ตอนที่แล้วตอนที่ 11-7 ปราสาทโลหะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-9 ประติมากรรมของสุสาน

ตอนที่ 11-8 ทางเข้าสามทาง


“ขอบคุณข้าน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์ตกใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับราชสีห์ทองหกตาเหล่านี้ทำไมจู่ๆ ราชสีห์เหล่านี้ถึงได้มาขอบคุณเมื่อพบเขา?

มีเหตุผลอะไร?

“น่าเสียดาย เจ้าเกิดช้าไปเล็กน้อย  ถ้าเจ้าเกิดเร็วสักสามพันปี น้องสี่และน้องห้าก็คงไม่ต้องตาย”  ราชสีห์ทองหกตาพึมพำคำพูดเหล่านี้ และราชสีห์ทองหกตาที่อยู่ข้างเขาก็มองมาที่ลินลี่ย์และจากนั้นราชสีห์ทองหกตาทั้งสามก็บินไปอยู่อีกด้านหนึ่งร่วมกับอสูรเวทระดับเซียนอีกหก

เดลี่หัวเราะให้ลินลี่ย์  “ลินลี่ย์ เจ้ามีสัมพันธ์กับสามพี่น้องนี่ด้วยหรือ?”

“ไม่รู้จักกันเลย”  ลินลี่ย์ตอบ

เดลี่ไม่พูดอะไร แต่จากสีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าเดลี่ไม่เชื่อเขา

“ในอดีต มีอสูรเวทน้อยมากที่เข้าสุสานเทพเจ้าจะมีอสูรเวทระดับเซียนที่ทรงพลังของไพรทมิฬสองสามตนที่เข้าไป  ตอนนี้พอไดลินปรากฎตัวออกมา แม้แต่อสูรเวทของเทือกเขาอสูรวิเศษก็สามารถเข้ามาในสุสานเทพเจ้าด้วย”  เดลี่ถอนหายใจ

ลินลี่ย์มองดูกลุ่ม

เซียนอสูรเวททั้งหกซึ่งมาด้วยกันกับราชสีห์ทองหกตาไม่ใช่อสูรธรรมดา

“ดูเหมือนว่าสี่ตนจะร่วมอยู่ในจำนวนอสูรเวทระดับเซียนที่โจมตีเมืองเฟนไล  หรือบางทีพวกมันอาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันก็ได้”  ลินลี่ย์จำทั้งสี่ตนได้ทันที ราชสีห์ตาโลหิต,มังกรอำมหิต, หมีปฐพีเถื่อนและวานรขนทองตาม่วง

และเป็นวานรขนทองตาม่วงที่เหยียบคาลันตายในเท้าเดียว

เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าวานรขนทองตาม่วงที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นตัวเดียวกับวานรขนทองตาม่วงที่โจมตีเมืองเฟนไลหรือไม่

ดังนั้นยอดฝีมือหลายคนรวมตัวกันที่นี่  ยอดฝีมือมนุษย์และอสูรเวทด้วยเช่นกัน ยอดฝีมือที่ทรงพลังทั้งหมดเร้นกายอยู่ในทวีปยูลานจนกระทั่งวันนี้ ทุกคนปรากฏตัวทั้งมนุษย์และอสูรจะคล้ายกับกำลังคุยกันเองเบาๆ ขณะนี้เองมนุษย์และอสูรเวทสองเผ่าพันธุ์มีความเสมอภาคกัน

“ควั่บ!”  ร่างเงาบินออกมาจากปราสาทโลหะ  เป็นบีบีนั่นเอง

ทั้งมนุษย์และอสูรเวทที่ปรากฏในนั้นจ้องมองบีบี  ในอดีตนอกจากลูกทั้งสามของลอร์ดเบรุตก็มีเทพนักสู้ทั้งห้าเท่านั้น ไม่มีนักสู้ระดับเซียนคนใดเลยที่มีคุณสมบัติเข้าปราสาทโลหะ

“พี่ใหญ่, ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว”  เสียงบีบีดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  “ให้บาร์เกอร์มาได้”

ลินลี่ย์หัวเราะ  อยู่ต่อหน้าเบรุตผู้ลึกลับ คำพูดของบีบีดูเหมือนจะมีผลมากกว่า

“แฮรุ,ไปแจ้งบาร์เกอร์และพาบาร์เกอร์มาที่นี่” ลินลี่ย์ติดต่อกับเสือดำเมฆาแฮรุทางจิตทันที  และเสียงของแฮรุดังขึ้นในใจของลินลี่ย์เช่นกัน  “ได้เลย, นายท่าน”

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง

บาร์เกอร์บินมาถึงที่นี่โดยการนำทางของแฮรุ

“คนมากมายจริงๆ”  บาร์เกอร์มองดูยอดฝีมือในนั้น และอดตกใจไม่ได้  ทั้งหมดที่ปะปนกันมีทั้งมนุษย์และอสูรเวทวันนี้ที่นี่มีเซียนเกินกว่าแปดสิบยอดฝีมือเหล่านี้มีพลังแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด ถ้าเขาไม่แปลงกาย บาร์เกอร์จะเป็นคนอ่อนแอที่สุดในพวกเขา

แต่แน่นอนหลังจากแปลงร่างแล้ว บาร์เกอร์จึงจะสูงส่งเหนือธรรมดา

ในกลุ่มนี้ชั้นนักสู้ที่สูงที่สุดเป็นเดลี่ เฟน และห้าเซียนสุดยอดคนอื่นและลินลี่ย์

พระอาทิตย์ลอยอยู่ในจุดสูงสุดในท้องฟ้า กลุ่มเซียนที่อยู่ในที่ว่างรอบปราสาทโลหะมีความอดทนมาก  และพวกเขาทุกคนรออยู่เงียบๆ  ทันใดนั้น เงาร่างทั้งสี่บินออกมาจากภายในปราสาทที่มีชีวิตมีเทพสงครามที่มีรัศมีเจิดจ้าครอบคลุมที่สุด มหาพรตผู้งามสง่า,ไดลินผู้เยือกเย็นอำมหิต และซีซาร์ผู้เกียจคร้าน

สี่เทพผู้แข็งแกร่งลงมายืนที่หน้าปราสาท

มนุษย์และอสูรเวททุกคนจะคล้ายกันฟังคำสั่งพวกเขาด้วยความเคารพ

มหาพรตสวมหน้ากากสีเขียวผมยาวของเขาปลิวสะบัดและพูดเป็นคนแรก “ในกลุ่มนี้จะมีทั้งพวกที่เคยไปสุสานเทพเจ้ามาก่อนแล้วและมีทั้งคนที่ยังไม่เคยได้ไป  แต่การไปครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อน  นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องขอเตือนพวกเจ้าสักสองสามเรื่อง”

เสียงของมหาพรตนุ่มนวลเป็นธรรมชาติมาก  จากเฉพาะเสียงของเขายากจะตัดสินว่าเป็นเสียงบุรุษหรือของสตรี

“แตกต่างจากในอดีต?”  ลินลี่ย์อย่างสงบ  เขาไม่เคยเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว  ดังนั้นไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไงก็ไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย

มนุษย์และอสูรเวททั้งหมดฟังคำเตือนของมหาพรตอย่างอย่างตั้งใจ

“พวกที่เคยเข้าไปที่สุสานเทพเจ้าจะรู้ว่ามีอุโมงค์ทางเข้าสุสานเทพเจ้าอยู่ทั้งหมดสามทางหนึ่งก็คือที่นี่ไพรทมิฬ อีกหนึ่งก็คือเกาะในทะเลเหนือ  และทางที่สามก็คือทางน้ำลึกของทะเลใต้”  เสียงของมหาพรตดังขึ้นอย่างสุภาพนุ่มนวล

สีหน้าของคนที่มีประสบการณ์มากอย่างเดลี่และเฟนเริ่มเปลี่ยน

“สามพันปีที่แล้ว  ทางเข้าสู่สุสานเทพเจ้าจากทะเลใต้  สองพันปีที่แล้ว ทางเข้าจากไพรทมิฬ  พันปีที่แล้ว เป็นทางเข้าจากทะเลเหนือสามพันปีหมุนเวียนต่อรอบ  ครั้งนี้พวกเจ้าต้องเข้าสุสานเทพเจ้าจากทะเลใต้”  เสียงของมหาพรตได้ยินทั้งมนุษย์และอสูรเวท

ลินลี่ย์ประหลาดใจ

“สุสานเทพเจ้ามีอุโมงค์ทางเข้าอยู่สามทางจริงๆหรือ?”  ลินลี่ย์เริ่มสงสัย  “แต่อุโมงค์ทั้งสามนี้อยู่ห่างไกลจากกัน  ทะเลเหนือ, ไพรทมิฬ ทะเลใต้นี่แยกห่างกันไกลเป็นหมื่นกิโลเมตร เกิดอะไรขึ้น?”

แม้ว่าเขาจะสับสนแต่ลินลี่ย์ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาถาม  เขามีแต่ต้องฟังอย่างอดทน

เสียงของมหาพรตดูเหมือนจะแฝงด้วยอารมณ์ขันอยู่ด้วย “ดังนั้นพวกเจ้าควรรู้ว่าตอนนี้จะเลือกใช้อุโมงค์ไหนสิบคนที่มีประสบการณ์อยู่ก่อนนี้น่าจะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้อันตรายเพียงไหน  จริงสิ, เดลี่จะอธิบายให้ทุกคนฟัง”

“จำเอาไว้ทุกคนที่ต้องการถอนตัวย่อมสามารถทำได้ แต่คืนนี้พวกเราที่เหลืออยู่จะออกไปพร้อมกัน”  เสียงของมหาพรตยังคงอ่อนโยน

เสียงหัวเราะเย็นชาของไดลินดังขึ้น  “ถ้าพวกเจ้ากลัว  อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปไม่มีอะไรน่าอายสำหรับเรื่องนั้น ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัวตอนนี้  ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้ทีหลัง  หลังจากมาถึงที่นั่นและหนีไปตรง ณ ที่ตรงนั้นนั่นคงจะเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ” สี่นักสู้ชั้นเทพเดินเคียงไหล่กัน รอให้กลางคืนมาถึง

เดลี่เดินมาอยู่ข้างหน้ากลุ่ม

หน้าของเดลี่ขรึมและหมองคล้ำ ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นเดลี่ทำสีหน้าน่ากลัวอย่างนั้นมาก่อน

“พวกเจ้าที่มีประสบการณ์เปิดสุสานเทพเจ้าสองพันปีที่แล้วฟังให้ดี”  เสียงของเดลี่ดังเยือกเย็น  “ไม่ใช่ว่าสุสานเทพเจ้าจะมีแค่ทางเดียว  ไม่ใช่แค่สองทาง  แต่มีถึงสามทาง  อุโมงค์ทางเข้าที่แตกต่างกันทั้งสามจะนำเข้าไปในสุสานที่แตกต่างกันสามแห่ง!”

“สาม?” หลายคนตกใจ

แม้แต่ลินลี่ย์ก็รู้สึกตกใจ  และเพ่งพลังฟังสิ่งที่เดลี่ต้องการพูด

“แม้ว่าสุสานเทพเจ้าที่มีอุโมงค์ยื่นไปถึงไพรทมิฬและเกาะทะเลเหนือจะอันตราย  แต่อันตรายไม่ได้มากมายนัก กล่าวโดยทั่วไปตราบที่พวกเจ้าระมัดระวังและรอบคอบ  เจ้าก็ไม่ต้องเสี่ยงก็ได้  แต่สุสานเทพเจ้าที่ทางเข้าด้านทะเลใต้ถือว่าอันตรายสุดๆ”  เดลี่พูดเสียงเบา  “ในความเป็นจริง  ข้ายังเชื่อว่ายอดฝีมือราวๆแปดสิบคนถ้าระมัดระวังตัวเต็มที่ เราอาจจะโชคดีรอดมาได้ถึงหนึ่งในสาม”

“หนึ่งในสาม?” ยอดฝีมือระดับเซียนส่งเสียงตกใจ

หลายคนเคยผ่านเข้าไปในสุสานเทพเจ้ามาก่อน  แต่การไปเยือนสุสานเทพเจ้าสองครั้งที่ผ่านมา มีตายไปเพียงหนึ่งในสี่  แต่จากสิ่งที่เดลี่กำลังพูด...ดูเหมือนมีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจต้องตายมีถึงสองในสามกับการเดินทางครั้งนี้

“และนั่นในกรณีที่พวกเจ้าระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง  ถ้าพวกเจ้าโลภ..ข้าคาดว่าบางทีเราอาจเห็นผู้โชคดีเหลือรอดสักสิบคนจากแปดสิบคน”  เดลี่มองดูคนที่อยู่ข้างหน้าเขา  “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี  ถ้าพวกเจ้าตาย   นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่อย่าลากคนอื่นลงไปกับเจ้าด้วย”

หลังจากพูดจบเดลี่กลับไปยืนข้างฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสัน

บรรยากาศกดดันมาก

“จะมีอะไรน่ากลัวอีก?  ยิ่งอันตรายมากขึ้นโอกาสหาประกายเทพหรือสมบัติเทพก็มากขึ้นไปด้วย” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในกลุ่ม

“ต้องมีชีวิตรอดไว้ก่อน”  เสียงเยือกเย็นของเฟนดังขึ้น

หน้าของเฟนบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากในตอนนี้

เดลี่ฮิกกินสันและฮาร์เวิร์ดอยู่ในความเงียบกันหมด

ลินลี่ย์เดินเข้าไปหาพวกเขาจากนั้นถามเบาๆ  “ท่านเดลี่เกิดอะไรขึ้น? การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าครั้งนี้ พิเศษมากนักหรือ?”

เดลี่มองดูลินลี่ย์จากนั้นถอนหายใจกล่าว  “ลินลี่ย์,เจ้าจำครั้งแรกที่เจ้าเดินทางมาที่หมู่บ้านของเราได้ไหม?  เวลานั้น เมื่อฮาร์เวิร์ดซ้อมมือกับเจ้า  เจ้าถามว่าทำไมเขาเป็นเซียนจอมเวทแล้วถึงไม่มีอสูรคู่หู”

“ข้าจำได้” ลินลี่ย์พยักหน้า

เมื่อฮาร์เวิร์ดซ้อมมือกับเขา ลินลี่ย์อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เซียนจอมเวทผู้ซ้อมมือกับเขาไม่มีอสูรเวทคู่หูก็ยังพ่ายแพ้ได้  แต่จากนั้นฮาร์เวิร์ดก็แสดงให้เขาเห็นวิธีต่อสู้ที่น่ากลัวของเซียนจอมเวท

“ตอนนั้นท่านบอกว่าอสูรเวทของเขาตายเพื่อช่วยเขา  นั่นเป็นเรื่องเมื่อสองพันปีที่แล้ว  นอกจากนี้สหายรักของท่านคนหนึ่งก็ตายด้วยเช่นกัน”  ลินลี่ย์ตอบ

“ถูกแล้ว” เดลี่พยักหน้า “และเหตุการณ์ที่เราพูดถึงนั้นก็คือการเดินทางเข้าสุสานเทพเจ้าของเราเมื่อสามพันปีที่แล้ว”

ลินลี่ย์พยักหน้า

“อสูรเวทของฮาร์เวิร์ดก็คือเสือดำสายฟ้าจะมีประโยชน์มากเมื่ออยู่ในสุสานเทพเจ้า ข้าได้ขอพื้นที่กับลอร์ดเบรุตเพิ่มเพื่อให้อสูรเวทนั้นมาด้วย  อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเดินทางแค่เพียงรอบนอกของชั้นที่หกของสุสานเทพเจ้า น้องสามของเราและอสูรเวทนั้นเสียชีวิตทั้งคู่   ส่วนเราทั้งสามคน อยู่ในชั้นที่ห้าแล้วและไม่กล้าเข้าไปในชั้นที่หก  เราอยู่ที่ชั้นที่ห้าเป็นเวลาห้าปี  รอจนกระทั่งอุโมงค์ปรากฏ”  หน้าเดลี่ขมขื่นมาก

ลินลี่ย์รู้สึกเครียดในใจ

ชั้นที่ห้า?  ชั้นที่หก?

แม้ว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสุสานเทพเจ้า  แต่จากที่ฟัง คงจะแบ่งเป็นชั้นหลายชั้น  และชั้นที่หกก็เป็นที่อันตรายมาก

ตกยามราตรีไม่มีเซียนกลับออกไปสักคน ถ้าพวกเขากลัวอันตรายที่ไม่รู้จัก...อย่างนั้นพวกเขาก็คงเป็นคนขวัญอ่อนอย่างแท้จริง

เงาดำสายหนึ่งปรากฏอยู่หน้ากลุ่มทันทีจากนั้นค่อยๆ ยืดตัว คนผู้นี้สวมชุดสีดำสนิท ผมดำของเขายาวไม่ได้รวบมัดไว้ และเคราของเขายาวจรดอกเขามองดูเหมือนคนแก่คนหนึ่ง

“ลอร์ดเบรุต” มหาพรต, ซีซาร์, เทพสงครามและไดลินลุกขึ้นทักทายด้วยความเคารพพร้อมกัน

พวกเซียนลุกขึ้นทันทีและคำนับแสดงความเคารพไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกครั้งที่สองหรือครั้งที่สามของพวกเขาที่ได้พบกับลอร์ดเบรุต  บรรยากาศไม่ว่าจะเป็นทั้งมหาพรตทั้งเทพสงครามก็ทำให้พวกเซียนไม่กล้าระบายลมหายใจแรง

เบรุตมีคู่ดวงตาที่เล็ก  แต่มีชีวิตชีวาและสว่างดุจดวงดาว  หน้าของเขาดูเหมือนประดับรอยยิ้มตลอดเวลา

“บีบี, มาตรงนี้”  เบรุตมองดูบีบีจากนั้นฉายประกายไปที่เขา

บีบีกระโดดเข้าอ้อมแขนเบรุตทันที  ทุกคนมองดูบีบี

“ปู่เบรุต ไปกันเถอะข้ารออยู่ตรงนี้นานแล้ว” บีบีดูเหมือนจะไม่ได้รับแรงกดดันจากเบรุตแม้แต่น้อย  และเบรุตพยักหน้าคล้อยตาม จากนั้นบินไปทางทิศใต้โดยมีบีบีอยู่ในอ้อมแขน  “ไปกันเถอะ” เสียงแหลมเล็กของเบรุตดังขึ้น

ขณะนี้เองเทพทั้งสี่และเซียนมนุษย์และเซียนอสูรเวทเกินกว่าแปดสิบก็บินขึ้นในอากาศด้วยเช่นกัน

ขณะที่บินไปหลายคนมองดูลินลี่ย์ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ที่สนิทสนมระหว่างบีบีและเบรุตทำให้ทุกคนให้ความสนใจลินลี่ย์ด้วยเช่นกัน  แต่คนพวกนี้รู้แต่เพียงว่า..บีบีคืออสูรเวทคู่หูของลินลี่ย์  หลายคนทำใจได้...

ต่อให้พวกเขาไม่เป็นสหายกับลินลี่ย์  แต่พวกเขาจะไม่ตอแยเขาแน่นอน

ที่สำคัญเมื่ออยู่ต่อหน้าของลอร์ดเบรุต แม้แต่เทพสงครามและนักสู้ระดับเทพคนอื่นๆ ยังทำตัวเหมือนพวกเขาเป็นเด็กเกรงแม้กระทั่งจะหายใจแรงเกิน ใครๆ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าในใจของลอร์ดเบรุตสถานะของบีบียิ่งใหญ่มากกว่าเทพสงคราม

“เทพสงครามนี้น่าเกรงขามจริง  เขาแสดงความปรารถนาดีต่อข้าก่อนนี้นานแล้วก็ช่วงระหว่างน้องชายข้าแต่งงาน” ลินลี่ย์แอบหัวเราะกับตนเอง “ลอร์ดเบรุตมีสัมพันธ์กับบีบี บีบีมีความสัมพันธ์กับเรา  และเรามีความสัมพันธ์กับวอร์ตัน...นี่แบ่งแยกกันถึงสองชั้น”

แต่เทพสงครามก็มีส่วนเกี่ยวพันกับกิจการของวอร์ตันโดยตรงเขาสั่งให้จักรพรรดิโจฮันน์ยอมให้วอร์ตันได้แต่งงานกับนีน่า

ใครๆก็สามารถคาดคิดว่าเทพสงครามให้ความเคารพยำเกรงต่อลอร์ดเบรุตมากเพียงไหน

…….

มหาสมุทรที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ในดินแดนยูลาน  ทะเลเหนือก็มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว  แต่ทะเลใต้มีขนาดที่น่าตกใจจริงๆ  ลินลี่ย์เคยได้ยินฮ็อดเดิลพูดว่าในที่สุดของทะเลใต้จะเป็นพื้นที่ปั่นป่วนวุ่นวาย

ตกกลางคืนน้ำทะเลสุดสายตามืดมิดสนิท

“ตรงนี้แหละ” เบรุตประกาศขณะยืนอยู่ในกลางอากาศเหนือทะเล

“ในส่วนลึกของมหาสมุทรนี้ พวกเจ้าจะต้องหาทางเข้าสู่อุโมงค์ทางเข้าสุสานเทพเจ้า  อุโมงค์ลึกห่างจากทะเลสองหมื่นเมตร”  เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าเชื่อว่าแรงกดดันของทะเลลึกจะไม่มีผลต่อพวกเจ้า  ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของน้ำที่ลึกเล็กน้อยนี้ได้  อย่างนั้นจะดีที่สุดคือถอนตัวกลับไปซะ”

ขณะที่พูดเบรุตเองพุ่งลงไปในน้ำก่อน

ไม่ว่าร่างผู้ใดดำลึกลงไปทะเล  ทะเลจะแตกกระจายและแยกออกเป็นทางโดยธรรมชาติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด