ตอนที่ 338 โอบล้อม
“เนื้อย่างของโปรดรสชาติดีจริงๆดูเหมือนจะแฝงด้วยรสของไม้เมฆแสง ทำให้มันพิเศษขึ้น” อาเฮ่อยิ้ม
เขากับหย่งเซียนจงยังเดินขึ้นหน้าไปตามปกติ ขณะที่หลิงซิ่วนั่งอยู่บนฟลามิงโกฟื้นฟูพลังของตน
หน้าของหย่งเซียนจงบิดเบี้ยวและหัวใจของเขาเจ็บปวดทะเลทรายที่มีแต่เนินทรายสุดลูกหูลูกตา พวกเขาจะไปหาไม้มาได้จากไหน ภายใต้สถานการณ์ที่จนใจเขาไม่มีทางเลือกได้แต่เอาไม้เมฆแสงชิ้นหนึ่งออกมาและหักมันมาใช้ ไม้เมฆแสงมีราคาที่แพงมาก แค่ชิ้นเล็กๆก็ราคาสองแสนเหรียญดาว เขาใช้อีกแสนเหรียญดาวเพื่อเชิญช่างฝีมือดีมาแกะสลักให้เขาทำให้มันดูวิจิตรงดงามมาก บางครั้งเขาใช้ในสถานการณ์ที่พิเศษสร้างอารมณ์ที่สุนทรีย์ขณะจิบชาชมจันทร์คุยกับสาวงามในฝันอย่างมีความสุข
แต่...
เขาได้แต่ฝืนยิ้ม “ถือว่าเป็นเกียรติของผู้พี่ นั่นนับเป็นเรื่องดี”
ตอนนี้เขากำลังเค้นสมองหาวิธีแก้ปัญหา เพราะความสัมพันธ์ของอาจารย์กับกลุ่มดาวคนยิงธนูไม่ธรรมดา น้ำเสียงที่อาจารย์พูดเรื่องราชินีทุกครั้งทำหย่งเซียนจงจอมเจ้าชู้ค่อนข้างสงสัยว่าอาจารย์คงแอบชอบราชินี แต่เขาเจียมตัวเจียมกำลัง ไม่กล้าจะยอมรับ หย่งเซียนจงมีประการณ์คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ดี
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าค้นหาความจริงจากอาจารย์ของเขา ถ้าท่านผู้เฒ่าโกรธเพราะอับอาย อย่างเบาคงลงโทษเขาซี่โครงหักแน่
ท่านผู้เฒ่าไม่อาจถูกยั่วให้โกรธเด็ดขาด
ก็ได้ ข้าพร้อมจะให้และรับแล้ว หย่งเซียนจงลอบปลอบใจตนเอง
ความจริงสามารถสู้กับอาเฮ่อได้เป็นเรื่องที่น่าจะมีความสุขนิสัยชอบฝึกของอาเฮ่อนั้นไร้ที่ติ เขาสุภาพอ่อนโยนและดีพร้อม หย่งเซียนจงลอบชื่นชมเขา
สิ่งที่น่ารังเกียจประการเดียวก็คือเสื้อผ้าสีดำที่ขาดรุ่งริ่งบนตัวอาเฮ่อซึ่งพิสูจน์ว่าเขาผ่านอะไรมามากทีเดียว หย่งเซียนจงรับผิดชอบเรื่องทั่วไปของสำนักมีประสบการณ์และความรู้ เขาประเมินอาเฮ่อไว้สูงมาก ศิษย์จากครอบครัวระดับสูงมีทรัพยากรสนับสนุนมากมายและถ้าเขาสามารถรับมือการฝึกฝนหนักได้ อย่างนั้นศักยภาพของเขาคงไม่มีขีดจำกัด
นอกจากนี้...หย่งเซียนจงชำเลืองมองดูหลิงซิ่วผู้อยู่บนหลังนก พลังของเขายากจะหยั่งถึงเช่นกัน เขาอดให้ความสนใจหลิงซิ่วไม่ได้ ในกลุ่มทั้งหมดนี้ คนที่เขารู้จักดีที่สุดไม่ใช่อาเฮ่อผู้มีเบื้องหลังระดับสูง หรือหลิงซิ่วผู้แข็งแกร่งมาก แต่เป็นถังเทียน
ถ้าทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งทรงพลังมาก อย่างนั้นถังเทียน จะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
หย่งเซียนจงสงสัยมาก
เขายังคงสงบจิตใจต่อไป เขาคุยและหัวเราะร่วมกับอาเฮ่อมาตลอดทางและลืมเลือนสถานะที่เป็นอริกันไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อทั้งสามมาถึงเผ่าหมาป่า พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ากองกำลังของถังอี้กลับมาแล้ว
เมื่อเห็นว่ากองทัพไม่เป็นอันตรายอาเฮ่อและหลิงซิ่วถอนหายใจโล่งอก แต่นัยน์ตาของหย่งเซียนจงมีร่องรอยประหลาดใจ ปกติเขาไม่เห็นว่าค่ายหางแฉกเป็นอะไรที่คุ้มค่าเลย แต่ในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือถูกมองว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้จริงๆ หรือ?
ทันใดนั้น อาเฮ่อหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง ตาของเขาเบิกกว้าง
จากที่ไกลออกไปหลายๆ เนินทราย จุดสองสามจุดปรากฏขึ้น
“เตรียมต่อสู้”
คำเตือนของอาเฮ่อทำให้ทุกคนใจสั่น
ถึงเวลานี้ ทุกคนจึงสังเกตได้ว่ามีคนกำลังมา พยัคฆ์ฟ้าแบกอาโมรี่และเหลียงชิวขณะที่หานปิงหนิงและซือหม่าเซียงซานกำลังวิ่งตามหลังมาอย่างรวดเร็วจากที่เห็นไม่ใช่ชัยชนะอย่างแน่นอน แต่เบื้องหลังพวกเขา ยังไม่มีใครปรากฏ
ในทันทีนั้นปิงก็มาถึงข้างๆ ของคนสองสามคน
“เย่เฉาเกออยู่ที่นี่”
คำพูดของปิงทำให้อาเฮ่อและหลิงซิ่วสีหน้าเปลี่ยน
“จิ่งหาวแพ้หรือ?” หลิงซิ่วถามเสียงเครียด
“ถูกแล้ว” ปิงพูดตามตรง “เขาตามมาด้านหลัง กำลังรอให้เรารวมตัวแล้วค่อยกวาดล้างเราพร้อมกัน”
หน้าของทุกคนบิดเบี้ยวเหยเกทันที ตอนนี้คนไหนก็ไม่ใช่ยอดฝีมือผู้มีความภูมิใจและมีอารมณ์เป็นของตนเองอีกเล่า?
“เขาบ้าขนาดนั้นเชียว!” หลิงซิ่วอดคำรามไม่ได้
ปิงตอบอย่างคาดไม่ถึง “เขามีพลังพอจะทำอย่างนั้น”
สีหน้าของอาเฮ่อและหลิงซิ่วเครียดทันที พลังของปิงยากหยั่งได้ วิสัยทัศน์ในการมองการณ์ไกลก็เด็ดขาดมาก คำพูดของเขาไม่ได้กล่าวเกินจริง
ปิงวางอาโมรี่ลง
“อาโมรี่บาดเจ็บหรือ?” อาเฮ่อถามทันที
“หลังจากรับพลังโจมตีระลอกแรกของเย่เฉาเกอ ข้าสูญเสียพลังไปบางส่วน” อาโมรี่ฟื้นแล้วแต่รู้สึกหดหู่อดสูใจ แต่เมื่อฝ่ามือของเขามีรอยแผลเปิดที่ได้รับจากการโจมตี แผลที่มือเปิดและเลือดกระเด็นไปทั่วมันดูน่ากลัว แต่อาการบาดเจ็บไม่หนักมาก แต่เมื่อคิดว่ามีอยู่กันหลายคน กลับมีเขาเพียงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ อาโมรี่จึงรู้สึกอาย
อาเฮ่อและหลิงซิ่วมองหน้ากันเอง กระบี่จากเย่เฉาเกอทำให้อาโมรี่สูญเสียพลังจริงๆ
อาโมรี่เกิดมามีร่างกายที่แข็งแรงตามธรรมชาติ และนอกจากนั้นด้วยเข้าบทฝึกมรณะพลังเถื่อนถึกของเขายิ่งทรงพลังมากขึ้น แต่เขายังคงเสียพลังจากการโจมตีจากเย่เฉาเกอ นั่นหมายความว่ากระบี่ของเย่เฉาเกอหนักหน่วงรุนแรงมาก
ปิงไม่เห็นถังเทียน ในใจเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็ปรับขอบเขตความคิดของเขาทันที อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในการต่อสู้ แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
ปิงส่งอาโมรี่ให้หัวหม่าเอ๋อที่เพิ่งวิ่งกลับมาและพวกเขากลับไปที่ฐาน
ปิงสังเกตเห็นหย่งเซียนจง แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ชำเลืองถังอี้
ถังอี้ไม่เข้ามาใกล้ แต่สั่งให้กองทัพหมาป่าหยุดห่างออกไปราวสองร้อยเมตร
“พี่หย่งข้าขอแนะนำให้ท่านชมดูอยู่ด้านข้างเฉยๆ” อาเฮ่อพูดด้วยเสียงสงบและไม่กังขา
หย่งเซียนจงรู้สึกขมในปาก แม้ว่าพวกเขาไม่รู้อารมณ์ของเย่เฉาเกอ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง? ตราบใดที่เย่เฉาเกอต้องการฆ่า ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ แม้แต่เย่จิ่วบิดาของเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเขามองดูอาเฮ่อถูกเย่เฉาเกอฆ่า อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เมื่อเขากลับไป
ในที่สุดภาพของเย่เฉาเกอก็ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคน
หย่งเซียนจงค่อยๆ บินไปในอากาศ “เฉาเกอ! หยุดสักเดี๋ยว!”
เย่เฉาเกอกำลังแบกจิ่งหาวมาหยุดทันที และหรี่ตามอง“มีอะไร?”
หย่งเซียนจงมักจะค่อนข้างกลัวน้องภรรยาผู้นี้ หลังจากถูกเย่เฉาเกอผู้เต็มไปด้วยความตั้งใจฆ่าจ้องมอง หัวใจเขาสั่น แต่เขารู้ว่าเขาทำได้เพียงแข็งใจพูดต่อ “อาเฮ่อคือสหายเก่าของอาจารย์ ข้าขอร้องเฉาเกอ...”
เย่เฉาเกอไม่ได้จดจำชื่อของอาเฮ่อและกล่าวอย่างเฉื่อยชา “เจ้านำเขาไปได้”
หย่งเซียนจงถอนหายใจโล่งอก “ขอบคุณเฉาเกอ!”
ในช่วงเวลานี้ เสียงของอาเฮ่อก้องได้ยินถึงหูพวกเขา “ขอบคุณพี่หย่งที่ท่านมีน้ำใจไมตรีแต่ข้าไม่คิดจะทอดทิ้งสหาย”
หย่งเซียนจงปากอ้าค้าง เขาไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเขายังไง น้ำเสียงของอาเฮ่อสงบและมั่นคงมาก
“ฮ่าฮ่าเขาไม่ยอมรับน้ำใจของเจ้า! เจ้าไปเสียดีกว่า มิฉะนั้น เมื่อข้าเริ่มสังหารหมู่ระวังว่าข้าจะฆ่าเจ้าด้วยเช่นกัน พี่สาวข้าจะพลอยเป็นม่ายไปด้วย” น้ำเสียงของเย่เฉาเกอเย็นชามากเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
หย่งเซียนจงรู้ว่า คำพูดของน้องภรรยาเขาไม่ได้ล้อเล่น
เขาจนใจได้แต่เพียงก้าวหลบไปยืนด้านข้าง ใจของเขายังคงคิดหาทางวิธีช่วยอาเฮ่อจากเงื้อมมือเย่เฉาเกอ
อาเฮ่อจับกระฝักกระบี่ มีสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ว่าศัตรูที่อยู่ต่อหน้าเขาน่ากลัวมาก
แต่เขาไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย หลิงซิ่วเองเพิ่งผ่านการต่อสู้ใหญ่มาและผู้เดียวที่ยังมีพลังสมบูรณ์ก็คือเขา เขาจะรับผิดชอบต่อสู้เฉพาะส่วนของเขา เมื่อเขาอยู่กับถังเทียน เขาไม่เคยต้องกังวลเกี่ยวงานของเขา ถังเทียนกับหลิงซิ่วเป็นคู่หูรบที่ดีและเวลาส่วนใหญ่ เขาจะตะลุยกวาดสนามรบ
แต่เขาเองไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อเวลาสู้มาถึงเขาจะก้าวออกมาอย่าห้าวหาญ เขาไม่เคยถอยกลับหรือลังเลใจ
ความทรงจำของประวัติศาสตร์ผุดขึ้นในใจเขา การเผชิญหน้าของพวกเขา การเดินทาง การทำความสะอาดของพวกเขา สำหรับเด็กหนุ่มผู้ที่ครั้งหนึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสำนักกระเรียน สิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยคิดว่าจะทำได้
แต่ทุกอย่างเป็นอย่างที่ควรเป็นและอยู่ในแนวทางที่มิอาจรู้ได้
การอยู่ตามลำพังในภูเขา,เกี่ยวกับเรื่องป้าผู้ทรงอำนาจของเขา,ปณิธานสุดท้ายของบิดาเขาที่จะอยู่ในสำนักกระเรียน ภาระทั้งหมดนี้ตกอยู่กับเขา และหล่อหลอมเป็นบุคลิกเขา เขาไม่มีสหายตั้งแต่เด็ก เขามีความโดดเด่นมาก ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้ทุกอย่างที่เขามี วิชาฝีมือและมารยาทของเขาไม่มีที่ติสายตาที่อิจฉาทุกคู่ทำให้เขาไม่สบายใจ
แต่ตอนนี้ เขามีความสุข
มีความสุขจริงๆ
เขารู้ว่าท้องฟ้าสีฟ้าเข้ม ดวงตะวันแสนงดงามและเขาก็สามารถทำเรื่องงี่เง่าได้หลายอย่าง และตระหนักถึงฝันที่สวยงามทั้งหมด
หัวใจอาเฮ่อมีอิสระเสรี กระบี่ในมือของอาเฮ่อเหมือนกับมีชีวิตชีวาและตอบสนองเขา
เย่เฉาเกอตาเป็นประกาย “น่าสนใจ!”
เขาปล่อยรังสีปราณกระบี่ไร้สภาพ
ม่านตาอาเฮ่อมีประกายเยือกเย็น ร่างของเขาคล้ายกับกระเรียนที่สง่างามไม่มีความตั้งใจจะหลบ เขาใช้กระบี่กระเรียนในมือฟันออกไปหนึ่งครั้ง
รังสีคมกระบี่ขาวปรากฏอยู่หน้าเย่เฉาเกอทันทีทำให้เขาสะดุ้งในใจ บาดแผลปรากฏอยู่บนแก้มของเขา
“กระบี่ที่รวดเร็วนัก”
เขาวางจิ่งหาวลงกับเนินทราย เย่เฉาเกอยกมือลูบาดแผลที่แก้มพอเห็นเลือดที่นิ้ว เขาใช้ลิ้นเลีย
ในเวลานั้น หลิงซิ่ว, ปิง, หานปิงหนิง,เหลียงชิวและซือหม่าเซียงซานยืนประจำตำแหน่งทุกคน
“มิน่าเล่าพวกเจ้าถึงไม่ยอมคนอื่นกันเลย...”
หน้าของเย่เฉาเกอมีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ชั่วขณะนั้น อาเฮ่อก็ลงมือ ท่าร่างและกระบี่ของเหมือนกับกระเรียนดำโจมตี ปราณรอบตัวเขาครอบคลุมถึงกระบี่ของเขา
ปลายกระบี่สว่างวาบด้วยรังสีแพรวพราว และเขาหายไปทันที
ขณะเดียวกันทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
พลังที่ระเบิดออกในเปลวเพลิงและจุดรังสีเย็นที่คล้ายกับดาว หลิงซิ่วเรียกพลังปราณแท้ในร่างกายเขา ไม่มีการปราณี ขณะที่เขาแทงหอกออกมา
พยัคฆ์ฟ้าเหมือนกับสายฟ้าฟาดปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเย่เฉาเกอทันที เขาไขว้มือซ้ายขวาเป็นกากบาท โจมตีใส่หลังของเย่เฉาเกอด้วยพลังที่น่าพิศวง
รัศมีกระบี่ผลึกที่โปร่งใสและเย็นยะเยือกถูกยิงออกมาจากกระบี่ของหานปิงหนิงตรงเข้าใส่ขาของเย่เฉาเกอ
เหลียงชิวคำรามและกระตุ้นปราณแท้ให้ทำงานเหมือนกับว่าทำให้เขามีความสามารถบางอย่าง เขาปล่อยหมัดออกช้าๆ รังสีหมัดดำและขาวถูกยิงออกมาใส่เย่เฉาเกอ
ซือหม่าเซียงซานเป็นเหมือนควันไฟปรากฏตัววูบที่หลังศีรษะของเย่เฉาเกอทันทีนิ้วทั้งห้าของเขาเหมือนกรงเล็บตวัดใส่ศีรษะของเย่เฉาเกออย่างเงียบงัน
ถังอี้อยู่ห่างไกลออกไป เขาสั่งกองทัพของเขาให้เริ่มโจมตีทันที
ระยะ 200 เมตรสำหรับถังอี้ คือระยะโจมตีที่ดีที่สุด
เมื่อพยัคฆ์ฟ้ามองมาก่อนหน้านั้น ถังอี้ก็เข้าใจแผนของปิง ทุกคนต้องโจมตีและดึงดูดความสนใจของเย่เฉาเกอ ขณะที่วิชาสังหารที่แท้จริงจะมาจากการบัญชาการกองทัพของถังอี้
ถังอี้ผู้มีพลังโจมตีที่โดดเด่นเหมาะสมที่สุดในการใช้เป็นพลังโจมตีสุดยอด
ถังอี้เพ่งสมาธิเต็มที่ เขารู้ว่า เขามีโอกาสโจมตีเพียงครั้งเดียว
การโจมตีนี้จะกำหนดชะตาชีวิตพวกเขา
เขาชูดาบฟันขาม้าในมือขึ้นสูง