ตอนที่ 326 ม่อเว่ยเทียนตกตะลึง
เวลาผ่านไปเงียบๆ
ด้วยความขัดแย้งมานานในที่สุดพวกเขาก็ทำให้เย่จิ่วหมดความอดทนเชื่อถือ ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าถังเทียนกับพวกไม่ซื่อสัตย์ เขากังวลมากขึ้นในที่สุดก็มีเหตุผลให้พวกเขาเคลื่อนไหวลงมือ เป็นเพราะอาจารย์ของจิ่งหาว เขาตระหนักดีถึงความขัดแย้งภายในและไม่ต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาด้วยการลงมือรวดเดียวแต่
แรงกดดันจากกลุ่มดาววาฬเป็นเพียงข้ออ้างของเขา เนื่องจากเขาไม่เห็นกลุ่มดาววาฬอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
แต่คำเตือนจากกลุ่มดาวคนยิงธนูทำให้เขาต้องชะงักและไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง
“การเจรจากับทางด้านถังเทียนไม่ก้าวหน้าเลย เราจำเป็นต้องเตรียมการเคลื่อนไหวอย่างอื่น
เย่เฉาเกอที่อยู่ต่อหน้าเขามีลักษณะที่ไม่โดดเด่นอะไร ผมของเขาพันกันเหมือนลวดเหล็กกองอยู่บนหัว เคราของเขาหนานุ่มมองดูเหมือนกระบี่ ขากรรไกรของเขาเด่นชัดให้ความรู้สึกเหมือนคนโกง
“จิ่งหาวเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่า”
เสียงของเย่เฉาเกอต่ำและแหบแต่เต็มไปด้วยพลังที่น่าทึ่งเขานั่งขัดสมาธิมีกระบี่ชำรุดวางพาดอยู่มีร่องรอยการต่อสู้อยู่ที่ขาของเขา เขามองดูผ่อนคลายแต่ให้ความรู้สึกเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่พร้อมจู่โจมทำร้ายใครก็ได้ทุกคน
เย่จิ่วมองดูบุตรชายของตนด้วยความภูมิใจ กลิ่นอายแหลมคมจากตัวเขาแข็งกล้ารุนแรงต่างกันกับบิดาของเขา
อารมณ์ของเขาเหมือนกับจนใจแต่สงบ เขาหัวเราะ “เจ้ายังกังวลเรื่องจิ่งหาวอยู่หรือ? ข้าคิดว่าไม่ว่าจิ่งหาวจะทำอะไร เจ้าต้องให้ความสนใจเขาด้วยหรือ?”
“ข้าไม่เคยดูแคลนจิ่งหาว” เย่เฉาเกอไม่หลบสายตาบิดา เสียงต่ำแหบของเขาก้องอยู่ในห้อง “เขาเป็นคนยึดมั่น แน่วแน่จิตใจเปิดเผยซื่อสัตย์, เขามีหัวใจนักสู้ที่กล้าแกร่งขอเพียงเป็นนักสู้ผู้มีหัวใจก็สามารถกลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งได้ และข้ารอคอยเขาอยู่เสมอ เร็วๆ นี้เขาสำเร็จสุดยอดวิชาโดดเด่นได้ข้ากำลังรอคอยจะได้ต่อสู้กับเขา”
“จิ่งหาวสำเร็จสุดยอดวิชาโดดเด่นหรือ?” หน้าของเย่จิ่วเปลี่ยนไป เขาตื่นตัว การถูกถังเทียนถ่วงเวลาทำให้เขาไม่รู้ความจริงที่ว่าจิ่งหาวกำลังก้าวหน้า เขาเริ่มจะปวดหัว “ข้าน่าจะหาวิธีกำจัดเขาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นความจริงที่ว่าเลี้ยงเสือไว้เพื่อเชื้อเชิญภัยพิบัติมาหาตัวชัดๆ”
เย่เฉาเกอไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับคำพูดของบิดาเขา
เขาลุกขึ้นยืน
“ข้าจะไปกลุ่มดาวหมาป่า” จากนั้นเขาออกไป
เย่จิ่วไม่ทันได้ยับยั้งเขา ร่างของเขาก็หายไปแล้ว หน้าของเย่จิ่วเคร่งเครียด ทันใดนั้นเองเขาตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์กำลังจะไม่เป็นผลดีต่อเขา
ความคิดบ้าๆอย่างหนึ่งผุดเข้ามาในใจเขา
หรือว่าถังเทียนและพวกพ้องวางแผนทรยศสมาพันธ์ชาวยุทธ?
เขากำจัดความเป็นไปได้โดยไม่รู้ตัว ถ้าพวกเขาทรยศสมาพันธ์ชาวยุทธ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะตกอยู่ภายใต้รายชื่อเป้าไล่ล่าโจมตีโดยสมาพันธ์ชาวยุทธ และเขาเชื่อว่าพวกเขาคงไม่โง่พอจะทำเช่นนั้น พวกเขายินดีจะเสี่ยงชีวิตเพื่อกระบี่เล่มเดียวเชียวหรือ?
เขาไม่เชื่อว่าถังเทียนจะเลือกเงื่อนไขเช่นนั้น ดังนั้นเมื่อถังเทียนเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมาเขาจึงเห็นด้วย
แต่จะเป็นยังไงถ้าถังเทียนไม่ต้องการวางมือจากกระบี่จริงๆ?
ทันใดนั้นเย่จิ่วนึกถึงคำเตือนจากกลุ่มดาวคนยิงธนู ที่สมาพันธ์ชาวยุทธยอมให้เพียงเย่เฉาเกอคนเดียวเข้ากลุ่มดาวหมาป่า และไม่มีใครอื่น จักรพรรดินีคาดการณ์ว่าถังเทียนคงไม่ยอมวางมือจากกระบี่กระมัง?
ในที่สุดเย่จิ่วก็รู้ได้ เขาต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
อนุญาตให้เพียงเย่เฉาเกอเข้ากลุ่มดาวหมาป่า? เย่จิ่วไตร่ตรองชั่วขณะและเขามีนัยน์ตาเป็นประกายทันที ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่สามารถเข้ากลุ่มดาวหมาป่าได้ อย่างนั้นข้าจะหาคนอื่นแทน
เขาตัดสินใจทันที
แม้ว่าถังเทียนและสหายจะแสดงพลัง,กองทัพ, กระบี่เซียนของพวกเขา แต่สำหรับระดับของเย่จิ่วแล้ว ก็แค่นั้นเอง นักสู้กลุ่มดาวหมาป่าไม่สามารถเข้าใจว่านักสู้ของกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งกว่านั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน สำหรับเย่จิ่วผู้เคยเห็นทหารที่แท้จริงมาก่อนนั่นเป็นแค่ตัวตลก
ถ้าพวกเจ้าโง่ขนาดนั้นจริงๆ อย่างนั้นข้าจะแสดงพลังทหารที่แท้จริงให้พวกเจ้าดู
เย่จิ่วแค่นเสียง
**************
ฐานในเมืองสามวิญญาณเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าถังเทียนจะของดึงมาใช้บางส่วน แต่สำหรับเซรีนทำงานหนักอยู่แล้ว ขอเพียงมีเงิน ที่เหลือย่อมไม่เป็นปัญหา
นางได้จ้างช่างจักรกลที่เก่งแต่ไม่มีชื่อเสียงผ่านตระกูลม่อ ปัจจุบันนี้วงการอาวุธจักรกลในเมืองสามวิญญาณมีชื่อเสียง
เมื่อเห็นปิงเซรีนหยุดงานที่นางกำลังทำก่อน ปิงมีธุรกิจเร่งด่วนถึงได้ตามหานาง แต่นางกลับถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ปิงไม่ได้แจ้งเซรีนให้ทราบเรื่องบทฝึกมรณะพิเศษ ถ้าเซรีนรู้ว่าเขาทำให้ถังเทียนเข้าห้องฝึกมรณะพิเศษ นางคงใช้ค้อนเหล็กบรอนซ์ทุบเขาให้ตายโดยไม่ลังเลใจแน่
“ไม่มีอะไรมาก” ปิงยังใจเย็นอยู่ได้
เซรีนถอนหายใจโล่งอก “นั่นก็ดี เอาล่ะ,ม่อเว่ยเทียนรอท่านอยู่หลายวันแล้ว”
ปิงประหลาดใจ “ข้าคิดว่าเขาจะมาตอนหลังสงครามเสียอีก”
“บางทีให้เขาพบท่านเองจะดีกว่า” เซรีนพูดด้วยท่าทางไม่เห็นด้วย
“ข้าจะไปพบเขา” ปิงโยนกระดาษในมือของเขาให้เซรีน “ช่วยดูให้ด้วย ดูซิว่าเจ้าสามารถซ่อมได้หรือไม่”
“อะไรน่ะ?” เซรีนลูบคลำกระดาษและถาม
ปิงไม่ได้ตอบโดยตรง “เจ้าจะรู้เมื่อเห็นเอง ข้าจะไปหาประมุขตระกูลม่อก่อน”
ม่อเว่ยเทียนมายืนที่ดูพื้นที่ฝึกฝนทุกวันมองดูนักสู้จักรกลฝึกฝน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่จับตามองม่อจื่อหวีและม่ออู๋เว่ย เขาพยักหน้าอยู่ภายใน แม้ว่าตัวเขาเองจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับอาวุธจักรกลเป็นเวลาหลายปี เขาสามารถบอกได้ว่าความก้าวหน้าที่คนทั้งสองมีเหมือนกับได้ถือกำเนิดใหม่
แม้ว่าหกร้อยล้านจะเป็นราคาน่าเจ็บปวด แต่มันคุ้มค่าแน่นอน
และเซรีนยังได้สร้างอาวุธกลที่ทรงพลังมากกว่าเมื่อเทียบกับอาวุธจักรกลของตระกูลม่อ ผี่ผาพอมีเวลาว่าง มักจะมาอยู่กับม่อเว่ยเทียนเมื่อเห็นว่าเขาปลาบปลื้มพอใจ นางกล่าว“จื่อหวีและอู๋เว่ยมีความแข็งแกร่งเหนือคนอื่นมาก อาวุธจักรกลธรรมดาไม่พอมือของพวกเขาแล้ว แน่นอนอาจารย์เซรีนจึงสร้างอาวุธจักรกลให้พวกเขาอีกสองชุดอาวุธจักรกลของจื่อหวีมีนามว่าดาบเพลิง และของอู๋เว่ยนามว่าน้ำแข็งห้าวหาญ ท่านปิงได้ปรับแต่งและกำหนดรูปแบบต่อสู้ที่เหมาะสมกับพวกเขา และท่านปิงยังได้บอกไว้ก่อนว่า ถ้าพวกเขาผสานกันต่อสู้พวกเขาสามารถต่อสู้กับนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีร้อยอันดับท้ายได้”
“ท่านปิงพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?” ม่อเว่ยเทียนตะลึง แต่เขามีความสุขจริง
“ถูกแล้ว” ผี่ผายิ้ม “ทั้งสองคนได้ต่อสู้ผู้อาวุโสบอดซอกำศรวลและยังเสมอได้”
“เจ้าหมายถึงผู้เฒ่าบอดซอกำศรวลน่ะหรือ?” ม่อเว่ยเทียนประหลาดใจ
“ถูกแล้ว” ผี่ผาพยักหน้า
ม่อเว่ยเทียนตกใจพอๆกับปลื้มใจ ปลื้มใจที่ในที่สุดตระกูลม่อก็มีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นของตนเองและประหลาดใจที่ความจริงถังเทียนยังมีพรสวรรค์ซ่อนอยู่ในตัวเขา เขาคิดถึงเรื่องที่จื่อหวีและอู๋เว่ยได้พูดถึงในคืนก่อน
จื่อหวีและอู๋เว่ยฝึกฝนอย่างหนักในตอนกลางวันและไม่มีเวลาว่าง อาจารย์ผู้สอนของเขาเข้มงวดมาก ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่นขณะฝึกฝน แต่ตอนกลางคืน พวกเขาสามารถทำอะไรตามต้องการได้ ม่อเว่ยเทียนและทั้งสองคนคุยกัน และเขาได้รับข้อมูลหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นกลุ่มของผู้เยาว์ และคนอายุน้อยที่ยังอ่อนแอ จะมีความก้าวหน้าได้รวดเร็วมากทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกดดัน พวกผู้เยาว์ทุกคนมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นกับอาวุธจักรกลวิญญาณ และอาจารย์ผู้สอนจะให้เวลากับพวกเขามากอีกทั้งมีผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด กล่าวได้อย่างมั่นใจว่าพลังของนักสู้รุ่นเยาว์จะมีมาตรฐานแตกต่างทุกวัน
โครงการโดยรวมของถังเทียนไม่ใช่เล็กน้อย!
ม่อเว่ยเทียนคิดอยู่ตลอดเวลาและมักถอนหายใจเสมอ มันคือฐานทัพบรอนซ์ขนาดใหญ่และครั้งแรกที่เขาได้เห็นเขาถึงกับสั่นไปทั้งตัว ด้วยขนาดจำนวนเงินรวมขนาดนี้ นี่จะเป็นแค่เพียงแผนการเล็กๆ ได้ยังไง?
เขาเข้าไปดูห้องทำงานของเซรีนและเห็นแบบแปลนอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ของเซรีน แบบอาวุธจักรกลใหม่ยังดูด้อยเมื่อเทียบกับดาบเพลิงและน้ำแข็งห้าวหาญ แต่มูลค่าของมันยังคงสูงกว่าหิมะหมึกมากหากเขาจะขาย เขารู้ว่าเซรีนเตรียมแบบเหล่านี้ไว้ให้ตระกูลม่อ
เขาไม่สามารถประเมินได้ว่ามาตรฐานการค้นคว้าวิจัยจักรกลของเซรีนสูงส่งขนาดไหนได้อีกต่อไป
เมืองสามวิญญาณกำลังรุ่งเรืองและเติบโตเนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกจัดระบบ
ถ้ามีเวลาพอสถานที่ทั้งหมดจะกลายเป็นกองกำลังที่น่ากลัวในอนาคต!
“ท่านประมุขตระกูลม่อ”
ม่อเว่ยเทียนหันมาและอาวุธจักรกลวิญญาณสีฟ้าปรากฏอยู่ในสายตาเขา เขาสังเกตได้ทันทีว่าพยัคฆ์ฟ้ามีจุดที่ปรับปรุงอยู่สองสามแห่ง
เขาหัวเราะโดยไม่สะดุ้งตกใจ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะท่านปิง ข้านึกว่าคุณชายถังจะอยู่ที่นี่เสียอีก?”
“ตอนนี้เขาขังตัวฝึกฝนอยู่” เสียงของปิงดังออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า
ม่อเว่ยเทียนผงกศีรษะรับทราบ “เมื่อกระบี่เซียนกักสมุทรปรากฏก็สามารถเขย่าสวรรค์ได้ คุณชายถังถึงกับทุ่มเทเพื่อความก้าวหน้าขังตนเองฝึกฝน ปณิธานและความตั้งใจของเขาคือสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถเทียบได้เลย แต่ที่ข้าจะมาที่นี่ คุณชายถังคุยกับข้าเกี่ยวกับเรื่องกองทัพและท่านก็ดูแลอย่างเต็มที่ ข้าสงสัยว่า...”
“ใช่แล้ว ปล่อยให้ข้าจัดการ” ปิงพูดตรงๆ
ม่อเว่ยเทียนตัดสินใจพูดให้ตรงจุดเช่นกัน “ข้าสงสัยว่าท่านปิงเห็นว่าลูกศิษย์ทั้งสองของตระกูลม่อฝึกฝนเป็นยังไงบ้าง?”
ปิงไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “ท่านประมุขม่อกำลังคิดจะสร้างกองทัพบ้างใช่ไหม?”
ม่อเว่ยเทียนพูดเฉื่อยชา “เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง บางครั้งตระกูลม่อก็ต้องใช้วิธีป้องกันตัวบ้าง”
“ท่านประมุขตระกูลม่อพูดถูก” น้ำเสียงของปิงชมเชยเขาจากนั้นก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “แต่ตระกูลม่อมีผู้นำทหารแล้วหรือ? ไม่มีผู้นำทหาร จะเริ่มสร้างกองทัพไปก็ไร้ประโยชน์”
ม่อเว่ยเทียนเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์สามารถอ่านความหมายระหว่างคำพูดของปิงได้ และกล่าว“ข้าอยากขอร้องให้ท่านปิงช่วยสอน”
“ข้าไม่กล้ารับบทบาทอาจารย์ แต่ข้ามีความคิดบางอย่าง” คำพูดของปิงทำให้เขาประหลาดใจ “ตระกูลม่อไม่มีผู้นำกองทัพ แต่เรามี”
“ท่านปิงตั้งใจจะนำกองทัพด้วยตนเองใช่ไหม? หรือว่าถังอี้?” ม่อเว่ยเทียนถามอย่างสงสัย
เกินจากความคาดหวังปิงตอบ “ไม่ ข้าไม่มีความตั้งใจจะสั่งการกองทัพในตอนนี้ ถังอี้จะยังคุมกองทัพหมาป่า”
ม่อเว่ยเทียนตะลึงและจ้องมองตาแทบถลน “อย่าบอกนะว่าท่านยังมีผู้นำทหารคนที่สาม?”
“ก็มีความก้าวหน้า” ปิงพูดอย่างคลุมเครือ
แม้ว่าปิงจะคลุมเครือแต่ม่อเว่ยเทียนก็เชื่อในตอนนั้นแล้ว กลุ่มอิทธิพลนับไม่ถ้วนมีความมั่งคั่ง แต่ไม่สามารถสร้างกองทัพได้ เจ้าเมืองอ้วนหลี่ก็เหมือนกัน ดังนั้นตระกูลม่อจะทำอะไรได้
ยากนักที่จะหากองทัพได้ นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้หรือสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ ผู้นำทหารคือสิ่งที่มีค่ามากและถังเทียนกลับมีถึงสามคน