ตอนที่ 325 จิ่งหาวตัดสินใจ
จิ่วหาวเก็บสัมภาระของตน
“ศิษย์พี่” ซินเมิ่งฉีเรียกอย่างอ่อนโยนนางแนะนำ “อย่าตำหนิอาจารย์เลย เรื่องระหว่างเย่จิ่วกับอาจารย์ในอดีตทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าอาจารย์ เพราะเขากดดันเรา อาจารย์จึงทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้อาจารย์ยังเสียใจกับเหตุการณ์ในอดีต”
“ข้ารู้” จิ่งหาวตอบโดยไม่เงยหน้า
“ศิษย์พี่ตั้งใจจะไปกลุ่มดาวหมาป่าใช่ไหม?” ซินเมิ่งฉีถาม
“อืม” จิ่งหาวตอบขณะเก็บเของ “ข้าจะไปแนะนำให้ถังเทียนมอบกระบี่ปลอดสำเนียงออกมา”
ซินเมิ่งฉีหัวเราะเบาๆ “ศิษย์พี่ เมื่อท่านโกหกเสียงของท่านจะไม่ปกติ” นางตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่ว่าศิษย์พี่จะทำอะไร,เมิ่งฉีจะเห็นด้วยกับท่าน เพราะในใจของเมิ่งฉี ศิษย์พี่คือคนที่ใจใหญ่ที่สุดในโลก”
จิ่งหาวตื่นเต้น เขาเงยหน้าและยืนอยู่ที่เดิมมองดูศิษย์น้องผู้สุภาพอ่อนโยนของเขาและความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจเขา แต่เขาได้แต่พูดออกมาไม่กี่คำ “ศิษย์น้อง ข้าขอโทษด้วย”
“ทำไมศิษย์พี่ต้องของโทษด้วยเล่า?” ซินเมิ่งฉีหัวเราะด้วยท่าทางเรียบร้อย “มักจะมีอยู่หลายเรื่องที่ไม่เหลือทางเลือกไว้เลย และศิษย์พี่กำลังคิดว่าทำสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าเชื่อใจศิษย์พี่! คนที่ศิษย์พี่มองดูยกย่องต้องมีบุคลิกแข็งแกร่งมากเป็นแน่ ศิษย์พี่เตรียมพร้อมหรือยัง?”
จิ่งหาวส่ายหัว “ข้าเข้าใจน้องถังดี เขาจะไม่ยอมสละกระบี่ปลอดสำเนียงแน่นอน ทั้งสี่คนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา และพวกเขาอาจจะก่อการคิดต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธ คงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องสู้กับเย่เฉาเกอ สำหรับเรื่องนี้ อาจารย์ทำไม่ถูก เขาเป็นอาจารย์ของข้า และตามปกติข้าจะไม่ตำหนิเขา แต่เนื่องจากนี่คือความผิดของเขา ในฐานะที่เป็นศิษย์ข้ามีหน้าที่ช่วยเขา”
ซินเมิ่งฉีกังวลห่วงใยเขา “ศิษย์พี่ ท่านต้องระมัดระวังตัว”
“ฮ่าฮ่า!” จิ่งหาวหัวเราะ เขาขจัดความคับข้องใจจากเมื่อไม่กี่วันออกไปและกล่าวอย่างยินดี “ศิษย์น้องไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่ผู้นี้ไม่ใช่จิ่งหาวคนเก่าอีกต่อไปแล้ว”
“อย่าบอกข้านะว่า...” ซินเมิ่งฉีนัยน์ตาเป็นประกาย ปลาบปลื้มใจ
“ใช่แล้ว ในที่สุดข้าก็ฝึกสำเร็จ” จิ่งหาวตอบอย่างเก้อเขิน “ข้าไม่สามารถรอให้ให้เย่เฉาเกอเป็นคู่ต่อสู้คนแรกของข้า”
“ศิษย์พี่ ยอดเยี่ยมที่สุด!” ซินเมิ่งฉีชูหมัดน้อยๆ ของนาง ในหน้าของนางเต็มไปด้วยความปลื้มใจ “ถ้าศิษย์พี่เคยพบกับความยากลำบาก อย่าลืมว่าท่านยังมีศิษย์น้องข้าคือศิษย์น้องตัวร้ายของท่าน!”
จิ่งหาวมองดูไหล่บอบบางของศิษย์น้อง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแววจริงใจและใส่ใจและอารมณ์อ่อนไหว
ทันใดนั้นเขาก้าวเดินเข้าหานางอ้าแขนกอดศิษย์น้องของเขา
ซินเมิ่งฉีตะลึง ตัวของนางแข็งทื่อ นางไม่กล้าส่งเสียง นางฝันมาหลายครั้ง และพอกลายเป็นเรื่องจริงใจของนางกลับว่างเปล่าทันที
หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ขยับ แต่กลิ่นและความอุ่นของนางทำให้จิ่งหาวรู้สึกเจ็บปวดใจ ศิษย์น้องเขาก็รู้เช่นกันว่านี่อาจต้องใช้เวลาสองสามปี เมื่อต่อสู้กับเย่เฉาเกอเขาจะกลายเป็นกบฎต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธ
“ดูแลตัวเองด้วย ศิษย์น้อง!”
หลังจากกอดแล้วเขาปล่อยนาง และด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาแยกจากนางขณะที่หัวเราะ “ข้าไปละนะ”
เขาเดินออกไปโดยไม่ลังเล
เมื่อเงาหลังของเขาลับตาไป หญิงสาวที่ร่างแข็งทื่อพลันหลั่งน้ำตา
*************
ปิงกลับมาที่ค่ายทหารใหม่
ไม่มีถังเทียนในค่ายทหารใหม่มันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้น เจ้านั่นสงสัยจริงๆ ว่าจะเป็นยังไงบ้าง...
ปิงหยุดคิดชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องหรือไม่ เมื่อเขาจินตนาการว่าถังเทียนตายในห้องฆ่าตัวตาย เขาเองก็คงจะหายไป เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น นั่นเป็นเหมือนกับการเดิมพันของเขาเอง ปิงหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง เขาโยนความคิดเช่นนั้นไว้เบื้องหลัง เขาตัดสินใจว่าเขาจะไม่มีทางผิดแน่นอน ศักยภาพของถังเทียนยิ่งใหญ่กว่าที่เขารู้หรือคิดออก
เขานำแผนผังค่ายทหารที่เจ็ดออกมาด้วย เขาต้องการให้เซรีนดูและรู้ว่านางสามารถซ่อมได้หรือไม่ เขาไม่ต้องการรออย่างว่างเปล่ากับค่ายทหารที่เจ็ด เขาสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เขาเป็นหนึ่งในนายทหารที่รอดชีวิตจากไฟสงคราม ดังนั้นความยากลำบากแบบไหนกันที่จะสั่นคลอนเขาได้
เขาสงบใจและไตร่ตรองความคิดของเขา
บทฝึกมรณะพิเศษครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายมากมายน่าทึ่ง สมบัติดวงดาวทั้งหมดแพงมาก
ตาของเขาจ้องมองฟงโฉ่วที่ลอยวนเวียนไปมาและหลังจากคิด เขาหยุด “ฟงโฉ่ว เจ้ายังต้องการจะสู้อีกไหม?”
ฟงโฉ่วตอบทันที “ใช่ข้ายังอยากจะสู้”
จากนั้นเขาตระหนักได้บางอย่างและรู้ตัวทันที ตาของเขาเบิกโพลง เขาถามอย่างเหลือเชื่อ “ท่านจะช่วยให้ข้าสามารถสู้ต่อได้หรือ?”
“เป็นการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่ง” ปิงกล่าวเฉื่อยชา “เจ้าสามารถกลืนการ์ดวิทยายุทธและกลายเป็นขุนพลวิญญาณทหารเหมือนถังอี้ แต่เจ้ายังเหลือความสามารถพิเศษอยู่ พูดถึงวิชาดาบของเจ้า ถ้าเจ้ามีความอดทนพอนะ แน่นอนว่าก็มีโอกาสล้มเหลวด้วย และเจ้าอาจจะออกมาอย่างไม่เหลืออะไรเจ้าไตร่ตรองดูให้ดี”
“ไม่มีความจำเป็นต้องไตร่ตรอง”ฟงโฉ่วส่ายหน้าและพูดต่อ “ข้ายอมรับ! ตราบใดที่ข้าสามารถสู้ต่อได้ ข้าไม่ต้องการอย่างอื่น”
“เจ้าคิดให้มากๆ จะดีกว่า” ปิงเตือน
“ไม่จำเป็น” ฟงโฉ่วสั่นหัว “ข้าเพียงแต่ค้นหาความหมายของการต่อสู้”
ปิงไม่เตือนเขาอีกต่อไปและพยักหน้า “ก็ได้รอจนข้ากลับมาและเตรียมสิ่งของให้เจ้าก่อน”
“ขอรับ!” ฟงโฉ่วรับคำ
*******************
ภายในห้องฆ่าตัวตายไม่มีที่สิ้นสุดและเปิดกว้าง
ถังเทียนสูดลมหายใจ ต่อหน้าเขา มีคนๆหนึ่งที่ดูเหมือนเขาซึ่งกำลังสูดลมหายใจเหมือนกัน
ยากมากจริงๆ
เหงื่อไหลลงตามใบหน้าของถังเทียน ลมหายใจก็หนักหน่วงเหมือนโค ในที่สุดเขาก็ประสบกับสิ่งที่เป็นเหมือนกันต่อสู้กับเขา และเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก สิ่งที่เขามีและรู้ ฝ่ายตรงข้ามมีและรู้ทั้งหมด แม้แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่วัน เมื่อเขาก้าวหน้า ฝนตรงข้ามก็ก้าวหน้าเช่นกัน
การต่อสู้ผ่านไปสามวัน แต่ถังเทียนยังหาทางทำให้ตนเองได้เปรียบไม่ได้
ข้าจะเอาชนะได้ยังไง?
ก่อนที่เขาจะทันคิดจบ ฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
บุคลิกนิสัยฝ่ายตรงข้ามเหมือนกันกับถังเทียน เหนียวแน่นและไม่รู้จักกลัว ชอบใช้สัญชาตญาณบุกเข้าโจมตีและโจมตีอย่างหนักหน่วง
ถังเทียนสามารถหยุดคิดได้เพียงแค่ชั่วขณะ แต่ที่จะกัดฟันและสู้ตอบโต้เขาต้องตั้งสมาธิให้ดี พลังทั้งหมดของเขาสามารถป้องกันพลังโจมตีที่ดุร้ายรุนแรงของถังเทียนได้
กรงเล็บเพลิงภูตพรายก็เหมือนกัน รังสีก็เป็นอย่างเดียวกัน เหมือนกับมังกรสองตัวกางเล็บพุ่งเข้าโรมรันพันตูกันอย่างดุร้าย
เกิดแรงระเบิดรุนแรงหนักหน่วงออกมาต่อเนื่อง ขณะที่ร่างทั้งสองแยกออกจากกันแล้ววิ่งเข้าปะทะกันใหม่
กรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนมีข้อบกพร่องที่เล็กมากกว่าแต่ก่อน แต่ถังเทียนฝ่ายตรงข้ามยังคงมีเนตรราชันย์มยุราและสามารถค้นหาจุดอ่อนเล็กน้อยได้ในทันที
ทั้งสองฝ่ายยังคงค้นหาข้อตำหนิของกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งพยายามลดข้อบกพร่องของตนเองไปด้วย
ทั้งสองต่างก็รู้เป้าหมาย ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้จักกันดีจนถึงว่าพวกเขาไม่สามารถจะทำความคุ้นเคยชินกันได้อีกต่อไป
ถังเทียนรู้สึกกดดันผิดหวัง เขาพยายามกระตุ้นการทำงานตาแดง แต่ตาแดงก็ใช้งานไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามหนักเพียงไหนก็ตาม ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งก่อน
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนกลัวมากขึ้นทุกทีก็คือถังเทียนอีกฝ่ายหนึ่งก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกระตุ้นการทำงานของตาแดงด้วย
ถ้าฝ่ายตรงข้ามกระตุ้นการทำงานของตาแดงได้สำเร็จ เขาคงอยู่ในอันตรายเป็นแน่
โธ่เว้ย!
เขาคิดว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่เขาไม่เคยคิดว่าการต่อสู้ความจริงก็ยากลำบากอยู่แล้ว
พอถึงวันที่ห้าทั้งสองฝ่ายก็หยุดในที่สุด
ทั้งสองฝ่ายต่างหมดพลังกันทั้งคู่ เป็นเวลาห้าวันห้าคืน ทั้งสองฝ่ายแทบไม่หยุดหายใจ และทั้งสองฝ่ายทุ่มเทต่อสู้กัน เมื่อพวกเขาสู้จนหมดพลังปราณแท้ พวกเขาก็ใช้แรงเถื่อนล้วนๆสู้กันไม่มีใครยอมใคร และในที่สุดเหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายต่างถูกทุบจนสะบักสะบอม
จะทำยังไงดี?
ถังเทียนอ้าปากหอบหายใจ และคิดหาวิธีต่อเนื่อง
ข้าจะไม่ยอมแพ้แน่นอน
อาโมรี่รู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด หน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่เขาทนได้ แต่ในที่สุด เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจะครางออกมาและหมดสติ อุปกรณ์ไม้,ตะปูเหล็กและเตียงฟันเฟืองยังคงทุบใส่ร่างของเขาต่อไป
หลังจากทุกอย่างสงบลง อาโมรี่ยังคงหมดสติเนื้อที่แตกยับบนร่างกายของเขาจะปลดปล่อยรัศมีธาตุดินออกมาและเนื้อก็เริ่มงอกขึ้นมาทำให้แผลสมานได้อย่างน่าประหลาด
สามชั่วโมงต่อมาอาโมรี่ตื่นขึ้นในที่สุด และร่างของเขาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม
เสียงไม้หวดแหวกอากาศดังผ่านมาอีกครั้ง และมันเริ่มต้นอีกครั้ง สีหน้าเขาเปลี่ยน วงจรครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
เลือดกระเซ็นไปทุกที่ ความเจ็บปวดลึกจนถึงกระดูกของเขา อาโมรี่ครางหน้าขาวซีดทันทีขณะที่เขาพยายามอดทนอย่างดีที่สุด
ครั้งต่อไปข้าต้องให้ถังพื้นฐานมาลองที่นี่ให้ได้สักครั้ง....
นั่นคือความคิดสุดท้ายของอาโมรี่ เมื่อเขาหมดสติไปอีกครั้ง
*************
ห้องน้ำแข็งเย็นหนาวจัดเยือกเย็นมาก หานปิงหนิงอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิตัวตรง ตลอดทั้งร่างของนางแข็งเหมือนกับตุ๊กตาน้ำแข็ง ขณะที่หัวใจของนางยังคงเต้นช้ามากเหมือนกับว่าไม่มีสัญญาณชีพจร
ภายในกระแสน้ำเชี่ยวกราก เหลียงชิวปัดตีบอลเหล็กซึ่งหล่นมาใส่เขาอย่างคล่องแคล่วเป็นเหตุให้ลูกเหล็กเหล่านั้นบินพุ่งไปเหมือนกระสุน ด้วยน้ำหนักลูกตุ้มที่คอยถ่วงมือทั้งสอง หน้าของเขายิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นทุกที ขณะที่ความเร็วของสายน้ำมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและกดดันเขาต่อเนื่อง และรุนแรงมากขึ้นทุกที
ปัง!
หนึ่งในลูกเหล็กที่เหมือนกับปลาที่เล็ดลอดข่าวเข้ามาได้กระแทกเข้าที่ไหล่ซ้ายทำให้เขารู้สึกชา เขาส่งเสียงคราง และพลังป้องกันของเขาพังทลายทันที
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ต้องดิ้นรนออกจากภายในกระแสน้ำในที่สุด
เขาเหมือนกองดินเหลวนอนอยู่ข้างสายน้ำ มีรอยเลือดสายหนึ่งที่มุมปากของเขา ทั่วร่างมีรอยฟกช้ำและเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่ในตัวแม้แต่นิดเดียว เขาได้แต่ฝืนยิ้ม
ข้าอยากจะนอนอยู่อย่างนี้...
และข้ายังจะต้องสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธ...ชีวิตคือโศกนาฏกรรม...
โศกนาฏกรรมที่ทำให้การมีชีวิตอยู่เหมือนกับตาย....
หลังจากโหยไห้ในใจเขาตะเกียกตะกายลุกกลับมานั่งเดินพลังปราณ
ซือหม่าเซียงซานมีบาดแผลถูกฟันและฟกช้ำตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ในความมืดชุดของเขาถูกเลือดย้อมเป็นสีแดง แต่เขาดูเหมือนไม่ใส่ใจขณะที่ตาของเขาพยายามรู้สึกถึงสภาพรอบตัวอย่างระมัดระวังแม้แต่ความเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ทันใดนั้นความเคลื่อนไหวคุกคามที่แทบไม่สามารถจับได้โผล่มาจากด้านหลังของเขา
ซือหม่าเซียงซานบิดร่างโดยไม่ต้องคิดร่างท่อนบนของเขาเหมือนติดสปริง และยืดตัวหลบไปได้
วืดดด
รอยบาดแผลปรากฏบนหน้าของเขาและเลือดซึมออกมาจากบาดแผลนั้นหยดหนึ่ง
ซือหม่าเซียงซานยกมือแตะบาดแผลขณะที่เลือดหยดลงบนนิ้วของเขา เขาเลียเบาๆ ฉากภาพเช่นนั้นทำให้เขาดูชั่วร้ายน่ากลัวอย่างยิ่งยวด
เจ้าต้องการชีวิตข้า นั่นไม่ง่ายนักหรอก
ม่านตาของซือหม่าเซียงซานเย็นชาเหมือนงู
หลิงซิ่วพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อัศวินน้ำแข็งเงินที่อยู่ต่อหน้าเขาโจมตีอย่างหนักหน่วง หอกของเขารวดเร็วทั้งหมดนี้เคยปรากฏในความฝันของเขามาก่อน เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักวิชาเหล่านั้น แต่เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่พลังที่ปลดปล่อยมา ทำไมจึงทรงพลังมากมายนัก
หอกทะเลจุดของหลิงซิ่วเผชิญกับรังสีหอกของฝ่ายตรงข้ามกลับถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
พอประสบเจอด้วยตัวเองจริงๆช่างแตกต่างจากความฝันของเขา
มีความแตกต่างของทั้งสองเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่การได้เห็นประจักษ์คราวแรกเขาไม่รู้คืออะไร ไม่รู้ทั้งนั้นไม่ว่าจะมองจากมุมมองไหน
นี่คือหอกทะเลจุดที่แท้จริงหรือ? อาจารย์สอนหอกทะเลจุดข้าผิดจริงๆ หรือ?
หลิงซิ่วจิตใจหวั่นไหว