ตอนที่ 11-9 ประติมากรรมของสุสาน
“ครืนนน ครืนนนน” ทะเลม้วนเป็นวงระลอกและทางเดินสี่สายในทะเลปรากฏขึ้น มหานักพรต เทพสงครามและคนอื่นๆ ก็พุ่งลงไปในทะเลกันหมด
ยอดฝีมือทั้งฝ่ายมนุษย์และอสูรเวทไม่มีการลังเลใจเข้าไปในน้ำทันที
“ทะเลลึกนี้น่าสนใจมากเอาการ” ปราณยุทธของลินลี่ย์โคจรรอบตัวเขา ด้วยพลังชีพจรป้องกัน เขาสามารถป้องกันแรงกดดันของน้ำได้อย่างง่ายดาย สำหรับตัวลินลี่ย์เองเขาจ้องมองภาพที่นี่ลึกลงไปในมหาสมุทรด้วยความสงสัยใคร่รู้ นี่เป็นการเดินทางในทะเลครั้งแรกของลินลี่ย์
ในส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร มีแต่ความเงียบและมืดสนิท มีเพียงสองสามอย่างที่สามารถเห็นได้ สิ่งมีชีวิตไม่กี่อย่างเปล่งแสงตามธรรมชาติได้
เฟนและลินลี่ย์บินลงมาด้วยกัน เฟนมองดูลินลี่ย์ จากนั้นเสียงของเขาดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! ในแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลในดินแดนทะเลใต้นี้ มีอสูรเวทที่ยิ่งใหญ่มากมาย อย่างเช่นมังกรทะเล เต่ามังกร อสรพิษเก้าหัว ปลาหมึกยักษ์...ทั้งหมดนี้เป็นอสูรเวทระดับเซียนทั้งนั้น” เฟนมีความสามารถในการใช้พลังสื่อสารทางจิตได้
ลินลี่ย์ลอบพยักหน้า
ทะเลใต้ใหญ่โตกว้างขวางมากกว่าของทวีปยูลาน คงเป็นเรื่องผิดปกติถ้าไม่มีอสูรเวทขนาดมหึมาอาศัยอยู่
“แต่แม้ว่าอสูรเวททะเลลึกซึ่งใกล้ๆ นี้เมื่อพวกมันเห็นเราก็จะตกใจกลัวหนีไปทันที” เฟนพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขาพูดคุยกับลินลี่ย์ทางใจ
ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
กลุ่มนักสู้ยังคงดิ่งลึกลงไปในทะเลลึกที่มืดและสงัด ขณะเดียวกันพวกเขาเพลิดเพลินกับฉากภาพที่ปรากฏให้เห็นได้ยาก บางครั้งก็เห็นอสูรเวทขนาดใหญ่ปรากฏตัว แต่เมื่อพบว่ามียอดฝีมือลงมามากมายมันจะตกใจหวาดกลัวไม่กล้าเคลื่อนไหว
ยิ่งพวกเขาดำลึกลงไปก็ยิ่งมีแรงกดดันมากมาย
ในที่สุดแรงกดก็สูงมาก เหมือนกับว่ามีภูเขาน้อยกำลังกดทับพวกเขา โชคดีที่คนเหล่านี้ทุกคนเป็นเซียนที่แข็งแกร่งทรงพลังในโลก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทนได้ พวกเขาจะร่ายเวทหรือใช้ม่านพลังปราณป้องกันก็ได้ แสงสีรุ้งรายรอบพวกเขา ค่อนข้างรุ่งเรือง
“เรามาถึงพื้นทะเลกันแล้ว” ยอดฝีมือทุกคนหยุดอยู่ที่พื้นทะเล
มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างเช่นปะการังอยู่ที่นี่มันเรืองแสงเล็กน้อย ก้นทะเลปกคลุมไปด้วยแนวแถวปะการัง ขณะที่พื้นไม่มีระดับสม่ำเสมอ บางที่นูน บางที่ก็เว้าอาจจะสูงขึ้นเป็นร้อยเมตรและดิ่งลึกลงไปจนมองไม่เห็นพื้นทะเล
“เกือบถึงแล้ว” เฟนพูดทางใจกับลินลี่ย์
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ทุกคนยังคงตามผู้นำลงไปที่ก้นทะเล หลังจากเดินทางหลายกิโลเมตร พวกเขาก็มาถึงโขดหินดำที่ใหญ่โตมหึมา หินดำสนิทนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขา และในน้ำเหนือโขดหินนี้ มี ‘ประตู’ โปร่งใสบานหนึ่งเปล่งระลอกพลังประหลาด
“ที่นี่แหละ” เสียงแหลมดังขึ้นเข้าหูทุกคน
ทุกคนหยุดอยู่ต่อหน้าหินที่ดำสนิทนี้
“หืม? ‘ประตู’ นี้ดูเหมือนจะคล้ายกับ ‘ประตู’ เข้าห้องมิติของเรา เพียงแต่มีขนาดใหญ่สองเท่า” ลินลี่ย์ทึ่ง
เสียงของลอร์ดเบรุตดังขึ้นและแต่ละคนสามารถได้ยินได้ “ประตูมิตินี้คืออุโมงค์ซึ่งจะนำเข้าไปยังสุสานเทพเจ้า ปกติประตูมิตินี้จะถูกปิดและถูกบังไว้ด้วยชั้นพลังงานที่มองไม่เห็น” ขณะที่เขากล่าวร่างของเบรุตเปล่งรัศมีสีดำทันที
รัศมีสีดำนี้กระทบกับประตูมิติโดยตรง
“ครืนน...” พื้นทะเลที่เงียบพลันสั่นสะเทือนทันที และประตูโปร่งแสงก่อนหน้านี้พลันแผ่แสงเจิดจ้าออกมาเหมือนกับเป็นเยื่อพังผืดคลุมรอบพื้นที่ไว้ทันที
แต่สองสามวินาทีต่อมามันก็แตกกระจายออกไปเหมือนกับฟองน้ำแตก
“ป๊อบ!” ด้วยเสียงที่ดังนุ่มนวลเยื่อที่คลุมอยู่ก็แตกสลายไป
“ตามข้ามา ทุกคนต้องมาพร้อมกัน” เบรุตบินเข้าไปในประตูมิติ และเพียงก้าวเดียวก็ข้าผ่านไปอีกด้านหนึ่ง ขณะที่เขาทำเช่นนี้เบรุตหายลับไปจากสายตาของคนในที่นั้น
มหาพรตเทพสงคราม ไดลินและซีซาร์ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยพวกเขาเข้าไปในประตูมิติและหายลับสายตาทันที
“อย่างงั้นสุสานเทพเจ้าก็คืออีกพิภพหนึ่งสินะ” ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว “เพียงแต่ว่าพิภพของสุสานเทพเจ้าโยงเข้ากับพิภพแห่งทวีปยูลาน”
นี่คล้ายกับห้องมิติของเขามากพื้นที่ลับของสุสานเทพเจ้าเชื่อมต่อกับทวีปยูลาน
ยอดฝีมือในที่นั้นทุกคนเข้าไปในประตูมิติพร้อมกัน และลินลี่ย์กับเฟนเข้าไปด้วยเช่นกัน
“พลังสั่นสะเทือนที่แปลกประหลาด” ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเจนว่าทันทีที่เขาข้ามประตูมิติเข้ามา เขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าเขาคือคนที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำแล้วก้าวขึ้นมาอยู่ในพื้นดินแห้งทันที เหมือนกับว่าสภาพแวดล้อมทั้งหมดเปลี่ยนไป”
ยอดฝีมือหลายคนมาถึงอีกดินแดนพิภพที่แตกต่างแห่งหนึ่ง
พวกเขาทุกคนยังคงอยู่ที่ก้นทะเล เพียงแต่เป็นก้นทะเลของอีกพิภพหนึ่ง
“รู้สึกแปลกประหลาด” ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเข้ามาในมิติใหม่แห่งนี้
เฟนเข้ามาอยู่ใกล้ลินลี่ย์และพูดทางจิตกับเขา “ลินลี่ย์! ในพิภพแห่งนี้แม้แต่ด้วยพลังจิตของข้าก็คลุมรอบได้เพียงสิบเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ พิภพนี้เต็มไปด้วยยอดฝีมือนับไม่ถ้วนเราไม่อาจล้าหลังคนอื่นได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะถูกอสูรเวทนับไม่ถ้วนรุมล้อมกินโต๊ะและเราจะตายอย่างแน่นอน”
ลินลี่ย์ลอบตกใจ
กลุ่มคนติดตามเบรุตไปข้างหน้า เบรุตไม่กังวลแม้แต่น้อยนำพวกเขาบินไปได้สิบกว่ากิโลเมตร
“อาคารขนาดเท่าภูเขานั่นก็คือสุสานเทพเจ้า” เฟนเข้ามาใกล้ลินลี่ย์อีกครั้งและพูดทางใจกับเขา ลินลี่ย์จ้องมองสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ห่างไกลออกไป เขาอดใจสั่นสะท้านไม่ได้ “สุสานเทพเจ้านี้ใหญ่โตน่าประหลาดเหลือเกนิ”
ลินลี่ย์แน่ใจว่าสุสานเทพเจ้านี้อยู่ห่างจากเขาไปเกินร้อยกิโลเมตรแน่นอน แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเจน
“สุสานเทพเจ้าสูงสองหมื่นเมตรและแต่ละด้านจะยาวเกินหมื่นเมตร” เฟนพูดกับลินลี่ย์ทางใจ เขาคุ้นเคยกับสุสานเทพเจ้านี้มาก
“อาคารใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้ก่อสร้างขึ้นมาได้ยังไง?” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชยไม่หยุด
เนื่องจากพวกเขาบินด้วยความเร็ว ระยะทางร้อยกิโลเมตรก็สุดระยะโดยเร็ว เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ลินลี่ย์เริ่มถอนหายใจอย่างทึ่งอีกครั้ง เหตุผลที่เขาถอนหายใจอย่างอัศจรรย์..เป็นเพราะแม้สุสานเทพเจ้าจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ยอดปลายจะเรียวแคบลงบรรจบกันเป็นสัน
สุสานเทพเจ้ามีสี่ด้านและด้านที่ลินลี่ย์เผชิญอยู่มีรูปแกะสลักขนาดมหึมาอยู่
“มังกร?”
เมื่อจ้องดูรูปสลักสูงหมื่นเมตรของสิ่งก่อสร้างขนาดสองหมื่นเมตร ลินลี่ย์เห็นว่าเป็นมังกรขนาดใหญ่มหึมามังกรนี้จะแตกต่างจากมังกรของพิภพยูลาน เพราะมังกรตัวนี้ไม่มีปีก แต่รูปแกะสลักมังกรนี้มีราศีที่สง่างามทำให้คนอื่นต้องเคารพมัน
“ทั้งสี่ด้านของสุสานเทพเจ้าจะมีประติมากรรมสลักที่แตกต่างกัน” เสียงของเบรุตดังขึ้นในหูของทุกคน “ด้านนี้จะเป็นมังกรขนาดใหญ่ ความจริงมันคือรูปสลักของมังกรด้านตรงกันข้ามจะสลักเป็นรูปพยัคฆ์ขาว อีกสองด้านจะเป็นรูปสลักขนาดมหึมานั่นคือนกฟีนิกซ์และเต่ามังกร”
มังกร...พยัคฆ์ขาว... ฟีนิกซ์....และเต่ามังกรขนาดยักษ์?
“ทำไมสุสานเทพเจ้านี้จึงมีรูปสลักขนาดใหญ่โตอยู่ที่นี่?” ลินลี่ย์สงสัย
เบรุตลูบบีบีที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา เวลานี้เองบีบีกระโดดขึ้นไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของลินลี่ย์ จากนั้นเบรุตหัวเราะและกล่าวอย่างใจเย็น “ประติมากรรมทั้งสี่นี้แสดงถึงเส้นทางที่แตกต่างกันสี่สายของสุสานเทพเจ้า สำหรับทางด้านมังกรยักษ์ที่ข้างใต้จะมีจะมีประติมากรรมขนาดเล็กกว่าอยู่จำนวนมาก”
ลินลี่ย์และคนอื่นก็มองเห็นเช่นกัน
ประติมากรรมมังกรยักษ์กินพื้นที่ราว70-80% ของทั้งพื้นที่ ขณะที่ประติมากรรมอื่นๆ รวมกันหมดกินพื้นที่ 10% ที่เหลือเป็นพื้นที่ว่าง
“ประติมากรรมเหล่านี้...”ลินลี่ย์ตรวจสอบประติมากรรมที่เล็กกว่าซึ่งอยู่ด้านล่างของมังกรยักษ์ ทั้งหมดล้วนน่าอัศจรรย์ทั้งนั้นอยู่ในรูปมังกรหรือไม่ก็อสูรเวทประเภทงู มีจังหวะและลำดับเฉพาะเจาะจงสำหรับพวกมันทั้งหมด
“ตัดสินจากรประติมากรรมเล็กๆ เหล่านี้....” เบรุตมองดูประติมากรรมรูปสลักขนาดเล็กด้วยเช่นกัน “ตอนนี้ ดูเหมือนว่าอสูรพิทักษ์สุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นแรกจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราช”
“นาคราช อสูรศักดิ์สิทธิ์?”
ยอดฝีมือกว่าแปดสิบคนจากดินแดนทวีปยูลานพากันสับสนกันหมด แต่พวกเขารู้อยู่อย่างหนึ่ง...นาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้เห็นได้ชัดว่าถึงระดับเทพแล้วทำยังไงพวกระดับเซียนที่นี่จะผ่านมันไปได้?
“นาคราช? ลอร์ดเบรุต, แต่.. แล้วพวกเขาจะมีโอกาสยืนหยัดได้ยังไง?” ไดลินกล่าว
ลอร์ดเบรุตมองดูเขาจากนั้นหัวเราะอย่างใจเย็น “อสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราชนี้ โตเต็มวัยเมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว จากสิ่งที่ข้าเข้าใจ มันน่าจะถึงระดับเทพชั้นกลางไปแล้ว ตอนนี้อย่าว่าแต่ชั้นเซียนเลย ต่อให้เป็นพวกเจ้าทั้งสี่เข้ามาเมื่อเจ้าต้องสู้กับนาคราช พวกเจ้ามีแต่ต้องตายสถานเดียว”
หน้าของยอดฝีมือทั้งแปดสิบเปลี่ยนไป
“ครั้งก่อนนั้น ผู้นำสิบเอ็ดชั้นเป็นเพียงมังกรโฉดสองหัวจากแดนนรก ข้าไม่คาดเลยว่าครั้งนี้จะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราชไปได้ และยังเป็นอสูรระดับเทพอีกด้วย” หน้าของเฟนหม่นหมอง
ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ดีเช่นกัน
สุสานเทพเจ้านี้เป็นเพราะมีกลุ่มเซียนเข้ามา แม้ว่าเทพจะเข้ามาด้วยพวกเขาก็จะไม่เข้าไปพร้อมกับพวกเขา เนื่องจากพลังของเซียนเมื่อเผชิญหน้ากับเทพระดับกลาง พวกเขามีแต่ตายสถานเดียว เรื่องนี้ไม่มีข้อข้องใจแต่อย่างใด
ลอร์ดเบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ไม่ต้องห่วง เส้นทางที่อยู่ต่อหน้าเจ้าไม่ใช่เส้นทางมรณะแน่นอน ก่อนอื่นข้าจะอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับสุสานเทพเจ้าให้พวกเจ้าฟัง สุสานเทพเจ้ามีทั้งหมดสิบแปดชั้นสิบชั้นแรกจะไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ชั้นสิบเอ็ดเป็นต้นไป จึงจะมีศพของพวกเทพและจะมีประกายศักดิ์สิทธิ์ให้พบเห็นเช่นกัน”
ยอดฝีมือหลายคนที่ไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนดูมีสีหน้ายินดีทันที
เมื่อได้ยินว่ามีประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ชั้นที่สิบเอ็ดหลายคนตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องบุกฝ่าไปให้ถึงชั้นที่สิบเอ็ด เมื่อพวกเขาพบประกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพได้ แน่นอนว่าเรื่องที่ต้องทำให้ได้ก่อนก็คือพวกเขาต้องหาประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น
“ส่วนของเส้นทางสุสานเทพเจ้าซึ่งพวกเจ้าเตรียมจะเข้าไปจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราชและมันคือหัวหน้าของสิบเอ็ดชั้นแรกสุด สำหรับชั้นสิบสองขึ้นไป แม้แต่ระดับเทพที่เข้าไปได้ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะตายได้” ลอร์ดเบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น และคนที่กำลังคิดไตร่ตรองถึงชั้นที่สิบสอง ถึงกับยกเลิกความคิดที่จะลองดีทันที
เบรุตมองดูทุกคน “สำหรับนาคราชนั้น เขาอาจจะอยู่ที่ชั้นแรกก็ได้หรืออาจจะอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ดก็ได้ แต่เขาจะอยู่ในหนึ่งในสิบเอ็ดชั้นเป็นแน่”
ลินลี่ย์คิด
“สิบเอ็ดชั้น”
ลินลี่ย์อดกระวนกระวายไม่ได้
“ถ้าเราวิ่งไปเจอกับนาคราชก็หมายความว่าเราถูกตัดสินชะตาใช่ไหม?” ลินลี่ย์กังวล
เบรุตดูเหมือนจะรู้สิ่งที่ลินลี่ย์คิด เขาอธิบาย “เกี่ยวกับนาคราช.. ปกตินาคราชจะชอบหลับ และเมื่อหลับลึกแล้วนาคราชโดยทั่วไปจะไม่ตื่น เว้นแต่จะมีเหตุวุ่นวายมากมาย ถ้าเจ้าเผชิญกับนาคราชที่กำลังหลับบนชั้นของเจ้า ดีที่สุดก็คืออย่าทำให้เขาตื่น มิฉะนั้นพวกเจ้าตายแน่”
ทุกคนแอบสบถอยู่ในใจ
ใครจะโง่พอไปปลุกนาคราชกันเล่า? แต่ทุกคนรู้ดีว่าถ้าผู้นำของสิบเอ็ดชั้นแรกเป็นนาคราช อย่างนั้นอาจจะมีม่านพลังอื่นด้วยเช่นกัน
“นาคราชมีปกติชอบหลับ แต่ถ้านาคราชเกิดตื่นขึ้นมาเมื่อกลุ่มพวกเจ้าเข้าไป..พวกเจ้าทุกคนได้แต่โทษตัวเองที่โชคร้าย” ลอร์ดเบรุตอธิบาย
หน้าของยอดฝีมือทุกคนเปลี่ยนไป
ถ้าพวกเขาเผชิญกับอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราชขณะที่มันตื่น คงไม่มีใครหลบหนีได้สักคนเดียว
“ฮ่าฮ่า...” ลอร์ดเบรุตหัวเราะลั่น “ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คืออวยพรให้พวกเจ้าโชคดี จำไว้ ในสิบเอ็ดชั้นแรกยังมีอย่างอื่นที่มากกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราช มีทั้งสัตว์ประหลาดอื่นและผีดิบหรือปรากฏการณ์จากพิภพอื่น มีสัตว์ประหลาดน้อยมากภายในนั้นที่มีพลังมากกว่าคนที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเจ้า”
หน้าของเฟนและเดลี่เคร่งขรึมมาก
พวกเขารู้เรื่องนี้ดี เพราะครั้งสุดท้ายพวกเขายังต้องทนทุกข์กับผลที่ออกมา
“จำเอาไว้ให้ดี ระมัดระวังและอย่าประมาท อย่าโลภ” ลอร์ดเบรุตกล่าว “ถ้าพวกเจ้าตายอยู่ข้างใน ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าจากด้านนอกได้”
ขณะที่เขาพูดมือของเบรุตมีแสงดำสองสายกระทบกับผนังด้านล่าง ทางเดินสองทางปรากฏอยู่ที่ด้านล่างผนังขนาดยักษ์ “เซียนฝ่ายมนุษย์จะไปทางซ้าย ขณะที่เซียนอสูรเวทจะไปทางขวา ถ้าพวกเจ้ารอดผ่านสี่ชั้นแรกไปได้ อย่างนั้น.. พวกเจ้าจะได้พบกันที่ชั้นห้าอีก”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
ภายในสุสานเทพเจ้ามีความซับซ้อนมาก และอุโมงค์สองสายนี้นำไปสู่เส้นทางต่างๆโดยผ่านสี่ชั้นแรก ต่อเมื่อถึงชั้นที่ห้าเส้นทางทั้งหมดจะบรรจบกันอีกครั้ง
“ตอนนี้ พวกเจ้าทุกคนเข้าไปได้แล้ว” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “จำเอาไว้ ถ้าพวกเจ้ากลัว ก็ขอให้ซ่อนตัวอยู่แต่ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งมีอันตรายน้อยที่สุดและรออีกสิบปี ในช่วงเวลาสิบปี ทุกๆชั้นจะมีประตูเทเลพอร์ตออกไปนอกโลกปรากฏ จุดที่พวกเจ้าอยู่จะสามารถนำออกไปได้”
สิบปี!
ไม่มีใครลังเลใจ เซียนมนุษย์และเซียนอสูรเวททั้งหมดแยกกลุ่มกัน
“บีบี, ระวังตัวด้วย” ลินลี่ย์พูดทางใจ
“พี่ใหญ่ ท่านต้องระวังตัวด้วย” บีบีไม่อาจหักใจแยกจากลินลี่ย์เช่นกัน