาเพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็หุบปากลงและกลืนคำพูดทุกคำลงท้องไป
เวลานี้ ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็ดูเหมือนจะไม่สมควรไปเสียหมด...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากวันนั้น วันที่ทั้งสองคนมีบรรยากาศที่ค่อนข้างคลุมเครือ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษระหว่างพวกเขาสองคน แต่กลับไม่มีอะไรชัดเจน มันยิ่งทำให้คำพูดที่จะพูดในวันนี้แตกต่างไปจากทุกที
ตอนแรก จี้เฟิงอยากจะถามซูหยวนว่าเธอคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด จี้เฟิงอยากจะรู้ว่าในใจของเธอนั้นมองเขาในฐานะไหน เจ้านายหรือผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถพัฒนาไปเป็นแฟนของเธอได้?
แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากของเขา คำถามที่ถามออกไปก็เปลี่ยนไป จี้เฟิงไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามคำถามดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงเลี่ยงและเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของเซียวหยูซวน
แต่สำหรับจี้เฟิง ความรู้สึกในวันนั้นยังคงอยู่ในใจของเขา มันทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกค้างคาใจเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าซูหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ เธอแค่นิ่งเงียบไป และตอนนี้บรรยากาศในรถก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าอะไรก็ตาม เมื่อมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะกลายเป็นเรื่องอึดอัดและลำบากไปในทันที ในอดีตที่มาผ่าน ระหว่างเขากับซูหยวนไม่มีความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ การพูดคุยสื่อสารเป็นไปอย่างสบายๆ ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป
“......”
“ฟืด~~!”
จี้เฟิงลดกระจกหน้าต่างลง เขาจุดบุหรี่และสูบมันอย่างสบายๆ ลมเย็นที่พัดเข้ามาจากทางหน้าต่างทำให้หัวสมองและร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายมาก
ในตอนนี้ จี้เฟิงได้ตัดสินใจแล้ว มันดีกว่าที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับซูหยวนดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการจับซูหลง และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเอาหลักฐานสำคัญเหล่านั้นมาให้ได้
“บรื้นนนน~~!!”
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาแผ่วๆ
สีหน้าของจี้เฟิงชะงักนิ่งไปทันที เขาลดหน้าต่างลงจนสุด และสูดควันหนักๆสองสามครั้งก่อนจะดับก้นบุหรี่จากนั้นก็จ้องตรงไปที่ถนนข้างหน้า
แสงจากไฟหน้ารถเป็นสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรก จี้เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองอย่างระมัดระวัง เขาพบว่ามีรถสามคันกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา ที่ด้านหลังของรถสามคันนั้นดูเหมือนจะมีรถหลายคันตามมา ลักษณะเหมือนกำลังไล่ตามรถสามคันข้างหน้า... แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไปทำให้จี้เฟิงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
“Rrrrrr~!!”
ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาทันทีและมองไปที่หน้าจอ และพบว่าผู้ที่โทรมาคือซูยาหยุน
เมื่อสองวันก่อน ตอนที่ร่วมโต๊ะทานอาหารกัน จี้เฟิงได้แลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์กับซูยาหยุน ซึ่งมันเป็นไปตามมารยาท อันที่จริง จี้เฟิงเองก็รู้สึกได้ว่าทัศนคติของซูยาหยุนที่มีต่อเขาไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่คิดว่าจะมีการติดต่อสื่อสารกันโดยตรงระหว่างพวกเขาทั้งสอง
แต่ตอนนี้ซูยาหยุนโทรหาเขาโดยตรง มันจึงทำให้จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้เพียงแค่แวบผ่านเข้ามาเท่านั้น จี้เฟิงกดรับโทรศัพท์และพูดขึ้นทันที “ครับหัวหน้าซู จี้เฟิงพูดสายอยู่ครับ...”
หลังจากที่จี้เฟิงพูดจบ เสียงของซูยาหยุนก็ดังขึ้น “คุณชายจี้ ซูหลงและพรรคพวกกำลังขับรถไปทางคุณ ระวังตัวให้ดีอย่างประมาทเด็ดขาด มีบอดี้การ์ดมากฝีมือและนักต่อสู้ระดับปรมาจารย์อยู่รอบตัวเขา ตัวซูหลงเองก็มีฝีมือไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก... นอกจากนั้นพวกเขายังมีอาวุธ...”
ซูยาหยุนพูดอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงฟังดูรีบร้อนมาก เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เร่งด่วนมากแล้ว “ว่าแต่บอดี้การ์ดของคุณตอนนี้อยู่ที่ไหน? ยังอยู่ข้างๆคุณหรือเปล่า? รีบสั่งให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม มีแค่เขาเท่านั้นที่จะหยุดซูหลงและคนอื่นๆได้!”
“แข็งแกร่งมาก?”
จี้เฟิงพูดซ้ำคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้มีความกลัวแสดงออกบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันเต็มไปด้วยความสนใจ เขาเพ่งมองไปยังเบื้องหน้าที่รถเหล่านั้นกำลังขับเคลื่อนมายังทิศทางที่เขาอยู่แล้วเอ่ยถามว่า “หัวหน้าซู มีทั้งหมดประมาณกี่คน?”
“อย่างน้อยก็สิบเจ็ดสิบแปดคนที่กำลังไปทางนั้น!” ซูยาหยุนพูด “นอกจากซูหลงและลูกชายของเขาแล้ว ยังมีสมาชิกหลักของแก๊งพยัคฆ์มังกรอีกหลายคน เป็นพวกระดับหัวหน้ากับผู้คุ้มกันของพวกเขา...”
“สิบเจ็ดสิบแปดคน...” จี้เฟิงมองไปที่รถสามคันข้างหน้าแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
.......จบบทที่ 853 ~