ตอนที่แล้วบทที่ 7: เขาเป็นคนดี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9: ช่วยเหลือบางคน เปลี่ยนแปลงบางสิ่ง

บทที่ 8: ระบำกระบี่ผ่าโลก?


บทที่ 8: ระบำกระบี่ผ่าโลก?

แม้ว่าซุยเฮ็งจะไม่รู้ว่าเจียงฉีฉีมาจากโลกแบบไหน แต่เขาก็เป็นคนที่เกิดและโตขึ้นมาในประเทศจีน ดังนั้นความหลงใหลในเรื่องของวรยุทธ์จึงเป็นสิ่งที่หยั่งรากลงในสายเลือด

หลังจากที่ได้กลายมาเป็นผู้ฝึกตน เขาก็ได้พยายามใช้พลังปราณเพื่อลอกเลียนกระบวนท่าวรยุทธ์ต่างๆ ที่เขาจำได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากพยายามมาหลายสิบปี เขาก็ทำได้เพียงแสดงท่าทางง่อยๆ ออกมาเท่านั้น

สำหรับวิธีการไหลเวียนพลังปราณภายในที่จำเป็นต้องใช้เส้นลมปราณ นั้น เขาก็ไม่มีเงื่อนงำใดๆ เลย

แน่นอนว่าในฐานะผู้ฝึกตน ความเข้าใจของซุยเฮ็งเกี่ยวกับร่างกายของเขาเองนั้นก็ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง เขาสามารถปล่อยพลังธรรมให้ไหลเวียนไปมาในร่างกายของเขาได้อย่างอิสระ แต่มันก็เป็นแนวคิดที่ต่างออกไปเมื่อจะนำไปใช้กับวรยุทธ์

หากจะเปรียบวิธีการใช้พลังธรรมในร่างกายเป็นดั่งตัวเลข ตัวเลขเหล่านี้ก็อาจจะมีมากเป็นหลักหมื่น หลักแสน หรือมากกว่านั้นก็ได้

และเพื่อที่จะสร้างวรยุทธ์ขึ้นโดยไม่มีพื้นฐานทางทฤษฎีใดๆ มันก็เทียบเท่ากับการจัดเรียงตัวเลขแบบสุ่มๆ

มันยากเกินไป!

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเจียงฉีฉีเมื่อกี้ก็ได้มอบแรงบันดาลใจให้แก่เขา เนื่องจากมันมีวรยุทธ์สำเร็จรูปมาปรากฎอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงน่าจะสามารถใช้มันเป็นแหล่งอ้างอิงได้ถูกไหม?

ดูเหมือนมันจะเป็นไปได้!

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวรยุทธ์สามารถทำให้พลังธรรมของเขาไหลเวียนคล่องตัวขึ้นและสามารถกระตุ้นรากฐานเต๋าของเขาได้?

นี่จะเป็นกำไรมหาศาล!

เจียงฉีฉีรู้สึกสับสนเล็กน้อยหลังจากได้ยินแบบนี้ เธอเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว มันเป็นวรยุทธ์ชนิดหนึ่ง มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า แต่ข้าสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับโลกที่เจ้าจากมา” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “ไม่มีเวลาบนภูเขา และข้าไม่รู้ความเป็นไปของโลก เจ้าจะปล่อยเรื่องการระบำกระบี่ไว้ก่อนก็ได้ แล้วก็บอกข้าก่อนเกี่ยวกับเรื่องโลกภายนอก?”

เขาต้องการจะยืนยันว่าเจียงฉีฉีนั้นมาจากโลกใบเดียวกันกับหงฟู่กุ่ยหรือไม่

แม้ว่าพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้นจะตั้งอยู่ในความว่างเปล่าระหว่างโลกนับไม่ถ้วน และไม่น่าเป็นไปได้ที่คนที่ตกลงมาจะมาจากโลกเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ผิดที่คนสองคนจะมาจากโลกใบเดียวกัน

สำหรับเรื่องของวรยุทธ์ เขาก็ไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด

“ไม่มีเวลาบนภูเขา และข้าไม่รู้ความเป็นไปของโลก…”

เจียงฉีฉีพึมพำถ้อยคำเหล่านี้ในหัวใจของเธอ ในเวลาเดียวกัน ภาพของซุยเฮ็งในจิตใจของเธอก็ได้อยู่เหนือล้ำกว่าโลกมนุษย์ไปแล้ว ราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่มองลงมายังกระแสแห่งเวลา

นี่คือความคิดของเซียนอย่างงั้นหรอ?

เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “พี่ใหญ่เซียนคงจะแข็งแกร่งมากแม้แต่ในหมู่เซียน หรือว่า… การพบกันในครั้งนี้จะถือเป็นพรหมลิขิต?”

“ถ้าอย่างนั้น พี่ใหญ่เซียนต้องการจะรู้อะไรล่ะ?” เจียงฉีฉีถาม

หญิงสาวต้องการหัวข้อเริ่มต้นในการเล่าเรื่อง คำว่า “โลกภายนอก” นั้นมีความหมายกว้างเกินไป และเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี

“เริ่มต้นจากตัวเจ้าและสิ่งต่างๆ รอบตัวเจ้าก่อนเลยก็ได้” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “โอ้ใช่ แล้วก็ยังมีนักพรตเฒ่าที่สอนวรยุทธ์ให้เจ้าด้วย”

เขาต้องการจะยืนยันความสามารถของนักพรตเฒ่า

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโลกมนุษย์ธรรมดา แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะมีผู้ฝึกตน ที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นที่นั่น

“ตัวข้าหรอ?” เจียงฉีฉีตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มอธิบายว่า “ตระกูลของข้าอยู่ในมณฑลเว่ยหยางแห่งเหอตง บรรพบุรุษของข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้ามานานหลายชั่วอายุคนแล้ว และข้าก็มีพี่ชายหกคน…”

ซุยเฮ็งรับฟังอย่างเงียบๆ

ในสายตาของซุยเฮ็ง โลกที่เจียงฉีฉีอาศัยอยู่นั้นก็เป็นราชวงศ์ศักดินาที่มีระบบหัวเมืองแยกย่อยลงมา

ตระกูลของเธอเป็นตระกูลเจ้าของกิจการร้านผ้าและถือได้ว่ามีความมั่งคั่งอยู่ในระดับหนึ่ง

ในตอนแรก เธอก็อธิบายเฉพาะประเพณีท้องถิ่นของมณฑลเว่ยหยางเท่านั้น แต่หลังจากที่เธอพูดเกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่นเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มพูดถึงสถานการณ์ของมณฑลโดยรอบ

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมณฑลอื่นๆ มากนัก ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับพวกเขาได้

และข้อมูลส่วนใหญ่ของเธอก็มาจากข่าวลือที่เล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น

ในท้ายที่สุด เธอก็พูดอธิบายทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับโลกของเธอจนหมด

ในความเป็นจริง นี่ก็คือโลกทั้งใบที่เธอเข้าใจ

ซุยเฮ็งได้ถามเธอเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของจักรวรรดิ แต่เธอก็รู้เพียงว่าชื่อของจักรวรรดิคือต้าจิน และเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่เท่าไหร่แล้ว

นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ในสมัยโบราณ ในยุคที่ข่าวสารยังไม่สามารถส่งต่อกันได้อย่างทั่วถึง คนธรรมดาจำนวนมากก็มองเพียงโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขาเท่านั้น

สำหรับสถานที่อันห่างไกลและแม้แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิ พวกมันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย

และยิ่งสำหรับเด็กหญิงอายุ 14 ปีอย่างเจียงฉีฉี การที่เธอรู้มากถึงขนาดนี้ก็นับว่าน่าประทับใจมากแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าเธอต้องรับผิดชอบธุรกิจของตัวเธอเองด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอพูดถึงกลุ่มผู้ฝึกตน ซุยเฮ็งก็คงจะเผลอคิดไปแล้วว่าเธอมาจากโลกโบราณที่ไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ

สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งยืนยันได้ว่าเจียงฉีฉีและหงฟู่กุ่ยไม่ได้มาจากโลกใบเดียวกัน

นี่เป็นเพราะในคำอธิบายของเจียงฉีฉี มันก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเทพปฐพีหรือสำนักใดๆ มันมีเพียงผู้ฝึกตนที่ท่องไปทั่วโลกเท่านั้น

ผู้ฝึกตนเหล่านี้ล้วนรู้จักวรยุทธ์และมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนธรรมดามาก พวกเขาสามารถเดินทางไปมาได้อย่างอิสระ

เห็นได้ชัดว่าเจียงฉีฉีสนใจผู้ฝึกตนเหล่านี้มาก เธอเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับโลกแห่งวรยุทธ์และรายชื่อสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของเธอ

น้ำเสียงของเธอมีความโหยหาซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้น

นักพรตเฒ่าที่สอนวิชากระบี่ถนอมชีวาให้เธอนั้นก็มีลักษณะเหมือนกับปราชญ์ เธอเดาว่าเขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสจากสำนักอันดับหนึ่งในโลกแห่งวรยุทธ์

ข้อมูลนี้ทำให้ซุยเฮ็งยืนยันได้ว่าโลกที่พื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้นได้เดินทางผ่านนั้นน่าจะเป็นโลกแห่งวรยุทธ์

ระดับของผู้ฝึกตนบนโลกใบนี้อยู่ต่ำกว่าโลกของหงฟู่กุ่ยมาก

น่าเสียดายที่เจียงฉีฉีไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนเหล่านั้นมาก่อน นอกจากนี้ ความรู้ส่วนใหญ่ของเธอก็ยังมีที่มาจากข่าวลือ

มิฉะนั้นแล้ว ซุยเฮ็งก็คงจะสามารถประเมินความแข็งแกร่งของโลกใบนี้ได้ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตามการคาดเดาของเขา ไม่ว่าโลกแห่งวรยุทธ์นี้จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันก็ไม่ได้ทรงพลังมากนัก

เว้นซะแต่ว่ามันจะเป็นโลกแห่งวรยุทธ์ระดับสูงของจริง

“ไม่คิดเลยว่ามันจะมีมิติโลกที่อ่อนแอเช่นนี้อยู่ในโลกเซียนที่เต็มไปด้วยราชาเซียน” ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจเล็กน้อยในขณะที่เขาถอนหายใจออกมา “ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายในจักรวาล”

ถ้าในอีกสองร้อยปีเขาสามารถเข้าไปอยู่ในโลกแบบนี้ได้ มันก็คงจะวิเศษมาก

“พี่ใหญ่เซียน ท่านยังอยากเห็นระบำกระบี่อยู่ไหม?” ในเวลานี้ เสียงที่อ่อนโยนของเจียงฉีฉีก็ดังขึ้น

“เอาสิ เริ่มแสดงได้เลย” ซุยเฮ็งกลับมารู้สึกตัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะดูวิธีการไหลเวียนพลังปราณของเจ้าให้”

“พี่ใหญ่เซียน ท่านจะสอนวรยุทธ์ให้กับข้าหรอ!” ดวงตาของเจียงฉีฉีเป็นประกายและเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เธอพยักหน้าและพูดในทันทีว่า “เข้าใจแล้ว!”

แม้ว่าเธอจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่เธอก็ยังคงปรารถนาที่จะออกไปท่องในยุทธจักรตั้งแต่ยังเด็ก เธอต้องการจะช่วยเหลือผู้คนให้เข้มแข็งขึ้นและคอยสนับสนุนผู้อ่อนแอ เธอใฝ่ฝันที่จะเป็นวีรสตรีแห่งยุค อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็จำเป็นจะต้องมีพื้นฐานวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง

ซึ่งหากเธอมีพี่ใหญ่เซียนคอยสอน เธอก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างก้าวกระโดด!

ถ้าเธอสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาเซียนของเขาได้แม้สักเล็กน้อย เธอก็คงจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างมาก

ในวินาทีถัดมา สายตาของหญิงสาวก็มุ่งไปจดจ่ออยู่ที่กระบี่ในมือ จากนั้นเธอก็เริ่มแสดงระบำกระบี่ให้ซุยเฮ็งดู

ซุยเฮ็งตั้งใจดูอย่างมาก

แน่นอนว่าความสนใจของเขามุ่งเน้นไปที่ระบำกระบี่เป็นหลัก

เมื่อถึงเวลาที่เจียงฉีฉีระบำกระบี่เสร็จ ซุยเฮ็งก็เข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว กำไรที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นวิธีการหมุนเวียนปราณที่เจียงฉีฉีใช้ในระหว่างที่เธอทำการเคลื่อนไหว

พวกมันได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาไม่น้อยเลย

“พี่ใหญ่เซียน เป็นยังไงบ้าง?”

ดวงตากลมโตของเจียงฉีฉีกะพริบในขณะที่เธอวิ่งเข้าไปหาซุยเฮ็ง

เธอเพิ่งจะระบำกระบี่ชุดแรกเสร็จ ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงหายใจหอบอย่างหนัก

“อืม ไม่เลวเลย” ซุยเฮ็งพยักหน้าและยิ้ม ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงวิชากระบี่หรือเธอ “ส่งกระบี่มาให้ข้าหน่อย พอดีข้าอยากจะลองอะไรบางอย่าง”

“ได้เลย!” เจียงฉีฉีรู้สึกประหลาดใจ เธอกำลังจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของเซียนอย่างงั้นหรอ?

ซุยเฮ็งหยิบกระบี่ขึ้นมาและโบกไปมาอย่างช้าๆ

ในเวลาเดียวกัน พลังปราณก็ยังไหลออกมาตามแต่ละส่วนของร่างกายของเขา

อันที่จริง เขาก็ไม่ได้มีความหวังกับมันมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเพียงวิชากระบี่ธรรมดาๆ จากโลกแห่งวรยุทธ์

เขาเพียงต้องการจะใช้มันเพื่อทำให้เขาสามารถหมุนเวียนพลังปราณในร่างกายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อซุยเฮ็งได้ปล่อยพลังปราณของเขาออกมาพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่เป็นครั้งแรก การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากในทันที

“แย่แล้ว!”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบประโยคของเขา—

ฟิ้ว!

เสียงตวัดกระบี่ดังก้องขึ้นไปบนฟ้า

ในเวลาเดียวกัน เสียงทั้งหมดในจักรวาลก็เงียบหายไปราวกับว่าพวกมันได้ถูกกลืนกินโดยกระบี่เล่มนี้!

แสงกระบี่สีขาวบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากกระบี่ยาวในมือของซุยเฮ็ง!

มันทะลุผ่านมวลหมู่เมฆในพริบตา!

บึ้มม!

หลังจากนั้น เสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับว่าสายฟ้าจำนวนนับล้านได้ระเบิดลงมาพร้อมกัน มันเป็นเหมือนกับความพิโรธของสวรรค์ เสียงของมันทำให้ซุยเฮ็งรู้สึกตกใจ

หลังจากผ่านไปสิบวินาที ลำแสงกระบี่ก็ค่อยๆ จางหายไป

สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังคือเมฆขาวบนท้องฟ้าที่ถูกผ่าแยกออกเป็นสองส่วน

เศษดินและฝุ่งละอองได้ลองคลุ้งไปทั่ว!

เจียงฉีฉีตกตะลึง นี่คือวิชากระบี่ที่เธอฝึกฝนมาตลอดหลายปีอย่างงั้นหรอ?

ซุยเฮ็งเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

นี่คือวิชากระบี่ธรรมดาๆ จากโลกแห่งวรยุทธ์ธรรมดาๆ?!

5 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด