ตอนที่ 56 สโมสรซลัก (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 56 สโมสรซลัก
[ย้อนความเดิมตอนที่แล้ว เผื่อใครไม่ได้กลับไปอ่าน]
“เซฟ นายนี่แต่งตัวอย่างกับเป็นแดร็กคูล่า เพื่อนเปิดกระดุมบนเสื้อหน่อยสิ นายต้องหายใจด้วย” แม็กนัสแสดงความคิดเห็น
รักนาร์หัวเราะเบา
ๆ "ฮิฮิ ฉันได้ยินมาว่าลิลลี่จะไปที่นั่นด้วย"
แม็กนัสกระพริบตาแล้วหันกลับมามองที่สเนป
"ไงก็เหอะ สาวๆ ก็ไม่ชอบผู้ชายที่เคร่งขรึมอย่างนายหรอก...
ฉันว่านะ ผ่อนคลายหน่อยทำตัวเป็นธรรมชาติซะ"
สเนปเพียงแค่ไม่สนใจคำพูดของเขา
แต่สุดท้ายเขาก็ปลดกระดุมเม็ดบนออก หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปที่ห้องของซลักฮอร์น
เสียงมาจากข้างในแล้ว
*ก๊อกก๊อก*
ไม่นานศ.ซลักฮอร์นก็เปิดประตูออกมา
ดวงตาของเขาเป็นประกายทันทีที่เขาเห็นแม็กนัส
"โอ้ คุณเพนดราก้อน... คุณโอโรบอส คุณสเนป เชิญๆ เข้ามาเลย คนอื่นๆ
มาถึงแล้ว" ซลักฮอร์นทักทายอย่างกระตือรือร้น
แต่ทันทีที่แม็กนัสเข้ามา
เขาก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นใครบางคน “เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย
เธอไม่ได้เก่งอะไรเลย”
“หึ แต่ฉันเป็นนักควิดดิชที่น่าทึ่ง
ฉันได้รับเลือกให้อยู่ในทีมสลิธีรินในฐานบีทเตอร์แล้ว
และพ่อของฉันก็เป็นเจ้าของบริษัท Nimbus Racing Broom Company” เอ็มม่าพูดอย่างภาคภูมิใจ
-_-
แม็กนัสอ้าปากค้าง “แต่เธอชื่อเอ็มม่า วานิตี้ไม่ใช่เหรอ เจ้าของบริษัท Nimbus Racing
Broom คือเดฟลิน ไวท์ฮอร์น”
“ฉันใช้นามสกุลแม่ของฉัน” เธอตอบ
"เอาน่า! ฉันเพิ่งซื้อนิมบัสใหม่
เธอช่วยฉันลดราคาหน่อยไม่ได้เหรอ" แม็กนัสบ่น
ตอนนี้ถึงตาของเอ็มม่าและคนอื่นๆ
ที่ต้องอ้าปากค้างติดพื้น
[สิ้นสุดความเดิมตอนที่แล้ว]
....
ซลักฮอร์นแนะนำทุกคนที่นั่นทีละคน มีเด็กจากทุกบ้าน แต่ส่วนใหญ่มาจากบ้านสลิธีริน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะสลิธีรินส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี
หลังจากนั้นอาหารมื้อค่ำก็เริ่มขึ้น ตอนนี้แม็กนัสเข้าใจสิ่งหนึ่งแล้ว ว่าชายชราคนนี้ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเพิ่มจำนวนเครือข่ายของเขา
วิธีดำเนินการของเขานั้นเรียบง่าย ก็คือเขาจัดตั้งสโมสรซลักมากมายหลายรุ่นจนมีนักเรียนอยู่ทั่วโลก บางคนร่ำรวย บางคนมีอำนาจ และบางคนอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ
ในแต่ละปีที่เพิ่มขึ้น เขาจะมีอิทธิพลมากขึ้น จากนั้นเขาจะใช้อิทธิพลเดียวกันนี้เพื่อช่วยสมาชิกใหม่สโมสรซลักในการบรรลุความยิ่งใหญ่ แล้วพวกนั้นก็อาจกลับมาตอนแทนได้ในภายหลัง
เขาได้สร้างวงจรแห่งความชื่นชม แล้วสุดท้ายตัวเขาจะได้ประโยชน์สูงสุด เขาจะได้ที่นั่งที่ดีที่สุดในการแข่งขันควิดดิชเพราะเขามีนักเรียนในทีมต่างๆ เขามีนักเรียนที่ทำงานกระทรวงฯ ยังมีนักเรียนที่เป็นเจ้าของธุรกิจและส่งของฟรีให้เขา
แม็กนัสคุยกับลิลลี่ซึ่งหน้าแดงทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา เขาค่อนข้างเข้าใจปฏิกิริยานี้ของเธอ เธอดูเหมือนจะสนใจเขา แต่เขาไม่ชอบเธอหรือแม้แต่จะมองเธอแบบนั้น
“คุณเพนดรากอน แบล็คบอกให้ฉันส่งสิ่งนี้ให้นาย” เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา
แม็กนัสหยับมาดู ยืนยันว่าเป็นที่อยู่ของเท็ด ท็องส์
“ขอบใจ เรียกฉันว่าแม็กนัสก็ได้ พอได้ยินคุณเพนดราก้อนครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ค่อยสบายใจนัก” เขาพูดว่า.
ในขณะเดียวกัน รักนาร์กับเซเวรัส กำลังคุยกับซลักฮอร์นเกี่ยวกับการขายยา
“พวกเธอสองคนปรุงยาตัวใหม่งั้นหรอ?” ซลักฮอร์นถามด้วยความประหลาดใจ
รักนาร์พยักหน้าขณะที่สเนปส่ายหัว รักนาร์เปิดเผยยาของเขาก่อน "นี่คือยาที่เพิ่มความอดทนต่อความเจ็บปวดของบุคคล"
ซลักฮอร์นหยิบขวดยามาตรวจสอบ “อืม มีการพัฒนายาสำหรับโรงพยาบาลที่ทำให้อวัยวะชานะ แต่ไม่เคยเห็นแบบที่เพิ่มความอดทนของร่างกาย มันมีประโยชน์ในการดวลกันด้วย ฉันต้องทำการทดสอบบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน ถ้ามันปลอดภัย ฉันจะแนะนำให้คนรู้จักกับคนในกระทรวง พวกเขาจะจัดการเรื่องใบอนุญาตและการจดสิทธิบัตรของสิ่งนี้”
ต่อมาก็เป็นตาของสเนปเปิดเผยเรื่องพัฒนาสูตรยาของเขา "ผมได้สร้างสูตรที่ดีกว่าสำหรับยาที่มีอยู่เป็นหลักครับ ผมคิดว่าจะสามารถจดสิทธิบัตรแล้วขายในตลาดได้”
“วิเศษมาก เธอสองคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่พ่อมดส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ทั้งชีวิต ฉันจะช่วยเธอทั้งสองคนอย่างแน่นอน ตอนนี้มากินข้าวกันเถอะ เราจะมีการโต้วาทีกันในภายหลัง” ซลักฮอร์นตัวแทบจะลอยแล้ว
อาหารเหมือนกับในห้องโถงใหญ่ ยกเว้นไอศกรีม
หลังอาหารค่ำ ซลักฮอร์นเสนอการโต้วาที "พวกเธอสามารถเสนอหัวข้อแล้วเราจะพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนั้นกัน"
ทุกคนให้คำแนะนำที่น่าเบื่อ แต่แม็กนัสมีคำแนะนำที่น่าสนใจที่สุด “ฉมมีคำถามอยู่ข้อหนึ่งตั้งแต่มาอยู่โรงเรียนนี้ ฉันสังเกตเห็นว่านักเรียนที่นี่กินอาหารกันมากแค่ไหน แม้แต่ตัวฉันเองก็กินเยอะกว่าปกติด้วยซ้ำ
“แต่ฉันไม่เคยเห็นนักเรียนอ้วนสักคนเดียวที่นี่แน่นอนว่าเราอาจมีคนอวบๆ อยู่บ้าง แต่ไม่มีเลยซักคนที่จะเรียกว่าอ้วนได้อย่างเต็มปาก หัวข้อของฉันก็ง่ายๆ ทำไมถึงไม่มีเด็กอ้วนในฮอกวอตส์เลย”
คำถามของเขาแปลก แต่ก็กระตุ้นความคิด รักนาร์ก็พยักหน้ากับคำถามของเขา “จะว่าไปก็ ใช่เลย ไม่มีเด็กอ้วนในโรงเรียน แม้แต่แฮกริดก็จัดได้ว่า...ตัวใหญ่...แต่ไม่อ้วน”
ซลักฮอร์นก็ครุ่นคิดเช่นกัน"ใช่เธอพูดถูก.ฉันเจอพ่อมดอ้วนในช่วงชีวิตของฉันน้อยกว่าที่ฉันจำได้”
“แล้วมีเหตุผลอะไรหรอครับ? ทำไมในชุมชนพ่อมดแม่มดถึงมีคนอ้วนน้อยกว่ามักเกิ้ล” แม็กนัสถาม?
ลูเซียสเป็นสมาชิกของสโมสรด้วย แต่เขาเงียบไปพักหนึ่งแล้ว ตอนนั้นเขาก็พูดขึ้น “ง่ายจะตาย เพราะพ่อมดมีระบบร่างกายที่บริสุทธิ์กว่ามักเกิ้ล”
“ไม่ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์ของเลือดนะคุณมัลฟอย แล้วฉันเพิ่งได้ยินเนี่ย? นายเพิ่งบอกว่าพ่อมดทั้งหมดเป็นคนดีงั้นหรอ? พวกมักเกิ้ลเกิดด้วยงั้นดิ?” แม็กนัสถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน นี่ทำให้ลูเซียสหุบปากเงียบสนิทเพราะเขาไม่มีแก๊งค์เขาอยู่นี่ด้วย เพื่อสนับสนุนคำพูดทั้งหมดของเขา
สเนปโต้แย้งว่า “เป็นเพราะเวทมนตร์ของพ่อมดทำให้ไขมันในร่างกายเป็นโมฆะหรือเปล่า”
"บางทีเราอาจมีกายวิภาคที่แตกต่างกัน" เอ็มม่าเดา
“หรือเราอาจมีเวทมนตร์ที่คอยจัดการเรื่องนี้” ลิลลี่กล่าวเสริม
แม็กนัสพยักหน้าให้เธอ “ลิลลี่พูดถูกต้อง มีเวทมนตร์คอยจัดการเรื่องนี้โดยตรง ตอนนี้ สิ่งที่ฉันจะแบ่งปันกับพวกนายเป็นเพียงทฤษฎี เพราะฉันไม่มีอำนาจหรือประสบการณ์ที่จะตัดตัวช่วยในการทำการทดสอบ
"เนื่องจากฉันมีคำถามนี้อยู่ในใจ ฉันจึงตัดสินใจทดลองดู วันปกติฉันจะกินเยอะแต่น้ำหนักไม่ขึ้น มันเป็นเรื่องปกติ ฉันมักจะรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง วันหนึ่งฉันลองไม่กินอย่างตั้งใจ วันต่อมารู้สึกเหนื่อยมาก หิวมากด้วย
“แต่แล้วฉันก็พบสิ่งที่แปลกมาก ผ่านไปสองสามวันฉันก็ไม่กินอีกเลย แต่ครั้งนี้ ฉันลองตั้งใจที่จะไม่ใช้เวทมนตร์ใดๆ เป็นเวลาสองวัน
“ลองเดากันดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยเลย อาหารจำนวนเล็กน้อยนั้นเพียงพอสำหรับฉันแล้ว”
“งั้นมันเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นงั้นเหรอ?” รักนาร์ถามด้วยสีหน้าไม่ตกใจนัก
แม็กนัสพยักหน้า “ใช่ แต่การศึกษาของฉันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ของจริงกำลังจะเริ่ม ตั้งแต่ฉันรู้เรื่องโลกเวทมนตร์ ฉันก็ได้ศึกษาหนังสือทุกเล่มที่หาได้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์ แต่ในทั้งหมดนั้น ไม่ทราบที่มาของเวทมนตร์ ทุกครั้งมันช่างคลุมเครือ”
"ทำไมน่ะเหรอ ตอนนี้ฉันมีทฤษฎีแล้ว จากข้อเท็จจริงที่ว่าการใช้เวทมนตร์และการกินน้อยลงทำให้ฉันเหนื่อย เราจึงเข้าใจได้ว่าเวทมนตร์ที่เราแสดงเกี่ยวข้องโดยตรงกับร่างกายของเรา เวทมนตร์นั้นอาจถูกแปลงมาจากพลังงานของร่างกายของเรา
เพราะอย่างที่พวกเธอบางคนรู้ พลังงานไม่สามารถสร้างหรือทำลายได้ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เท่านั้น ในระยะสั้น เวทมนตร์เป็นเพียงพลังงานของร่างกายของเราเท่านั้น
แต่แล้วทำไมมักเกิ้ลใช้เวทมนตร์ไม่ได้ล่ะ? ฉันมีคำตอบสำหรับสิ่งนั้นด้วย พวกนายทุกคนรู้หรือไม่ว่าเวทมนตร์ถูกพบครั้งแรกในแอฟริกา แล้วแพร่กระจายจากที่นั่น"
ทุกคนพยักหน้าจึงพูดต่อ “ดี ตอนนี้แหละที่มนุษย์/มักเกิ้ลพบกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่แอฟริกาด้วย มนุษย์ทุกคนวิวัฒนาการมาจากวานรหลายชั่วอายุคนอย่างช้า ๆ ในช่วงหลายแสนปีที่ผ่านมา
เดิมทีฉันเชื่อว่าไม่มีเวทมนตร์ในโลกของเรา แต่แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ก่อให้เกิดสองส่วนของการวิวัฒนาการที่แตกต่างกันของสายพันธุ์เดียวกัน จากจุดนั้น มนุษย์มีวิวัฒนาการเหมือนกันในแง่ของรูปลักษณ์ แต่ภายในนั้นแตกต่างกัน ต่อมาส่วนหนึ่งได้เพิ่มพูนทักษะเวทย์มนต์
คนเหล่านี้มักถูกเรียกว่าหมอผีหรือนักบวชในเผ่าของพวกเขาก็เพราะพลังของพวกเขา แต่บุคคลที่มีเวทมนตร์นั้นมีมาอย่างช้าๆ เหตุผลที่คู่หูมักเกิ้ลสองคนสามารถมีลูกเป็นผู้วิเศษได้ก็เพราะการผสมกันในสมัยโบราณของทั้งสองสายพันธุ์ย่อยที่แตกต่างกันนั่นเอง
แค่มองว่ามันเป็นอวัยวะที่ไร้ประโยชน์บางส่วนที่เราไม่ต้องการ เหมือนกับไส้ติ่ง มันเคยช่วยบรรพบุรุษของเราในการย่อยพวกพืช คุณรู้หรือไม่ว่าตัวสเปิร์มของมนุษย์พัฒนาหางระหว่างห้าถึงแปดสัปดาห์หลังจากการปฏิสนธิ? หางจะหายไปตามเวลาที่มนุษย์เกิด และกระดูกสันหลังที่เหลือจะรวมกันเป็นก้นกบหรือกระดูกก้นกบ กล้ามเนื้อใบหูควบคุมส่วนที่มองเห็นได้ของหู แต่มนุษย์สูญเสียความสามารถในการใช้มัน แต่บรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้เพื่อตรวจจับเหยื่อและผู้ล่า
มีตัวอย่างมากมายนับไม่ถ้วน ฉันคิดว่าเวทมนตร์ก็เป็นเช่นนั้น และในกรณีของมักเกิ้ลส่วนใหญ่ มันจะอยู่เฉยๆ แต่ในบางกรณี มันก็โผล่ขึ้นมาอีก ฉันเรียกสิ่งนี้ว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการเวทมนตร์
วันนี้เขาพูดมากเกินไปจริงๆ และเขารู้สึกว่าคอของเขาแห้งผาก แต่เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนยกเว้นลูเซียสก็เริ่มปรบมือ
“เป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือ คุณเพนดราก้อน ฉันคิดว่าทฤษฎีของเธออาจมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง และตราบใดที่มีการวิจัย เราอาจพบต้นกำเนิดของเวทมนตร์ได้” ซลักฮอร์นชมเขา
“หึ ทฤษฎีนี้จะไม่มีคุณค่าใดๆ ในโลกพ่อมดแม่มด เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าพ่อมดไม่ได้วิวัฒนาการมาจากลิงเหมือนพวกมักเกิ้ล” ลูเซียสเถียง
“ไม่หรอก น่าจะเป็นโลกพ่อมดอังกฤษ ฉันเพิ่งคุยกับศาสตราจารย์แฮร์ริสันและเขาเล่าให้ฟังว่าคนอเมริกันเปิดใจกว้างกันแค่ไหนในเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้ถูกกดดันจากพวกผู้มีอำนาจที่คลั่งเลือดบริสุทธิ์มากนัก” แม็กนัสโต้กลับ
เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายลง ซลักฮอร์นจึงตัดสินใจยุติการประชุมชมรม
"อ๊าาา...นี่มันดึกแล้ว พวกเธอทุกคนควรกลับหอนอนได้แล้ว อีกไม่นานก็ได้เวลาเข้านอนแล้ว” ซลักฮอร์นกล่าว
ทุกคนค่อยๆ ทยอยออกไป รักนาร์และสเนปพอใจกับข้อตกลงที่ได้รับจากศาสตราจารย์
อย่างไรก็ตาม แม็กนัสไปที่โต๊ะของเขาในหอพักและเขียนจดหมายถึง เท็ด ท็องส์ เพื่อขอพบเขา
[จดหมาย]
เรียนคุณท็องส์ ผมแม็กนัส แกรนท์ เอมริส เพนดราก้อนจากฮอกวอตส์ ผมคิดว่าชื่อนี้น่าจะเพียงพอที่จะบอกคุณได้ว่าผมเป็นใคร
ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นทนายความในโลกมักเกิ้ล ผมต้องการจ้างคุณในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่ปราศจากเวทมนตร์ในสหรัฐอเมริกา
ผมต้องการนำเงินของผมไปลงทุน แต่แหล่งที่มาของเงินคือทองคำ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถจ้างทนายความของมักเกิ้ลได้โดยไม่ละเมิดกฎหมายของกระทรวง
ดังนั้นผมหวังว่าจะได้รับการตอบกลับจากคุณและพบคุณเร็วๆ นี้ถ้าเป็นไปได้
ขอแสดงความนับถือ,
แม็กนัส แกรนท์ เอมริส เพนดราก้อน
[สิ้นสุดจดหมาย]
วันฮัลโลวีนกำลังจะมาถึงแล้ว และเขาหวังว่าจะได้พบคุณท็องส์ที่ฮอกส์มี้ดในสุดสัปดาห์นี้ แม้ว่าปีหนึ่งจะไม่ได้รับอนุญาต แต่เขาจะพยายามทำให้ดัมเบิลดอร์เห็นด้วย
_____________________________