ตอนที่แล้วตอนที่ 11-9 ประติมากรรมของสุสาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-11 สิ่งมีชีวิตแบบพืช

ตอนที่ 11-10 เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ


หลังจากยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์และฝ่ายอสูรเวทเข้าไปในสุสานเทพเจ้าแล้วมหานักพรตกล่าวขึ้นในที่สุด

“ลอร์ดเบรุต?” มหานักพรตมองดูเบรุต “ถ้าบีบีเผชิญหน้ากับนาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์ แล้วจะเป็นยังไง?”

บางทีเบรุตไม่ให้ความสำคัญชีวิตของคนอื่น  แต่เขาต้องใส่ใจบีบีแน่นอน  และในสุสานเทพเจ้าแม้แต่เบรุตก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้  มหานักพรตสับสน..ทำไมเบรุตถึงกล้าทำเรื่องอย่างนั้น!

เบรุตหัวเราะ  “ไม่เป็นไร บีบีจะไม่เผชิญกับนาคราช เพราะ..เขาเลือกอุโมงค์ขวา”

“ลอร์ดเบรุต, ท่านกำลังพูดอะไร?”  ซีซาร์สีหน้าเปลี่ยน

เบรุตหัวเราะและพยักหน้าอย่างใจเย็น  “ตอนที่เมื่อข้าเพิ่งเปิดอุโมงค์  ข้าตรวจสอบอย่างรวดเร็วแล้ว  นาคราชอยู่ในพื้นที่อุโมงค์ด้านซ้าย  และมันอยู่ใต้ชั้นที่ห้า ดังนั้นข้าจึงให้เซียนอสูรเวทเข้าไปทางอุโมงค์ขวา”

มหาพรตเทพสงคราม ไดลินและซีซาร์ลอบถอนหายใจกันหมด

“อย่างนั้นลินลี่ย์...”  ซีซาร์พูดในลำคอ

เบรุตพูดอย่างเยือกเย็น  “ข้าได้แต่หวังว่าเขาจะโชคดี  ข้าไม่อาจปกป้องพวกเขาได้ตลอด  พวกเขาตัดสินใจเข้าสุสานเทพเจ้ากันเอง  พอเถอะ ไปกันเถอะเราจะมาอีกในสิบปีข้างหน้า” เบรุตหันกายและบินออกไปทางอุโมงค์ที่พวกเขาเข้ามา

มหาพรตเทพสงครามและคนอื่นไล่ตามเขาไปทุกคน

…..

อุโมงค์ที่มืดมิดน่าอึดอัดมีประกายสว่างจากไฟสีดำ  กลุ่มยอดฝีมือเข้าไปในอุโมงค์ น้ำจากทะเลลึกไม่สามารถเข้ามาในอุโมงค์ได้แม้แต่น้อย  เฟนและลินลี่ย์เดินเคียงข้างกัน

“ลินลี่ย์จำเอาไว้ ถ้าเจ้าเผชิญกับอันตรายใดๆก็ตาม วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเจ้าควรถอยกลับไปที่ชั้นล่าง”เฟนแนะนำประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์กับลินลี่ย์ “ทุกๆ ชั้นของที่นี่จะมีสิ่งมีชีวิตหรือผีดิบอมนุษย์ที่น่ากลัวอยู่มาก  แต่พวกมันจะยังคงอยู่ในชั้นของพวกมันเท่านั้น”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“นอกจากนี้ ไม่ว่ายังไง อย่าใช้พลังจิตวิญญาณในสุสานเทพเจ้า”  เฟนพูดเคร่งขรึม “ถ้าพลังจิตของเจ้าดึงดูดความสนใจสิ่งมีชีวิตบางอย่างมา  พวกมันจะพบการปรากฏตัวของเจ้าได้อย่างรวดเร็ว”

“ข้าทราบแล้ว” ในสถานที่อันตรายอย่างนี้ การใช้งานพลังจิตของเขาก็เท่ากับบอกพวกสิ่งมีชีวิตและอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในชั้นนี้ให้ทราบตำแหน่งของเขา  นั่นเป็นการหาเรื่องตายดีๆ นี่เอง

ลินลี่ย์กล่าวด้วยความสงสัย  “ท่านเฟนสุสานเทพเจ้าถูกสร้างขึ้นมามีสิ่งมีชีวิตหลากหลายรูปแบบในแต่ละชั้น...ข้ารู้สึกว่ามีใครบางคนสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ” นั่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ที่สำคัญถ้าเทพหลายตนตายอยู่ที่นี่ ก็สมควรกลายเป็นสถานที่วุ่นวายปั่นป่วน

แต่กลับกลายเป็นเหมือนสุสานขนาดมหึมา

“จากสิ่งที่อาจารย์บอกไว้  ลอร์ดเบรุตบอกเขาไว้ก่อนครั้งหนึ่งว่าสุสานเทพเจ้าแห่งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการละเล่นเกมของมหาเทพตนหนึ่ง”เฟนฝืนหัวเราะ

“เกมของมหาเทพตนหนึ่ง?”  ลินลี่ย์ตะลึง

แต่จากนั้นลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที  “ฮ็อดเดิลนั้นเคยบอกว่าดินแดนชั้นสูงมีเทพกันหลายพันล้าน  แต่มีมหาเทพอยู่เพียงเจ็ด  มหาเทพนั่งอยู่บนจุดสูงสุดเหนือเหล่าเทพ  เทพต้องส่งบริวารของเขาไปสร้างสุสานสำหรับเก็บศพของเทพที่ตายแล้วทั้งหลาย  และจากนั้นจงใจให้ยอดฝืมือระดับเซียนหรืออาจเป็นยอดฝีมือระดับเทพเข้ามาค้นหาสมบัติที่นี่”  ลินลี่ย์ว่าเป็นภาพที่จนใจ

มหาเทพอยู่เหนือระดับของพวกเขาห่างไกลเกินไป

พวกเขาทั้งหมดรวมทั้งมหานักพรต เทพสงครามและเทพชั้นต้นอื่นไม่มีอะไรมากไปกว่าหมากเล็กๆ ในเกมของมหาเทพ

“บางทีมหาเทพอาจจะสนุกกับการดูพวกเราต่อสู้เพื่อชีวิตของเราจริงๆ”  เฟนถอนหายใจ

ลินลี่ย์เข้าใจ  มหาเทพอยู่เหนือพวกเขาห่างไกล  การดูถูกและมองดูขณะพวกเขาดิ้นรนต่อสู้  ก็คล้ายกับเมื่อตอนที่เขายังอายุน้อยเขาและเด็กอื่นมองดูมดบนพื้น

พวกเขาทุกคนรวมทั้งมหาพรตและเทพสงครามไม่มีอะไรมากไปกว่า‘มด’ ในสายตาของมหาเทพ  บางทีแม้แต่เบรุตดูเหมือนจะทรงพลัง  แต่ในสายตามหาเทพชั้นสูงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ามดที่ตัวใหญ่กว่า

“ไม่ว่ายังไงโอกาสที่เรามาที่นี่จะได้ครอบครองประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าโอกาสที่เราจะมีได้ในพิภพระดับสูงขึ้นไป”  เฟนถอนหายใจลึก

ลินลี่ย์ถอนหายใจลึกเช่นกัน

เป็นเวลาที่ต้องเตรียมตัวสู้

“ถ้าข้าได้ประกายเทพ  แม้ข้าจะไม่ใช้เอง  ข้าสามารถมอบให้เดเลียได้”  ลินลี่ย์ให้ความสำคัญต่อเดเลียลึกล้ำ  เขาต้องจากมาและต้องหายสิบปี  แต่นางไม่พูดหรือเรียกร้องอะไรสักคำ  เขารู้สึกโชคดีอย่างแท้จริงที่แต่งงานกับภรรยาอย่างนี้  นางคือผู้ที่เขามักคิดถึงเป็นอันดับแรก

“ทุกคน, เรามาถึงปลายอุโมงค์กันแล้ว”  บุรุษวัยกลางคนที่ร้องบอกเขาสวมหมวกแขกและพูดเสียงดัง  “ถ้าเรายังไปกันต่อ  เราจะถึงชั้นที่หนึ่ง  จำไว้ อย่าโลภเกินไป  เจ้าตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าลากคนอื่นไปตายกับเจ้าด้วย”

หลังจากพูดจบบุรุษผู้สวมหมวกแขกเดินออกไปจากอุโมงค์

คนผู้นี้คือหนึ่งในห้าเซียนสุดยอดยอดฝีมือหมายเลขหนึ่งของทุ่งราบใหญ่ตะวันออก เซียนสงครามถูลี่

ด้านหลังเขาเป็นเซียนคนหนึ่งเดินออกไปจากอุโมงค์

“ใครจะรู้ว่าจะมีอะไรอยู่ในชั้นแรก เราอย่าได้เผชิญกับนาคราชเทพอสูรที่น่ากลัวตั้งแต่ชั้นแรกเลย”  ลินลี่ย์จ้องมองท้ายอุโมงค์  จากนั้นก้าวผ่านเข้าไป  ทันใดนั้นโลกหมุนปั่นและสภาพแวดล้อมเปลี่ยน

“วืดดดด”สายลมพัดรุนแรงและทรายเหลืองปลิวว่อนไปทุกที่

นี่คือโลกทะเลทรายรกร้างว่างเปล่าและมีสายลมพัดทรายกระจายไปทุกที่ทำให้ตลอดทั้งโลกเลือนราง  คลื่นความร้อนที่นี่ทำให้อากาศดูบิดเบือน

“มีอสูรเวทอยู่ที่นั่น”  ลินลี่ย์สามารถบอกได้ชัดเจนในระยะห่าง มีอสูรเวทสามเขาดุร้ายสูงหลายร้อยเมตรตัวหนึ่งกำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวตลอดทั้งตัวของมันคลุมไปด้วยเงาเหมือนโลหะและเขี้ยวที่ร้ายกาจของมันมีของเหลวบางอย่างไหลหยดอยู่  “อสูรเวทนี้ปรากฏตัวได้อย่างน่ากลัว”

ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจและเขาแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรทันที

ในที่อย่างนี้  เขาไม่กล้าก้าวร้าว

“หืม?”  ทันใดนั้นลินลี่ย์ตระหนักได้ว่าทรายถูกเป่าออกไปจากร่างเจ้าอสูรเวทที่ดุร้ายนั้น  ในไม่ช้าอสูรเวทนั้นก็หายลับตาไป

“ภาพลวงตา?” ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ

เซียนหลายคนกำลังตรวจสอบรอบตัวอย่างระมัดระวังทันทีที่เข้ามาในสถานที่นี้  และจากนั้นก็รีบบินไปค้นหาทางผ่านไปชั้นที่สอง

“บาร์เกอร์..อยู่ไหน?”  ลินลี่ย์ยังไม่พบบาร์เกอร์  “สถานที่บ้านี่ มีแต่ทรายไปทุกที่  อากาศก็บิดเบี้ยว และภาพลวงตาก็ปรากฏต่อเนื่อง  ข้าเห็นอะไรไม่ชัดเลย”  ลินลี่ย์สบถ นอกจากเซียนที่อยู่ใกล้สองสามคน ที่เขาสามารถกำหนดได้อย่างชัดเจน เขาไม่สามารถเห็นเซียนคนอื่นได้เลย

ลินลี่ย์ไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป  และบินออกไปทันที

“ลินลี่ย์” ทันใดนั้นเสียงใครบางคนดังอยู่ใกล้ลินลี่ย์

ลินลี่ย์มองดูเขา  นี่คือศิษย์ส่วนตัวคนที่ห้าของเทพสงครามเอดินส์  เอดินส์จำเขาได้  “ลินลี่ย์, จำเอาไว้นะ ไอ้ที่บ้าๆนี่เต็มไปด้วยภาพลวงตาจนยากจำแนกจากความเป็นจริงได้  พวกมันน่ารำคาญจริงๆ  อย่าอยู่ในที่เดียว สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือวิ่งไปทุกที่และหาทางไปที่ชั้นสอง  ถ้าเจ้าอยู่ในที่นี้และเสียเวลามากเกินไปเป็นไปได้ว่าเจ้าจะต้องพบกับความายุ่งยากแน่”

หลังจากพูดเสร็จเอดินส์บินจากเขาไปด้วยความเร็วสูงทันที

คลื่นแผดเผาของก๊าซทำให้อากาศบิดเบี้ยว  ในไม่ช้าลินลี่ย์ก็มองไม่เห็นเอดินส์อีกต่อไป

“ข้าได้แต่ทำตามที่เอดินส์แนะนำเท่านั้น”  ลินลี่ย์เริ่มบินไปทุกที่ทันทีเพื่อหาทางไปที่ชั้นสอง รูปแบบชีวิตทั่วไปในชั้นทะเลทรายนี้ส่วนใหญ่เป็นต้นตะบองเพชร  สำหรับสิ่งมีชีวิตอื่น เขายังมองไม่เห็น

ลินลี่ย์บินไปในอากาศขณะที่เขาตรวจสอบดูรอบๆพยายามมองหาทางอย่างระมัดระวัง

“ควั่บ!” ประกายแสงพุ่งวาบออกมาจากใต้ทรายสีเหลืองยิงตรงมาที่ลินลี่ย์ทันที  หางเหล็กของลินลี่ย์หวดใส่ราวกับสายฟ้าเสียงดังควั่บ  ประกายแสงแตกกระจายทันที

มีโครงกระดูกหกร่างตามออกมาทันที

ตลอดทั้งร่างคลุมเต็มไปด้วยรัศมีเพชรและพุ่งขึ้นมาจากทรายเหลืองด้วยความเร็วสูง

“มนุษย์มังกร มอบร่างของเจ้าให้เราเสียแต่โดยดี และเราจะให้เจ้าตายอย่างหมดจดสะดวกสบาย” หนึ่งในภูตผีระดับเซียนพูด เบ้าตาของเขามีดวงเปลวไฟที่มีชีวิตชีวาสองดวง โครงกระดูกระดับเซียนทั้งหกร่างรายล้อมลินลี่ย์และกระชับอาวุธไว้ในมือ

ลินลี่ย์มองดูอมนุษย์ระดับเซียนทั้งหก

“มนุษย์มังกร?” ลินลี่ย์ชำเลืองมองพวกมันด้วยหางตา “เจ้าคิดว่าข้า...” ลินลี่ย์พูดไปได้ครึ่งประโยค อาวุธต่างๆ ในมือของอมนุษย์ระดับเซียน เช่นเคียวกระดูกและหอกกระดูก ก็โจมตีใส่ลินลี่ย์ทันที

อากาศส่งเสียงหวีดหวิวแสบแก้วหู การร่วมกำลังโจมตีของอมนุษย์กระดูกระดับเซียนทั้งหกไม่สามารถดูถูกได้เลย

แต่ทันใดนั้นปรากฏประกายแสงสีม่วงนับไม่ถ้วนและมีเสียงโลหะกระทบกันอมนุษย์ระดับเซียนทั้งหกพบว่าตัวพวกมันถูกกระแทกถอยหลังกลับไป

“โอว? พวกมันไม่ตาย?” ลินลี่ย์สังเกตว่าโครงกระดูกระดับเซียนทั้งหกนี้มีแต่เพียงรอยแผลเล็กน้อยบนร่างกระดูก  แต่ไม่ได้พังทลาย  แม้ว่าพลังโจมตีของระลอกสายลมจะไวมากและสามารถสร้างพลังโจมตีนับไม่ถ้วนได้  แต่พลังโจมตีที่แท้จริงนั้นไม่ได้สูงมากนัก

แสงสีม่วงที่ร้ายกาจกระพริบวาบอีกครั้ง

โครงกระดูกระดับเซียนทั้งหกไม่ลังเลแม้แต่น้อยพวกมันส่งเสียงโหยหวนมุดกลับลงไปในทรายทันที

“โครม!”  “โครม!”  “โครม!”

โครงกระดูกระดับเซียนทั้งสามแตกหักขาดครึ่ง ขณะที่โครงกระดูกระดับเซียนสามตนหนีไปซ่อนตัวลึกอยู่ใต้ทราย

“พวกมันหนีกันได้เร็วนัก”  ลินลี่ย์บินไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

หลังจากลินลี่ย์จากไปโครงกระดูกทั้งสามร่างนี้ก็เคลื่อนไหวทันทีและคว้าร่างอีกครึ่งหนึ่งของมันทันที สำหรับอมนุษย์กระดูก ตราบใดที่เพลิงวิญญาณของพวกมันยังไม่ดับลง  พวกมันก็จะไม่ตาย พวกมันสามารถเชื่อมต่อส่วนหรือร่างกายที่แตกหักได้

“ครืนนน” ทันใดนั้นโครงกระดูกระดับเซียนหลายตนโผล่ออกมาจากทรายและรุมฆ่าโครงกระดูกระดับเซียนทั้งสามที่บาดเจ็บจากนั้นกินเพลิงวิญญาณของทั้งสาม

“มนุษย์มังกรนั่นช่างน่ากลัวจริงๆ”  หนึ่งในโครงกระดูกระดับเซียนเงยหน้าจ้องมองในที่ไกล  “ข้าสงสัยจริงว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าเราจะรวบรวมศพได้เพียงพอ” และจากนั้นพวกโครงกระดูกระดับเซียนฝังตัวกลับลงไปในใต้พื้นทันที

เท่าที่ลินลี่ย์คาดไว้ตราบใดที่นาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ที่ชั้นหนึ่งนี้ ชั้นแรกสุดนี้จะมีอันตรายน้อยที่สุดในสุสานเทพเจ้า  ลินลี่ย์ลงมือกับโครงกระดูกระดับเซียนสองสามตนที่พยายามเข้ามาฆ่าเขาก่อนจะหาบันไดชั้นที่สองพบในที่สุด

เขาเดินขึ้นบันได

ชั้นสองของสุสานเทพเจ้าเป็นโลกป่าดิบ ไม้ใบไม้หนามมีอยู่หนาแน่นไปทุกที่ทำให้ยากจะมองเห็นอันตรายใดๆที่อาจปรากฏอยู่ที่นี่

“ไม่มีภาพลวงตาที่นี่  แต่ข้าต้องระวังการซุ่มโจมตี”  ลินลี่ย์ระมัดระวังการซุ่มโจมตี  ปราณยุทธของลินลี่ย์สร้างพลังชีพจรคุ้มกัน  และเขาถือกระบี่เลือดม่วงไว้พร้อม มุ่งหน้าเข้าโลกป่าด้วยความเร็วสูง  แต่ทันใดนั้นลินลี่ย์ก็ต้องชะงักและมองดูในที่ไกล

เซียนมนุษย์คนหนึ่งปรากฏในที่ไม่ไกลออกไป

“หืม?” ลินลี่ย์ลอบระบายลมหายใจ แม้ว่าลินลี่ย์ไม่รู้จักชื่อของเซียนมนุษย์หลายคน  แต่ลินลี่ย์ก็ยังจดจำพวกเขาได้ว่ามีลักษณะยังไง

ลินลี่ย์เริ่มบินอีกครั้ง แต่ต้นไม้ของโลกพงไพรนี้ยืดขยายตลอดทางจนถึงสุดระดับนี้  และพวกมันหนาแน่นจนบดบังทัศนวิสัยโดยสิ้นเชิง

ลินลี่ย์ไม่ทันได้สังเกตว่างูน้อยสีเขียวขนาดเท่านิ้วมือขดอยู่บนใบไม้ของต้นไม้ สีสันของมันเหมือนกันกับใบไม้และลินลี่ย์บินผ่านป่าด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นจึงไม่ทันได้สังเกตแม้แต่น้อย  แต่ตาของงูเขียวน้อยนั่นจ้องลินลี่ย์เขม็ง

“วืด!”

งูเขียวขนาดนิ้วมือพุ่งเข้าหาลินลี่ย์อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและกัดที่คอของลินลี่ย์

“หืม?” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนทันที  ชีพจรคุ้มกันของเขาถูกเจาะทะลวงทันทีถึง 70% พลังของการโจมตีนี้น่ากลัวมาก ถ้ายอดฝีมืออ่อนแอสักเล็กน้อยจะต้องเผชิญกับงูเขียวน้อยนี้  เขาอาจจะตายทันทีก็ได้

“ควั่บ!” ประกายแสงสีม่วงที่ร้ายกาจวาบขึ้นและพื้นที่เวลาถูกแช่แข็งทันที  จากนั้นเริ่มพับย่นตัวเอง  แม้แต่งูเขียวน้อยก็ยังร้องออกมากระบี่เลือดม่วงฟันร่างมันร่วงทันที

สัจธรรมแห่งธาตุลม– จังหวะแห่งสายลมระดับสอง!

“ฉัวะ!”  งูเขียวน้อยถูกฟันขาดสองเสี่ยง  หลังจากนั้นร่างที่ขาดครึ่งขยายขนาดทันทีเปลี่ยนเป็นอสรพิษขนาดมหึมายาวเกินร้อยเมตรและหนาพอๆ กับถังบรรจุน้ำ  ซากงูยักษ์ร่วงลงกับพื้น

ลินลี่ย์สูดหายใจลึก  “อสูรเวทประเภทงูระดับเซียน แต่รูปแบบของมันไม่เคยมีอยู่ในทวีปยูลานเลย”  ลินลี่ย์มองดูซากบนพื้น  “ยังดีที่เราอยู่ในร่างของมังกรแปลง นี่ส่งผลให้ปราณยุทธของเราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  มิฉะนั้นเราคงไม่สามารถรับการโจมตีนั้นได้แน่”

ตอนนี้เองลินลี่ย์จึงได้ตระหนักถึงเหตุผลที่ทั้งเบรุตและเฟนบอกว่าต้องระวังที่นี่ให้ดี

“มีบางคนอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”  ลินลี่ย์หันไปมองรอบๆ ทันที

เขาเห็นร่างตัวประหลาดใหญ่ขนาดสามเมตรบินมาด้วยความเร็วสูง  แต่เมื่อเขาเห็นลินลี่ย์หัวเราะทันที  นี่คือร่างแปลงของนักรบอมตะ

“ลอร์ดลินลี่ย์” บาร์เกอร์บินมาหาเขา

“ก่อนนี้ข้าเห็นท่านจากที่ไกลๆ ที่ชั้นแรก  แต่พอเวลาผ่านไปท่านก็บินออกไปแล้ว  ข้าหาท่านไม่เจอ”  บาร์เกอร์มาถึงข้างตัวลินลี่ย์และพูดอย่างจำยอม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด