ตอนที่ 11-11 สิ่งมีชีวิตแบบพืช
“อย่าส่งเสียงดังไป” ลินลี่ย์ระวังตัวเป็นอย่างมาก “เห็นซากงูยักษ์ข้างล่างนั่นไหม?”
บาร์เกอร์มองลงมาจากนั้นพยักหน้า ลินลี่ย์พูดเสียงจริงจัง “งูเขียวใหญ่ขนาดนี้มันย่อขนาดจนเหลือเท่านิ้วมือและซ่อนตัวเองอยู่บนใบไม้ จู่ๆ มันลอบทำร้ายข้า ถ้าข้าย่ามใจเกินไปและไม่ได้แปลงร่างมังกรแล้ว แค่ชีพจรป้องกันในร่างมนุษย์คงไม่สามารถรับมือมันได้ และบางทีข้าอาจจะตายไปแล้ว”
“แย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?” บาร์เกอร์อดพูดด้วยความตกใจไม่ได้
หน้าของลินลี่ย์จริงจังมากขณะจ้องมองไปรอบๆ เขาพูดลดเสียง “ตามที่เดลี่บอก อุโมงค์ทั้งสามในทวีปยูลานจะนำเข้าสู่สุสานเทพเจ้าในตำแหน่งต่างกัน และนี่คืออุโมงค์ที่อันตรายที่สุด ในอดีตเดลี่และคนอื่นต้องไปซ่อนตัวอยู่ชั้นที่ห้าและรออยู่ที่นั่นจนผ่านไปสิบปี”
บาร์เกอร์ค่อนข้างตกใจอย่างเห็นได้ชัด “และเมื่อคิดดูแล้วข้าเองต้องการไปให้ถึงชั้นที่สิบเอ็ด”
“ชั้นที่สิบเอ็ด? เดลี่ยังไม่กล้าไปต่อที่ชั้นหก และเจ้าเต้องการจะไปชั้นที่สิบเอ็ด?” ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์อย่างจริงจัง “บาร์เกอร์, อย่างคิดแค่เพียงว่าเพราะพลังป้องกันของเจ้าสูงส่งจนเจ้าบุ่มบ่ามใจร้อน สถานที่น่าสยดสยองนี้สัตว์ประหลาดทั้งหมดมาจากดินแดนอื่น อาจจะมีบางตัวที่เข้ากันได้กับการโจมตีใส่เจ้าได้อย่างลงตัว ถ้าเจ้าไม่ระวัง ชีวิตของเจ้าอาจดับสูญเป็นได้”
“เจ้าจำที่เดลี่กล่าวถึงได้ไหม? ถ้าเราโลภสักเล็กน้อย เราคงจะโชคดีได้เห็นพวกเรารอดมาได้สักสิบคน จากทั้งหมดแปดสิบคน” ลินลี่ย์มองบาร์เกอร์ “ถ้ามีเพียงสิบคนที่จะรอดข้าคาดว่าห้าคนจะต้องเป็นห้าสุดยอดเซียน ขณะที่คนอื่นผู้มาถึงที่นี่ สำหรับข้า ถ้าข้าไม่ระมัดระวัง ข้าอาจตายที่นี่ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์ บาร์เกอร์ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นทันที
ที่สำคัญในแง่ผู้ที่สามารถเอาตัวรอดได้พวกที่เคยมาก่อนมีโอกาสสูงที่จะรอดได้เป็นธรรมดา นอกจากนี้ในบรรดานักสู้ทั้งแปดสิบ ยังมีราชสีห์ทองหกตาและอสูรแห่งไพรทมิฬที่น่ากลัว เมื่อรวมกับยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ด้วยเช่นกัน ก็ย่อมมีโอกาสมากที่สิบคนนี้จะแข็งแกร่งมากกว่าบาร์เกอร์แน่นอน
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กระซิบ
“ได้เลย” บาร์เกอร์ติดตามลินลี่ย์ทันที ทั้งสองเดินทางอย่างระมัดระวังมาก กระบี่เลือดม่วงและขวานยักษ์ยังคงอยู่ในมือพวกเขา เตรียมพร้อมกับการต่อสู้ตลอดเวลา
การกระทำเช่นนี้อาจทำให้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งในป่าตัดสินใจไม่โจมตีพวกเขา
“ท่านลอร์ดลินลี่ย์ ในสถานที่นี้มีไม้หนามหนาแน่นมากเกินไป เราบอกตำแหน่งได้ไม่ค่อยแน่นอนเลยว่าเรากำลังจะไปไหน” หลังจากบินไปเป็นเวลานาน ทั้งสองก็เริ่มร้อนใจ จากด้านนอก สุสานเทพเจ้าดูเหมือนจะมีขนาดเพียงหมื่นเมตร แต่ภายในพื้นที่กลับยืดขยายออกไปมาก
ลินลี่ย์และคนอื่นได้แต่จ้องมองเรื่องนี้ด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องกังวล ใจเย็นไว้ ค้นหาอย่างใจเย็น” ลินลี่ย์กระซิบ
ทันใดนั้น...“อ๊าคคค!!!” เสียงร้องโหยหวนกราดเกรี้ยวและเจ็บปวดสามารถได้ยินจากที่ไกลและเศษใบไม้ก็ระเบิดกระจายจากที่ไกลด้วยเช่นกัน
ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ได้แต่มองหน้ากัน จากนั้นเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆไปยังตำแหน่งที่มีการต่อสู้ ในไม่ช้าทั้งสองก็พบภาพที่น่าประหลาด ดอกไม้ขนาดมหึมาห่อตัวเองและกัดเซียนคนหนึ่งเหมือนกับว่ามีปากขนาดใหญ่พยายามกลืนกินบางอย่าง ภายในดอกไม้กำลังสั่น เห็นได้ชัดว่าเซียนที่อยู่ภายในพยายามจะสู้ตอบโต้
แต่เพียงไม่กี่วินาที ภายในดอกไม้ก็กลับคืนสู่ความสงบเหมือนตามปกติ
เซียนคนนั้นตายแล้ว
“กินคน?” ลินลี่ย์อดโกรธไม่ได้
ในไพรทมิฬเมื่อได้เห็นปราสาทโลหะมีชีวิต ลินลี่ย์พอเข้าใจ..นั่นไม่ใช่แค่มนุษย์และอสูรเวทซึ่งมีพลังชีวิต แม้แต่โลหะหรือต้นไม้ก็มีปัญญา และบางครั้งยังน่ากลัวมากกว่ามนุษย์
“ท่านลอร์ด?” บาร์เกอร์พูดเบาๆ
ลินลี่ย์ทำท่าส่งสายตาเขาขณะนี้ลินลี่ย์ก็เช่นกัน สังเกตเห็นแล้วว่ามีเถาหนามบางส่วนกำลังเคลื่อนไหวช้าๆ
“เถาวัลย์พวกนี้มีชีวิต เป็นไปได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตประเภทพืชที่ต้องการฆ่าเรา” ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก กับสัตว์ประหลาดประเภทพืช การใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมบางทีอาจไม่มีผลมาก ที่สำคัญ แม้ว่าจะฟันต้นไม้ขาดครึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยังจะมีชีวิตอยู่
แต่ถ้าใช้ความเฉียบแหลมใช้อาวุธอย่างกระบี่เลือดม่วง จะใช้ได้ผลมากกว่า
“ครึ่กๆ....” ทันใดนั้นเถาวัลย์จากที่ไกลยาวหลายสิบเมตรพุ่งตรงมาที่ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ทันที ขณะเดียวกันเถาวัลย์ที่พันรอบต้นไม้ก็ทิ้งตัวลงจากต้นไม้และเคลื่อนมาล้อมลินลี่ย์ไว้
เถาที่อยู่ในพงหญ้าก็พุ่งออกมาเช่นกัน
ในทันใดนั้น..เถาวัลย์เป็นร้อยๆ ไม่ว่าทั้งหนาทั้งบางคลุมเต็มท้องฟ้าจู่โจมจากด้านบนด้านล่างและจากรอบๆ ตัวพวกเขา แม้แต่เถาวัลย์ที่หมกอยู่ในโคลนก็ลอบโจมตีเหมือนกัน ลินลี่ย์และบาร์เกอร์พบว่าพวกเขาเองติดอยู่ในกรงขังเถาวัลย์นับไม่ถ้วน
เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นลูกกลมขนาดใหญ่สีเขียวกว้างสิบเมตร
ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ถูกกักอยู่ในลูกกลมยักษ์นั้น
“นี่ชักจะยุ่งยากแล้ว” ลินลี่ย์พยายามใช้แขนผลักเถาวัลย์ที่พยายามรัดรอบตัวเขา แต่เถาวัลย์อ่อนและยืดหยุ่นมาก มันแค่ยืดขยายออกเล็กน้อยเท่านั้น แรงล้วนๆอย่างเดียวไม่สามารถทำลายผ่านกรงเถาวัลย์นี้ได้ นอกจากนี้ ลินลี่ย์รู้สึกว่าเข็มแหลมนับไม่ถ้วนจากเถาวัลย์แทงใส่ทั่วตัวเขา
แม้ว่าด้วยพลังชีพจรคุ้มกันของเขาจะสามารถป้องกันได้ แต่ปราณยุทธของเขาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านลอร์ด, ข้าไม่สามารถหลุดออกไปได้” บาร์เกอร์ตื่นตระหนก เขาต้องการจะกวัดแกว่งขวานยักษ์ แต่จำนวนเถาวัลย์ที่พันอยู่รอบแขนเขามีมากทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะควงขวานได้ ความยืดหยุ่นและความเหนียวของเถาวัลย์นี้น่ากลัวมาก “ท่านลอร์ด, เราจะทำยังไงกันดี?”
บาร์เกอร์เริ่มคลั่ง
แม้ว่าเขาจะทรงพลัง แต่พลังชีวิตของเถาวัลย์เหล่านี้ก็ยิ่งใหญ่มาก
ทันใดนั้น...
“ฮ่าฮ่า,พวกเจ้าทั้งสองยอมรับความตายเสียแต่โดยดี หลังจากฆ่าพวกเจ้าทั้งสองแล้ว ข้าจะฆ่าเพิ่มอีกสาม และจากนั้นข้าจะสะสมศพได้เพียงพอ เมื่อข้าเสนอศพให้กับใต้เท้าของข้า ข้าจะกลายเป็นเทพ อย่าต่อต้านดิ้นรนดีกว่า เจ้าไม่มีทางต่อต้านได้ พลังของมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีเทียบกับข้าได้แน่” เสียงแหลม แผ่วก้องมาจากภายในกรงเถาวัลย์
“ศพที่เพียงพอ?” ลินลี่ย์ตกใจ
เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวประหลาดในสุสานเทพเจ้าถึงต้องการฆ่าพวกเขา
“ตาย” เสียงแหลมแผ่วดังขึ้นอีกครั้ง
ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวกำลังมาที่เขาผ่านทางเถาวัลย์ เถาวัลย์แต่ละเส้นมีความแข็งแรงมากและในตอนนี้เถาวัลทั้งร้อยเส้น หรืออาจพันเส้นเพิ่มพลังขึ้นพร้อมกัน แม้แต่ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็ยังรู้สึกได้ว่าพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงบีบเค้น
เถาวัลย์จำนวนมากขดรอบตัวลินลี่ย์ทำให้แขนขาและหางมังกรของเขาถูกพันธนาการไว้ แม้เมื่อจะใช้พลังล้วนๆ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อย
“เจ้าต้องการฆ่าเราทั้งสองงั้นหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชา และจากนั้นพลิกข้อมือ...
แสงสีม่วงฉายวาบภายใต้การโจมตีของวิชาจังหวะแห่งสายลม ที่ใดก็ตามที่กระบี่เลือดม่วงผ่านไปเถาวัลย์จะขาดจากกันทันที กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์เปลี่ยนสภาพเป็นภาพพร่าเลือนอย่างรวดเร็ว และเถาวัลย์ขาดมีนับไม่ถ้วน เสียงร้องแหบแห้งทรมานได้ยินชัด
เถาวัลย์ที่ยังเหลือหนีไปด้วยความเร็วสูงทันที
ในไม่ช้าเถาวัลย์ที่ไม่เสียหายก็หายไปขณะที่มีเถาวัลย์กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่ยังคงบิดตัวไปมาเหมือนกับว่าพวกมันเป็นกล้ามเนื้อมีชีวิต
“หืม..” ลินลี่ย์จ้องมองดูรอบๆ ตัวเขา
ลินลี่ย์มองหาแก่นของสิ่งมีชีวิตประเภทต้นไม้ และในไม่ช้า ลินลี่ย์พบกับร่องรอยเลือนราง แต่ขณะที่เขาทำเช่นนั้น ลินลี่ย์ได้แต่ส่ายศีรษะถอนหายใจ “ร่างหลักของเจ้าผู้นี้ซ่อนอยู่ใต้ดิน การฆ่าเขาเป็นเรื่องที่ยาก”
บาร์เกอร์ยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง“ท่านลอร์ดลินลี่ย์, ถ้าตัวข้าเองต้องมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวเถาวัลย์นั่น ข้าจะทำไงดี? กระบี่เลือดม่วงเล็กและใช้ง่ายเพียงพลิกข้อมือ แต่ขวานยักษ์ของข้านั้นแตกต่างออกไป ถ้าข้าต้องกวัดแกว่งมันด้วยมือข้าพลังโจมตีก็จะอ่อนด้อยและข้าคงไม่สามารถทำลายเถาวัลย์นั่นได้แน่”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
บาร์เกอร์มีพลังมากและการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ขวานยักษ์ของเขาใช้สำหรับการสับที่ทรงพลัง แต่เพียงแค่นั้นพอตลอดทั้งร่างของเขาถูกเถาวัลย์รัดพันธนาการก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาในการทำลายเถาวัลย์
“กับการต่อต้านสัตว์ประหลาดประเภทต้นไม้ แค่พลังอย่างเดียวสู้อาวุธมีคมไม่ได้” ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์
“ปัญหาหลักก็คือความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเจ้ายังไม่สูงเท่าใดนัก แม้จะมีเพียงมือเปล่าข้าก็สามารถใช้วิชาจังหวะแห่งสายลมได้และใช้สันมือของข้าตัดเถาวัลย์ให้ขาดได้ การใช้ ‘สัจธรรมแห่งแห่งธาตุดิน’ ก็เพียงพอจะทำให้เถาวัลย์พวกนั้นสลายออกไปได้” ลินลี่ย์เตือนบาร์เกอร์ “ในทวีปยูลานเป็นเรื่องดีที่เจ้ายังอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าและพลังป้องกันของเจ้าได้ แต่ถ้าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับตัวประหลาดที่มีพลังประหลาด เจ้าจะตกที่นั่งลำบากจริงๆ”
“ถูกแล้ว” บาร์เกอร์ได้แต่รับบทเรียนนี้ไว้ในใจ
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าว
แต่หลังจากที่ทั้งสองคนบินไปได้เพียงไม่กี่สิบเมตร ลินลี่ย์พลันหมุนตัวและพุ่งเข้าหาพื้นรวดเร็วราวสายฟ้า เขาใช้มือขวาทุบไปบนพื้นอย่างรุนแรงเหมือนใช้กระบองฟ้า พื้นที่ทั้งสิ้นดูเหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย
สัจธรรมแห่งธาตุดิน– ชีพจรโลก คลื่น 128 ชั้น
นี่คือขีดจำกัดปัจจุบันของลินลี่ย์ และทรงพลังยิ่งกว่าพลังคลื่น 256 ชั้นครั้งก่อน
“อ๊า..” เสียงร้องโหยหวนได้ยินจากใต้ดิน
“หืม..เจ้าโชคดีที่ไม่ตาย” ลินลี่ย์บินขึ้นไปอีกครั้ง “บาร์เกอร์! ไปกันเถอะ”
เมื่อเถาวัลย์หนีไปแล้วลินลี่ย์สามารถคำนวณตำแหน่งทั่วไปของเถาวัลย์ใต้ดินได้ แต่นี่เป็นแค่พื้นที่ทั่วไป ขณะที่ลินลี่ย์เห็นมัน...ร่างหลักของสิ่งมีชีวิตของเถาวัลย์นี้ใหญ่โตอย่างมิต้องสงสัย
ลินลี่ย์คาดการว่ามันน่าจะเป็นที่ใดสักแห่งจากนั้นจึงส่งพลังสัจธรรมแห่งธาตุดินเข้าไปในใจกลางพื้นที่
“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถโจมตีหัวใจของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้ แต่ข้าก็ยังสามารถโจมตีตำแหน่งทั่วไปในร่างของมันได้” ลินลี่ย์คิดในใจ แน่นอนเนื่องจากเป็นการคาดการณ์ แม้ว่าเขาจะโจมตีไม่ถูกแก่นพลังของสัตว์ประหลาดนี้และเจ้าสิ่งมีชีวิตร่างเถาวัลย์นี้โชคดีที่รอดได้ ลินลี่ย์ยังคงทำอันตรายพวกมันอย่างหนัก
หลังจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเถาวัลย์ไม่นาน ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็พบกับประตูลับที่ชั้นสองเป็นชุดบันไดที่ล้อมรอบด้วยพืชมากมาย ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ไต่ขึ้นบันไดโดยตรง ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าชั้นที่สาม
“ระวังให้ดี ทุกๆชั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีนาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นก็ได้ เจ้าต้องไม่ใจร้อน” ลินลี่ย์เตือนบาร์เกอร์
“ข้ารู้ ถ้าเราพบกับนาคราช ข้าจะไม่พูดอะไรสักคำ” บาร์เกอร์พยักหน้า
จากนั้นลินลี่ย์และบาร์เกอร์ตรงเข้าไปในชั้นที่สาม เมื่อเข้าไปแล้วลินลี่ย์และบาร์เกอร์อดหนาวสะท้านไม่ได้ทั้งคู่ มันหนาวเหลือเกิน ความหนาวแบบนี้ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
นี่คือโลกน้ำแข็ง
ภูเขาน้ำแข็งจำลองทอดตัวเป็นแนวและขนาดที่ใหญ่มีพลังงานสีขาวไหลเวียนอยู่ทุกที่ เมื่อพลังงานสีขาวเข้ามาใกล้พวกเขา ลินลี่ย์กับบาร์เกอร์อดสะท้านไม่ได้อีกครั้ง
“มันหนาวมากขนาดนั้นได้ยังไง?” ลินลี่ย์ลอบตกใจ “ข้ามีทั้งชีพจรป้องกันและเกล็ดมังกร แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี ประหลาดมากจริงๆ”
แต่แม้ว่าลินลี่ย์และบาร์เกอร์ทั้งคู่จะคิดอย่างนี้ พวกเขาไม่กล้าส่งเสียง ก่อนที่จะแน่ใจเต็มที่ว่าในชั้นนี้มีนาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ ทั้งสองไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ลินลี่ย์และบาร์เกอร์บินอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น...
“เป็นเอดินส์นั่นเอง” ลินลี่ย์เห็นเซียนคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ตอนนี้บินอย่างระมัดระวังพร้อมกับเซียนอีกสองคน
เมื่อลินลี่ย์และบาร์เกอร์บินเข้ามาใกล้พวกเขา เอดินส์ดูเหมือนจะสังเกตเห็นลินลี่ย์ได้เหมือนกัน และเขารีบปรายตาบอกใบ้ลินลี่ย์
“มีอะไร?” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าสายตาของเอดินส์กังวล ขณะเดียวกันเขาชี้ไปตำแหน่งหนึ่ง
ลินลี่ย์มองดูตามตำแหน่งที่เอดินส์ชี้ทันทีและเขาเห็นสัตว์ประหลาดที่ดูคล้ายกับอสรพิษปกคลุมไปด้วยเกล็ดเขียวมีขนาดหนาเกินสิบเมตร และว่ากันเรื่องความยาว... ลินลี่ย์เห็นได้แต่เพียงความยาวระยะไม่กี่สิบเมตร ส่วนที่เหลือของมันมีภูเขาน้ำแข็งบดบังเอาไว้
“หรือว่านั่นคือนาคราช?” ลินลี่ย์ใจสั่น
บาร์เกอร์ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาผลัดกันมองดูกับลินลี่ย์ และพวกเขาทั้งสองบินด้วยความระมัดระวังอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น เอดินส์และเซียนอื่นๆอีกสองคนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยกลัวว่าพวกเขาอาจปลุกอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวอย่างนาคราชได้
หลังจากบินไปชั่วขณะแล้วลินลี่ย์จึงสามารถเห็นร่างส่วนใหญ่ของนาคราชได้
ร่างของนาคราชพันขนดรอบภูเขาที่เหมือนภูเขาน้ำแข็งและไม่มีใครเห็นส่วนท้ายของตัวมัน แต่เฉพาะส่วนที่ขดรอบภูเขาน้ำแข็งก็ยาวเกินพันเมตรแล้ว นี่คืออสูรเวทที่มีร่างใหญ่ที่สุดเท่าที่ลินลี่ย์เคยเห็นมาในชีวิต อสูรเวทปกติจะมีขนาดยาวเกือบร้อยเมตร
แต่ตำแหน่งที่มองไม่เห็นของนาคราชก็น่าจะยาวเกินพันเมตร
“เป็นไปได้ไหมว่ามันมีขนาดยาวเกินหมื่นเมตร?” ลินลี่ย์ บาร์เกอร์และคนอื่นยังคงบินต่อเพื่อหาทางไปต่อ ลินลี่ย์เห็นว่าที่ด้านหลังมียอดฝีมือเข้ามาในชั้นสามด้วยเช่นกัน “ข้าหวังว่าคนเหล่านี้ คงจะไม่ปลุกนาคราช ถ้าเราต้องถูกลากไปด้วย นั่นจะเป็นภัยพิบัติใหญ่
ตอนนี้มียอดฝีมือน้อยคนในชั้นสามถ้ามีคนใดคนหนึ่งส่งเสียงขึ้นมา ทั้งหมดคงจบสิ้นกัน
“หัวของนาคราช” ลินลี่ย์เห็นหัวอสรพิษขนาดมหึมาจากที่ไกล อย่างน้อยก็สูงยี่สิบเมตร ตาของนาคราชหลับอยู่ ลมหายใจของมันไม่ดังมาก แต่บรรยากาศบนชั้นสามเงียบงัน ลินลี่ย์และคนอื่นเข้าใจได้ชัดเจนมาก
เมื่อนาคราชอยู่ในระหว่างหลับใหลมันจะปล่อยควันดำออกมาจากปากต่อเนื่อง ควันดำกระจายไปรอบพื้นที่เหมือนกับลม และเมื่อใดก็ตามที่ควันดำกระทบภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ ภูเขาน้ำแข็งนะสลายกลายเป็นฝุ่นน้ำแข็ง