ตอนที่แล้วตอนที่ 11-5 บีบีชำระแค้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-7 ปราสาทโลหะ

ตอนที่ 11-6 ทุกคนพร้อมหน้า


เมื่อเวลาผ่านไปยอดฝีมืออื่นมาประชุมกันที่ภูเขาเทพสงครามกันแล้ว ลินลี่ย์ยังไม่มีโอกาสได้ออกไป!

ลินลี่ย์นั่งสมาธิอย่างเงียบสงบมาเกินกว่าปีแล้วในตอนนี้  เหมืองอัญมณีเวทถูกทิ้งว่างเปล่า และในตอนนี้มีสิ่งก่อสร้างปราสาทใต้ดินขนาดใหญ่หลายกิโลเมตรเจ้าปกครองปราสาทก็คือลินลี่ย์  ทุกวันมีหลายคนที่เทิดทูนบูชาลินลี่ย์จะมาอยู่ที่รอบนอกปราสาทนี้และมองดูด้วยความยำเกรง

ใต้พื้นปราสาทภายในห้องมิติเล็ก

ด้านนอกห้องมิติเล็กเป็นพื้นที่ปั่นป่วนน่ากลัวรอยแตกรอยแยกสามารถมองเห็นได้ทั่วไป ขณะที่ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในท่าทำสมาธิฝึกฝนอย่างเงียบๆ

“ตึกๆ!”  “ตึกๆ!”

แม้แต่เสียงเต้นของชีพจรโลกก็ยังสะท้านใจลินลี่ย์  และยังคงก้องเหมือนฟ้าผ่าในใจของเขาความเข้าใจของลินลี่ย์ในเรื่องสัจจธรรมของการเต้นชีพจรโลกลึกซึ้งมากขึ้น ทีละขั้นๆจากภายในทะเลกฎธรรมชาติที่ไร้ขอบเขต

คลื่น256 ชั้นของการเต้นชีพจรโลกผ่านกระบวนการเปลี่ยนให้เหลือเป็นเพียงคลื่น 128 ชั้น

“สำเร็จ” หลังจากไม่รู้วันเวลา ลินลี่ย์ลืมตา และแสดงอารมณ์ยินดี “หลังจากไตร่ตรองเป็นเวลานาน ในที่สุดข้าก็ผสานคลื่น 256 ชั้นเหลือเป็นเพียง128 ชั้น พลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า”

แม้ว่าจำนวนคลื่นจะลดลงแต่พลังก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

พลังของคลื่น128 ชั้นในปัจจุบัน เทียบกับคลื่น 128 ชั้นเดิมทรงพลังมากกว่าไม่รู้กี่เท่า  ที่สำคัญคลื่น 128ชั้นปัจจุบันรวมเอาความลึกซึ้งของการเต้นชีพจรโลกไว้ทั้งหมด  แต่ถ้าพลังคลื่นสามารถผสานทั้งหมดจนกลายเป็นคลื่นชั้นเดียวซึ่งบรรจุความลึกซึ้งไว้ทั้งหมด  อย่างนั้นพลังโจมตีนั้น...

นั่นจะเท่ากับระดับเทพ

“ต่อไป” ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยฝังตัวเองอยู่ในภวังค์และทดสอบความคิดของตนครั้งแล้วครั้งเล่า  อย่างไรก็ตามระดับที่สูงกว่ามีความยากอย่างชัดเจน เขาต้องใช้เวลาสิบเท่าเพื่อพยายามผสานคลื่นทั้งสองให้กลายเป็นหนึ่ง

ภายในโถงใหญ่ปราสาทใต้ดิน  มีคนกลุ่มใหญ่รวมกันอยู่  วอร์ตัน, ภรรยา, บาร์เกอร์และน้องๆ เทย์เลอร์ชาชาและกลุ่มเด็ก  เด็กๆเหล่านี้รวมทั้งลูกของบาร์เกอร์และน้องๆ ทุกคนกำลังรอลินลี่ย์

“ทำไมท่านพ่อยังไม่ออกมาอีก?”  เทเลอร์กล่าวอย่างตื่นเต้น  ในตอนนี้เทย์เลอร์สูง 1.7 เมตรปีนี้เขาโตเร็วมาก

วอร์ตันหัวเราะอย่างใจเย็น  “เทย์เลอร์, อย่าเพิ่งเร่งรัด  อาบีบีของเจ้าเข้าไปตามแล้ว  เขาน่าจะมาถึงในไม่ช้านี้”  วันนี้วันที่ 2 มีนาคมแล้วเทพสงครามสั่งให้เขามาที่ภูเขาเทพสงครามก่อนวันที่ 3 มีนาคมลินลี่ย์จะต้องไปที่นั่นคืนนี้เป็นอย่างช้า

“บาร์เกอร์ เจ้าจะไปด้วยจริงๆ หรือ?”  ซาสเลอร์ นั่งอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นทันที

บาร์เกอร์พยักหน้าเล็กน้อย

ตาของซาสเลอร์เป็นประกายเขียว  “บอกตามตรงนะ ข้าเองก็ต้องการเข้าไปสืบสาวดูสุสานเทพเจ้าในตำนานแห่งนี้  โชคไม่ดี... ข้าเองเพิ่งถึงระดับเซียนไม่นานนี้เอง ความสามารถในการป้องกันของข้ายังมีข้อจำกัดเกินไป”  ซาสเลอร์ไม่ยินดีจะยอมรับเรื่องนี้ ยอดฝีมือทั้งหมดเหล่านี้ปรารถนาจะฝึกฝนให้ถึงระดับสุดยอดกันทั้งนั้น

ไม่มีใครกลัวอันตรายแม้แต่น้อย  ถ้าพวกเขามีปณิธานแกร่งกล้า พวกเขาจะฝึกฝนให้เป็นระดับเซียนไม่สำเร็จได้ยังไง?

“เขากำลังออกมา” ซาสเลอร์เป็นคนแรกที่สังเกตว่าลินลี่ย์กำลังออกมา

ทุกคนมองดูด้านข้างประตูของห้องโถง  เพราะพวกเขารู้ว่าลินลี่ย์จะออกมาจากห้องฝึกลับซึ่งเชื่อมโยงกับประตูนี้  หลังจากนั้นไม่นานลินลี่ย์มีบีบีอยู่บนไหล่เดินจูงมือเดเลียเข้ามาในห้องโถงใหญ่

ลินลี่ย์ตกใจเมื่อมองดูในห้องรับแขก  ทำไมที่นี่ถึงมีคนมากมายนักเล่า?

“พี่ใหญ่, ท่านควรได้พบปะกับคนอื่นๆ บ้าง อาจต้องใช้เวลาสิบปีกว่าท่านจะได้พบพวกเขาอีก”  เสียงของบีบีดังขึ้น

“สิบปี?” ลินลี่ย์ตกใจเหลือเชื่อ  เขาสงสัยตัวเอง “นี่ไม่ใช่แค่เดินทางเข้าไปในสุสานเทพเจ้าเท่านั้นหรือ?  เข้าไปในสุสานแล้วก็ออกมา  ... เดือนหนึ่งก็ถือว่านานเกินไปแล้ว  ทำไมต้องใช้เวลาสิบปี?”  ลินลี่ย์มองดูบีบีอย่างงงงวย  ทุกคนในห้องโถงใหญ่มองดูบีบีอย่างสับสนเช่นกัน

บีบีพูดด้วยความมั่นใจ  “สุสานเทพเจ้าเปิดทุกๆ พันปี  ในแต่ละครั้งจะต้องอยู่ภายในเป็นเวลาสิบปีและหลังจากสิบปีแล้วจึงจะออกมาได้.. แต่แน่นอนว่า ถ้าท่านตายข้างในนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย”

“บีบีต้องได้รับข้อมูลนี้มาจากนักสู้ในไพรทมิฬเป็นแน่ไม่น่าจะผิดพลาดไปได้”  ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้  แต่เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้

ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้ถึงแรงบีบที่มือของเขา  ลินลี่ย์หันหน้าไปมองเดเลียที่อยู่ใกล้ๆและความปรารถนาในดวงตานาง

“ขอโทษด้วย” ลินลี่ย์พูดเบาๆ

การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าคราวนี้เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาอาจต้องแยกจากเดเลียถึงสิบปี

“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า”  เดเลียปลอบลินลี่ย์  “เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกยาวนานในอนาคต  แต่ลินลี่ย์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี” เดเลียไม่พยายามห้ามลินลี่ย์ไม่ให้ไปสุสานเทพเจ้า เพราะนางรู้...

ในใจลินลี่ย์เขามีเป้าหมายจะฝึกฝนไปสู่จุดสุดยอด

สถานที่อย่างสุสานเทพเจ้าเป็นที่ซึ่งยอดฝีมือนับไม่ถ้วนปรารถนาจะเข้าไป  แต่ไม่มีโอกาส แล้วลินลี่ย์จะยอมปล่อยโอกาสที่มีค่านี้ไปได้ยังไง?

“ขอบคุณ” ลินลี่ย์หัวใจพองโตด้วยความซาบซึ้ง

“ใช้เวลากับลูกๆ หน่อยเถอะ”  เดเลียพูดอย่างอ่อนโยน  ลินลี่ย์หันหน้าไปมองดูลูกทั้งสองคน เทย์เลอร์และชาชา“ตอนนี้ลูกโตขึ้นมากเลยนะ เมื่อถึงเวลาที่พ่อออกมาจากสุสานเทพเจ้า พวกเจ้าคงจะอยู่ในวัยยี่สิบปีกันแล้ว”

เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องจากไปเป็นเวลานานลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับบุตรและธิดาของเขา

เมื่อถึงเวลาค่ำ

“เทเลอร์ ชาช่ากลับได้แล้ว”  ลินลี่ย์ลูบศีรษะลูกๆ ของเขา

“ครับ (ค่ะ)”เทย์เลอร์และชาช่าพยักหน้าอย่างว่าง่ายทั้งคู่

บาร์เกอร์อยู่ใกล้ๆมองดูลินลี่ย์  “ท่านลอร์ดลินลี่ย์โปรดช่วยข้าเรื่องนั้นด้วย” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์พยักหน้า บาร์เกอร์ต้องการเข้าไปในสุสานเทพเจ้าด้วยเช่นกัน  แต่จำนวนชื่อมีจำกัด  ลินลี่ย์ไปถามหาความรู้จากคนที่ตอบได้

“เดเลีย” ลินลี่ย์สบตาเดเลีย

“ระวังตัวด้วยนะ”  เดเลียพูดเบาๆ

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยทั้งสองคนจูบกันเบาๆ และจากนั้นลินลี่ย์และบีบีบินจากไปเมื่อออกจากปราสาทก็บินตรงสู่ภูเขาเทพสงครามในทิศตะวันตก

สายลมพัดหวีดหวิวขณะที่ลินลี่ย์และบีบีเปลี่ยนเป็นแนวแสงสองสายบินข้ามขอบฟ้า

“บีบีทำไมผู้เข้าไปต้องอยู่ในสุสานเทพเจ้าถึงสิบปี?” ขณะที่บินไปลินลี่ย์ถามข้อสงสัยบีบี

บีบีส่ายศีรษะ  “ข้าไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นเรื่องที่ปู่เบรุตบอกข้า โอว..จริงสิ บาร์เกอร์ต้องการเข้าสุสานเทพเจ้าด้วยใช่ไหม?  ถ้าท่านไม่สามารถพาเขาไปด้วย  ข้าสามารถขอปู่เบรุตได้  ปู่เบรุตจะต้องเห็นด้วยแน่นอน”

“ไม่ต้องเร่ง ลองขอเทพสงครามก่อน”  ลินลี่ย์กล่าว

ทันใดนั้นลินลี่ย์มีข้อสงสัย  บีบีกำลังจะไปสุสานเทพเจ้ากับเขาและลอร์ดเบรุตเห็นด้วยกับเรื่องนั้นหรือ?  ลินลี่ย์อดถามไม่ได้  “บีบี! ปู่เบรุตของเจ้าห่วงความปลอดภัยของเจ้าบ้างหรือเปล่า?  ทำไมเขาถึงปล่อยให้เจ้าไปสุสานเทพเจ้าเล่า?”

บีบีเม้มริมฝีปาก “ปู่เบรุตบอกว่าในอดีตเขาเองก็มีประสบการณ์พบกับอันตรายมานับไม่ถ้วนก่อนที่จะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องการให้ข้าฝึกฝนขัดเกลา  สำหรับสุสานเทพเจ้าตราบใดที่โชคของข้าไม่ร้ายเกินไป การเอาชีวิตรอดก็น่าจะได้อยู่”

ลินลี่ย์พยักหน้า

ที่สำคัญเดลีและเฟนก็ยังไม่ได้สมบูรณ์พร้อมไม่ใช่หรือ?

“ถึงแล้ว” ลินลี่ย์สามารถมองเห็นภูเขาเทพสงครามในระยะไกล  ทั้งสองบินลงไปทันที

“มียอดฝีมือมากมายนัก” ลินลี่ย์สังเกตเห็นยอดฝีมือยี่สิบเอ็ดคนทันที  ถ้าเขาไม่แปลงร่างหลายคนที่อยู่ข้างล่างมีระดับฝีมือเท่าลินลี่ย์ และแม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในนั้นก็ด้อยกว่าเขาไม่มากนัก  “แต่ในสภาพร่างมังกรของข้ามีแต่เฟนเท่านั้นที่สู้กับข้าได้”

ในแง่การรู้แจ้งกฎ  เขายังคงด้อยกว่าเฟน

แต่นักรบเลือดมังกรมีความได้เปรียบตามธรรมชาติมากเกินไป   ไม่มีทางที่จะจัดการเรื่องนั้นได้  ตัวอย่างเช่น บีบี..ในฐานะหนูกินเทพ  ความได้เปรียบตามธรรมชาติของเขายังยิ่งใหญ่มากกว่านักรบเลือดมังกรเสียอีก

“ครึกครื้นจริงๆ” ลินลี่ย์สังเกตว่านักรบยี่สิบเอ็ดคนนั้นอยู่ในระหว่างการซ้อมมือ ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะดังขึ้นได้ยินกันทั่ว  “ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์ในที่สุดเจ้าก็มาถึงจนได้ เจ้ามาถึงเป็นคนสุดท้ายเชียวนะ”

ลินลี่ย์ลงมายืนที่พื้นทันที

ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืนพื้นที่ว่างมีเก้าอี้และโต๊ะสองสามตัว ยอดฝีมือกำลังคุย กำลังดื่มและมีกระทั่งซ้อมฝีมือ  เพราะพวกเขามีความสนใจ  เป็นเรื่องยากที่สุดยอดฝีมือเหล่านี้จะมารวมตัวกันได้อย่างนี้

“ขอโทษจริงๆ ที่ข้ามาสาย”  ลินลี่ย์รู้สึกละอายใจเล็กน้อยและรีบทักทายทุกคน

เฟนหัวเราะขณะที่เขาเดินเข้ามาหา  “ไม่เป็นไร อาจารย์ยังไม่ได้มารับเราเหมือนกัน เขาจะยังไม่มาพบเราจนกว่าพรุ่งนี้เช้า คืนนี้เราจะรวมตัวกันที่นี่ นับเป็นโอกาสที่ดีจริงๆ”

“เขาคือลินลี่ย์หรือ?”

ยอดฝีมือหลายคนที่กำลังดื่มกินหันเหสายตามาที่ลินลี่ย์

คนเหล่านี้ทุกคนฝึกตัวอย่างสันโดษมาเป็นเวลาหลายพันปี  กล่าวโดยทั่วไปพวกเขาไม่สนใจคนรุ่นใหม่  แต่...ลินลี่ย์เป็นคนมีชื่อเสียงโดดเด่น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักรบเลือดมังกรหนึ่งในสุดยอดนักรบ ไม่มีใครกล้าแสดงอาการดูหมิ่นเขา

“ทุกท่าน” เฟนยิ้มขณะที่เขายืนขึ้นและทุกคนหันไปมองเฟน

แม้แต่ยอดฝีมือที่ซ้อมฝีมือกันในกลางอากาศ  เฟนหัวเราะอย่างใจเย็น “แทบทุกท่านในที่นี้ยังไม่เคยพบกับลินลี่ย์  เราเพิ่งจะคุยถึงเรื่องราวของเขาในตอนบ่ายไม่ใช่หรือ?  ใช่แล้ว, เคลย์เจ้าเอาแต่ตะโกนไม่หยุดเรื่องที่เจ้าต้องการจะทดสอบพลังของนักรบเลือดมังกรด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ?”

“ทดสอบพลังของนักรบเลือดมังกร?”  ลินลี่ย์อดยิ้มมุมปากไม่ได้

“น่าเสียดายที่เป็นนักรบเลือดมังกร  ไม่ใช่นักรบอมตะ”  เสียงดังชัดเอ่ยขึ้นและบุรุษร่างใหญ่ทรงพลังผมสีทองสั้นลุกขึ้นยืน เขาสวมเสื้อไม่มีแขน และกล้ามเนื้อที่น่ากลัวของเขาดูราวกับจะแยกออกจากกันได้

บุรุษผมทองมองดูลินลี่ย์และหัวเราะ  “ลินลี่ย์ ข้าขอแนะนำตัวก่อน  ข้าชื่อเคลย์ ปกติข้าจะฝึกฝนอยู่ที่เกาะทะเลเหนือ ข้าได้ยินชื่อเสียงของนักรบเลือดมังกรมานานแล้ว  และข้าก็คันไม้คันมือมานานแล้วข้าอยากจะซ้อมมือกับเจ้า ลินลี่ย์ ข้าสงสัยว่า...”

“ได้เลย” ลินลี่ย์ยิ้มขณะพูด

“เยี่ยมมาก” ตาของเคลย์เป็นประกาย และกล้ามเนื้อของเขาเริ่มสั่นทันทีเสียงระเบิดดังขึ้นทันที ‘บึ้ม’เสื้อของเขาระเบิดเป็นชิ้นแล็กชิ้นน้อย และร่างของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นโลหะเงาเปล่งแสงสะท้อนได้ทันที

เฟนพูดกับลินลี่ย์  “เคลย์ผู้นี้ฝึกฝนกฎธาตุดิน  แต่หนักในทางป้องกัน  เขาแข็งแกร่งมากกว่าเฮนด์เซนถึงสิบเท่า”

ลินลี่ย์ยิ้ม  “ข้าทราบ”

“ร่างของเคลย์ดูเหมือนทำขึ้นจากโลหะ  ดูเหมือนจะคล้ายเกราะองครักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ระดับเซียนซึ่งทำมาจากเพชร”  ลินลี่ย์ทึ่งเพราะพลังป้องกันของนักรบมีความน่ากลัวถึงระดับนั้นเขาต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน

ด้วยการพลิกมือลินลี่ย์ชักกระบี่เลือดม่วงออกมา

“ลินลี่ย์, เอาเลย แปลงกายได้เลย”  เคลย์พูดเสียงดัง

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”

เคลย์ดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย  เขาแค่นเสียง “ลินลี่ย์!  เจ้ามั่นใจจริงๆ เลยนะ”  ขณะที่เขาพูดเคลย์ขึ้นไปอยู่ในอากาศ  ที่นี่คือภูเขาเทพสงคราม พวกเขาไม่กล้าสร้างความเสียหายให้กับภูเขาเทพสงคราม เมื่อจะซ้อมฝีมือกันพวกเขาทุกคนจะบินขึ้นไปซ้อมฝีมือกันในกลางอากาศ

ทันใดนั้นลินลี่ย์ปรากฏตัวในกลางอากาศเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าระดับความเร็วของเขาเหนือกว่าเคลย์

“ฮ่าฮ่า..มาเลย!”  ในกลางอากาศ เคลย์คำรามอย่างตื่นเต้น และจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างพร่าเลือนและบุกเข้าใส่ลินลี่ย์  เขาปล่อยหมัดขวาทันทีและเหมือนกับว่าหมัดที่ทะลุทะลวง แฝงด้วยเสียงหวีดหวิวน่ากลัวโจมตีใส่ลินลี่ย์

หมัดผ่านไปที่ใดมิติจะกลายเป็นระลอก

“หืม?” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน ลินลี่ย์เตรียมใช้ระลอกลมโจมตี  แต่เมื่อเห็นพลังของหมัดนี้ ลินลี่ย์ถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนการโจมตีของเขาทันที

ลินลี่ย์ถอยหลังและฟันด้วยกระบี่เลือดม่วงและดูเหมือนจะผ่านสภาพคล้ายจริง ที่ใดก็ตามที่กระบี่เลือดม่วงผ่านไป พื้นที่ของมันเองดูเหมือนจะค่อยๆเปิดออกช้าๆ  จากนั้นก็พับทวีในตัวมันเองบนยอดของกระบี่เลือดม่วงเป็นขอบมิติแช่แข็ง และมีระลอกปรากฏรอบนั้นชัดเจน

สัจธรรมแห่งธาตุลม– จังหวะสายลมระดับสอง!

“ปัง!”

กระบี่เลือดม่วงปะทะโดยตรงกับหมัดที่ฉายประกายของมนุษย์โลหะ

“บึ้ม” พลังที่น่ากลัวผ่านไปตามกระบี่เลือดม่วงและโจมตีใส่ลินลี่ย์  ปราณยุทธรอบตัวลินลี่ย์ล้อมรอบตัวเขา  มีเพียงชีพจรคุ้มกันของร่างกายเขาสามารถปกป้องเขาจากพลังที่น่ากลัว  เคลย์เองก็ถูกกระแทกถอยหลังด้วยเช่นกันหมัดของเขามีรอยห้อเลือด แต่เขาไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย

“พลังป้องกันที่น่ากลัวนัก  ว่ากันเฉพาะเรื่องพลังป้องกัน เขาน่าจะพอๆกับนักรบอมตะ”  ลินลี่ย์ลอบตกใจ

“ลินลี่ย์, ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”  เสียงของเคลย์ดังขึ้น  “ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นตัวประหลาดจริงๆเขาทรงพลังมากทั้งที่ยังไม่ได้แปลงกาย เมื่อเขาแปลงกาย ข้าคงไม่มีพลังตอบโต้ได้แม้แต่น้อย”  ขณะที่เขาพึมพำกับตนเอง  เคลย์บินกลับลงไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด