ตอนที่แล้วบทที่ 4: ความทะเยอทะยานของคนตัวเล็ก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6: ข้า... ข้ากลัว....

บทที่ 5: ร้อยปีในพริบตา  


บทที่ 5: ร้อยปีในพริบตา

ในเวลาเที่ยงคืน

หงฟู่กุ่ยเดินเข้าไปในวิลล่าจากประตูหลังและเห็นซุยเฮ็งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าโดยหันหลังให้กับเขา

เขาไม่กล้าพูดอะไร เขาทำเพียงแค่คุกเข่าลงและรออย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นาน

ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และถอนหายใจออกมา “ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว งั้นข้าก็จะสอนเคล็ดวิชาลับให้กับเจ้า”

หงฟู่กุ่ยดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารีบพูดว่า “ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง!”

ซุยเฮ็งยืนขึ้นและเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับมือที่ไขว้อยู่ข้างหลัง จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ตามข้าไปที่ห้องหนังสือ”

เขาไม่ต้องการให้หงฟู่กุ่ยใช้เส้นทางนั้นจริงๆ

ถึงอย่างนั้น หงฟู่กุ่ยก็ได้เลือกลงไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเลือกใช้บทเรียนจากไซอิ๋ว

หากหงฟู่กุ่ยไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลัง เขาก็จะไม่พูดถึงวิธีการกอบกู้โลกอีกต่อไป

ในทางกลับกัน หากหงฟู่กุ่ยสามารถเข้าใจมันได้ มันก็จะถือว่าเป็นเจตจำนงของสวรรค์

สำหรับสิ่งที่เขาจะบอกอีกฝ่าย เขาก็ได้คิดเกี่ยวกับมันแล้ว

ถ้าเขาต้องการจะเปลี่ยนโลก การมุ่งเป้าไปที่คนธรรมดาทั้งหมดก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ในห้องหนังสือ

“เจ้าต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เส้นทางง่ายๆ”

ซุยเฮ็งหันหลังให้กับหงฟู่กุ่ยในขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ถ้าเจ้าต้องการจะให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม เจ้าก็จะต้องแน่ใจก่อนว่าทุกคนจะมีทุ่งนาเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม แล้วทุ่งนาจะมาจากไหนล่ะ? นั่นเป็นคำถามที่เจ้าต้องพิจารณา…”

ในตอนนี้ เขาก็กำลังเล่าเรื่องแนวคิดพื้นฐานให้กับหงฟู่กุ่ยฟังเพื่อสร้างรากฐานการคิดให้กับอีกฝ่าย

หลังจากทะลวงมาถึงขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ด เขาก็ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่จิตวิญญาณของเขาเองก็ยังแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ความคิดของเขาชัดเจนอย่างหาที่เปรียบมิได้ และความทรงจำของเขาก็ทรงพลังอย่างมาก เขาสามารถจำหนังสือทั้งหมดที่เขาอ่านบนโลกนี้ได้แล้ว

แน่นอนว่าทฤษฎีที่เขาสอนให้กับหงฟู่กุ่ยนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายจะสามารถนำไปใช้ได้เลยในทันที

ภูมิหลังของโลกนั้นแตกต่างกันมากเกินไป

มันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในบางขั้นตอนเพื่อให้มันสามารถใช้งานได้จริง

ซุยเฮ็งวางแผนที่จะรวบรวมทฤษฎีที่ดัดแปลงเสร็จแล้วเหล่านี้ให้กลายเป็นหนังสือเล่มเล็กสำหรับหงฟู่กุ่ยเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ใช้มันในการศึกษาหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไป

และชื่อของหนังสือเล่มนี้ก็คือ “มหาคลังสอดประสาน”

ใช่แล้ว นี่คือคลังความรู้แห่งสรรพสิ่งทั้งปวงใต้ฟ้าล่างสวรรค์!

หงฟู่กุ่ยยืนอยู่ที่ด้านข้างและฟังทฤษฎีของซุยเฮ็ง ในขณะนี้ หัวใจของเขาก็กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง

แนวคิดและข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่ในทฤษฎีเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดหรือเคยได้ยินมาก่อน มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามันเป็นลำแสงที่ตัดผ่านความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด!

ฉลาดมาก!

ท่านซุยช่างน่ากลัวจริงๆ!

ความตกใจนี้ยิ่งใหญ่กว่าในตอนที่เขา 'รู้' ว่าซุยเฮ็งเป็นสิ่งมีชีวิตลำดับสูงสุดที่สามารถควบคุมโลกนับไม่ถ้วน!

อย่างไรก็ตาม หงฟู่กุ่ยก็ยังเด็กเกินไปในท้ายที่สุด ดังนั้นภูมิปัญญาของเขาจึงมีขีดจำกัด นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่เคยได้เรียนมากนัก ด้วยเหตุนี้เอง สำหรับเขาแล้ว ทฤษฎีพื้นฐานที่ซุยเฮ็งกำลังพูดถึงจึงยังคงเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมักจะกังวลและต้องการจะถามคำถามอยู่ตลอดเวลา

เมื่อหงฟู่กุ่ยได้ยินว่าซุยเฮ็งจะรวบรวมทฤษฎีเหล่านี้ไว้ในหนังสือเล่มเดียว เขาก็เกือบจะกระโดดร้องด้วยความปิติยินดี

ในอีกห้าวันต่อมา ซุยเฮ็งก็ได้อธิบายศาสตร์การสังหารมังกร

และในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังทำการรวบรวมข้อมูลมาใส่ในมหาคลังสอดประสาน

ในวันที่แดดจัด

ซุยเฮ็งได้เตรียมของขวัญสามชิ้นเพื่อส่งอำลาให้กับหงฟู่กุ่ย

ใครก็ตามที่บังเอิญตกลงมาในพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น พวกเขาก็จะได้กลับคืนสู่โลกเดิมของพวกเขาภายในระยะเวลา 12 วัน

ด้วยเหตุนี้เอง ในวันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายของหงฟู่กุ่ยที่จะอยู่ที่นี่

ในขณะที่เขามองดูของขวัญสามชิ้นที่ซุยเฮ็งวางไว้ตรงหน้าเขา หงฟู่กุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับฝันไป

เวลาผ่านไปเร็วมาก

ในช่วง 12 วันที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้หลุดเข้ามาในสวรรค์แห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจและได้พบกับมหาเทพเซียน เขาได้ประสบเข้ากับวิถีชีวิตที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝันในอดีต และนอกจากนี้ เขาก็ยังได้รับวิธีการกอบกู้โลกที่เขาใฝ่ฝันถึง!

มันเป็นเหมือนกับความฝัน

และในตอนนี้ เขาก็กำลังจะตื่นจากความฝันนี้

เขาจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับฉากวันโลกาวินาศที่น่าสังเวชข้างนอกนั่นอีกครั้ง!

โลกภายนอกกำลังรอให้เขาออกไปเปลี่ยนแปลง!

“ข้าขอขอบพระคุณท่านอย่างสูง!” หงฟู่กุ่ยโค้งคำนับด้วยความเคารพ

“ถ้าอยากจะขอบคุณข้า เจ้าก็จงใช้ชีวิตให้ดีแค่นั้นก็พอแล้ว” ซุยเฮ็งโบกมือและชี้ไปที่ของขวัญทั้งสามชิ้นบนโต๊ะข้างๆ เขา “เก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ดี พวกมันจะเป็นสิ่งที่คอยช่วยเหลือเจ้าในอนาคต”

ของขวัญทั้งสามชิ้นนี้คือ หนังสือมหาคลังสอดประสาน, ต้นกล้ามันเทศและกระบี่เหล็กชั้นดี

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หงฟู่กุ่ยเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าอย่างระมัดระวังและมองไปที่ต้นกล้ามันเทศ “นายท่าน สิ่งนี้คืออะไรกัน?”

“นี่คือต้นกล้าของมันเทศ หลังจากปลูกมันแล้ว มันก็จะสามารถผลิตเมล็ดพืชได้ต่ออีก 10,000 เมล็ดต่อหัว” ซุยเฮ็งกล่าวด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นต้นกล้ารุ่นที่ปรับปรุงมาจากฟาร์มสำหรับผู้เริ่มต้น

“หมื่นเมล็ดต่อหัว?!” ดวงตาของหงฟู่กุ่ยเบิกกว้างขึ้นในทันทีเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ถ้าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มาจากปากของซุยเฮ็ง เขาก็คงจะไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ

มันมีพืชผลเช่นนี้บนโลกด้วยอย่างงั้นหรอ?!

นี่จะต้องเป็นสมบัติเซียนอย่างแน่นอน!

“ถ้าเจ้าได้รับพลังมาแล้ว เจ้าก็สามารถปลูกต้นพวกนี้ได้ แล้วเจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา” เมื่อพูดจบ ซุยเฮ็งก็หยิบกระบี่ขึ้นมาอีกครั้งและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาให้เจ้าเพื่อใช้ป้องกันตัว มันมีพลังปราณของข้าแฝงอยู่ข้างใน และมันก็สามารถใช้ได้ทั้งหมดเเก้าครั้ง”

แม้ว่าพลังปราณที่มีอยู่ในกระบี่จะอยู่ที่ขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะใช้มันต่อต้านพวกราชวงศ์

“ข้าขอบคุณท่านมาก…” หงฟู่กุ่ยรู้สึกขอบคุณซุยเฮ็งอย่างมาก เขาต้องการที่จะโค้งคำนับและขอบคุณซุยเฮ็ง แต่ซุยเฮ็งก็หยุดอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยพลังปราณของเขา

“การมีชีวิตอยู่ต่อไปจนถึงจุดจบของชีวิตนั้นคือรูปแบบหนึ่งของความกตัญญูที่ดีที่สุด” ซุยเฮ็งกล่าวและส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หงฟู่กุ่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น

และแล้ว 12 วันก็ผ่านไป

ซุยเฮ็งเห็นร่างกายของหงฟู่กุ่ยเริ่มส่องแสงสีทองสว่างขึ้น มันเป็นออร่าที่แข็งแกร่งมากและไม่นาน เขาก็หายตัวไปจากพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น

นี่คือพลังแห่งกฎของโลก

ด้วยระดับการฝึกตนในปัจจุบันของซุยเฮ็ง เขาก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้

เขายืนอยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง แหงนหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นเขาก็เดินไปที่วิลล่าสำหรับผู้เริ่มต้นซึ่งอยู่ไม่ไกล ในที่สุด เขาก็ส่ายหัวและหัวเราะ

“ข้าต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”

อีก 20 ปีผ่านไป

ขอบเขตการฝึกตนของซุยเฮ็งได้ทะลุผ่านไปยังขอบเขตสกัดปราณขั้นเก้าแล้ว

เมื่อเทียบกับอัจฉริยะในนิยายที่เขาเคยอ่าน ความเร็วนี้นับว่าช้ามากจนน่าโมโห

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันซุยเฮ็งก็คุ้นเคยกับการฝึกตนแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ได้ใจร้อนเหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป

การฝึกตนอย่างช้าๆ และมั่นคงเองก็ไม่เลวเช่นกัน

...

30 ปีต่อมา

เขาประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐาน

40 ปีต่อมา

ในที่สุดเขาก็เสร็จสิ้นการฝึกตนจนก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานขั้นกลาง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วมันก็เป็นเวลา 100 ปีแล้วที่ซุยเฮ็งได้มายังโลกใบใหม่

มันเป็นเวลา 90 ปีแล้วที่หงฟู่กุ่ยอยู่ที่นี่เพียงลำพัง

ในวันนี้ ซุยเฮ็งก็เดินมาที่ฟาร์มสำหรับผู้เริ่มต้นเพื่อรวบรวมอาหาร

เมื่อเขาได้รับเก็บเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมา เขาก็อ้าปากที่ไม่ได้พูดมา 30 ปีแล้วหัวเราะคิกคัก

“หลายปีผ่านไปแล้ว เด็กคนนั้นจะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้แล้วรึยังนะ”

ในขณะนี้ ท้องฟ้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลา 90 ปีก็พลันกระเพื่อมและสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด