ตอนที่ 11-13 ตื่นจริง ภัยพิบัติมาเยือน!
ทำยังไงดี?
เซียนทุกคนไตร่ตรองถึงปัญหานี้ สถานการณ์ชัดเจนก๊าซดำนั่นไม่สามารถปล่อยให้สัมผัสได้ สัมผัสเมื่อใดก็หมายถึงความตาย
“แม้แต่เอดินส์ก็ไม่สามารถทนได้แม้สักครู่ บางทีแม้แต่ข้าก็คงไม่สามารถทนได้แม้แต่นาทีเดียว” ลินลี่ย์รู้ดีว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราชนี้เป็นเทพระดับกลางเต็มที่แล้ว ก๊าซที่พ่นออกมาเป็นแค่พลังส่วนน้อยของมัน แต่พลังของเทพ แม้แต่ส่วนน้อย...ก็ไม่ใช่สิ่งที่เซียนจะทนได้
ทันใดนั้น...
มีสามคนกำลังกลับไปที่ทางลงชั้นสอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการกลับไปที่ชั้นสอง
“ยอมแพ้?” ลินลี่ย์มองดูพวกเขา
คนพวกนี้กำลังกลับไปที่ชั้นสอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมทิ้งโอกาสและเตรียมตัวอยู่ที่ชั้นสองสิบปีเต็ม หลังจากสิบปีจึงจะออกจากสุสานเทพเจ้าได้
“ยอมแพ้ก็หมายความว่ายอมสละสมบัติสุสานเทพเจ้าทั้งหมดเช่นกัน แต่พวกเขาจะมีชีวิตรอดออกไปได้เป็นอย่างน้อย” ลินลี่ย์ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนพวกนี้เลือกถูกหรือผิด แต่ตัวลินลี่ย์เองไม่ต้องการยอมแพ้ จนกว่าโอกาสสุดท้ายจะมาถึง เขาจะไม่ยอมแพ้
เมื่อเห็นสามคนจากไป อีกห้าคนจากสี่สิบคนก็เลือกออกไปเช่นกัน กลับไปที่ชั้นที่สอง
มีเพียงราวสามสิบคนที่อยู่ในชั้นที่สาม
“ควั่บ” มีเงาร่างหนึ่งผ่านเข้าไปโดยไม่สนใจก๊าซดำที่โจมตีเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเซียนผู้นี้คล่องแคล่วว่องไวมาก เขาหลบผ่านก๊าซอย่างว่องไวและในพริบตาก็ไปถึงบันได มียอดฝีมืออีกคนหนึ่งเข้าไปในชั้นที่สี่ได้
แต่คนต่อไปหน้าของเขาหม่นหมอง เขาพุ่งออกไปและโดนก๊าซดำที่ลอยแบบสุ่มล้อมไว้ทันที
“zzzzzzz” ลมหายใจของนาคราชยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
บุรุษวัยกลางคนกลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อยไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ
ยอดฝีมือทั้งที่เหลือมีสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขามีความมุ่งมั่นอยู่ในสายตามีเซียนอีกคนหนึ่งบุกลงไป แต่เซียนผู้นี้โชคร้ายมาก เกิดคลื่นทำให้ก๊าซดำมารวมตัวกันขวางทางผ่านไว้
เขาได้แต่มองก๊าซดำล้อมรอบตัวเขาและตายไปอีกคนหนึ่ง
“เรารอนานแล้ว ยิ่งก๊าซดำอยู่ที่ในทางผ่านนานมาก จะไม่มีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่แน่นอนของก๊าซดำ ถ้าข้าบินไปเหนือนั้นเมื่อก๊าซดำปิดบังทางผ่านไว้ อย่างนั้นข้าคงเสร็จกัน” ลินลี่ย์รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความคล่องแคล่วหรือความเร็วอีกต่อไป แต่ยังต้องขึ้นกับโชคอีกด้วย
ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์
ทั้งสองคนต่างมองดูกันและพยักหน้าให้กัน
ได้เวลาเตรียมตัวลงไปแล้ว
“ฟี้...........” “ฟี้...........”
นาคราชยังคงกรนต่อไปและเสียงนั้นคือเสียงที่ดูเหมือนจะดังไปตลอดทั้งชั้นสามบรรยากาศรอบตัวเซียนทั้งสามสิบคนดูเหมือนมึนซึมและน่ากลัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามีคนโชคไม่ดี วิญญาณของพวกเขาจะถูกทำลายและไม่มีแม้แต่โอกาสถูกส่งวิญญาณไปแดนยมโลกอีกด้วย
“ควั่บ!”คนต่อไปคือบุรุษร่างใหญ่กำยำที่เคยซ้อมฝีมือกับลินลี่ย์ เคลย์เคลื่อนตัวราวสายฟ้ามุ่งตรงไปที่ทางเข้าอุโมงค์ เคลย์โชคดีมาก เขาหลบก๊าซดำที่ไหลเวียนได้และพุ่งตรงไปที่บันได
เคลย์มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เขามองกลับมาที่เซียนคนอื่น จากนั้นไปต่อ
“ตอนนี้แหละ” ลินลี่ย์สังเกตว่าก๊าซดำเปิดเป็นช่องใหญ่และเตรียมจะพุ่งเข้าไปทันที แต่มีใครบางคนที่ไวกว่าลินลี่ย์และบุกลงไปก่อนลินลี่ย์บีบบังคับให้ลินลี่ย์ชะงัก
ความจริงเพราะช่องที่เปิดออกใหญ่มากเซียนคนนั้นจึงฉวยโอกาสบุกฝ่าเข้าไปทันที
ในขณะที่เซียนนั้นระบายลมหายใจโล่งอก เขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที เมื่อเขาก้มหน้าลงเขาเห็นว่าก๊าซที่บางมากรัดเท้าขวาของเขาไว้ และเท้าขวาของเขาสลายเป็นผุยผง
ขณะเดียวกันนั้น
ตั้งแต่เท้าขวาของเขาขึ้นมาขาขวาของเขาสูญสลายทันที เมื่อเวลาผ่านไปเซียนผู้นี้พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาร่างกายตั้งแต่อกลงไปก็สูญสลายหายไปแล้ว
ความรู้สึกทรมานในวิญญาณทำให้เซียนผู้นี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างมิอาจควบคุมได้
“อ๊าาา!!!” เสียงร้องโหยหวนดังตลอดชั้นสามที่เงียบสงบ
ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกมันรุนแรงมากแย่ยิ่งกว่าถูกหั่นด้วยมีดเป็นสิบล้าน เซียนไม่ต้องการก่อเสียงใดๆ แต่เขาไม่สามารถอดทนไว้ได้ เขาไม่เคยทนทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อน
สีหน้าของเซียนทุกคนเปลี่ยนไปทันที ไม่มีสีเลือดให้เห็นในใบหน้าของพวกเขา
พวกเขาจบสิ้นแล้ว!
“หนี!” ใครบางคนคำรามออกมาทันทีด้วยความโกรธ ไม่มีความแตกต่างอีกต่อแล้วไม่ว่าเขาจะก่อเสียงหรือไม่ก็ตาม
เซียนสามสิบกว่าคนเป็นเหมือนฝูงแกะที่หวาดกลัว พวกเขาเริ่มหนีไปด้วยความเร็วเต็มที่
แต่ด้วยเสียงร้องโหยหวนน่าสยดสยองร่างของนาคราชที่ยาวสิบกิโลเมตรเริ่มเคลื่อนไหวทันทีและขณะที่มันทำเช่นนี้ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาและแข็งแกร่งระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ภูเขาน้ำแข็งทั้งหมดระเบิดกระจายเผยให้เห็นทางที่ถูกซ่อนอยู่ในนั้นทางออกนั้น..เป็นเหมือนหน้าต่างที่แขวนห้อยอยู่ในกลางอากาศ
ภูเขาน้ำแข็งที่ระเบิดออกแฝงไปด้วยพลังรุนแรงที่มิอาจต้านทานได้ เศษน้ำแข็งกระจายไปทั่วทุกตำแหน่ง เซียนมากมายหลายคนถูกน้ำแข็งกระแทกใส่กระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักโลหิต ในเศษน้ำแข็งแต่ละชิ้นแฝงไปด้วยพลังมหาศาลน่ากลัว
“น่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์รู้สึกเป็นเหมือนทหารที่ต้องคอยหลบลูกธนูที่ไม่มีที่สุด ชิ้นน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ถูกกระแทกออกมาพุ่งเป็นสายแสงระเบิดออกไปในทุกทิศ
“บาร์เกอร์” หน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนไปทันที
ความสามารถในการหลบหลีกของบาร์เกอร์ไม่อาจเทียบกับลินลี่ย์ได้ ในที่สุดก็ถูกน้ำแข็งก้อนใหญ่กระแทกใส่
ตัวน้ำแข็งเองไม่มีความน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือพลังมหาศาลที่ถูกขับออกมา
“ปัง” ชิ้นน้ำแข็งแตกกระจายกระแทกบาร์เกอร์กระดอนถอยหลังออกไปพร้อมกับกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
วันสิ้นโลกมาเกิดขึ้นที่ชั้นสามได้
นาคราชที่นอนหลับอยู่ก่อนหน้านี้พลันลืมตาขึ้น ตาที่ใหญ่โตดำสนิทซึ่งมีแววสีน้ำเงินกวาดมองไปรอบ
นาคราชตื่นแล้ว!
แค่การเคลื่อนไหวร่างกายตามปกติของมันก็แฝงไว้ด้วยพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น แล้วถ้านาคราชพยายามฆ่าเซียนเหล่านี้จริงๆ ก็คงไม่มีใครหนีได้พ้น?
“พวกเจ้าต้องการเข้าไปหรือ?” นาคราชชูศีรษะจ้องมองทางเข้าชั้นสี่ซึ่งอยู่ในตำแหน่งเหนือหัวของมัน
ขณะนี้เองมีบางคนพุ่งเข้าไปที่ทางเข้าด้วยความเร็วสูง เห็นได้ชัดว่า...คนผู้นี้พยายามเข้าไปที่ชั้นสี่ ถ้าลินลี่ย์เงยหน้ามองดู เขาจะเห็นว่านี่คือเซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิเวอร์ แต่นาคราชสังเกตเขาพบแล้ว
“ควั่บ!”
ตาของนาคราชปล่อยแสงสองสาย เนื่องจากความเร็วของแสงสองสายสีดำนี้โอลิเวอร์จะต้องตายแน่นอน
แต่ทันใดนั้นร่างของโอลิเวอร์รายล้อมไปด้วยปราณยุทธสีดำข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งคลุมด้วยปราณแสงสีเขา ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าและเสียงฉัวะ.. ขาทั้งสองข้างของเขาร่วงลงมาจากท้องฟ้า
แต่ตัวโอลิเวอร์เองเข้าไปในชั้นที่สี่ได้
แสงดำสองสายเดิมทีจะต้องแทงใส่อกของโอลิเวอร์ แต่การเพิ่มความเร็วกระทันหันของโอลิเวอร์ทำให้แสงดำสองสายโจมตีโดนขาของเขาแทน เกิดรูบนขาของเขาซึ่งขยายลุกลามด้วยความเร็วที่น่ากลัว
แต่โอลิเวอร์ก็มีความเด็ดขาด
เขาตัดขาทั้งสองของตนเอง!
ถ้าเซียนคนนั้นผู้ที่เท้าถูกก๊าซดำเล่นงานและรู้ว่าก๊าซดำร้ายกาจเพียงไหนและสละขาทันที เขาอาจรักษาชีวิตไว้ได้
“พวกเจ้าไม่มีใครหลบหนีไปได้” นาคราชยืดตัวขึ้นและจ้องไปรอบๆ
ตอนนี้มีเซียนสองคนที่ไปถึงทางออกชั้นสองแล้ว แต่ก็แค่นั้นพวกเขาเตรียมจะเข้าไปแต่เพราะด้วยเหตุผลใดมิทราบร่างของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็งทันทีและจากนั้นก็แตกสลายเป็นชิ้นๆเหมือนกับน้ำแข็งแตก
ยอดฝีมืออื่นๆบนชั้นสามในตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง
“เจ้าบัดซบนั่นลากกลุ่มเราทั้งหมดให้พลอยพินาศไปด้วย” ลินลี่ย์รู้สึกสะท้านใจ
น่ากลัว!
ตอนนี้ลินลี่ย์หวาดกลัว
นาคราชยังไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เซียนทั้งสองที่ไปถึงทางเข้าชั้นสองก็ตายทันทีแล้วนาคราชใช้พลังอะไรออกไป? ลินลี่ย์ไม่รู้และสิ่งที่ไม่รู้นี้น่ากลัวขนาดไหน
“บางทีในครั้งต่อไปข้าอาจจะถูกแช่แข็งได้ทันทีเช่นกัน”
“ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้บาร์เกอร์อยู่ที่ไหน” หัวใจลินลี่ย์เต็มไปด้วยความขมขื่น
ทันใดนั้นลินลี่ย์กัดฟัน
ไม่มีเวลาห่วงอะไรอื่นทั้งนั้น แม้ว่าเขาจะตาย ก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ
มือของลินลี่ย์กวัดแกว่งกระบี่เลือดม่วงและดาบหนักอดาแมนเทียม ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นจ้องมองทางเข้าที่อยู่ด้านบน ขณะนี้เองลินลี่ย์ห่างจากทางเข้าชั้นสี่เพียงไม่กี่พันเมตร ระยะขนาดนี้ลินลี่ย์สามารถข้ามไปถึงได้ในพริบตา
“ควั่บ!” มนุษย์คนหนึ่งพุ่งไปที่ทางเข้าชั้นสี่ด้วยความเร็วสูง
แต่ในอากาศตาของนาคราชยิงแสงดำสองสายออกไปอีกครั้งหนึ่ง แสงทะลวงผ่านศีรษะของเขา มีเซียนตายเพิ่มอีกคนหนึ่ง
“ทุกคน, รวมตัวกันไว้...”เซียนคนหนึ่งไม่มีโอกาสพูดได้จบประโยค เพียงแค่นั้นเขาก็ตายเสียแล้ว
ตาของนาคราชมองดูคนตายด้วยความขบขัน นาคราชไม่รีบฆ่าคนเหล่านั้นเขาเพิ่งจะงีบระยะยาว ตอนนี้พอเขาตื่นขึ้นมาก็ถูกโน้มน้าวให้เล่นกับมดแมลงที่อยู่ข้างหน้าเขา
“ควั่บ!” “ควั่บ!”
ร่างมนุษย์หลายร่างพุ่งไปที่ท้องฟ้าข้างหน้า หนึ่งในนั้นคือลินลี่ย์ในร่างมังกร
จากดวงตาของนาคราชตาของเขายิงแสงดำต่อเนื่องสี่ครั้งแสงสีดำทั้งแปดสายพุ่งไปที่คนทั้งแปดทันที รวมทั้งลินลี่ย์ด้วยคนอื่นไม่สามารถทำอย่างโอลิเวอร์ได้คือเพิ่มความเร็วสามเท่าทันที
ร่างมนุษย์คนแล้วคนเล่าตายในกลางอากาศ
หนึ่งในแสงน้ำเงินพุ่งมาที่ศีรษะของลินลี่ย์ ลินลี่ย์รู้สึกกลัวในใจ ไม่ต้องสงสัยเลย.. เมื่อถูกแสงน้ำเงินยิงเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ในทันใดนั้น ลินลี่ย์ควงกระบี่เลือดม่วงทันที
“แคล้ง!” ลินลี่ย์เคลื่อนออกไปราวกับสายฟ้า เข้าไปในทางเข้าชั้นที่สี่
ในจำนวนคนแปดคนนั้นมีคนตายเจ็ด รอดหนึ่งคน
“เอ๊ะ?” นาคราชเงยหัวมองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นพึมพำเบาๆ “น่าสนใจ, ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องประหลาดที่น่าสนุกในกลุ่มพวกมนุษย์ หนึ่งในนั้นสามารถใช้กฎมืดและกฎแสงสว่างคู่กันได้ ขณะที่เจ้านี่... กลับมีอาวุธเทพที่ล้ำค่าอย่างน่าเหลือเชื่อ
……
นี่คือโลกหิมะไร้ขอบเขต
ลินลี่ย์ยืนอยู่ในท่ามกลางน้ำแข็งหอบหายใจ ใจของเขาถูกความกลัวครอบงำ ขณะนั้น..ลินลี่ย์ได้เห็นสายตาที่เย็นชาและไร้ความรู้สึกของนาคราชขณะที่มันยิงแสงสีดำออกมา พลังเล็กน้อยที่เขาได้จากการเข้าใจกฎธรรมชาติเมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีนั้น ไม่มีมีอะไรนอกจากเป็นเรื่องตลก
จะทำยังไงได้?
“มันช่วยชีวิตข้าไว้” ลินลี่ย์มองดูกระบี่เลือดม่วงในมือของเขา นี่คืออาวุธเทพที่แท้จริง
แม้ว่าดาบหนักอดาแมนเทียมจะมีความคงทนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเทพ ดังนั้นในครั้งล่าสุดลินลี่ย์เลือกใช้กระบี่เลือดม่วงป้องกันรังสีดำเอาไว้ กระบี่เลือดม่วงไม่ทำให้ลินลี่ย์ผิดหวัง เมื่อรังสีน้ำเงินเข้มกระทบกับกระบี่เลือดม่วงแค่ทำให้กระบี่เลือดม่วงสั่นทันทีเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้กระบี่เลือดม่วงเสียหายแม้แต่น้อย
“แสงรังสีน้ำเงินเข้มไม่ได้แฝงแรงกระแทกกระทั้น สิ่งที่มันมีก็คือพลังกัดกินที่แปลกประหลาด
ลินลี่ย์จ้องดูกระบี่เลือดม่วงอย่างระมัดระวัง มันก็เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อน ลินลี่ย์รู้แต่เพียงว่ากระบี่เลือดม่วงเป็นอาวุธที่ไม่ธรรมดา...เพราะจากวันที่เขากระตุ้นการใช้งานมันในวันแรก ลินลี่ย์พบกับนิมิตภาพศพมากมายกองพะเนินซึ่งรังสีที่มันเปล่งออกอยู่เหนืออสูรเวทระดับเซียนเสียอีก
นี่คืออาวุธระดับเทพชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าเจ้าของเดิมของกระบี่เลือดม่วงจะเป็นเทพชั้นต้น ชั้นกลางหรือเทพระดับสูงก็ตาม ลินลี่ย์ไม่รู้จริงๆ
แต่ลินลี่ย์เชื่อว่าอาวุธเทพไม่ควรจะได้รับความเสียหายง่ายดายเมื่อถูกนาคราชระดับเทพโจมตี
ลินลี่ย์ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน และเขาพนันถูก เขารอดชีวิตมาได้
“แต่บาร์เกอร์...” ลินลี่ย์มองกลับไปที่ทางเขาใกล้ข้างล่างทางเข้าเป็นชั้นที่สาม และบาร์เกอร์ยังคงอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ไม่สามารถทำอะไรได้ อยู่ต่อหน้านาคราชเขาไม่มีสามารถต่อต้านแต่อย่างใด
“ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกมาได้” เสียงเย็นชาดังขึ้นใกล้ๆ
ลินลี่ย์หันไปดู
โอลิเวอร์ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนพื้นหิมะขาทั้งสองของเขาคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีขาว ขณะเดียวกัน ขาก็เริ่มงอกในระดับที่รวดเร็ว ตอนนี้ขาของเขางอกออกมาถึงเข่าแล้ว