ตอนที่ 340 เพลิงของถังเทียน
ร่างของถังเทียนถูกเพลิงปกคลุมกระพริบวูบวาบ สีหน้าที่เยือกเย็นของเขาทำให้คนที่เห็นเขาไม่คุ้นเคย
หรือว่าเขาเอาชนะห้องฆ่าตัวตายจนได้?
ปิงถอนหายใจโล่งอก เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป พยัคฆ์ฟ้าพังครืนเสียงดังสนั่น ทำให้ปิงหลุดออกมาชิ้นส่วนพยัคฆ์ฟ้าแตกกระจาย พลังของเย่เฉาเกอน่ากลัวเกินไปจริงๆ แม้ว่าพลังของปิงจะไม่ใช่สิ่งที่มันคุ้นเคย แต่คนที่วิปริตอย่างนั้นความจริงเป็นเพียงรุ่นเยาว์อันดับหกของสมาพันธ์ชาวยุทธ
สมาพันธ์ชาวยุทธแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
แต่ ขณะที่ปิงมองดูถังเทียน ความกังวลใจของเขาผ่อนลงทันที
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น หลิงซิ่วก็ยังถอนหายใจโล่งอก
ไม่เป็นไร, ในสายตาของทุกคนเมื่อพูดถึงเรื่องร่างกายที่ไม่ธรรมดา หนุ่มชาวฟ้ามิได้ด้อยกว่าผู้ใด ตัวประหลาดกับตัวประหลาดเจอกันเหมาะสมกันดีไม่ใช่หรือ? เจ้าทั้งสองน่าจะเริ่มสู้กันเร็วกว่านี้ เราจะได้ดูกัน และมีความสุขกับการชมการต่อสู้,ปรบมือบ้าง นั่นก็คงจะดี..
ดีแล้ว แม้ว่าเขาจะมาสายไปบ้าง แต่อย่างน้อย เขาก็ยังมาถึงที่นี่
สภาพจิตใจของหลิงซิ่วผ่อนคลายทันที เขาไม่กลัวตาย แต่ถ้าอาเฮ่อต้องมาตายเพื่อเขา และต่อหน้าเขา ต่อให้เขาต้องตาย หลิงซิ่วคงตายตาไม่หลับ
อาเฮ่อ....
อาเฮ่อที่ยังอยู่ข้างหน้าเขา ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย
อาการบาดเจ็บของเขาไม่น่าจะรุนแรงเกินไปกระมัง?...
หลิงซิ่วซาบซึ้ง เขากังวลอยู่ตลอดเวลา แต่เขาโพล่งออกมา “เฮ้, เจ้าคนอวดเก่ง ทำไมเจ้าไม่ชักกระบี่เล่า?”
คนอวดเก่ง.....
อาเฮ่อหันศีรษะมาทำหน้าไร้เดียงสา “กระบี่ข้ายังถูกบรรพบุรุษข้าผนึกเอาไว้ข้ายังชักไม่ออก”
หลิงซิ่วจึงค่อยเข้าใจ เขามักคิดว่าอาเฮ่อมักทำทีสง่างามไม่ยอมชักกระบี่ แต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถทำได้ ฟลามิงโกก็หมดกำลังเช่นกันและนั่งหมอบอยู่บนพื้น เขาลูบศีรษะของมันด้วยความสงสาร
พักซะเถอะ เจ้าบ้าตัวประหลาดมาถึงนี่แล้ว
จริงสินะ, เจ้าตัวประหลาดมาถึงนี่แล้ว
ถ้าจะมีคคนในกลุ่มที่อาจจะเอาชนะเย่เฉาเกอได้ นั่นก็คงจะมีแต่เพียงถังเทียน เจ้านั่นไม่อาจประเมินได้ด้วยความรู้สึกธรรมดา
แต่บางมีความรู้สึกบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับเขา...
หลิงซิ่วสีหน้าเขียวคล้ำขณะที่เขามองดูถังเทียน ขณะที่สีหน้าอาเฮ่อดูจริงจัง ทั้งสองคิดถึงตอนที่สู้กับเมิ่งเว่ย ถังเทียนอยู่ในสภาวะที่แปลก และหลังจากต่อสู้ ถังเทียนจดจำอะไรไม่ได้
คนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาก็คือคนเดียวกันคนผู้นี้มีความลับซ่อนอยู่ในตัวเท่าใดกันแน่?
“เจ้าคือถังเทียนใช่ไหม?” เสียงของเย่เฉาเกอดังก้องท้องฟ้า
ถังเทียนไม่ตอบ
มีแต่เพียงเสียงทรายแตกระเบิดร่วงลงมากระทบพื้นเหมือนฝน กางเกงที่ฉีกขาดรุ่งริ่งไม่สามารถซ่อนรอยช้ำที่ขาเขาได้ เสียงทรายที่ร่วงเหมือนฝนกลบเสียงฝีเท้า
ฝ่าเท้าของเขาก้าวลงบนผืนทราย เพลิงหลอมเม็ดทรายและทิ้งไว้แต่รอยเท้าสีดำซึ่งถูกทรายกลบบังอย่างรวดเร็ว
เขาลืมไปว่าเขาได้ต่อสู้มาไม่หยุดในห้องฆ่าตัวตาย เขาลืมไปว่าเขาข้ามอุปสรรคท่าเท้าลมพรางและวิ่งมาหลายวันหลายคืน เขาลืมไปว่าร่างของเขาเหนื่อยจัด เขารู้สึกแต่เพียงว่าหัวใจเขากำลังเร่าร้อน ร่างกายเร่าร้อน แต่แม้จะเป็นเปลวเพลิงแต่แฝงความหนาวเยือกเย็นด้วย
โลกของถังเทียนเงียบสงัดมาก และได้ยินแต่เพียงเสียงหัวใจเต้นและลมหายใจของเขา เขาพึมพำในใจ ราวกับว่าเขาพูดกับตนเอง เหมือนกับว่าเขากำลังพึมพำอย่างเย็นชา
ทำไมหัวใจข้ารู้สึกเหมือนมีไฟ
เพราะเรากำลังจะไปกลุ่มดาวกางเขนใต้ เราต้องการแข็งแกร่งด้วยกัน เราต้องการเที่ยวผจญภัยสวรรค์วิถี
เพราะฝันของเรา สัญญาของเรา ภายใต้ดวงดาว ทุกคนอย่าลืมดีกว่า
อย่าทิ้งความคิดฝันที่เต็มไปด้วยปณิธาน, อย่าอ้างว่าเราเด็กและไม่มีประสบการณ์ อย่าอ้างว่าผลออกมาเพราะกำหนดไว้แล้ว
อย่าบอกว่า เฮ้ย..หยุดฝันได้แล้ว
ข้ากำลังสู้เคียงข้างพวกเจ้าทุกคน และหัวใจข้ายังคงเต้น ลมหายใจข้ายังไม่หยุดและข้าสามารถสัมผัสได้ถึงสายลมและแสงแดด
ทำไมเลือดข้าถึงได้เร่าร้อนนัก
เพราะกลุ่มดาวกางเขนใต้ยังคงอยู่ไกล ข้าจะล้มเหลวที่นี่ได้อย่างไร?
เพราะข้ายังมีข้อสงสัยอีกมากมาย แล้วข้าจะหยุดอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
เพราะข้ายังไม่มีอะไรมาก!
ข้าจึงต้องการชนะ
ข้ามีสิ่งเดียวที่บอกเจ้าได้ ข้าคือถังเทียน!
ข้าแค่ต้องการบอกเจ้า ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้ และใช้ร่างเจ้าเป็นก้อนหินสำหรับหยั่งเท้าก้าวไป
ถังเทียนเงยหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้ เพลิงร้อนมากจนยากจะมองเห็นโดยตรงได้
ปัง! กระบี่ปลอดสำเนียงในมือซ้ายของเขามีเพลิงสีฟ้าครอบคลุม กระบี่เซียนกักสมุทรในมือขวาระเบิดเปลวเพลิงดำและร่างถังเทียนหายไปทันที
หัวใจของเย่เฉาเกอตื่นตัวถึงอันตราย เนื่องจากเย่เฉาเกอรู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงซึ่งผ่านเข้ามาถึงกับทำให้ขนทุกเส้นทั่วตัวเขาลุกชัน
เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของเขาเปลี่ยน
กระบี่แสงสีฟ้าและดำตัดไขว้กันสะท้อนเข้าในตาของเขา ขณะที่เย่เฉาเกอได้แต่เอากระบี่มาป้องกันไว้ข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
กระบี่ในมือของเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันที พลังที่เหลือเชื่อกระแทกหน้าอกของเขา
เย่เฉาเกอกระเด็นออกไปเหมือนกับลูกเด้งกลายเป็นรูปร่างเงาดำพุ่งลงเนินทราย
ปัง!
พลังมหาศาลทำให้เนินทรายถูกเป่ากระจายทันที
ถังเทียนยืนอยู่กลางอากาศ มองดูพื้นข้างล่างอย่างเย็นชา
เมื่อกางเขนฟ้า-ดำปรากฏอยู่ในท้องฟ้า ปิงสั่นทันทีเหมือนกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า สมองของเขาว่างเปล่าและความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมา
บุรุษหนุ่มนั่งร้องไห้กับพื้นฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งลูบศีรษะของเขา
“เด็กน้อย,อย่ากังวลไปเลย เคียวกางเขนเขียวแดงเรียนยากไปบ้าง”
บุรุษหนุ่มหยุดร้องไห้ หน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเขาถาม “ผู้กองใช้เวลาเรียนนานมากด้วยเหรอ?”
“เออ,ข้าจะไปจำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง” ร้อยเอกหัวเราะ แต่หน้าเขากลายเป็นเคร่งขรึม “แต่สำหรับวิชานี้เจ้าจะต้องฝึกฝนหนักแน่นอน เพราะเป็นวิชาพิชิตชัยขั้นสูงสุดมันทรงพลังมาก”
“วิชาพิชิตชัยขั้นสูงสุด?” เด็กหนุ่มสนใจทันทีสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“อืม,มันเรียกว่าท่าดาบกางเขนฟ้านรก มีแต่ผู้เชี่ยวชาญจึงจะใช้ออกได้ ข้าเองก็ทรงพลังไม่ใช่หรือ! ฮ่าฮ่าฮ่า....”
“ชื่อแปลกประหลาดแบบนั้นทำไมถึงเรียกว่าท่าดาบกางเขนฟ้านรกล่ะ?”
“โอวก็เพราะการฟันแนวขวางเป็นสีฟ้า เหมือนท้องฟ้าและการฟันแนวตั้งสีดำเหมือนนรกไงเล่า..”
ท่าดาบกางเขนฟ้านรก...
แต่เมื่อเขาตระหนักว่าท่าฟันกางเขนของถังเทียนแนวขวางเป็นสีดำและแนวตั้งเป็นสีฟ้า ปิงถอนหายใจโล่งอก แต่เพราะเหตุผลบางอย่างหัวใจเขารู้สึกผิดหวัง เขาหัวเราะเยาะตัวเอง เขามักจะหวังอยู่เล็กน้อยว่านายกองจะทิ้งร่องรอยไว้ให้เขา
หลังจากหายตกใจแล้ว ปิงให้ความสนใจมากขึ้น
พลังของถังเทียนมากมายทรงพลังอย่างแท้จริง
แต่วิชากระบี่ของเขาประหลาด ครั้งล่าสุดเมื่อเขาเรียกกระบี่เซียนกักสมุทรปิงคาดเดาได้ไม่กี่อย่าง และด้วยกระบี่คู่ในปัจจุบันฟันไขว้กันนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีนักสู้คนไหนทำกัน นอกจากวิชากระบี่พื้นฐาน ถังเทียนไม่ได้เรียนวิชากระบี่อื่นอีกเลย
หรือว่าจะ มีวิชากระบี่ที่เป็นมรดกปิดผนึกไว้ในตัวถังเทียน?
หรือว่าผนึกไว้ในกระบี่เซียนกักสมุทร?
การคาดเดาทั้งสองนี้ เพื่อเป็นการคาดเดาถึงบิดาผู้ลึกลับของถังเทียน ปิงสงสัยมาก ข้อเสียใจประการเดียวก็คือท่าดาบกางเขนที่ฟันลงไม่ใช่ท่าดาบฟ้านรก
แต่เย่ฉาเกอไม่ได้อาจรับได้ง่ายๆ เช่นกัน
ปิงส่ายศีรษะเขาตั้งใจจะหาตัวผู้เฒ่าเฟ่ยเพื่อถามว่าพลังสายเลือดของเย่เฉาเกอเป็นพลังแบบใดกันจึงสามารถรับพลังโจมตีเช่นนั้นได้ แต่ก็ยังสมบูรณ์ดีราวกับว่าเขาเป็นอมตะ
ปัง!
เนินทรายระเบิดออก เย่เฉาเกอลอยตัวขึ้นมาในอากาศทันที ลักษณะของเขาค่อนข้างน่าอนาถ อกของเขามีรอยประทับเป็นกางเขนฟ้าดำซึ่งดูน่ากลัว
หน้าของเย่เฉาเกอบิดเบี้ยว รอยประทับกางเขนบนหน้าอกของเขาเป็นพลังงานประหลาดแตกต่างกันสองอย่างซึ่งแทรกซึมเข้าไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
เป็นไปตามคาดหัวหน้ากลุ่มคนพวกนี้ถังเทียนแข็งแกร่งกว่าคนที่เหลือมากนัก
และ..กลุ่มคนพวกนี้ก็คุ้มค่ากับการคาดหวังจริงๆ
นอกจากถังเทียน อีกสามคนที่สามารถทำร้ายเขาได้ก็คือ จิ่งหาว, อาเฮ่อ และปิง รังสีกระบี่ของจิ่งหาวทำให้ร่างกายของเขาเสียเลือดไปบ้าง อาเฮ่อเป็นคนที่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้ ซึ่งเขายังไม่สามารถฟื้นสภาพได้ กางเขนของปิงและถังเทียนมีความแตกต่างกัน แต่เรื่องพลังนั้นมิได้ด้อยกว่ากันเลย
ที่สร้างผลได้บาดเจ็บหนักที่สุดก็คือกางเขนของถังเทียน
ถังเทียนไม่ได้โจมตีต่อ ท่าฟันกางเขนสิ้นเปลืองพลังงานมาก ซึ่งร่างกายของเขาเหนื่อยล้าแล้ว
กำลังของเพลิงดำมิติว่างไม่ใช่สิ่งที่เย่เฉาเกอพบว่าแปลก แต่...
สายตาของเขาจับจ้องมองดูกระบี่ปลอดสำเนียงในมือซ้ายของถังเทียนกระบี่ยังคงมีพลังแปลกประหลาด
น่าเสียดาย เทียบกับวิชากระบี่แล้ว เจ้าอ่อนแอเกินไป!
เย่เฉาเกอแค่นเสียงหยิบกระบี่เหล็กออกมาจากตู้อควาเลียส สะบัดกระบี่เบาๆและกวัดแกว่งใส่ถังเทียนคราวหนึ่ง
ถังเทียนควงกระบี่เซียนกักสมุทรในมือขวาเพลิงดำมิติว่างกลายเป็นรังสีกระบี่ปะทะเข้ากับปราณกระบี่ไร้สภาพของเย่เฉาเกอและปลดปล่อยเสียงระเบิด
ปง!
อากาศแตกระเบิดออกและเปลวเพลิงดำกระเด็นกระจายไปทั่ว
เย่เฉาเกอไม่ขยับ แต่ประกายวาบผ่านดวงตา เป็นไปตามคาด วิชากระบี่ของถังเทียนยังไม่เชี่ยวชาญ คนทั่วไปอาจจะไม่รู้สึก แต่เย่เฉาเกอฝึกวิชากระบี่มาหลายปี ความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดเขาย่อมรู้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เตรียมตัวตายได้แล้ว”
พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ทรงพลัง เย่เฉาเกอปล่อยปราณกระบี่ของตนลงมาราวกับฝนเท
กระแสปราณกระบี่ไร้สภาพพุ่งเข้าหาถังเทียน เขาคำรามขณะที่กระบี่ทั้งสองฟันลงในแนวตั้ง รังสีกระบี่สีฟ้าและดำทั้งสองพุ่งเข้าหาเย่เฉาเกอ
ปัง ปัง ปัง!
รังสีกระบี่ระเบิดกลางอากาศ
ระลอกคลื่นของปราณกระบี่ไร้สภาพและรังสีกระบี่ฟ้าดำระเบิดเหมือนพลุไฟ
ถังเทียนรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องใจของเขายังคงรู้สึกความเย็นยะเยียบแฝงอยู่ตั้งแต่ต้น สายความเย็นที่ทำให้เขารู้สึกคมชัดเป็นพิเศษ แต่เพลิงปรารถนาต่อสู้ท่วมเต็มอยู่ทุกส่วนของร่างกาย ดังนั้นสายกระแสความเย็นยะเยียบถูกความต้องการต่อสู้ที่เหมือนลาวากดดันห่างออกไป
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าปราณกระบี่ไร้สภาพที่แตกต่างทะลวงผ่านรังสีกระบี่ฟ้าและดำเข้ามาถึงต่อหน้าถังเทียน
ปราณกระบี่ไร้สภาพนี้มาในสภาพรังสีแสงจาง
อย่างนั้นแผนของเขาอยู่ตรงนั้นเอง
ถังเทียนคำรามกระบี่เซียนกักสมุทรในมือระเบิดพลังแสงสีดำหม่นเพิ่มขึ้นและฟันกระบี่แนวขวาง
รังสีกระบี่สีหม่นและปราณกระบี่ไร้สภาพบดกระแทกใส่กันอย่างรุนแรง เมื่อพลังที่แข็งแกร่งปะทะกันเกิดรังสีแพรวพราวจนถังเทียนตาพร่า
ภาพกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏต่อหน้าถังเทียน, เย่เฉาเกอ!
รูปปากของถังเทียนแสดงออกถึงความมั่นใจ เขาตวาดลั่น“ปลอดสำเนียง”
กระบี่ปลอดสำเนียงในมือซ้ายของเขาพลันเปล่งประกายด้วยรังสีแพรวพราวที่เหมือนกันและฟันออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
ถังเทียนวางแผนโจมตีเป็นเวลานาน พลังของกระบี่ปลอดสำเนียงและปราณแท้ในร่างของเขาทะลักขึ้นมาอย่างรุนแรง
รังสีน้ำเงินแพรวพราวปรากฏอยู่ที่ปลายกระบี่ปลอดสำเนียงหดขนาดเหลือเท่ากำปั้นมันกระแทกใส่กระบี่ของเย่เฉาเกอ
ปัง!
ลูกกลมแสงบนปลายกระบี่ปลอดสำเนียง แตกระเบิดออกมาทันที