ตอนที่ 339 ถังเทียนมาแล้ว
กระบี่ของอาเฮ่อไวดุจสายฟ้า
เย่เฉาเกอไม่หลบ เพราะในสายตาของเขา แนวเส้นแดงประหลาดพาดขวางตรวจสอบไม่ได้
กระบี่อาเฮ่อแทงใส่ร่างของเขาอย่างดุดัน เย่เฉาเกอเหมือนกับหุ่นกระบอกอ่อนแอ ทันทีที่เขาถูกแทง กระบี่ก็ทะลุออกด้านหลังตามด้วยโลหิตที่ฉีดพุ่งเหมือนฝน
พลังกางเขนของปิงเหมือนกับค้อนหนักหวดลงที่หลังของเย่เฉาเกอ
รอยกางเขนสว่างดูเหมือนจะประทับลงบนหลังของเขา
หอกของหลิงซิ่วระเบิดสร้างที่ต้นขาของเย่เฉาเกอมองเห็นกระดูกหัก
รังสีกระบี่เย็นยะเยียบของหานปิงหนิงกวาดใส่ข้อเท้าของเย่เฉาเกอทำให้ข้อเท้ากลายเป็นสีขาวซีดอย่างรวดเร็ว ปราณเย็นเหมือนคลื่นความเย็นกระจายไปส่วนอื่นๆ ของร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว
รัศมีดำและขาวของเหลียงชิวครอบคลุมร่างกายของเขาทำลายอวัยวะภายในของเขาได้
ซือหม่าเซียนซานใช้กรงเล็บของเขาไม่ต้องใช้แรงมากเท่าใดก็ฉีกคอของเย่เฉาเกอจนเลือดฉีดพุ่งรอยฉีกที่คอมีทั้งเลือดและเนื้อหลุดลุ่ยดูหวาดเสียวน่ากลัว
การโจมตีเช่นนั้นทำให้ทุกคนตะลึง เย่เฉาเกอโหดเหี้ยมดุร้าย แต่เขาจะถูกเล่นงานง่ายๆ ได้ยังไง?
เว้นเสียแต่เป็นกับดักบางอย่าง?
เมื่อเห็นสถานการณ์ของเย่เฉาเกอ ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะสามารถรอดได้
“หลีกไป!”
เสียงคำรามของปิงทำให้ทุกคนเริ่มตื่นตัวและทั้งหมดเปิดทางทันที
ถังอี้กำลังบัญชาการกองกำลังเผ่าหมาป่าซึ่งอยู่ในระยะ 100เมตร ทุกคนเปล่งรัศมีสว่างรอบๆ ตัวรังสีทั้งหมดสว่างรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครอบคลุมทั้งกองทัพ ถังอี้ชูดาบฟันขาม้าขึ้นสูงรังสีควบแน่นกลายเป็นพลังทะลุทะลวง
ทุกคนตกตะลึงพลังโจมตีถังอี้
แสงบนตัวทหารทุกคนก็คือปราณแท้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้เกิดรัศมีกับทุกคน แสงขนาดนั้นยังถูกมองว่าเบาบาง แต่เมื่อแสงทั้งสองร้อยสายรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพลังที่สง่างามนั้นเป็นเหมือนคลื่นน้ำที่รุนแรงปะทะร่างกายทำให้คนแทบสำลัก
นั่นคือพลังของกองทัพ ทะเลแห่งปราณแท้ที่กว้างขวาง
ทุกคนรู้ว่าการโจมตีของถังอี้ที่จะมาถึงจะต้องทลายโลกแน่นอน
แม้ว่าเย่เฉาเกอจะมีหลุมพรางใดๆ เมื่อเผชิญกับพลังเช่นนั้นเย่เฉาเกอคงไม่มีทางรอด
เดี๋ยวก่อนมีบางอย่างผิดปกติ
ม่านตาของปิงหดลีบ เขาห้อยหัวลง เย่เฉาเกอผู้กระหายเลือดยังคงลอยอยู่ในอากาศ ถ้าเขาตาย อย่างนั้นเขาก็น่าจะร่วงลงมา
หรือว่า...เขายังไม่ตาย?
ทันใดนั้นเขาเห็นเย่เฉาเกอผู้แสดงออกชัดว่าตาย มือซ้ายของเขาเคลื่อนไหว และเรื่องที่แปลกที่สุดเกิดขึ้นทำให้ทุกคนตื่นเต้น
เลือดเนื้อที่ฉีกขาดมีการขยับเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่ากำลังงอก
ในพริบตาเดียวคอของเขาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน แผลที่เกิดจากกระบี่ของอาเฮ่อไม่มีเลือดไหล และเนื้อภายในกำลังมีการเคลื่อนไหวปูดขึ้น แผลขนาดกำปั้นมีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเหลือขนาดเท่าลูกเกาลัดมันก็หยุด
ขาของเขาสั่นและน้ำแข็งที่เกาะอยู่ที่ข้อเท้าเขาแตกออก ผิวที่บวมหายไปทั้งหมดโดยไม่เหลือร่องรอย
เย่เฉาเกออ้าปากและพ่นควันออกมา ควันมีทั้งสีดำและขาว เห็นได้ชัดว่าเป็นรังสีหมัดสีดำและขาวที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา
ทุกคนที่เห็นภาพข้างหน้านี้สีหน้าเปลี่ยน ขณะที่พวกเขาตกตะลึงจ้องมองภาพประหลาดข้างหน้า
เขาเป็นตัวประหลาดแบบใดกันแน่?
แม้แต่หย่งเซียนจงก็ตกตะลึงอยู่กับที่ เขารู้ว่าน้องชายภรรยาของเขาแข็งแกร่งทรงพลัง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแปลกประหลาดไม่ธรรมดาอย่างนั้น
ถังอี้ก็เห็นภาพเช่นนี้ ถ้าเป็นวันปกติ เขาคงจะตกใจอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่เขากำลังจะโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขาจะไม่มีความคิดอื่นอยู่ในใจ คลื่นพลังปราณแท้รอบตัวเขาทำให้ชีพจรของเขาขยายตัว ต่อให้เป็นตัวประหลาดที่ไม่รู้จักตายอยู่ต่อหน้าเขา แต่เขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
กองทหารม้าทั้งหนึ่งร้อยกำลังควบเข้ามาด้วยพลังดุจฟ้าผ่า
ยิ่งพวกเขาเข้ามาใกล้ศัตรู ปราณของทหารก็ยิ่งแข็งแกร่งและน่ากลัว ถังอี้อยู่ในท่ามกลางพวกเขากำลังเปล่งประกายด้วยพลังในปัจจุบัน
“ฆ่า!”
ถังอี้เดือดดาลด้วยความโกรธใช้พลังทั้งหมดฟันลงอย่างกราดเกรี้ยว
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนเหมือนฟ้าผ่ากึกก้องจนถึงสวรรค์ ดาบทั้งสองร้อยเล่มฟันลงพร้อมกัน
ท้องฟ้ากลับกลายเป็นกระจ่างรังสีดาบทั้งหมดรุนแรงเหมือนสายน้ำบ่าได้บรรจบกับดาบฟันขาม้าในมือของถังอี้ย้อมจนเป็นประกายสีทอง
รังสีดาบสีทองลอยออกไปทันทีทำให้ฟ้ามืดครึ้มทันใด รอบๆ แสงรังสีทั้งหมดมีขอบเป็นรังสีทองครอบคลุม
“ไป!”
เย่เฉาเกอตวาดกระบี่ในมือของเขาหายไปทันที เขาปรากฏตัวในอากาศ
ปราณกระบี่ไร้สภาพนับไม่ถ้วนก่อตัวเหมือนสายฝนและพุ่งเข้าหารังสีทอง
เผียะ เผียะเผียะ
เมื่อปะทะกัน ปราณกระบี่ไร้สภาพทั้งหมดระเบิดออก กระแสไหลเวียนของอากาศดีขึ้นทำให้พื้นที่รอบๆมีสีทองแพรวพราวเหมือนกับมีระลอกคลื่นอยู่รอบๆ
เย่เฉาเกอสะบัดกระบี่อย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ปราณกระบี่ไร้สภาพทำลายล้างรังสีกระบี่ทอง
ปราณกระบี่ไร้สภาพที่รุนแรงไม่สามารถสั่นสะเทือนรังสีดาบทองได้ รังสีดาบทองกระแทกใส่ปราณกระบี่ไร้สภาพนับไม่ถ้วน นอกจากหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ยังตรงเข้าหาเย่เฉาเกออย่างทรงพลัง
เหมือนกับว่าเย่เฉาเกอกำลังถูกสัตว์ป่าอันตรายจ้องเล่นงาน ร่างของเขาสั่น แต่เขาตวาด “ไป”
กระบี่ยาวอยู่ตรงหน้าเขาและรวบรวมพลังปราณแท้ไว้
รังสีดาบปะทะรังสีกระบี่
ปัง!
เหมือนกับพระอาทิตย์ระเบิด รังสีแสงทองแพรวพราวทำให้พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นสีขาวโพลนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
ปราณแท้ที่น่ากลัวแผดเผาอากาศทุกนิ้ว กระแสอากาศแตกทำลายกลายเป็นเหมือนคมดาบกระจายไปทั่ว ผู้คนที่ไม่สามารถหลบได้ต่างได้รับบาดเจ็บมากมาย แต่ทุกคนรู้สึกคลายใจมากขึ้น หลังแรงระเบิดที่ทรงพลัง เขาคงไม่สามารถรอดชีวิตได้แน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากแสงทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยน ปะ..เป็นไปได้ยังไง?
รัศมีแสงหายไปทำให้ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจน กระบี่ของเย่ว์เฉาเกอเหลืออยู่เพียงครึ่งเล่ม ตลอดทั้งตัวเขามีแต่เลือด เหมือนกับว่าเขาอาบน้ำในบ่อเลือดมา และเลือดทั้งหมดหยดลงจากตัวของเขา
หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน เลือดกำลังไหลออกมาจากหน้าผากลงมาที่คางของเขา หน้าของเขามองดูน่ากลัว
นอกจากถังอี้ที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้า ทหารที่เหลือร่วงหล่นจากหลังม้าถึงสามในสี่มีเลือดไหลออกจากปากพวกเขา ถังอี้มองดูเย่เฉาเกอผู้ยังอยู่ในอากาศอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามีคนที่รับการโจมตีนั้นได้
“ใครจะหยุดข้าได้? ใครจะหยุดข้าได้?”
เสียงที่บ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
เย่เฉาเกอหยุดตะโกนทันทียกกระบี่หัก และคำราม ปราณกระบี่ไร้สภาพจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากกระบี่หัก มันหมุนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็วเกิดเป็นพายุหมุนที่ทรงพลังสูงจนถึงท้องฟ้า
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”
กระบี่หักชี้มาทางพวกเขาทุกคน และท้องฟ้าพลันมืดครึ้มทันใด
ปราณกระบี่ไร้สภาพปั่นหมุนอยู่รอบตัวกระบี่ เกิดเป็นกระแสพลังเจ็ดสายทันทีพุ่งตรงเข้าหาทุกคน
สายตาของหลิงซิ่วปรากฎแววสิ้นหวัง เขาเพิ่งใช้พลังโจมตีและเป็นพลังอึดสุดท้ายที่เหลือ
ข้าจะตายที่นี่หรือ?
อย่างน้อยข้าก็ไม่อายที่ตายภายใต้เงื้อมมือของนักสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้...
แต่ข้าไม่สบายใจเลย!
หน้าของหลิงซิ่วแสดงอาการขมขื่นทันใดนั้นภาพข้างหน้าเขาพลันมืดลง แผ่นหลังที่คุ้นเคยบังขวางหน้าเขา
อาเฮ่อ...
“ยินดีที่ได้พบเจ้า, ข้าคือศิษย์จากสำนักกระเรียน เจ้าเรียกข้าว่าอาเฮ่อได้นะ”
“... ข้าขอโทษจริงๆ เราสวมชุดเหมือนกัน....”
“...ต่อไปข้าจะสวมชุดดำ, ข้าขอโทษจริงๆ...”
อาเฮ่อ...ทำไม....
เงาร่างต่อหน้าเขาเป็นเหมือนกระเรียนดำยักษ์ ช่วงเวลานั้นดูเหมือนเขามั่นใจมากว่าเป็นเพราะคนตกอยู่ในความกลัว เขาพูดยืนยันด้วยเสียงนุ่มนวล “ม่านกระบี่กระเรียน”
กระบี่กระเรียนกลายเป็นภาพกระบี่สิบสองเล่มและเหมือนปีกกระเรียนแสงสีดำกางออกกลายเป็นม่านกระเรียน
กระแสปราณกระบี่ไร้สภาพปะทะใส่ม่านกระบี่
ปิงปรากฏตัวอยู่หน้ากองทัพหมาป่าแขนของพยัคฆ์ฟ้าไขว้ตัดกันเหมือนกับเขากึ่งหมอบและใช้ออกด้วยม่านแสงกางเขน
โล่แสงกางเขน
ร่างถังอี้สั่น,ใต้เท้า....
หานปิงหนิงและซือหม่าเซียงซานปรากฏตัวอยู่ข้างเหลียงชิว, หานปิงหนิงใช้กระบี่ปล่อยกำแพงน้ำแข็ง ขณะที่ซือหม่าเซียงซานปล่อยหมอกดำ
ตาของเหลียงชิวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
ทั้งสองรู้ว่าเขาไม่สามารถหลบได้จึงเข้ามาช่วยเขา
เขากลายเป็นภาระถ่วงได้ยังไง?
ขนผมทุกส่วนของเขาลุกชันฝ่ามือซ้ายของเขากลายเป็นสีดำขณะที่ฝ่ามือขวาเป็นสีขาวดุจหยก เขาประกบฝ่ามือเข้าหากันม่านพลังดำขาวสานเข้ากันและปกป้องคนทั้งสามไว้
ความจริงข้าจะซ่อนตัวอยู่หลังพวกเจ้าได้ยังไงในเมื่อข้ามีอาวุโสที่สุด
*******************************
ถังเทียนกำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างสุดกำลัง ลมหายใจของเขาหยาบกลายเป็นเสียงหายใจดัง ใจเขาว่างเปล่า เขาไม่รู้ตัวว่าวิ่งมานานเท่าใด
เขารู้แต่วิธีวิ่งอย่างเดียว การกระตุ้นพลังงานทั้งหมดมาเพื่อวิ่งกลายเป็นสัญชาตญาณ
สายตาของเขาเปลี่ยนสภาพอีกครั้งขณะที่ภาพที่อยู่ไกลๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ค่ายทหารใหม่!
นั่นคือค่ายทหารใหม่!
หึ..หึ..
ลมหายใจเขาหนักหน่วงและหัวใจเขาเต้นแรงจนได้ยินอยู่ในหูหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ถังเทียนขยับริมฝีปาก
ในที่สุดข้าก็มาถึงนี่...
ในที่สุดข้าก็มาถึงนี่
การระเบิดของพลังทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยม่านตาของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา สายตาของเขามั่นคงมากขึ้น ปากของเขาแย้ม จากนั้นเขาหัวเราะ
อุ่นเครื่องครั้งนี้ใช้เวลานานพอแล้ว
ขอโทษด้วยทุกคนโปรดอดทนรออีกนิด
แค่อีกนิดเดียว
ข้ามาแล้ว
ความเหนื่อยล้าในตัวเขาลดน้อยและหายไปทันทีตาของถังเทียนกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง แม้ว่าลมหายใจของเขาจะหนักหน่วง หลั่งเหงื่อท่วมตัว แต่กลองศึกรัวขึ้นแล้วในหัวใจของเด็กหนุ่มเลือดลมของเขาเริ่มพลุกพล่าน
การวิ่งมาตลอดทาง การฝึกฝนหนักหน่วงมาตลอด ทุกอย่างก็เพียงเพื่อให้ได้ร่วมต่อสู้ สามารถต่อสู้เคียงข้างพวกเจ้าทุกคน
ทั้งหมดนี้เพื่อสัญญาของเรา!
ทั้งหมดนี้เพื่อชัยชนะของเรา!
เหงื่อของเขาหยดลงพื้นค่ายทหารใหม่และร่างที่อดทนและกระตือรือร้นย่างเท้าเข้าไปในประตูแสงทันที
แสงภายในฐานใต้ดินสว่างวาบ แต่ไม่เห็นแม้แต่วิญญาณสักดวง
ถังเทียนไม่หยุด เขาก้าวขึ้นไปบนแท่นและทะยานขึ้นไปในอากาศและชนเข้ากับเพดานที่งดงาม
เย่เฉาเกอมองข้ามทุกคนที่ต่ำกว่าเขา
รอยเลือดไหลมาตามมืออาเฮ่อ อาเฮ่อไม่ขยับสักนิ้ว และกระอักโลหิตออกมาทันที
แครก แครก แครก รอยแตกร้าวรูปใยแมงมุมเริ่มปรากฏบนตัวพยัคฆ์ฟ้า
หานปิงหนิง เหลียงชิวและซือหม่าเซียงซานปลิวกระเด็นและหมดสติกันทุกคน
“สู้ได้ไม่เลว”เย่เฉาเกอแค่นเสียงเยือกเย็น “แต่มันจบแล้ว”
เขายกกระบี่หักในมือขึ้น
ปัง!
เสียงระเบิดฉับพลันทำให้เขาตะลึง
เนินทรายขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆระเบิดทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน ทรายปริมาณมหาศาลปลิวขึ้นท้องฟ้าสูงเกินร้อยเมตร
ม่านตาเย่เฉาเกอหดลีบ
ภายใต้ทรายที่โปรยปรายลงมาร่างเลือนรางแกว่งกระบี่คู่ ค่อยๆ เดินผ่านฝนทรายออกมา
“ขอโทษที ข้ามาสาย”
เสียงแหบแห้งอู้อี้ดังกวาดไปทั่วพื้นที่