ตอนที่ 329 ดำเนินการ
มีเหตุการณ์ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นเกิดขึ้นเมื่อหอวิญญาณผลิตขุนพลวิญญาณและนั่นจะถูกเรียกว่าการทดแทน
การทดแทนนั้นเกิดขึ้นเมื่อการ์ดที่อยู่ต่อหน้าต้องแทนที่ด้วยการ์ดใบใหม่ซึ่งเห็นได้ยาก การ์ดวิทยายุทธบนประตูเมื่อจะถูกทำลายมักจะเกิดขึ้นเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น เนื่องจากการ์ดเหล่านั้นจะถูกทำลายพร้อมกันหมด ทั้งนี้เป็นเพราะขุนพลวิญญาณใหม่จะตัดความผูกพันครั้งก่อนหมดและนั่นเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ
แต่มักจะมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ เหมือนกับปัจจุบันซึ่งการ์ดทองใบแรกซึ่งเป็นการ์ดระดับแปดถูกทำลายทันที นั่นหมายความว่าขุนพลวิญญาณเพิ่มความเร็วในการดูดซึมพลัง
นั่นคือเวลาที่ต้องใช้การทดแทน
ปิงวางการ์ดวิทยายุทธระดับแปดอีกใบทันทีลงบนช่องที่หนึ่งและที่สามโดยไม่ลังเลใจ
การ์ดทองสองใบเปล่งแสงพร้อมๆ กันและสว่างแพรวพราวมาก
ปิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง การทดแทนเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก และมักจะผลิตขุนพลวิญญาณที่พิเศษมาก ปิงเคยพบการทดแทนอื่นมาก่อน แต่ไม่เคยพบกับขุนพลวิญญาณระดับยศชั้นประทวนมาก่อน และถังอี้เดิมทีเป็นจ่าสิบตรีระดับทองซึ่งหาได้ยากอยู่แล้ว
แสงจากการ์ดวิทยายุทธทั้งสองคงที่และคงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาสิบห้าชั่วโมงก่อนจะอับแสงลง
ทันใดนั้นการ์ดทั้งหมดพังและถูกทำลายกลายสภาพเป็นควันและหายไป
ประตูบรอนซ์ค่อยๆ เปิดออก และสายตาปิงถึงกับเบิกกว้าง
ร่างสูงใหญ่ล่ำสันร่างหนึ่งดูมีราศีทรงพลังเดินออกมาช้าๆ
“จ่าสิบเอกพิเศษถังอี้ขอรายงานตัวรับภารกิจขอรับ”
เสียงทุ้มต่ำของเขาสร้างความรู้สึกกลัวในจิตใจของคน จากนั้นปิงสังเกตร่างของถังอี้ซึ่งไม่เปลี่ยนไปมากนอกจากสูงกว่าและล่ำกว่าเขาเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงที่สะดุดสายตาก็คือดาบฟันขาม้า
ตัวดาบจากเดิมสีเทากลายเป็นสีดำสนิทและหนักกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ตรากลุ่มดาวกางเขนใต้ประทับอยู่บนตัวดาบสีดำ
บอบบางแต่แข็งแกร่ง!
นั่นคือ...ผู้นำทหารที่โดดเด่น
ร่างของปิงสั่น
เกี่ยวกับความโดดเด่นนี้มาจากการสืบเชื้อสาย ก่อนที่นักรบอมตะจะได้สุดยอดวิทยายุทธโดดเด่น มีน้อยคนนักที่รู้ว่าในยุคสามกองทัพมหาอำนาจ พวกเขาก็ใช้คำว่าโดดเด่นเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาใช้เป็นชื่อของผู้นำทหารบางคน ในตอนนั้นผู้นำทหารมีจำนวนมากมาย และนักสู้ผู้แข็งแกร่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้นำทหาร แต่ก็มีผู้นำทหารบางคนที่ถือว่าพิเศษ ในด้านพิเศษของตนเองพวกเขาบรรลุความสำเร็จเกินกว่าคนอื่น และผู้นำทหารเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำทหารที่โดดเด่น
ผู้นำทหารที่โดดเด่นแต่ละคนจะมีแตกต่างกันไป
ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารแทบจะไม่เป็นผู้นำทหารที่โดดเด่น พวกเขาแตกต่างชัดเจน ขุนพลวิญญาณเป็นร่างที่ละเอียด เหมือนกับถังอี้ไม่ว่าร่างของเขาหรือดาบฟันขาม้าของเขาที่เคยกวัดแกว่งฟาดฟัน เป็นร่างละเอียดแต่แข็งแกร่งและมันได้กลายเป็นของจริง
ถ้าถังอี้ตาย ดาบฟันขาม้าจะไม่หายไปพร้อมกับเขา แต่ยังคงมีชีวิตต่อไปในโลก
สำหรับผู้นำทหารระดับเดียวกันผู้นำทหารที่โดดเด่นจะแข็งแกร่งกว่าผู้นำทหารธรรมดาอยู่มากมายนัก
ในอดีตกองทัพดาวกางเขนใต้จะแข็งแกร่งมากเพราะพวกเขามีผู้นำทหารโดดเด่นมากกว่าอีกสองกองทัพ แต่สำหรับหอวิญญาณสำหรับผลิตขุนพลวิญญาณผู้นำทหารที่โดดเด่นเขาเคยได้ยินมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นประจักษ์กับตาตัวเอง
แต่นี่อาจเป็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารโดดเด่นที่ระดับยศต่ำที่สุดของประวัติศาสตร์กองทัพ จ่าสิบเอกพิเศษ ผู้นำทหารโดดเด่น
ปิงหัวเราะเยาะตนเองรู้สึกว่า รู้สึกว่าเขาไม่เคยพอใจอย่างแท้จริง สำหรับเขาที่ไม่ค่อยได้เห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารโดดเด่น แต่เขาก็ยังคงบ่นว่าระดับนั้นต่ำเกินไป
สำหรับถังอี้ยกระดับยศเป็นจ่าสิบเอกพิเศษแล้ว ปิงยิ่งดีใจมีความสุขมาก
และเขายังเป็นยังเป็นผู้นำทหารโดดเด่น
“พลังสั่งการของเจ้ามีเท่าไหร่?”ปิงถามถังอี้ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าผู้นำทหารโดดเด่นพิเศษระดับจ่าสิบเอกพิเศษจะสั่งการทหารได้เท่าไหร่
“500” ถังอี้ตอบ
“500?” ปิงตะลึง จากนั้นผงกศีรษะ นั่นเกินกว่าที่เขาประเมินไว้ จ่าสิบเอกพิเศษโดยทั่วไปสามารถสั่งการได้200 และสำหรับถังอี้สามารถสั่งการได้500 ผู้นำทหารผู้โดดเด่นพิเศษทรงพลังมากจริงๆ สำหรับอำนาจสั่งการของเขาอยู่ในมาตรฐานเดียวกับร้อยโท แต่ปิงสบายแล้ว ผู้นำทหารผู้โดดเด่นนั้นทรงพลัง ไม่ใช่แค่นั้นไม่ว่าเขาจะทรงพลังขนาดไหน เขาก็ยังเป็นแค่จ่าสิบเอกพิเศษ ดังนั้นเขาไม่ได้คาดหวังนัก
“เจ้ายังต้องการจะนำกองทัพหมาป่าอีกหรือเปล่า?” ปิงถาม
“ขอรับ!” ถังอี้ตอบตามตรง
“อืม, ดีมากงั้นจากวันนี้เป็นต้นไป, เจ้าจะต้องเป็นผู้บัญชาการใหญ่กองทัพดาวหมาป่า” ปิงพูดเสียงเข้มจากนั้นหน้าไปทางถังโฉ่ว “จ่าสิบเอกพิเศษถังโฉ่ว ตอนนี้ข้าจะมอบหมายภารกิจให้เจ้า”
ถังโฉ่วสีหน้าเข้มรับคำ “ขอรับ..ท่าน!”
“เจ้าจะต้องอยู่ประจำการค่ายฝึกฝนประจำเมืองสามวิญญาณและมีงานให้ทำสองอย่างคือ หนึ่งช่วยผี่ผาจัดการห้องวางแผน แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนอะไรมาก ดังนั้นงานที่สองของเจ้าก็คือ จัดตารางฝึกฝนอบรมประจำวัน เข้าใจไหม?” ปิงมองดูถังโฉ่ว
“ขอรับ!” ถังโฉ่วรับคำเคร่งครัด
“เอาล่ะ,เจ้าสามารกลับไปยังเมืองสามวิญญาณได้แล้วตอนนี้”
“ขอรับ!”ถังโฉ่วกลับหลังหันและบินไปยังตำแหน่งเมืองสามวิญญาณ
ปิงมองดูห้องฆ่าตัวตาย ไม่มีความเคลื่อนไหวจากในนั้นสักนิด
ถังเทียน, จงพยายามให้เต็มที่
ปิงตะโกนในใจ และจากนั้นเขาหันกลับมาทันที “ไปกันเถอะ,เราจะต้องกลับไปยังเผ่าหมาป่า”
เมื่อปิงกับถังอี้กลับมา พวกเขาได้รับข่าวอีกข่าวหนึ่งคือเย่จิ่วยื่นคำขาด ภายในเวลาห้าวัน ถ้าพวกเขาไม่ส่งมอบกระบี่ปลอดสำเนียงพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา
เป็นคำขาด แต่ปิงโยนทิ้งลงขยะอย่างไม่ไยดี
ใจของเขายังเต็มไปด้วยความกังวล จนถึงบัดนี้ ยี่สิบวันผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากใครในกลุ่มเลย
มีเวลาเหลืออีกห้าวัน...
ปิงมองดูเนินทรายห่างไกลออกไป แสงอาทิตย์ยามอัสดงค์ย้อมผืนเนินทรายแดงฉานเหมือนกับเป็นลางของสงครามครั้งใหญ่
หนุ่มน้อยถัง, เจ้าต้องพยายามอย่างสุดฝีมือนะ
ปิงพึมพำในใจ และเมื่อเขาเรียกความรู้สึกกลับมา เขาอดหัวเราะไม่ได้ เขาเอาความไว้วางใจไปฝากไว้กับคนที่ไม่น่าเชื่อถือโดยไม่รู้ตัว
นั่นหมายความว่า ปิงพบว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ที่ใจของเขามักรู้สึกว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับตัวถังเทียน
เจ้าเด็กงี่เง่านั่นเหมือนเด็กโรคจิตยังจะทนแรงกระตุ้นนี่ได้อีกหรือ?
ความจริง ถ้าเทียบเรื่องความฉลาด คงมีเพียงคนเดียวที่ถังเทียนสามารถเอาชนะได้นั่นก็คืออาโมรี่
ว่ากันเรื่องความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนั่นแข็งแรงก็จริง แต่ในแต่ละครั้งไม่อาจพูดออกมาได้เลย
ความจริงข้าหลับไปนานมากมาตรฐานข้าก็เลยลดลงจึงทำให้ผิดพลาดได้งาย
เฮ้, ปิง เจ้าสูญเสียผู้กองที่ตัวเจ้าเองชื่นชมเสมอ
เฮ้ ปิง เจ้าได้แต่พึ่งพาตัวเจ้าเองเท่านั้น!
หัวใจของปิงค่อยๆ สงบลง เขานั่งลงกับเนินทรายและพยัคฆ์ฟ้าที่อยู่ข้างๆ ตัวเขาต่างนั่งมองดูดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ในวันที่สี่ เป็นวันสุดท้ายของการยื่นคำขาด
ปิงนั่งอยู่ที่เนินทรายเป็นเวลาสี่วันสี่คืนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาหัวหม่าเอ๋อ “ปิดประตูดวงดาวที่เชื่อมกับกลุ่มดาววาฬ”
หัวหม่าเอ๋อใจเต้นแรง แต่นางไม่พูดไร้สาระ และแล่นออกไปอย่างรวดเร็วส่งคำสั่งไปตามที่ตกลงล่วงหน้า
สิบนาทีต่อมา นางจึงกลับมา “นายท่าน ประตูดวงดาวปิดแล้ว”
“ดีมาก!”ปิงผงกศีรษะ และล้วงสมบัติออกมา เขาเตรียมการมายาวนาน
สมบัติดวงดาวชั้นทองรูปสามเหลี่ยมสีทองสดใสจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยม‘วังวนสามเหลี่ยมทอง’ ปิงใช้หนึ่งล้านเหรียญทองซื้อสมบัติดวงดาวชิ้นนี้ มันสามารถใช้ผลิตสร้างพลังงานไร้สภาพและสร้างความปั่นป่วนได้
มันคือดาวข่มของประตูเกียรติยศชาวยุทธของสมาพันธ์ชาวยุทธซึ่งเป็นสมบัติดวงดาวที่ใช้ในการขนส่ง
วิ้งงงง!
คลื่นไร้สภาพแผ่ออกมาจากสมบัติสามเหลี่ยมทอง
ยี่สิบนาทีต่อมาข่าวประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬถูกปิดก็แพร่กระจายออกไปในวงกว้างและไกล
เบื้องบนของกลุ่มดาววาฬถึงกับโกรธ
ที่น่าเดือดดาลก็คือเย่จิ่วก็เพิ่งจะได้รับข่าวและเขาหน้าเขียวคล้ำ เขาถูกถังเทียนเล่นแง่จริงๆถังเทียนไม่เคยมีความคิดจะส่งมอบกระบี่เลย
“เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนหาที่ตาย,อย่างนั้นข้าจะส่งเสริมความปรารถนาของพวกเจ้า”
เย่จิ่วกัดฟันและถ่มน้ำลาย ตาของเขาฉายแววโกรธ สีหน้าชั่วร้ายบริวารที่อยู่ข้างตัวเขากำลังสั่นด้วยความกลัว
“บอกพวกเขาให้เคลื่อนไหว!”
บริวารของเขาส่งคำสั่งให้โจมตีทันที
ความโกรธของเย่จิ่วถูกแทนที่ด้วยสายตาที่เย็นชา “ฮึ่ม,ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นวิธีการของข้า”
******************
ดวงอาทิตย์อุทัยสาดแสงไปทั่วท้องที่ทะเลทราย
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวในอากาศของกลุ่มดาวหมาป่าและไม่มีใครสังเกตการมาถึงของเขา
“จิ่งหาว! ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา ออกมาเถอะ”
เสียงแหบต่ำของเย่เฉาเกอดังขึ้นเหมือนสายฟ้าดังกึกก้องไปทั่ว
คำพูดของเขาดังขึ้นทันทีโดยไม่มีคำเตือน ชาวเผ่าหมาป่าหยุดการกระทำทั้งหมดและมองไปที่ท้องฟ้า
หัวใจของปิงเครียด! เขาไม่เคยคิดว่าศัตรูจะมาถึงที่นี่รวดเร็ว พวกเขาเพิ่งจะปิดประตูดวงดาว แต่ศัตรูก็มาถึงตรงนั้นแล้วเห็นได้ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามเตรียมการไว้ก่อนแล้ว
เดี๋ยวก่อน จิ่งหาว!
ร่างๆ หนึ่งพุ่งขึ้นไปเหมือนลูกธนู เป็นจิ่งหาว
“พี่เย่”สีหน้าของจิ่งหาวสงบ เขาไม่ประหลาดใจ ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับถังเทียนทำให้การกระทำของเขาทั้งหมดถูกจับตาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการที่เขามาถึงกลุ่มดาวหมาป่านั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
“เปลี่ยนสถานที่กันเถอะ” เสียงของเย่เฉาเกอกล่าวราบเรียบ “ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว”
จิ่งหาวตะลึงเล็กน้อย คำพูดของเย่เฉาเกอมีความหมายลึกซึ้ง
แต่ข้อเสนอของเย่เฉาเกอสะดุดใจเขาเนื่องจากเป็นพื้นที่ของเผ่าหมาป่า ถ้าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันที่นั่น ชาวเผ่ามีแนวโน้มว่าจะถูกทำลาย ดังนั้นเขาพยักหน้า “ก็ได้”
พูดจบเขาแล่นออกไปก่อน
เย่เฉาเกอติดตามไปอย่างไม่ลังเลใจ
เมื่อได้ยินคำว่า “พี่เย่” เขาตกใจ เย่เฉาเกอ! แต่เมื่อได้ยินว่าจิ่งหาวนำเย่เฉาเกอออกไปไกลๆ เขาถอนหายใจโล่งอก เย่เฉาเกอคือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่จิ่วอย่างเห็นได้ชัด และการที่เขาถูกล่อออกไปก็เป็นขจัดภัยคุกคามใหญ่ต่อพวกเขาอย่างมิต้องสงสัย
ทันใดนั้นหน่วยลาดตระเวนวิ่งมาทางเขาและหอบหายใจ
“นายท่านมีกองทัพปรากฏทางทิศตะวันออกจำนวน 200 คน”
“นายท่าน,มีกองกำลังปรากฏทางทิศตะวันตกจำนวน 500 คน”
“นายท่านมีคนสองคนกำลังเข้ามาใกล้เราจากทางทิศเหนือ และดูเหมือนเจตนาของเขาไม่ได้มาดีเลย พวกเขามากันเร็วมาก”
ปิงสีหน้าเปลี่ยน เขาประเมินเย่จิ่วต่ำไป กำลังสนับสนุนของเย่จิ่วใหญ่มากจริงๆ
“เฮ้ลุง, ลุงกลัวแล้วเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่าหนุ่มนักสู้ผู้เบิกบานมาช่วยลุงแล้ว” เสียงดังมีความสุขของอาโมรี่ ดังขึ้นด้านหลังเขา
กลิ่นอายที่เยือกเย็นเสียดกระดูกกำลังแผ่ออกมา
ปิงหันศีรษะไปดู
หันปิงหนิงที่อยู่ด้านข้างอาโมรี่ลดกระบี่นางลงและเดินเข้ามาสมทบ
“ในที่สุดข้าก็มาร่วมสนุกได้ทันเวลา”จู่ๆ ภาพหนึ่งค่อยๆ ผุดออกมาจากความมืด ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าซือหม่าเซียงซานออกมาตั้งแต่เมื่อใด
“ฮึ,ข้าคงไม่สายหรอกนะ” เหลียงชิวหอบทั่วทั้งตัวเขาเปียก ขาเปียก ลูกตุ้มถ่วงมือและขาของเขายังคงอยู่
“นี่, ลุง,ฟลามิงโกของข้าอยู่ไหน?”
เสียงของหลิงซิ่วซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายดังขึ้นด้านหลังเขา
ปิงต้องการจะตอบ แต่ทันใดนั้นซือหม่าเซียงซานส่งเสียง“เอ๋..” เขาหันศีรษะไปมองและเห็นเนินทรายห่างออกไป ขณะที่คนอื่นจับตามองตาม
สองสามวินาทีต่อมามือกระบี่ในชุดยาวฉีกขาดรุ่งริ่งปรากฏตัวที่เนินทราย ดวงตาของเขาเดียวดายแต่เยือกเย็นเหมือนสายน้ำ
อาเฮ่อ!