ตอนที่ 11-8 ทางเข้าสามทาง
“ขอบคุณข้าน่ะหรือ?” ลินลี่ย์ตกใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับราชสีห์ทองหกตาเหล่านี้ทำไมจู่ๆ ราชสีห์เหล่านี้ถึงได้มาขอบคุณเมื่อพบเขา?
มีเหตุผลอะไร?
“น่าเสียดาย เจ้าเกิดช้าไปเล็กน้อย ถ้าเจ้าเกิดเร็วสักสามพันปี น้องสี่และน้องห้าก็คงไม่ต้องตาย” ราชสีห์ทองหกตาพึมพำคำพูดเหล่านี้ และราชสีห์ทองหกตาที่อยู่ข้างเขาก็มองมาที่ลินลี่ย์และจากนั้นราชสีห์ทองหกตาทั้งสามก็บินไปอยู่อีกด้านหนึ่งร่วมกับอสูรเวทระดับเซียนอีกหก
เดลี่หัวเราะให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ เจ้ามีสัมพันธ์กับสามพี่น้องนี่ด้วยหรือ?”
“ไม่รู้จักกันเลย” ลินลี่ย์ตอบ
เดลี่ไม่พูดอะไร แต่จากสีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าเดลี่ไม่เชื่อเขา
“ในอดีต มีอสูรเวทน้อยมากที่เข้าสุสานเทพเจ้าจะมีอสูรเวทระดับเซียนที่ทรงพลังของไพรทมิฬสองสามตนที่เข้าไป ตอนนี้พอไดลินปรากฎตัวออกมา แม้แต่อสูรเวทของเทือกเขาอสูรวิเศษก็สามารถเข้ามาในสุสานเทพเจ้าด้วย” เดลี่ถอนหายใจ
ลินลี่ย์มองดูกลุ่ม
เซียนอสูรเวททั้งหกซึ่งมาด้วยกันกับราชสีห์ทองหกตาไม่ใช่อสูรธรรมดา
“ดูเหมือนว่าสี่ตนจะร่วมอยู่ในจำนวนอสูรเวทระดับเซียนที่โจมตีเมืองเฟนไล หรือบางทีพวกมันอาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันก็ได้” ลินลี่ย์จำทั้งสี่ตนได้ทันที ราชสีห์ตาโลหิต,มังกรอำมหิต, หมีปฐพีเถื่อนและวานรขนทองตาม่วง
และเป็นวานรขนทองตาม่วงที่เหยียบคาลันตายในเท้าเดียว
เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าวานรขนทองตาม่วงที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นตัวเดียวกับวานรขนทองตาม่วงที่โจมตีเมืองเฟนไลหรือไม่
ดังนั้นยอดฝีมือหลายคนรวมตัวกันที่นี่ ยอดฝีมือมนุษย์และอสูรเวทด้วยเช่นกัน ยอดฝีมือที่ทรงพลังทั้งหมดเร้นกายอยู่ในทวีปยูลานจนกระทั่งวันนี้ ทุกคนปรากฏตัวทั้งมนุษย์และอสูรจะคล้ายกับกำลังคุยกันเองเบาๆ ขณะนี้เองมนุษย์และอสูรเวทสองเผ่าพันธุ์มีความเสมอภาคกัน
“ควั่บ!” ร่างเงาบินออกมาจากปราสาทโลหะ เป็นบีบีนั่นเอง
ทั้งมนุษย์และอสูรเวทที่ปรากฏในนั้นจ้องมองบีบี ในอดีตนอกจากลูกทั้งสามของลอร์ดเบรุตก็มีเทพนักสู้ทั้งห้าเท่านั้น ไม่มีนักสู้ระดับเซียนคนใดเลยที่มีคุณสมบัติเข้าปราสาทโลหะ
“พี่ใหญ่, ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว” เสียงบีบีดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ “ให้บาร์เกอร์มาได้”
ลินลี่ย์หัวเราะ อยู่ต่อหน้าเบรุตผู้ลึกลับ คำพูดของบีบีดูเหมือนจะมีผลมากกว่า
“แฮรุ,ไปแจ้งบาร์เกอร์และพาบาร์เกอร์มาที่นี่” ลินลี่ย์ติดต่อกับเสือดำเมฆาแฮรุทางจิตทันที และเสียงของแฮรุดังขึ้นในใจของลินลี่ย์เช่นกัน “ได้เลย, นายท่าน”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
บาร์เกอร์บินมาถึงที่นี่โดยการนำทางของแฮรุ
“คนมากมายจริงๆ” บาร์เกอร์มองดูยอดฝีมือในนั้น และอดตกใจไม่ได้ ทั้งหมดที่ปะปนกันมีทั้งมนุษย์และอสูรเวทวันนี้ที่นี่มีเซียนเกินกว่าแปดสิบยอดฝีมือเหล่านี้มีพลังแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด ถ้าเขาไม่แปลงกาย บาร์เกอร์จะเป็นคนอ่อนแอที่สุดในพวกเขา
แต่แน่นอนหลังจากแปลงร่างแล้ว บาร์เกอร์จึงจะสูงส่งเหนือธรรมดา
ในกลุ่มนี้ชั้นนักสู้ที่สูงที่สุดเป็นเดลี่ เฟน และห้าเซียนสุดยอดคนอื่นและลินลี่ย์
พระอาทิตย์ลอยอยู่ในจุดสูงสุดในท้องฟ้า กลุ่มเซียนที่อยู่ในที่ว่างรอบปราสาทโลหะมีความอดทนมาก และพวกเขาทุกคนรออยู่เงียบๆ ทันใดนั้น เงาร่างทั้งสี่บินออกมาจากภายในปราสาทที่มีชีวิตมีเทพสงครามที่มีรัศมีเจิดจ้าครอบคลุมที่สุด มหาพรตผู้งามสง่า,ไดลินผู้เยือกเย็นอำมหิต และซีซาร์ผู้เกียจคร้าน
สี่เทพผู้แข็งแกร่งลงมายืนที่หน้าปราสาท
มนุษย์และอสูรเวททุกคนจะคล้ายกันฟังคำสั่งพวกเขาด้วยความเคารพ
มหาพรตสวมหน้ากากสีเขียวผมยาวของเขาปลิวสะบัดและพูดเป็นคนแรก “ในกลุ่มนี้จะมีทั้งพวกที่เคยไปสุสานเทพเจ้ามาก่อนแล้วและมีทั้งคนที่ยังไม่เคยได้ไป แต่การไปครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อน นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องขอเตือนพวกเจ้าสักสองสามเรื่อง”
เสียงของมหาพรตนุ่มนวลเป็นธรรมชาติมาก จากเฉพาะเสียงของเขายากจะตัดสินว่าเป็นเสียงบุรุษหรือของสตรี
“แตกต่างจากในอดีต?” ลินลี่ย์อย่างสงบ เขาไม่เคยเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไงก็ไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย
มนุษย์และอสูรเวททั้งหมดฟังคำเตือนของมหาพรตอย่างอย่างตั้งใจ
“พวกที่เคยเข้าไปที่สุสานเทพเจ้าจะรู้ว่ามีอุโมงค์ทางเข้าสุสานเทพเจ้าอยู่ทั้งหมดสามทางหนึ่งก็คือที่นี่ไพรทมิฬ อีกหนึ่งก็คือเกาะในทะเลเหนือ และทางที่สามก็คือทางน้ำลึกของทะเลใต้” เสียงของมหาพรตดังขึ้นอย่างสุภาพนุ่มนวล
สีหน้าของคนที่มีประสบการณ์มากอย่างเดลี่และเฟนเริ่มเปลี่ยน
“สามพันปีที่แล้ว ทางเข้าสู่สุสานเทพเจ้าจากทะเลใต้ สองพันปีที่แล้ว ทางเข้าจากไพรทมิฬ พันปีที่แล้ว เป็นทางเข้าจากทะเลเหนือสามพันปีหมุนเวียนต่อรอบ ครั้งนี้พวกเจ้าต้องเข้าสุสานเทพเจ้าจากทะเลใต้” เสียงของมหาพรตได้ยินทั้งมนุษย์และอสูรเวท
ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“สุสานเทพเจ้ามีอุโมงค์ทางเข้าอยู่สามทางจริงๆหรือ?” ลินลี่ย์เริ่มสงสัย “แต่อุโมงค์ทั้งสามนี้อยู่ห่างไกลจากกัน ทะเลเหนือ, ไพรทมิฬ ทะเลใต้นี่แยกห่างกันไกลเป็นหมื่นกิโลเมตร เกิดอะไรขึ้น?”
แม้ว่าเขาจะสับสนแต่ลินลี่ย์ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาถาม เขามีแต่ต้องฟังอย่างอดทน
เสียงของมหาพรตดูเหมือนจะแฝงด้วยอารมณ์ขันอยู่ด้วย “ดังนั้นพวกเจ้าควรรู้ว่าตอนนี้จะเลือกใช้อุโมงค์ไหนสิบคนที่มีประสบการณ์อยู่ก่อนนี้น่าจะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้อันตรายเพียงไหน จริงสิ, เดลี่จะอธิบายให้ทุกคนฟัง”
“จำเอาไว้ทุกคนที่ต้องการถอนตัวย่อมสามารถทำได้ แต่คืนนี้พวกเราที่เหลืออยู่จะออกไปพร้อมกัน” เสียงของมหาพรตยังคงอ่อนโยน
เสียงหัวเราะเย็นชาของไดลินดังขึ้น “ถ้าพวกเจ้ากลัว อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปไม่มีอะไรน่าอายสำหรับเรื่องนั้น ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัวตอนนี้ ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้ทีหลัง หลังจากมาถึงที่นั่นและหนีไปตรง ณ ที่ตรงนั้นนั่นคงจะเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ” สี่นักสู้ชั้นเทพเดินเคียงไหล่กัน รอให้กลางคืนมาถึง
เดลี่เดินมาอยู่ข้างหน้ากลุ่ม
หน้าของเดลี่ขรึมและหมองคล้ำ ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นเดลี่ทำสีหน้าน่ากลัวอย่างนั้นมาก่อน
“พวกเจ้าที่มีประสบการณ์เปิดสุสานเทพเจ้าสองพันปีที่แล้วฟังให้ดี” เสียงของเดลี่ดังเยือกเย็น “ไม่ใช่ว่าสุสานเทพเจ้าจะมีแค่ทางเดียว ไม่ใช่แค่สองทาง แต่มีถึงสามทาง อุโมงค์ทางเข้าที่แตกต่างกันทั้งสามจะนำเข้าไปในสุสานที่แตกต่างกันสามแห่ง!”
“สาม?” หลายคนตกใจ
แม้แต่ลินลี่ย์ก็รู้สึกตกใจ และเพ่งพลังฟังสิ่งที่เดลี่ต้องการพูด
“แม้ว่าสุสานเทพเจ้าที่มีอุโมงค์ยื่นไปถึงไพรทมิฬและเกาะทะเลเหนือจะอันตราย แต่อันตรายไม่ได้มากมายนัก กล่าวโดยทั่วไปตราบที่พวกเจ้าระมัดระวังและรอบคอบ เจ้าก็ไม่ต้องเสี่ยงก็ได้ แต่สุสานเทพเจ้าที่ทางเข้าด้านทะเลใต้ถือว่าอันตรายสุดๆ” เดลี่พูดเสียงเบา “ในความเป็นจริง ข้ายังเชื่อว่ายอดฝีมือราวๆแปดสิบคนถ้าระมัดระวังตัวเต็มที่ เราอาจจะโชคดีรอดมาได้ถึงหนึ่งในสาม”
“หนึ่งในสาม?” ยอดฝีมือระดับเซียนส่งเสียงตกใจ
หลายคนเคยผ่านเข้าไปในสุสานเทพเจ้ามาก่อน แต่การไปเยือนสุสานเทพเจ้าสองครั้งที่ผ่านมา มีตายไปเพียงหนึ่งในสี่ แต่จากสิ่งที่เดลี่กำลังพูด...ดูเหมือนมีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจต้องตายมีถึงสองในสามกับการเดินทางครั้งนี้
“และนั่นในกรณีที่พวกเจ้าระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง ถ้าพวกเจ้าโลภ..ข้าคาดว่าบางทีเราอาจเห็นผู้โชคดีเหลือรอดสักสิบคนจากแปดสิบคน” เดลี่มองดูคนที่อยู่ข้างหน้าเขา “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี ถ้าพวกเจ้าตาย นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าลากคนอื่นลงไปกับเจ้าด้วย”
หลังจากพูดจบเดลี่กลับไปยืนข้างฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสัน
บรรยากาศกดดันมาก
“จะมีอะไรน่ากลัวอีก? ยิ่งอันตรายมากขึ้นโอกาสหาประกายเทพหรือสมบัติเทพก็มากขึ้นไปด้วย” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในกลุ่ม
“ต้องมีชีวิตรอดไว้ก่อน” เสียงเยือกเย็นของเฟนดังขึ้น
หน้าของเฟนบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากในตอนนี้
เดลี่ฮิกกินสันและฮาร์เวิร์ดอยู่ในความเงียบกันหมด
ลินลี่ย์เดินเข้าไปหาพวกเขาจากนั้นถามเบาๆ “ท่านเดลี่เกิดอะไรขึ้น? การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าครั้งนี้ พิเศษมากนักหรือ?”
เดลี่มองดูลินลี่ย์จากนั้นถอนหายใจกล่าว “ลินลี่ย์,เจ้าจำครั้งแรกที่เจ้าเดินทางมาที่หมู่บ้านของเราได้ไหม? เวลานั้น เมื่อฮาร์เวิร์ดซ้อมมือกับเจ้า เจ้าถามว่าทำไมเขาเป็นเซียนจอมเวทแล้วถึงไม่มีอสูรคู่หู”
“ข้าจำได้” ลินลี่ย์พยักหน้า
เมื่อฮาร์เวิร์ดซ้อมมือกับเขา ลินลี่ย์อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เซียนจอมเวทผู้ซ้อมมือกับเขาไม่มีอสูรเวทคู่หูก็ยังพ่ายแพ้ได้ แต่จากนั้นฮาร์เวิร์ดก็แสดงให้เขาเห็นวิธีต่อสู้ที่น่ากลัวของเซียนจอมเวท
“ตอนนั้นท่านบอกว่าอสูรเวทของเขาตายเพื่อช่วยเขา นั่นเป็นเรื่องเมื่อสองพันปีที่แล้ว นอกจากนี้สหายรักของท่านคนหนึ่งก็ตายด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์ตอบ
“ถูกแล้ว” เดลี่พยักหน้า “และเหตุการณ์ที่เราพูดถึงนั้นก็คือการเดินทางเข้าสุสานเทพเจ้าของเราเมื่อสามพันปีที่แล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“อสูรเวทของฮาร์เวิร์ดก็คือเสือดำสายฟ้าจะมีประโยชน์มากเมื่ออยู่ในสุสานเทพเจ้า ข้าได้ขอพื้นที่กับลอร์ดเบรุตเพิ่มเพื่อให้อสูรเวทนั้นมาด้วย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเดินทางแค่เพียงรอบนอกของชั้นที่หกของสุสานเทพเจ้า น้องสามของเราและอสูรเวทนั้นเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนเราทั้งสามคน อยู่ในชั้นที่ห้าแล้วและไม่กล้าเข้าไปในชั้นที่หก เราอยู่ที่ชั้นที่ห้าเป็นเวลาห้าปี รอจนกระทั่งอุโมงค์ปรากฏ” หน้าเดลี่ขมขื่นมาก
ลินลี่ย์รู้สึกเครียดในใจ
ชั้นที่ห้า? ชั้นที่หก?
แม้ว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสุสานเทพเจ้า แต่จากที่ฟัง คงจะแบ่งเป็นชั้นหลายชั้น และชั้นที่หกก็เป็นที่อันตรายมาก
ตกยามราตรีไม่มีเซียนกลับออกไปสักคน ถ้าพวกเขากลัวอันตรายที่ไม่รู้จัก...อย่างนั้นพวกเขาก็คงเป็นคนขวัญอ่อนอย่างแท้จริง
เงาดำสายหนึ่งปรากฏอยู่หน้ากลุ่มทันทีจากนั้นค่อยๆ ยืดตัว คนผู้นี้สวมชุดสีดำสนิท ผมดำของเขายาวไม่ได้รวบมัดไว้ และเคราของเขายาวจรดอกเขามองดูเหมือนคนแก่คนหนึ่ง
“ลอร์ดเบรุต” มหาพรต, ซีซาร์, เทพสงครามและไดลินลุกขึ้นทักทายด้วยความเคารพพร้อมกัน
พวกเซียนลุกขึ้นทันทีและคำนับแสดงความเคารพไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกครั้งที่สองหรือครั้งที่สามของพวกเขาที่ได้พบกับลอร์ดเบรุต บรรยากาศไม่ว่าจะเป็นทั้งมหาพรตทั้งเทพสงครามก็ทำให้พวกเซียนไม่กล้าระบายลมหายใจแรง
เบรุตมีคู่ดวงตาที่เล็ก แต่มีชีวิตชีวาและสว่างดุจดวงดาว หน้าของเขาดูเหมือนประดับรอยยิ้มตลอดเวลา
“บีบี, มาตรงนี้” เบรุตมองดูบีบีจากนั้นฉายประกายไปที่เขา
บีบีกระโดดเข้าอ้อมแขนเบรุตทันที ทุกคนมองดูบีบี
“ปู่เบรุต ไปกันเถอะข้ารออยู่ตรงนี้นานแล้ว” บีบีดูเหมือนจะไม่ได้รับแรงกดดันจากเบรุตแม้แต่น้อย และเบรุตพยักหน้าคล้อยตาม จากนั้นบินไปทางทิศใต้โดยมีบีบีอยู่ในอ้อมแขน “ไปกันเถอะ” เสียงแหลมเล็กของเบรุตดังขึ้น
ขณะนี้เองเทพทั้งสี่และเซียนมนุษย์และเซียนอสูรเวทเกินกว่าแปดสิบก็บินขึ้นในอากาศด้วยเช่นกัน
ขณะที่บินไปหลายคนมองดูลินลี่ย์ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ที่สนิทสนมระหว่างบีบีและเบรุตทำให้ทุกคนให้ความสนใจลินลี่ย์ด้วยเช่นกัน แต่คนพวกนี้รู้แต่เพียงว่า..บีบีคืออสูรเวทคู่หูของลินลี่ย์ หลายคนทำใจได้...
ต่อให้พวกเขาไม่เป็นสหายกับลินลี่ย์ แต่พวกเขาจะไม่ตอแยเขาแน่นอน
ที่สำคัญเมื่ออยู่ต่อหน้าของลอร์ดเบรุต แม้แต่เทพสงครามและนักสู้ระดับเทพคนอื่นๆ ยังทำตัวเหมือนพวกเขาเป็นเด็กเกรงแม้กระทั่งจะหายใจแรงเกิน ใครๆ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าในใจของลอร์ดเบรุตสถานะของบีบียิ่งใหญ่มากกว่าเทพสงคราม
“เทพสงครามนี้น่าเกรงขามจริง เขาแสดงความปรารถนาดีต่อข้าก่อนนี้นานแล้วก็ช่วงระหว่างน้องชายข้าแต่งงาน” ลินลี่ย์แอบหัวเราะกับตนเอง “ลอร์ดเบรุตมีสัมพันธ์กับบีบี บีบีมีความสัมพันธ์กับเรา และเรามีความสัมพันธ์กับวอร์ตัน...นี่แบ่งแยกกันถึงสองชั้น”
แต่เทพสงครามก็มีส่วนเกี่ยวพันกับกิจการของวอร์ตันโดยตรงเขาสั่งให้จักรพรรดิโจฮันน์ยอมให้วอร์ตันได้แต่งงานกับนีน่า
ใครๆก็สามารถคาดคิดว่าเทพสงครามให้ความเคารพยำเกรงต่อลอร์ดเบรุตมากเพียงไหน
…….
มหาสมุทรที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ในดินแดนยูลาน ทะเลเหนือก็มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่ทะเลใต้มีขนาดที่น่าตกใจจริงๆ ลินลี่ย์เคยได้ยินฮ็อดเดิลพูดว่าในที่สุดของทะเลใต้จะเป็นพื้นที่ปั่นป่วนวุ่นวาย
ตกกลางคืนน้ำทะเลสุดสายตามืดมิดสนิท
“ตรงนี้แหละ” เบรุตประกาศขณะยืนอยู่ในกลางอากาศเหนือทะเล
“ในส่วนลึกของมหาสมุทรนี้ พวกเจ้าจะต้องหาทางเข้าสู่อุโมงค์ทางเข้าสุสานเทพเจ้า อุโมงค์ลึกห่างจากทะเลสองหมื่นเมตร” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าเชื่อว่าแรงกดดันของทะเลลึกจะไม่มีผลต่อพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของน้ำที่ลึกเล็กน้อยนี้ได้ อย่างนั้นจะดีที่สุดคือถอนตัวกลับไปซะ”
ขณะที่พูดเบรุตเองพุ่งลงไปในน้ำก่อน
ไม่ว่าร่างผู้ใดดำลึกลงไปทะเล ทะเลจะแตกกระจายและแยกออกเป็นทางโดยธรรมชาติ