ตอนที่ 321 ความคิดของราชาสวรรค์จื่อหยาง(ตอนฟรี)
หลังกู่เซียนเอ๋อร์ถอนพืชไฟดาว นางก็เปลี่ยนเป็นลำแสง ออกจากสถานที่นี้ไป เมินฉินอู่หยาที่แอบมองนาง
“นิสัยเช่นนี้ แม้จะคล้ายกับศิษย์น้องมาก แต่ก็ยังมีความแตกต่าง”
ฉินอู่หยาถอนหายใจ ร่างของเขาโผล่จากด้านหลังต้นไม้ขณะที่เขาละสายตาจากนาง ไม่คิดเข้าไปทำความรู้จัก
แม้ตอนนี้เขาจะมีน้ำของทะเลสาบเกิดใหม่ในมือ สามารถช่วยกู่เซียนเอ๋อร์ฟื้นคืนความทรงจำได้ตลอด แต่การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่บอกที่มาของเขาย่อมทำให้นางสงสัย
ถ้าเขาพยายามใช้กำลังบังคับให้นางดื่มน้ำจากทะเลสาบเกิดใหม่ มันจะขัดกับพฤติกรรมของเขา ไม่ต้องพูดถึงว่ากู่เซียนเอ๋อร์มีฐานบ่มเพาะสูงและดูเหมือนจะมีไพ่ตายมากมาย ถ้าเขาอยากกำราบนางจริง เขาอาจต้องเปลืองแรง
นั่นจะได้ไม่คุ้มเสีย
และฉินอู่หยาก็มาที่นี่เพื่อหาที่ซ่อนของราชาสวรรค์จื่อหยาง ไม่ได้อยากสร้างปัญหา ดังนั้น เขาจึงแอบมองนางจากไปเท่านั้น
ตอนนั้น หลังได้เห็นการมาเกิดใหม่ของสหายเต๋าของเขาในอาณาจักรวิหคเพลิง ฉินอู๋หยาก็ตื่นเต้นมากและคิดไปอาณาจักรเต่าดำเพื่อหาอาจารย์กับศิษย์น้องของเขา
ด้วยสถานะของราชาสวรรค์จื่อหยาง มันไม่ควรยากที่จะหาตัวตนของผู้หญิงคนนั้น ตราบเท่าที่เขารู้ตัวตนของนาง มันคงง่ายที่จะหาทางทำให้นางรู้จักเขา
น่าเสียดาย สถานการณ์จริงทำให้ฉินอู่หยาต้องตกตะลึง ฉินอู่หยาไม่คิดเลยว่าหลังมาถึงงอาณาจักรวิหคเพลิง เขาจะหาตัวจื่อหยางไม่เจอ
แถม เขายังได้ยินว่าจื่อหยางกับผู้สืบทอดวิชามารร่วมมือกันและลักพาตัวเด็กสาวที่มีกายเซียนมารไป เขายังฆ่าอัจฉริยะกลุ่มหนึ่งในดินแดนกลืนกินสวรรค์ และเกือบฆ่ากู่ฉางเกอ
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่นานหลังเขาไปทะเลสาบเกิดใหม่ ตอนแรก ฉินอู่หยาไม่เชื่อว่าศิษย์น้องของเขาจะทำแบบนั้น
เพราะตอนอยู่ในสำนัก ราชาสวรรค์จื่อหยางค่อนข้างอ่อนแอและขี้ขลาด เขามักโดนศิษย์คนอื่นรังแก ซึ่งเป็นเขาที่คอยช่วยเหลือตลอด
ด้วยนิสัยเช่นนั้นของจื่อหยาง เขาจะทำเรื่องแบบนั้นได้ไง และท่ามกลางอัจฉริยะที่ตายไป เจ้าชายเซิง ทายาทภูเขาจักรพรรดิก็ยังรวมอยู่ด้วย
แต่ ตอนนี้ฉินอู่หยาเริ่มไม่แน่ใจในความคิดเขาแล้ว
กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน อย่างศิษย์น้องจื่อหยางของเขา ที่เกลียดกู่ฉางเกอมาก เขาย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะฆ่ากู่ฉางเกอให้ตาย ต่อให้ต้องร่วมมือกับผู้สืบทอดวิชามาร
หลังจากนั้น เขายังหาร่องรอยของจื่อหยางไม่เจอ แต่ข่าวอื่นทั้งหมดก็ได้ยืนยันความคิดของเขา เรื่องพวกนี้ทำให้ฉินอู่หยาตกอยู่ในห้วงความสงสัย เขายิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจื่อหยางเป็นแน่
แต่ไม่ช้า ราชาสวรรค์จื่อหยางก็ส่งคนมาติดต่อเขา
ฉินอู่หยาจึงรีบมาที่นี่ ตั้งใจจะพบกับจื่อหยางและหารือกันว่าจะเอาอย่างไรต่อ
“หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับศิษย์น้องของข้า มันดูเหมือนผู้สืบทอดวิชามารจะรับมือด้วยยากมาก ถ้าคิดสวมหนังเสือ ก็ต้องเตรียมใจโดนเสือกินไว้ด้วย”
ฉินอู่หยาถอนหายใจ ร่างของเขาไหววูบ พุ่งไปยังสถานที่ที่เขาตกลงไว้กับราชาสวรรค์จื่อหยาง
ในยุคของพวกเขา พวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับผู้สืบทอดวิชามาร
ผู้สืบทอดวิชามารดูเหมือนจะปรากฏตัวในยุคต่อมา และเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทั้งหมดหวาดกลัว แม้กระทั่งพวกสำนักเต๋าใหญ่ก็ยังหวาดผวากับผู้สืบทอดวิชามาร ไม่คิดจะปล่อยให้เติบโต
ถ้าราชาสวรรค์จื่อหยางร่วมมือกับคนแบบนั้นจริง เขาอาจถูกฆ่าปิดปาก
ไม่ช้า ในโบราณสถานที่เงียบสงัด ฉินอู่หยาสัมผัสได้ถึงความผันผวนแปลกๆ และด้วยสายตาของเขา เขาสามารถระบุได้ว่ามีค่ายกลซ่อนอยู่
และวิธีการก็ฉลาดมาก ต่อให้เป็นเทพสูงสุด มันก็ยังปกปิดได้ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี แต่ มันไม่อาจรอดพ้นจากสายตาเขาไปได้
“ศิษย์น้องจื่อหยาง”
ที่ทางเข้าโบราณสถาน ฉินอู่หยาพูดขึ้น ตะโกนเข้าไปข้างใน ขณะที่สัมผัสของเขาคอยสอดส่องด้านหลังเพื่อป้องกันใครจากการแอบตามมา
“ศิษย์พี่”
ในส่วนลึกของโบราณสถาน ชายชุดม่วงที่นั่งสมาธิอยู่พลันอุทานด้วยความตื่นเต้น รีบลุกขึ้นมาพบฉินอู่หยา
“ศิษย์น้องจื่อหยาง ไม่เป็นอะไรนะ?”
ฉินอู่หยามองราชาสวรรค์จื่อหยาง โล่งใจเล็กน้อยและถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร มีศิษย์พี่อยู่ด้วย ข้าเบาใจขึ้นเยอะ”หลังจากนั้น ฉินอู่หยากับจื่อหยางก็คุยกันสักพัก จื่อหยางยิ้มอย่างโล่งใจ ความวิตกใจในของเขาคลายลงไปเยอะ
ในสายตาเขา ฉินอู่หยาคือเสาหลักของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบเท่าที่ศิษย์พี่ของเขาอยู่ มันจะแก้ไขได้ เหมือนกับเหตุการณ์ใส่ร้ายตอนนั้น
“ศิษย์น้อง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ข้าได้ยินข่าวลือหนาหูนัก”หลังจากนั้น ฉินอู่หยาก็ขมวดคิ้ว ตรงเข้าประเด็น
ราชาสวรรค์จื่อหยางไม่ปิดบังอะไร เขาบอกความจริงที่เขารู้ทั้งหมด ไม่ปกปิดสักนิด รวมถึงตอนที่เขาล่าผู้สืบทอดวิชามาร และโดนคนอื่นใส่ร้าย กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้สืบทอดวิชามารลักพาตัวชิงเสี่ยวอี้
เขาบอกเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดยิบ ไม่มีอะไรพลาดไปสักจุด
“คนที่ใส่ร้ายเจ้ามีแผนชั่วร้ายจริงๆ และมันก็ไร้ที่ติอีกด้วย”
ฉินอู่หยาฉลาดมาก หลังได้ยินทั้งหมดนี้ เขาก็อ้าปากค้าง แผ่นหลังเย็นเฉียบ เขาเองก็ตกใจและหวาดกลัวเล็กน้อย เชื่อมโยงตัวต่อทีละตัว ทว่า เส้นทางทั้งหมดก็ล้วนเป็นทางตัน
ไม่น่าแปลกที่ราชาสวรรค์จื่อหยางจะมามุดหัวอยู่ที่นี่
“ไม่อย่างนั้นข้าจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”จื่อหยางยิ้มขมขื่น แต่มีความโกรธและเกลียดบนหน้าเขา
“.งั้นศิษย์น้องรู้หรือไม่ว่าใครกันที่ใส่ร้ายเจ้า?”ฉินอู่หยาถาม“หรือจะเป็นราชาหกมงกุฏ ข้าได้ยินข่าวลือบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าเจ้าลักพาตัวชิงเสี่ยวอี้ไป?”
พอได้ยินแบบนี้ ราชาสวรรค์จื่อหยางก็ตกตะลึง คนที่เขาสงสัยสุดคือกู่ฉางเกอ แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย
ตอนเขาใช้เนตรเซียนของเขาเพื่อสอดส่องอนาคต เขาอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในอนาคต
แม้เขาจะเห็นร่างของกู่ฉางเกอตอนนั้น มันก็ไม่พอจะแสดงให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของกู่ฉางเกอ ยิ่งไปกว่านั้น ในดินแดนกลืนกินสวรรค์ กู่ฉางเกอบาดเจ็บสาหัสและเกือบตายคามือของผู้สืบทอดวิชามาร
ในมุมมองของราชาสวรรค์จื่อหยาง ราชาหกมงกุฏน่าสงสัยสุดจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใด ตอนที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น ราชาหกมงกุฏอยู่ในอาณาจักรเต่าดำ
แต่ทั้งสองไม่เคยบาดหมางต่อกัน และไม่มีหลักฐาน ทำไมราชาหกมงกุฏถึงอยากลักพาตัวชิงเสี่ยวอี้?
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถอธิบายได้ แถม ยังมีอีกคน ผู้สืบทอดวิชามารลึกลับนั่น!
ไม่ช้า จื่อหยางก็เอ่ยปากบอกชื่อคนสามคนที่เขาสงสัยสุด อยากดูว่าฉินอู่หยามีความเห็นเช่นไร
“ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์น้อง ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
ฉินอู่หยาพยักหน้า ก่อนเรื่องนี้จะถึงจุดจบ เขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าใครกันที่ใส่ร้ายจื่อหยาง
“ว่าแต่ ศิษย์พี่ ท่านช่วยเหลืออะไรข้าบางอย่างได้ไหม?ข้ารู้ว่าฐานบ่มเพาะของท่านแข็งแกร่ง และก็น่าจะจัดการได้”
ตอนนั้นเอง จื่อหยางพลันคิดถึงบางสิ่งและพูดขึ้นด้วยใบหน้าคาดหวัง
“ศิษย์น้อง โปรดพูด”ฉินอู่หยาพยักหน้า
“ตอนนี้ เพราะความจริงที่สตรีศักดิ์สิทธิ์จื่อหยานถูกกู่ฉางเกอจับกุมตัว ตอนนี้จึงมีการแบ่งแยกภายในตำหนักม่วง และผู้อาวุโสหลายคนก็เริ่มเลือกข้างประมุข”จื่อหยางพูด
“งั้น…เจ้าอยากให้ข้าช่วยพาตัวจื่อหยานออกมาใช่ไหม?”ฉินอู่หยาแปลกใจตอนเขาได้ยิน เรื่องแบบนี้ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเขา
เขาแค่ต้องแอบเข้าวังที่กู่ฉางเกอพักโดยไม่ให้ถูกสังเกต แม้พลังของกู่ฉางเกอจะแข็งแกร่ง มันก็เทียบไม่ได้กับเขาที่อยู่ในสวรรค์ชั้นเก้ามาเป็นร้อยปี
ในสายตาคนนอก เขาเป็นแค่เทพสวรรค์ แต่แม้กระทั่งตัวฉินอู่หยาเองก็ยังไม่รู้ถึงพลังแท้จริงของเขา
“ขอบคุณ ศิษย์พี่”
ราชาสวรรค์จื่อหยางดีใจมาก ในความเป็นจริง เขายังมีแผนส่วนตัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดออกมา
สำหรับหลิวจื่อหยาน สาวงามแห่งตำหนักม่วง เขามีความหลงใหลนางอยู่ในใจ มักมองนางเป็นของของเขา
ตอนแรก สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหลายของตำหนักม่วงรับปากกันเขาเองว่าหลังเขารับตำแหน่งประมุขตำหนักม่วง พวกเขาจะยกหลิวจื่อหยานให้เขา เพราะเหตุนี้ จื่อหยางจึงคอยชี้แนะนาง สร้างความประทับใจที่ดีให้นาง
แต่ตอนนี้ที่หลิวจื่อหยานถูกจับกุม และยังมีข่าวลือแย่ๆ มันจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
…
ตอนนี้ ในโลกที่ตำหนักม่วงตั้ง
อาณาเขตของมันกว้างขวางไร้ขอบเขต มันยากที่จะหาจุดสิ้นสัง พลังปราณม่วงลอยคลุ้ง เมฆเกิดจากกลิ่นอายเซียน
มีภูเขากับเกาะเซียนนับไม่ถ้วน น้ำตาสีเงินไหลตก และมีหมอกโกลาหลปกคลุมทุกสิ่ง
ในใจกลาง ในวังที่ตั้งอยู่ในความว่างเปล่า
“บัดซบ!”ชายวัยกลางคนท่าทางสูงส่งโกรธจัด
เขาสวมชุดคลุมสีม่วง แสงในดวงตาของเขาจะส่องออกมาเมื่อเขาลืมตาและหลับตา
ใบหน้าของเขาดำมืด หมัดของเขากำแน่น เขาโกรธมาก ผู้อาวุโสหลายคนข้างเขากำลังพยายามโน้มน้าวเขา แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน