ตอนที่ 11-6 ทุกคนพร้อมหน้า
เมื่อเวลาผ่านไปยอดฝีมืออื่นมาประชุมกันที่ภูเขาเทพสงครามกันแล้ว ลินลี่ย์ยังไม่มีโอกาสได้ออกไป!
ลินลี่ย์นั่งสมาธิอย่างเงียบสงบมาเกินกว่าปีแล้วในตอนนี้ เหมืองอัญมณีเวทถูกทิ้งว่างเปล่า และในตอนนี้มีสิ่งก่อสร้างปราสาทใต้ดินขนาดใหญ่หลายกิโลเมตรเจ้าปกครองปราสาทก็คือลินลี่ย์ ทุกวันมีหลายคนที่เทิดทูนบูชาลินลี่ย์จะมาอยู่ที่รอบนอกปราสาทนี้และมองดูด้วยความยำเกรง
ใต้พื้นปราสาทภายในห้องมิติเล็ก
ด้านนอกห้องมิติเล็กเป็นพื้นที่ปั่นป่วนน่ากลัวรอยแตกรอยแยกสามารถมองเห็นได้ทั่วไป ขณะที่ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในท่าทำสมาธิฝึกฝนอย่างเงียบๆ
“ตึกๆ!” “ตึกๆ!”
แม้แต่เสียงเต้นของชีพจรโลกก็ยังสะท้านใจลินลี่ย์ และยังคงก้องเหมือนฟ้าผ่าในใจของเขาความเข้าใจของลินลี่ย์ในเรื่องสัจจธรรมของการเต้นชีพจรโลกลึกซึ้งมากขึ้น ทีละขั้นๆจากภายในทะเลกฎธรรมชาติที่ไร้ขอบเขต
คลื่น256 ชั้นของการเต้นชีพจรโลกผ่านกระบวนการเปลี่ยนให้เหลือเป็นเพียงคลื่น 128 ชั้น
“สำเร็จ” หลังจากไม่รู้วันเวลา ลินลี่ย์ลืมตา และแสดงอารมณ์ยินดี “หลังจากไตร่ตรองเป็นเวลานาน ในที่สุดข้าก็ผสานคลื่น 256 ชั้นเหลือเป็นเพียง128 ชั้น พลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า”
แม้ว่าจำนวนคลื่นจะลดลงแต่พลังก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
พลังของคลื่น128 ชั้นในปัจจุบัน เทียบกับคลื่น 128 ชั้นเดิมทรงพลังมากกว่าไม่รู้กี่เท่า ที่สำคัญคลื่น 128ชั้นปัจจุบันรวมเอาความลึกซึ้งของการเต้นชีพจรโลกไว้ทั้งหมด แต่ถ้าพลังคลื่นสามารถผสานทั้งหมดจนกลายเป็นคลื่นชั้นเดียวซึ่งบรรจุความลึกซึ้งไว้ทั้งหมด อย่างนั้นพลังโจมตีนั้น...
นั่นจะเท่ากับระดับเทพ
“ต่อไป” ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยฝังตัวเองอยู่ในภวังค์และทดสอบความคิดของตนครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตามระดับที่สูงกว่ามีความยากอย่างชัดเจน เขาต้องใช้เวลาสิบเท่าเพื่อพยายามผสานคลื่นทั้งสองให้กลายเป็นหนึ่ง
ภายในโถงใหญ่ปราสาทใต้ดิน มีคนกลุ่มใหญ่รวมกันอยู่ วอร์ตัน, ภรรยา, บาร์เกอร์และน้องๆ เทย์เลอร์ชาชาและกลุ่มเด็ก เด็กๆเหล่านี้รวมทั้งลูกของบาร์เกอร์และน้องๆ ทุกคนกำลังรอลินลี่ย์
“ทำไมท่านพ่อยังไม่ออกมาอีก?” เทเลอร์กล่าวอย่างตื่นเต้น ในตอนนี้เทย์เลอร์สูง 1.7 เมตรปีนี้เขาโตเร็วมาก
วอร์ตันหัวเราะอย่างใจเย็น “เทย์เลอร์, อย่าเพิ่งเร่งรัด อาบีบีของเจ้าเข้าไปตามแล้ว เขาน่าจะมาถึงในไม่ช้านี้” วันนี้วันที่ 2 มีนาคมแล้วเทพสงครามสั่งให้เขามาที่ภูเขาเทพสงครามก่อนวันที่ 3 มีนาคมลินลี่ย์จะต้องไปที่นั่นคืนนี้เป็นอย่างช้า
“บาร์เกอร์ เจ้าจะไปด้วยจริงๆ หรือ?” ซาสเลอร์ นั่งอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นทันที
บาร์เกอร์พยักหน้าเล็กน้อย
ตาของซาสเลอร์เป็นประกายเขียว “บอกตามตรงนะ ข้าเองก็ต้องการเข้าไปสืบสาวดูสุสานเทพเจ้าในตำนานแห่งนี้ โชคไม่ดี... ข้าเองเพิ่งถึงระดับเซียนไม่นานนี้เอง ความสามารถในการป้องกันของข้ายังมีข้อจำกัดเกินไป” ซาสเลอร์ไม่ยินดีจะยอมรับเรื่องนี้ ยอดฝีมือทั้งหมดเหล่านี้ปรารถนาจะฝึกฝนให้ถึงระดับสุดยอดกันทั้งนั้น
ไม่มีใครกลัวอันตรายแม้แต่น้อย ถ้าพวกเขามีปณิธานแกร่งกล้า พวกเขาจะฝึกฝนให้เป็นระดับเซียนไม่สำเร็จได้ยังไง?
“เขากำลังออกมา” ซาสเลอร์เป็นคนแรกที่สังเกตว่าลินลี่ย์กำลังออกมา
ทุกคนมองดูด้านข้างประตูของห้องโถง เพราะพวกเขารู้ว่าลินลี่ย์จะออกมาจากห้องฝึกลับซึ่งเชื่อมโยงกับประตูนี้ หลังจากนั้นไม่นานลินลี่ย์มีบีบีอยู่บนไหล่เดินจูงมือเดเลียเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ลินลี่ย์ตกใจเมื่อมองดูในห้องรับแขก ทำไมที่นี่ถึงมีคนมากมายนักเล่า?
“พี่ใหญ่, ท่านควรได้พบปะกับคนอื่นๆ บ้าง อาจต้องใช้เวลาสิบปีกว่าท่านจะได้พบพวกเขาอีก” เสียงของบีบีดังขึ้น
“สิบปี?” ลินลี่ย์ตกใจเหลือเชื่อ เขาสงสัยตัวเอง “นี่ไม่ใช่แค่เดินทางเข้าไปในสุสานเทพเจ้าเท่านั้นหรือ? เข้าไปในสุสานแล้วก็ออกมา ... เดือนหนึ่งก็ถือว่านานเกินไปแล้ว ทำไมต้องใช้เวลาสิบปี?” ลินลี่ย์มองดูบีบีอย่างงงงวย ทุกคนในห้องโถงใหญ่มองดูบีบีอย่างสับสนเช่นกัน
บีบีพูดด้วยความมั่นใจ “สุสานเทพเจ้าเปิดทุกๆ พันปี ในแต่ละครั้งจะต้องอยู่ภายในเป็นเวลาสิบปีและหลังจากสิบปีแล้วจึงจะออกมาได้.. แต่แน่นอนว่า ถ้าท่านตายข้างในนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย”
“บีบีต้องได้รับข้อมูลนี้มาจากนักสู้ในไพรทมิฬเป็นแน่ไม่น่าจะผิดพลาดไปได้” ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้ถึงแรงบีบที่มือของเขา ลินลี่ย์หันหน้าไปมองเดเลียที่อยู่ใกล้ๆและความปรารถนาในดวงตานาง
“ขอโทษด้วย” ลินลี่ย์พูดเบาๆ
การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าคราวนี้เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาอาจต้องแยกจากเดเลียถึงสิบปี
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า” เดเลียปลอบลินลี่ย์ “เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกยาวนานในอนาคต แต่ลินลี่ย์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี” เดเลียไม่พยายามห้ามลินลี่ย์ไม่ให้ไปสุสานเทพเจ้า เพราะนางรู้...
ในใจลินลี่ย์เขามีเป้าหมายจะฝึกฝนไปสู่จุดสุดยอด
สถานที่อย่างสุสานเทพเจ้าเป็นที่ซึ่งยอดฝีมือนับไม่ถ้วนปรารถนาจะเข้าไป แต่ไม่มีโอกาส แล้วลินลี่ย์จะยอมปล่อยโอกาสที่มีค่านี้ไปได้ยังไง?
“ขอบคุณ” ลินลี่ย์หัวใจพองโตด้วยความซาบซึ้ง
“ใช้เวลากับลูกๆ หน่อยเถอะ” เดเลียพูดอย่างอ่อนโยน ลินลี่ย์หันหน้าไปมองดูลูกทั้งสองคน เทย์เลอร์และชาชา“ตอนนี้ลูกโตขึ้นมากเลยนะ เมื่อถึงเวลาที่พ่อออกมาจากสุสานเทพเจ้า พวกเจ้าคงจะอยู่ในวัยยี่สิบปีกันแล้ว”
เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องจากไปเป็นเวลานานลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับบุตรและธิดาของเขา
เมื่อถึงเวลาค่ำ
“เทเลอร์ ชาช่ากลับได้แล้ว” ลินลี่ย์ลูบศีรษะลูกๆ ของเขา
“ครับ (ค่ะ)”เทย์เลอร์และชาช่าพยักหน้าอย่างว่าง่ายทั้งคู่
บาร์เกอร์อยู่ใกล้ๆมองดูลินลี่ย์ “ท่านลอร์ดลินลี่ย์โปรดช่วยข้าเรื่องนั้นด้วย” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์พยักหน้า บาร์เกอร์ต้องการเข้าไปในสุสานเทพเจ้าด้วยเช่นกัน แต่จำนวนชื่อมีจำกัด ลินลี่ย์ไปถามหาความรู้จากคนที่ตอบได้
“เดเลีย” ลินลี่ย์สบตาเดเลีย
“ระวังตัวด้วยนะ” เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยทั้งสองคนจูบกันเบาๆ และจากนั้นลินลี่ย์และบีบีบินจากไปเมื่อออกจากปราสาทก็บินตรงสู่ภูเขาเทพสงครามในทิศตะวันตก
สายลมพัดหวีดหวิวขณะที่ลินลี่ย์และบีบีเปลี่ยนเป็นแนวแสงสองสายบินข้ามขอบฟ้า
“บีบีทำไมผู้เข้าไปต้องอยู่ในสุสานเทพเจ้าถึงสิบปี?” ขณะที่บินไปลินลี่ย์ถามข้อสงสัยบีบี
บีบีส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นเรื่องที่ปู่เบรุตบอกข้า โอว..จริงสิ บาร์เกอร์ต้องการเข้าสุสานเทพเจ้าด้วยใช่ไหม? ถ้าท่านไม่สามารถพาเขาไปด้วย ข้าสามารถขอปู่เบรุตได้ ปู่เบรุตจะต้องเห็นด้วยแน่นอน”
“ไม่ต้องเร่ง ลองขอเทพสงครามก่อน” ลินลี่ย์กล่าว
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีข้อสงสัย บีบีกำลังจะไปสุสานเทพเจ้ากับเขาและลอร์ดเบรุตเห็นด้วยกับเรื่องนั้นหรือ? ลินลี่ย์อดถามไม่ได้ “บีบี! ปู่เบรุตของเจ้าห่วงความปลอดภัยของเจ้าบ้างหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงปล่อยให้เจ้าไปสุสานเทพเจ้าเล่า?”
บีบีเม้มริมฝีปาก “ปู่เบรุตบอกว่าในอดีตเขาเองก็มีประสบการณ์พบกับอันตรายมานับไม่ถ้วนก่อนที่จะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องการให้ข้าฝึกฝนขัดเกลา สำหรับสุสานเทพเจ้าตราบใดที่โชคของข้าไม่ร้ายเกินไป การเอาชีวิตรอดก็น่าจะได้อยู่”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ที่สำคัญเดลีและเฟนก็ยังไม่ได้สมบูรณ์พร้อมไม่ใช่หรือ?
“ถึงแล้ว” ลินลี่ย์สามารถมองเห็นภูเขาเทพสงครามในระยะไกล ทั้งสองบินลงไปทันที
“มียอดฝีมือมากมายนัก” ลินลี่ย์สังเกตเห็นยอดฝีมือยี่สิบเอ็ดคนทันที ถ้าเขาไม่แปลงร่างหลายคนที่อยู่ข้างล่างมีระดับฝีมือเท่าลินลี่ย์ และแม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในนั้นก็ด้อยกว่าเขาไม่มากนัก “แต่ในสภาพร่างมังกรของข้ามีแต่เฟนเท่านั้นที่สู้กับข้าได้”
ในแง่การรู้แจ้งกฎ เขายังคงด้อยกว่าเฟน
แต่นักรบเลือดมังกรมีความได้เปรียบตามธรรมชาติมากเกินไป ไม่มีทางที่จะจัดการเรื่องนั้นได้ ตัวอย่างเช่น บีบี..ในฐานะหนูกินเทพ ความได้เปรียบตามธรรมชาติของเขายังยิ่งใหญ่มากกว่านักรบเลือดมังกรเสียอีก
“ครึกครื้นจริงๆ” ลินลี่ย์สังเกตว่านักรบยี่สิบเอ็ดคนนั้นอยู่ในระหว่างการซ้อมมือ ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะดังขึ้นได้ยินกันทั่ว “ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์ในที่สุดเจ้าก็มาถึงจนได้ เจ้ามาถึงเป็นคนสุดท้ายเชียวนะ”
ลินลี่ย์ลงมายืนที่พื้นทันที
ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืนพื้นที่ว่างมีเก้าอี้และโต๊ะสองสามตัว ยอดฝีมือกำลังคุย กำลังดื่มและมีกระทั่งซ้อมฝีมือ เพราะพวกเขามีความสนใจ เป็นเรื่องยากที่สุดยอดฝีมือเหล่านี้จะมารวมตัวกันได้อย่างนี้
“ขอโทษจริงๆ ที่ข้ามาสาย” ลินลี่ย์รู้สึกละอายใจเล็กน้อยและรีบทักทายทุกคน
เฟนหัวเราะขณะที่เขาเดินเข้ามาหา “ไม่เป็นไร อาจารย์ยังไม่ได้มารับเราเหมือนกัน เขาจะยังไม่มาพบเราจนกว่าพรุ่งนี้เช้า คืนนี้เราจะรวมตัวกันที่นี่ นับเป็นโอกาสที่ดีจริงๆ”
“เขาคือลินลี่ย์หรือ?”
ยอดฝีมือหลายคนที่กำลังดื่มกินหันเหสายตามาที่ลินลี่ย์
คนเหล่านี้ทุกคนฝึกตัวอย่างสันโดษมาเป็นเวลาหลายพันปี กล่าวโดยทั่วไปพวกเขาไม่สนใจคนรุ่นใหม่ แต่...ลินลี่ย์เป็นคนมีชื่อเสียงโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักรบเลือดมังกรหนึ่งในสุดยอดนักรบ ไม่มีใครกล้าแสดงอาการดูหมิ่นเขา
“ทุกท่าน” เฟนยิ้มขณะที่เขายืนขึ้นและทุกคนหันไปมองเฟน
แม้แต่ยอดฝีมือที่ซ้อมฝีมือกันในกลางอากาศ เฟนหัวเราะอย่างใจเย็น “แทบทุกท่านในที่นี้ยังไม่เคยพบกับลินลี่ย์ เราเพิ่งจะคุยถึงเรื่องราวของเขาในตอนบ่ายไม่ใช่หรือ? ใช่แล้ว, เคลย์เจ้าเอาแต่ตะโกนไม่หยุดเรื่องที่เจ้าต้องการจะทดสอบพลังของนักรบเลือดมังกรด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ?”
“ทดสอบพลังของนักรบเลือดมังกร?” ลินลี่ย์อดยิ้มมุมปากไม่ได้
“น่าเสียดายที่เป็นนักรบเลือดมังกร ไม่ใช่นักรบอมตะ” เสียงดังชัดเอ่ยขึ้นและบุรุษร่างใหญ่ทรงพลังผมสีทองสั้นลุกขึ้นยืน เขาสวมเสื้อไม่มีแขน และกล้ามเนื้อที่น่ากลัวของเขาดูราวกับจะแยกออกจากกันได้
บุรุษผมทองมองดูลินลี่ย์และหัวเราะ “ลินลี่ย์ ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าชื่อเคลย์ ปกติข้าจะฝึกฝนอยู่ที่เกาะทะเลเหนือ ข้าได้ยินชื่อเสียงของนักรบเลือดมังกรมานานแล้ว และข้าก็คันไม้คันมือมานานแล้วข้าอยากจะซ้อมมือกับเจ้า ลินลี่ย์ ข้าสงสัยว่า...”
“ได้เลย” ลินลี่ย์ยิ้มขณะพูด
“เยี่ยมมาก” ตาของเคลย์เป็นประกาย และกล้ามเนื้อของเขาเริ่มสั่นทันทีเสียงระเบิดดังขึ้นทันที ‘บึ้ม’เสื้อของเขาระเบิดเป็นชิ้นแล็กชิ้นน้อย และร่างของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นโลหะเงาเปล่งแสงสะท้อนได้ทันที
เฟนพูดกับลินลี่ย์ “เคลย์ผู้นี้ฝึกฝนกฎธาตุดิน แต่หนักในทางป้องกัน เขาแข็งแกร่งมากกว่าเฮนด์เซนถึงสิบเท่า”
ลินลี่ย์ยิ้ม “ข้าทราบ”
“ร่างของเคลย์ดูเหมือนทำขึ้นจากโลหะ ดูเหมือนจะคล้ายเกราะองครักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ระดับเซียนซึ่งทำมาจากเพชร” ลินลี่ย์ทึ่งเพราะพลังป้องกันของนักรบมีความน่ากลัวถึงระดับนั้นเขาต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน
ด้วยการพลิกมือลินลี่ย์ชักกระบี่เลือดม่วงออกมา
“ลินลี่ย์, เอาเลย แปลงกายได้เลย” เคลย์พูดเสียงดัง
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”
เคลย์ดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย เขาแค่นเสียง “ลินลี่ย์! เจ้ามั่นใจจริงๆ เลยนะ” ขณะที่เขาพูดเคลย์ขึ้นไปอยู่ในอากาศ ที่นี่คือภูเขาเทพสงคราม พวกเขาไม่กล้าสร้างความเสียหายให้กับภูเขาเทพสงคราม เมื่อจะซ้อมฝีมือกันพวกเขาทุกคนจะบินขึ้นไปซ้อมฝีมือกันในกลางอากาศ
ทันใดนั้นลินลี่ย์ปรากฏตัวในกลางอากาศเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าระดับความเร็วของเขาเหนือกว่าเคลย์
“ฮ่าฮ่า..มาเลย!” ในกลางอากาศ เคลย์คำรามอย่างตื่นเต้น และจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างพร่าเลือนและบุกเข้าใส่ลินลี่ย์ เขาปล่อยหมัดขวาทันทีและเหมือนกับว่าหมัดที่ทะลุทะลวง แฝงด้วยเสียงหวีดหวิวน่ากลัวโจมตีใส่ลินลี่ย์
หมัดผ่านไปที่ใดมิติจะกลายเป็นระลอก
“หืม?” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน ลินลี่ย์เตรียมใช้ระลอกลมโจมตี แต่เมื่อเห็นพลังของหมัดนี้ ลินลี่ย์ถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนการโจมตีของเขาทันที
ลินลี่ย์ถอยหลังและฟันด้วยกระบี่เลือดม่วงและดูเหมือนจะผ่านสภาพคล้ายจริง ที่ใดก็ตามที่กระบี่เลือดม่วงผ่านไป พื้นที่ของมันเองดูเหมือนจะค่อยๆเปิดออกช้าๆ จากนั้นก็พับทวีในตัวมันเองบนยอดของกระบี่เลือดม่วงเป็นขอบมิติแช่แข็ง และมีระลอกปรากฏรอบนั้นชัดเจน
สัจธรรมแห่งธาตุลม– จังหวะสายลมระดับสอง!
“ปัง!”
กระบี่เลือดม่วงปะทะโดยตรงกับหมัดที่ฉายประกายของมนุษย์โลหะ
“บึ้ม” พลังที่น่ากลัวผ่านไปตามกระบี่เลือดม่วงและโจมตีใส่ลินลี่ย์ ปราณยุทธรอบตัวลินลี่ย์ล้อมรอบตัวเขา มีเพียงชีพจรคุ้มกันของร่างกายเขาสามารถปกป้องเขาจากพลังที่น่ากลัว เคลย์เองก็ถูกกระแทกถอยหลังด้วยเช่นกันหมัดของเขามีรอยห้อเลือด แต่เขาไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย
“พลังป้องกันที่น่ากลัวนัก ว่ากันเฉพาะเรื่องพลังป้องกัน เขาน่าจะพอๆกับนักรบอมตะ” ลินลี่ย์ลอบตกใจ
“ลินลี่ย์, ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” เสียงของเคลย์ดังขึ้น “ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นตัวประหลาดจริงๆเขาทรงพลังมากทั้งที่ยังไม่ได้แปลงกาย เมื่อเขาแปลงกาย ข้าคงไม่มีพลังตอบโต้ได้แม้แต่น้อย” ขณะที่เขาพึมพำกับตนเอง เคลย์บินกลับลงไป