ตอนที่ 322 บทฝึกมรณะพิเศษ (2)
“ข้าไม่รู้เรื่องกระบี่มากนัก” ปิงมองดูอาเฮ่อ “แต่ข้าเคยได้ยินมาจากสหายในครั้งอดีต ก็คือหลักการสอนวิทยายุทธตะวันออกให้เน้นที่มนุษย์กับสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวกัน”
“มนุษย์กับสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวกัน?” นัยน์ตาของอาเฮ่อเป็นประกายเขาสัมผัสความคิดลึกๆ ได้ขณะที่ไตร่ตรอง อาเฮ่อมีบุคลิกราศีสงบเยือกเย็นอยู่แล้ว เมื่อเขาเข้าถึงความคิดลึก ก็จะเข้าถึงความสงบเย็นยิ่งขึ้น
“ถูกแล้ว”อาเฮ่อส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แต่ข้าสามารถเห็นวิธีการฝึกวิชาของเขา”
อาเฮ่อเงยหน้ามองปิงอย่างคาดหวัง
ปิงระลึกถึงความทรงจำ “เขามีพรสวรรค์ระดับธรรมดา แต่ฝึกฝนยันดึกเขาใช้เวลาสามปีในวัยเขากับการกินและดื่มเที่ยวไปตามภูเขาทุกแห่งกลายเป็นสหายกับอสูรดวงดาว ความแข็งแกร่งของเขาถือได้ว่าทั่วไปสำหรับทหาร จากนั้นเขาใช้เวลาอีกสามปี สังเกตสายน้ำไหลสายลมพัด ต้นไม้ที่เติบใหญ่และตายไป สามปีต่อมาพลังของเขาก้าวหน้าจนเหนือกว่าระดับทั่วไป จากนั้นเขาใช้เวลาครั้งละสามปีผจญไปในมหาสมุทรลึกเผชิญหน้ากับพายุรุนแรง เดินหน้าเข้าไปยังต้นกำเนิดแหล่งหิมะน้ำแข็งเดินทางผ่านทะเลทรายเป็นหมื่นกิโลเมตร เข้าไปอยู่ในภูเขาไฟจนเราคิดว่าเขาตายแล้ว เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง พลังของเขาก็ติดอันดับหนึ่งในสิบทหารสุดยอด จากนั้นมาเกิดสงครามใหญ่และเขาไม่เคยออกไปไหนอีกเลย สงครามนั่นคงอยู่นานห้าปี เขาฆ่าคนไปมากมาย ส่วนดีของสงครามก็คือความรุ่งโรจน์ของเขา เมื่อทุกอย่างสงบลง เขากลับมาจากแนวหน้า ใช้เวลาทุกวันนั่งอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ จากนั้นกลางคืนก็จ้องมองดวงจันทร์และดวงดาวนานห้าปี อีกห้าปีต่อมาเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับสามในกองทัพ”
อาเฮ่อตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“พรสวรรค์ของเจ้ายังโดดเด่นมากกว่าเขาเสียอีก เมื่อเขาอายุเท่าเจ้า พลังของเขายังไม่ได้หนึ่งในสิบของเจ้าด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาได้รับตกทอดยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่เจ้าได้รับตกทอดอย่างเต็มที่ เจ้าได้เปรียบมากกว่าในทุกด้าน แต่สิ่งที่ข้าไม่แน่ใจก็คือเจ้าจะสามารถโดดเด่นได้มากกว่าเขาหรือไม่ ข้ามักรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาพิเศษ ข้าเล่าประวัติของเขาให้เจ้าฟังและหวังว่านั่นจะช่วยเจ้าได้” ปิงพูดกับอาเฮ่อตามตรง
อาเฮ่อขอบคุณจากใจ “ขอบคุณท่าน”
“บางทีเมื่อเจ้าเผชิญความตายต่อหน้า เจ้าคงไม่คิดอย่างนั้น” ปิงไม่สนใจไยดี “เมื่อคิดถึงเรื่องอดีตของเขา เขาดึงพลังของเขาออกมาใช้อย่างเป็นธรรมชาติ ค้นหากฎเกณฑ์และเขาเรียกวิธีนี้ว่ากฎธรรมชาติ ถ้ามีเวลา ข้าขอแนะนำให้เจ้าลองเดินตามเส้นทางที่เขาเดิน และรับพลังอย่างเดียวกันเหมือนที่เขาได้จากธรรมชาติ แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลา มีเวลาแค่เกือบเดือน ดังนั้นเราต้องหาเป้าหมายที่แน่นอนก่อน”
อาเฮ่อยังคงคิดเรื่อง “กฎธรรมชาติ” เขารู้สึกว่าเขาได้รับประโยชน์มากมายจากวันนี้และเมื่อเขาได้ยินเรื่องเป้าหมายที่แน่นอนจากปิง เขาเงยหน้าถาม “เป้าหมายอะไรกัน?”
“ธรรมชาติมีครอบคลุมทุกสรรพสิ่งและเหมือนวัตถุทั่วๆ ไปมาก เนื่องจากเรามีเวลาสั้นๆ เราจึงต้องใช้เป้าหมายที่เล็กลงและเลือกเอาหนึ่งในธรรมชาติ ตัวอย่างเช่นลม” ปิงอธิบาย
“ลม?” อาเฮ่อคิดอย่างลึกซึ้ง
“ถูกแล้ว”ปิงกล่าว “ข้ารู้สึกว่าลมเหมาะกับวิชากระบี่เป็นที่สุด ดังนั้นข้าเตรียมถ้ำลมไว้ให้เจ้า”
ปิงมอบแผนที่ให้อาเฮ่อ
“นี่คือที่ตั้งตำแหน่งที่พิเศษมีเงื่อนไขที่โหดร้ายเรียกว่าหุบเขาสำเนียงทราย มันคือหุบเขาที่ก่อตัวจากกองทรายและหุบเขาจะนำไปยังพื้นที่ใต้ดินและเมื่อสายลมพัดทราย จะเกิดเป็นเสียงสั่นสะเทือน ลมในหุบเขาเหมือนกับมีด และนั่นไม่ใช่พูดเกินจริง ถ้าเจ้าเข้าไปข้างใน เจ้าจะเข้าใจ จงอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนก็คงพอ จากนั้นเจ้าค่อยกลับมา ข้าได้เตรียมอาหารแห้งไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าสามารถเดินทางได้ในบัดดล”
อาเฮ่อไม่ลังเลใจ รับอาหารแห้งและคำนับปิงด้วยความเคารพ“ขอบคุณท่าน”
เขาเป็นเด็กดีและสุภาพจริงๆ...
ปิงโบกมือด้วยท่าทีพอใจ “วางใจได้ ถ้าเจ้าตายในนั้นอย่างน้อยร่างของเจ้าจะไม่กลายเป็นเนื้อสับเนื้อบดเป็นแน่”
อาเฮ่อยิ้มและหันกายจากไป
ปิงอธิบายและสอนทุกคนช้าๆ จนกระทั่งมาถึงถังเทียนผู้ใจร้อนมาก “หนุ่มชาวฟ้า, เจ้าพร้อมหรือยัง?”
“ข้าพร้อมนานแล้ว” ถังเทียนกำลังกระโดดผลุงด้วยความตื่นเต้น
“เราเข้าประตูแสงกันเถอะ” ปิงกล่าว
เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในประตูแสงปิงเดินเข้าไปตามซอยเล็กที่ถูกตัดออกทันที พวกเขาไม่เห็นที่สุดของซอยเล็กซึ่งยาวไกลมาก ถังเทียนตะลึงและถามทันที “หยาหยาและพวกไปถึงที่แล้วหรือ?”
“ถ้าเป็นไปตามแผนพวกเขาคงเกือบถึงนั่นแล้ว อสูรจักรกลของเซรีนมีจำนวนราวๆ สองร้อยชุด ทำให้งานดำเนินไปได้เร็วมาก”
ปิงเรียกพยัคฆ์ฟ้าออกมาสวมกับตัว “ไปกันเถอะ”
พยัคฆ์ฟ้าเหมือนประกายแสง พุ่งทะยานไปข้างหน้า
ถังเทียนตกใจ, มันไวมาก! พยัคฆ์ฟ้ามีความเร็วเพิ่มขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขาไม่รู้ว่าในช่วงหลายวันมานี้ เซรีนหวังจะดูดเงินจากปิงนางจึงช่วยพัฒนาพยัคฆ์ฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ พยัคฆ์ฟ้าในปัจจุบันพัฒนาก้าวหน้าไปมาก และพลังของมันยังเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ถังเทียนกระตุ้นพลังปราณแท้ทันทีและร่างของเขาหายไปในอากาศ
ท่าเท้าลมพราง
ท่าเท้าลมพรางของถังเทียนใช้ออกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไวกว่าแต่ก่อนมาก เป็นเหมือนกับว่าเขาแหวกผ่านอากาศ ร่างของเขาหายวับไปทันที จากนั้นไปปรากฏจากสองสามเมตรข้างหน้า
ในพริบตาตรอกซอยข้างหน้าก็เต็มไปด้วยภาพเคลื่อนไหว
การวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาใช้พลังทั้งหมดไปกับการวิ่งเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่ล้าหลัง ตรอกเล็กๆไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับถังเทียนได้วิ่งต่อเนื่องมาถึงสามวันแล้วก็ยังไม่รู้สึกว่าจะสุดทางเสียที
เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนไม่ยอมหยุดพัก ใช้ปราณเที่ยงแท้ของเขาให้หมดไปกับการวิ่ง ปราณแท้ของเขามีมากยิ่งกว่าในอดีต และดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ราบสูงกว้างใหญ่ที่ปิงพูดถึง แสดงว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
ถังเทียนฝืนยิ้ม เขาเองมีความสุขในภัยพิบัติของคนอื่น หยาหยาต้องทนลำบากอย่างหนัก แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะกลับกลายมีผลต่อเขา ปิงไม่มีความตั้งใจจะรอเขา และถ้าถังเทียนชะลอตัวเพียงเล็กน้อย พยัคฆ์ฟ้าก็จะกลายเป็นจุดดำเล็กๆ
ถังเทียนต้องใช้สมาธิทั้งหมดเพ่งอยู่กับท่าเท้าลมพราง เกี่ยวกับวิธีประหยัดปราณแท้และวิธีใช้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกย่างก้าว
เป็นเวลารวมสามสิบวัน นอกจากทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูปราณแท้ เวลาของถังเทียนทั้งหมดจะใช้ไปกับการวิ่ง
ซากปรักหักพังแห่งหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตาของเขา
ถังเทียนไม่มีอารมณ์อะไรอย่างอื่นนอกจากความโกรธในหัวใจ ปิงงี่เง่าชักจะบ้าเกินไปแล้ว เมื่อคิดถึงเวลาปัจจุบันของเขาจะช้ากว่าข้างนอกหนึ่งในห้า ใช้เวลาไปสามสิบวันในนี้ก็หมายความว่าหมดเวลาไปเพียงหกวันในข้างนอก
เขามีเวลาเพียงสามสิบวัน แต่เขาหมดเวลาไปหกวันจริงๆ
นี่ศีรษะของเขาไปกระแทกกำแพงมาหรือเกิดอะไรขึ้น?
บทฝึกมรณะพิเศษของเขาหมายความว่าวิ่งจนเหนื่อยตายใช่หรือไม่?
ถังเทียนค้ำเข่าหอบหายใจ สามสิบวันของการวิ่งไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไร เพราะท่าเท้าลมพรางของเขาก้าวหน้าขนานใหญ่ และอาจถือได้ว่าเป็นรางวัลอย่างหนึ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นและสะดุ้งกับสิ่งที่เขาเห็นและเก็บคำพูดที่เขาต้องการพูดไว้ในปาก
ปิงถอดชุดพยัคฆ์ฟ้าออกแล้ว และยืนมองซากหักพังข้างหน้าเขา พยัคฆ์ฟ้ายังคงยืนอยู่ด้านหลังเขา สำหรับค่ายทหารหมื่นปีที่แล้วกลายเป็นซากหักพัง ความรู้สึกสูญเสียปรากฏอยู่ในสายตาเขา
เหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดลอยเข้ามาในใจเขา แม้ว่าปิงมักจะพูดถึงตนเองว่าเป็นเรื่องตลกที่รู้สึกจากเรื่องในอดีต และถูกเยาะเย้ยจากเจ้าเด็กหนุ่มบ้า แต่เมื่อเห็นซากหักพังต่อหน้าด้วยตนเอง เขาแทบหลั่งน้ำตา
เขาพยายามหักห้ามความเจ็บปวดใจอย่างเต็มที่และยิ้มเยาะตนเอง หลังจากหลับมาเป็นเวลาหมื่นปี เขาก็ยังไม่หลาบจำ เมื่อไหร่เขาจึงจะแข็งแกร่งขึ้น?
ถ้าท่านผู้บัญชาการยังอยู่ที่นี่ เขาจะต้องพูดแน่นอน “โอวๆ อะไรๆ ก็ดีไปหมด ปล่อยให้ธรรมชาติจัดการมันเถอะ” “ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวปิงปิงดีนะ” พอพูดเช่นนี้เสร็จก็โยนเรื่องให้เขาแล้วก็ไปเล่นพนัน หลังจากนักพนันเอะอะโวยวายจากการเล่นพนัน ปิงจะต้องหาอาหารให้พวกเขา คอยปิดไฟให้พวกเขาคอยขานรับใช้เวลาเขาเรียก...
พอนึกถึงแล้ว ข้าไม่รู้สึกอายจริงๆ...แต่ทำไมข้าถึงได้เก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้...
เขาเดินไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย พื้นที่แปลกๆ ก็ยังมีสิ่งที่เขาคุ้นเคยปรากฏเข้ามาในสายตา ทำให้เขาต้องหยุดชั่วขณะ
เมื่อเขาอายุยังน้อย กองทัพยังคงอ่อนแอ ทั่วทั้งพื้นที่เป็นแนวหน้าของกองทัพ ยังคงมีบาดแผลสงครามหลายแห่งที่ทิ้งไว้หลังจากการต่อสู้
โดยไม่รู้ตัว หลังจากเขาเดินมาจนถึงที่สุด ปิงหยุด เขาหันหน้ามองที่ปรักหักพังเงยหน้ามองดูภาพข้างหน้าเขา ความเสียใจในดวงตาค่อยๆ จางหายไป ความมุ่งมั่นและสมาธิเข้ามาแทนที่
ถ้าวิญญาณพวกท่านยังคงปกป้องอยู่ที่นี่ โปรดพักให้สบายเถอะ
อย่าได้ห่วงกังวล กองทัพจะยังไม่หายไป ข้ายังอยู่ที่นี่ แม้ว่าข้าจะไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเจ้า ไม่มีความสามารถเท่าพวกเจ้า แต่โปรดมั่นใจเถอะว่าข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถรักษากองทัพที่นี่ไว้ ปกป้องสถานที่ และปกป้องกองทัพ
อนาคตยังคงไม่รู้ แต่เวลายังคงทำลายทุกอย่าง
แต่ข้ายังอยู่ที่นี่
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ทุกคน
ปิงคำนับสถานที่หักพังอย่างจริงจัง
ถังเทียนมองปิง แต่ไม่พูดอะไร เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายจากตัวปิง ถังเทียนคุ้นเคย นั่นเป็นความรู้สึกศรัทธาเชื่อมั่น ลุงปิงต้องมีฝันที่ยังทำไม่สำเร็จแน่นอน
สงสัยจริงว่าเราจะช่วยเขาได้ไหม?
“ถังเทียน”
กระบวนความคิดของถังเทียนสะดุดลง และเขาเงยหน้ามองปิง
“ตรงนี้เอง” เสียงของปิงเคร่งขรึม
“โอ๋ว” ถังเทียนกระโดดสองสามคราก็มาอยู่ข้างตัวปิง
ขาของปิงปลดปล่อยพลัง แรงระเบิดทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเผยให้เห็นบ่อบรอนซ์ บนฝาบ่อมีคำเขียนว่า “สถานีค่ายที่เจ็ดปิดการใช้งาน, อาวุธทำให้โลกวุ่นวาย,จงกลับคืนสู่ความสงบเถิด”
“หยดเลือดเจ้าตรงนี้”
ปิงเสียงเข้ม ใบหน้ามีแววจริงจัง
ถังเทียนตกใจ แต่เขายังกรีดผิวบนนิ้วเขาเป็นแผลเล็กๆ
เลือดหยดลงบนฝาบ่อบรอนซ์ เหมือนกับน้ำหยดหนึ่งบนทะเลทราย มันซึมหายไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น พื้นสั่นสะเทือน
หยาหยาที่แอบนอนหลับอยู่ที่มุมตื่นขึ้นทันที มันไม่ใช่อสูรจักรกล และหลังจากทำงานเป็นเวลานานอย่างนั้น มันเหน็ดเหนื่อยหนัก และหลังจากมันก้าวหน้ามันหลับลึกจนกระทั่งเมื่อพื้นสั่นสะเทือน มันจึงตื่นขึ้นและหันหัวไปมอง
มันรู้ได้ทันทีว่าถังเทียนอยู่ที่นั่น แสงในดวงตามันสว่างโพลงมันร้องดีใจกระโดดเข้าอ้อมกอดถังเทียน
พอดีเวลานั้นพื้นใต้เท้าของเขาสั่นสะเทือนทันที แผ่นดินไหวและภูเขาเคลื่อนที่ ถังเทียนแทบทรงตัวไม่อยู่
“ครืน ครืน”เสียงต่ำลึกดังมาจากใต้ดินลึกลงไป โลกที่นอนหลับมาหลายปีเริ่มเปิดออก
เหมือนกับว่าอสูรโบราณได้ตื่นขึ้นหลังจากหลับไหลมานานหมื่นปี