ตอนที่ 11-3 มรดกบีบี
ในอากาศเหนือไพรทมิฬกว้างไม่มีสิ้นสุดเงาดำสายหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงหายลับไปในขอบฟ้า
ตาน้อยๆของบีบีเต็มไปด้วยความเศร้าและแค้น
“ข้าจะฆ่าพวกมันให้ตาย!” บีบีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก่อนอื่นบีบีบินไปทางที่ลินลี่ย์ถือสันโดษฝึกฝีมือ
“ควั่บ” เป็นเวลากลางวัน แม้ว่าจะมีทหารเฝ้ายามอยู่เงาดำเลือนรางพุ่งวับผ่านพวกเขาไปและเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน ทหารเหล่านั้นไม่ทันสังเกตว่ามีอสูรเวทตัวหนึ่งเข้าไปในพื้นที่ซ่อน
ภายในห้องโถงใหญ่ในอุโมงค์ใต้ดิน
บาร์เกอร์จากไปแล้วลินลี่ย์และเดเลียยังไม่รีบกลับไปฝึก เนื่องจากพวกเขารอคอยอยู่เงียบๆ ให้บีบีมาถึงก่อน
“พี่ใหญ่” เสียงของเขาสะอื้น บีบีโถมเข้าอ้อมแขนของลินลี่ย์
“เกิดอะไรขึ้น, บีบี?” ลินลี่ย์กับเดเลียรู้สึกตกใจทั้งคู่
บีบีอยู่ในอ้อมแขนลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองลินลี่ย์ด้วยดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์ “พี่ใหญ่! พ่อแม่ของข้าตายหมดแล้ว ฮืออออ”บีบียังสงสัยเรื่องพวกเขามาตลอดเวลา แต่อนิจจา ผลออกมาเป็นเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้น? พูดให้ชัดๆ” ลินลี่ย์รีบกล่าว “อย่าเพิ่งร้องไห้”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าบีบีดูเหมือนยังมีสภาพจิตใจเหมือนเด็กโต เขายังห่างจากความเป็นผู้ใหญ่ไม่ว่าเขาจะอยู่เผ่าพันธุ์ใดก็ตาม
บีบีพยักหน้า “ข้าได้พบปู่เบรุตแล้ว ปู่เบรุตเล่าให้ข้าฟังว่าบิดาของข้าเป็นหนูกินศิลาและมารดาของข้าเป็นหนูเงา พวกท่านมีพลังมากทั้งคู่ และทั้งคู่อยู่ในระดับเก้า แต่พวกเขาถูกคนฆ่า คนผู้นั้นฆ่าพ่อแม่ข้า”
“ใครฆ่าพวกเขา?” ลินลี่ย์งง
“ดาบดาราดิลลอนและเซียนจอมเวทธาตุดินรูดี้” บีบีขบเขี้ยวกล่าว
ลินลี่ย์ตะลึง
ทันใดนั้นเขาคิดย้อนกลับไปที่การสู้รบระหว่างเซียนที่เกิดขึ้นที่เมืองอู่ซันเมื่อตอนเขาแปดขวบ ลินลี่ย์จำได้ชัดเจนได้ยินเซียนทั้งสองตะโกนใส่กันอย่างโกรธเกรี้ยว เซียนนักรบคือดิลลอน! และเซียนจอมเวทคือรูดี้
“พวกเขาฆ่าพ่อแม่เจ้าหรือ?” ลินลี่ย์ไตร่ตรองครู่หนึ่ง
เพราะการสู้รบครั้งนั้น ลินลี่ย์ได้รับบาดเจ็บศีรษะเนื่องจากเขาปกป้องวอร์ตันน้องชายของเขา เลือดได้ไหลหยดไปที่แหวนมังกรขนด จึงทำให้ปู่เดลินออกมาจากแหวนมังกรขนดได้ เขาจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางจอมเวท หลังจากฝึกฝนเกือบครึ่งปี เขาจึงได้พบกับบีบีในพื้นที่ร้างหลังบ้านประจำตระกูลของเขา
“ครึ่งปี...ใช่แล้ว เนื่องจากบีบีเติบโตเร็วครึ่งปีหลังจากกำเนิดเขาเติบโตจากทารกไปเป็นอีกขนาดหนึ่งเมื่อตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรกก็ได้”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลาและสถานที่เข้ากันได้พอดี
ลินลี่ย์ยังรู้สึกเป็นปริศนาในเวลานั้น ทำไมเซียนทั้งสองจึงมาสู้รบกันที่เมืองน้อยอู่ซัน? ตอนนี้ดูเหมือนความจริงจะมีบางอย่างเกี่ยวกับพ่อแม่ของบีบี
“ทำไมพวกเขาถึงได้ฆ่าพ่อแม่เจ้า?” ลินลี่ย์ถาม
บีบีไม่ตอบโดยตรง “พี่ใหญ่, ไพรทมิฬคือที่อยู่ของอสูรเวทหนูทั้งหมด แม้ว่าเทือกเขาอสูรวิเศษจะมีอสูรเวทอยู่หลายตัวแต่ยังไม่อาจเทียบจำนวนกับที่อยู่ในไพรทมิฬได้” ลินลี่ย์พยักหน้าเข้าใจเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ อสูรเวทหนูมีความสามารถขยายพันธุ์มาก
ที่ใดก็ตามที่มีอสูรเวทชุมนุม ก็จะมีฝูงหนูอยู่ด้วยเช่นกัน
“แม้ว่าจะไม่มีมากมายขนาดนั้น แต่ก็ยังมีเกินสิบล้าน” บีบีกล่าว แม้ว่าแค่ส่วนหนึ่งของจำนวนรวมในไพรทมิฬก็มีจำนวนหลายร้อยล้านแล้ว ขณะที่อสูรเวทของเทือกเขาอสูรวิเศษมีเพียงสิบล้านความแตกต่างที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดา
บีบียังคงพูดต่อ “ในเทือกเขาอสูรวิเศษไม่มีหนูระดับเซียนอยู่เลย ผู้นำของหนูสิบล้านก็คือพ่อแม่ของข้า หนูกินศิลาและหนูเงาระดับเก้า”
ลินลี่ย์และเดเลียเข้าใจทั้งคู่
ทำให้รู้สึกว่ามีหนูระดับเก้าคู่หนึ่งอยู่ในบรรดาฝูงหนูนับสิบล้าน
“เซียนดาบดาราดิลลอนและเซียนจอมเวทรูดี้นั้นทั้งคู่ต้องการฝึกอสูรวิเศษให้เชื่องเพื่อไว้ใช้งานเอง ดาบดาราดิลลอนพบเจอบิดามารดาข้า ดังนั้นจึงต้องการจะเอาพวกเขาไปฝึกที่สำคัญการฝึกพวกเขาให้เชื่องได้ก็หมายความถึงฝูงหนูนับสิบล้าน” ตาของบีบีลุกโชนด้วยความเกลียด
ลินลี่ย์กลับตรงกันข้าม เข้าใจว่าดิลลอนรู้สึกยังไง
ฝูงหนูสิบล้านสามารถรับมือกองทัพทหารนับล้าน แม้แต่มังกรระดับเก้าโดยหลักการแล้วมีพลังเท่ากับหนูกินศิลาหรือหนูเงาระดับเก้า แต่มีแนวโน้มว่ายอดฝีมือเกือบทั้งหมดเลือกหนูกินศิลา หรือหนูเงาเอาไปฝึกเป็นคู่หู
“โชคร้ายแม่ข้าท้องอยู่ในเวลานั้น” บีบีขบเขี้ยว “จ้าวมุสิกล้วนมีความภาคภูมิใจตัวเองทั้งนั้น บิดาข้าอาศัยพลังป้องกันที่แข็งแกร่งต้านรับดาบดาราของดิลลอนและให้แม่ข้าหนีไป”
พลังป้องกันของหนูกินศิลาน่ากลัวมาก หนูกินศิลาระดับเก้า ยากที่เซียนธรรมดาจะฆ่าได้
“พ่อของข้าคือจ้าวมุสิก ปกติดาบดาราดิลลอนต้องการจะเอาเขาไปฝึก และพ่อข้าเริ่มสู้กับเขา แต่พ่อข้าปฏิเสธการยอมแพ้ และสู้ต่อกับเขา.. แต่ในที่สุด..พ่อข้าถูกเซียนดาบดาราฆ่าตาย” บีบีสะอื้น
ทุกคนสามารรถนึกภาพจ้าวมุสิกผู้หยิ่งผยองภาคภูมิใจสามารถสั่งการฝูงหนูได้
เขาถ่วงเวลานานเท่าที่จะทำได้เพื่อให้แม่ของบีบีได้มีเวลาหนี
“หนูเงามีชื่อในเรื่องความเร็ว แม่ข้าเป็นหนูเงาระดับเก้า และนางไวมากแม้ว่านางจะท้องนางก็ยังหนีออกจากเทือกเขาอสูรวิเศษได้ขณะที่พ่อข้าสู้กับดิลลอนนางหนีไปทางตะวันตก และมาถึงเมืองอู่ซัน”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ
“แม่ข้าอาจกลัวว่าข้าจะถูกทำร้ายไปด้วย ดังนั้นนางใช้พลังเวทของนางเพื่อคลอดข้าก่อนกำหนด”ตาของบีบีเต็มไปด้วยน้ำตาอีก “ปู่เบรุตบอกว่าเมื่อเรา‘หนูกินเทพ’ ถือกำเนิดตามปกติเรื่องที่แน่นอนคือข้าควรจะมีพลังเท่าอสูรเวทระดับหกหรือเจ็ดเมื่อตอนกำเนิด”
ลินลี่ย์งง
หนูกินเทพ?
นี่มันเผ่าพันธุ์ไหนกัน? นี่เป็นเผ่าพันธุ์ของบีบีอย่างนั้นหรือ?
แต่เมื่อเห็นสภาพจิตใจของบีบีแล้วลินลี่ย์ไม่แทรกเขา เก็บความสงสัยไว้ถามภายหลัง
“หลังจากให้กำเนิดข้าก่อนเวลาแล้ว ร่างของแม่ข้าบาดเจ็บภายในในสถานการณ์เช่นนั้นแม่ข้าสั่งข้าให้อยู่ในลานบ้านร้างไม่ให้วิ่งเพ่นพ่านเนื่องจากเป็นทารก ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับข้า ดังนั้นข้าจึงแค่กินหินอยู่ที่นั่นเติบโตเงียบๆ”
“แม่บอกข้าว่านางอยู่ในตระกูลเบรุต และว่าข้าเป็นสมาชิกของตระกูลเบรุต”
บีบีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธและเศร้า “เพื่อไม่ให้ข้าตกอยู่ในอันตรายนางปล่อยข้าไว้ที่นั่น จากนั้นหนีไปทางตะวันตก แต่โชคไม่ดี...ขณะนั้นไปทางตำแหน่งที่เซียนจอมเวทรูดี้อยู่ รูดี้ไล่ติดตามแม่ข้าเช่นกันตั้งใจจะรับนางไปเป็นอสูรคู่กาย”
ลินลี่ย์สามารถนึกถึงฉากภาพนั้นได้
“แม่ข้าเป็นหนูเงาระดับเก้า แต่เพิ่งให้กำเนิดข้าพลังของนางจึงตกลงอย่างมาก นางหนีไปทางตะวันออกอย่างสุดฝีเท้า แต่เวลานั้นดิลลอนมาถึงเช่นกัน ดิลลอนเป็นนักรบอาศัยความเร็วจับตัวแม่ข้าไว้” บีบียิ่งโกรธมากขึ้น “และจากนั้นดิลลอนกับรูดี้เพื่อจะแย่งชิงเป็นเจ้าของหนูเงาระดับเก้าจึงเริ่มสู้รบกัน”
ลินลี่ย์เข้าใจแล้วในตอนนี้
ดาบดาราดิลลอนจับหนูเงาได้ แต่รูดี้ต้องการชิงจากเขา เซียนทั้งสองจึงสู้กันเหนือท้องฟ้าด้านตะวันออกเมืองอู่ซันซึ่งสร้างภัยพิบัติให้กับชาวเมืองอู่ซัน แม้แต่วอร์ตันที่อยู่ใกล้เกือบถูกกระแทกตาย ดีแต่ว่าลินลี่ย์ปกป้องเขาไว้ได้
และลินลี่ย์โชคดีที่มีแหวนมังกรขนดได้รับเลือดจากเขาเป็นผลให้ทำสัญญาเลือดกับแหวน
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์ยังคงจำได้ถึงตอนที่เขายังเยาว์วัย เขาได้ยินเซียนดาบดาราดิลลอนตะโกนด้วยความโกรธ “รูดี้ ถ้าข้าไม่ได้มันไป อย่างนั้นเจ้าก็จะไม่ได้ด้วย”
และจากนั้นมือของดิลลอนเรืองแสงทันทีและเสียงระเบิดดังน่ากลัวทำให้ชาวโลกตื่นตระหนก
“ใช่แล้ว ร่างของหนูเงาเล็ก ในการต่อสู้พวกเขาสามารถขยายตัวได้เล็กน้อย แต่ปกติพวกเขาจะเหมือนกับบีบี มีขนาดราวๆยี่สิบเซนติเมตร ราวๆ ฝ่ามือ” ลินลี่ย์รู้ความจริงในตอนนี้แล้ว
ขณะนั้นแม่ของบีบีอยู่ในเงื้อมมือของดิลลอน แต่เวลานั้นดิลลอนอยู่ห่างจากลินลี่ย์เกินหนึ่งกิโลเมตร ลินลี่ย์ไม่สามารถนึกออกได้ว่าดิลลอนกำลังถืออะไรอยู่ในมือกันแน่
หนูเงามีชื่อในเรื่องความเร็วและพลังโจมตี แต่พลังป้องกันไม่ทรงพลังเท่าใดนักยังอ่อนแอกว่าหนูกินศิลามาก
เมื่อเซียนอย่างดิลลอนระเบิดพลังปราณของเขาหนูเงาระดับเก้าที่อ่อนแอจากการคลอดลูกก็ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย
“อย่างนั้นความจริงปรากฏออกมาแล้ว!”
ลินลี่ย์เข้าใจทุกอย่างตอนนี้แล้ว เขารู้เหตุผลที่สองเซียนมาสู้รบกันเหนือท้องฟ้าเมืองอู่ซันด้านตะวันออก ขณะนั้นเมื่อดิลลอนตะโกนอย่างโกรธเคือง “รูดี้ ถ้าข้าไม่ได้มันไป เจ้าก็จะไม่ได้ด้วย” เขากำลังหมายถึงแม่ของบีบีนั่นเอง
ครึ่งปีหลังจากการต่อสู้นั้น...
ลินลี่ย์จึงได้พบกับบีบี
และจากนั้นตำนานการเดินทางของลินลี่ย์และบีบีจึงเริ่มขึ้น
“มิน่าเล่า มิน่าเล่า” ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลที่บีบีพูดว่าศัตรูของเขาคือรูดี้และดิลลอน ถ้าไม่ใช่เพราะดิลลอน พ่อของบีบีก็จะไม่ต้องตาย และถ้าไม่ใช่เพราะรูดี้...บางทีแม่ของบีบีอาจไม่ถูกบีบบังคับจนนางต้องตายเช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูบีบี
ตาของบีบีเต็มไปด้วยน้ำตา เขาพูดอย่างโมโห “เจ้าบัดซบทั้งสองนั่น ข้าจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้!”
“หืม?” ลินลี่ย์เต็มไปด้วยคำถามทันที
พ่อของบีบีเป็นหนูกินศิลาระดับเก้า ขณะที่แม่ของเขาเป็นหนูเงาระดับเก้า ทำไมบีบีถึงทรงพลังนักเล่า? บีบีดูไม่เหมือนหนูกินศิลาหรือหนูเงาเลย เขาสามารถถึงระดับพลังชั้นสูงได้อย่างง่ายดาย และเขายังเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้
มีเพียงดิลลอนและรูดี้ควรจะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น เนื่องจากพ่อแม่ของบีบีตายไปแล้ว
แต่เรื่องนั้นออกมาจากไพรทมิฬได้ยังไง บีบีรู้เรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า? เทพแห่งไพรทมิฬรู้เรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า?เป็นไปได้ไหมว่าพลังจิตของเทพแห่งไพรทมิฬจะยิ่งใหญ่แผ่ไปถึงเป็นหมื่นกิโลเมตรตั้งแต่ไพรทมิฬจนถึงเมืองอู่ซัน?
และถ้าเป็นไปได้..
เป็นไปได้ไหมว่าเทพแห่งไพรทมิฬจะรักษาพลังจิตไว้ได้นานขนาดนั้น? ถ้าเขาค้นพบเรื่องนี้ในเวลานั้น ทำไมเขาไม่ช่วยพ่อแม่ของบีบี?
“บีบี เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ลินลี่ย์ถามทันที เดเลียมองดูบีบีด้วยความพิศวงเช่นกัน
“ปู่เบรุตบอกข้า” บีบีตอบ
ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย “ลอร์ดเบรุตผู้นี้... แม้ว่าเขาจะเป็นเทพแต่เขาไม่น่าจะมีความสามารถมองย้อนอดีตได้ และเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? และดูเหมือนจะรู้รายละเอียดทั้งหมดด้วย”
บีบีอธิบาย “พี่ใหญ่! เรื่องเป็นอย่างนี้ หลังจากปู่เบรุตพบข้า,เขาส่งจ้าวมุสิกม่วงทองไปที่เทือกเขาอสูรวิเศษ ตอนแรกพวกเขาถามสมาชิกของฝูงหนูและจากนั้นปู่เบรุตจึงตรวจสอบจากความทรงจำของดิลลอนและรูดี้”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์เดเลียร้องตกใจพร้อมกัน
ความทรงจำ?!
เซียนจอมเวทอย่างซาสเลอร์ก็สามารถอ่านความทรงจำได้ก็จริง แต่หลังจากทำเช่นนั้น จะมีผลต่อวิญญาณบุคคลวิญญาณเขาจะถูกทำลายและตายไป อย่างไรก็ตาม... เซียนดาบดาราดิลลอนยังมีชีวิตเป็นปกติสมบูรณ์ เขายังพ่ายแพ้โอลิเวอร์ในปีต่อมา
นอกจากนี้ ถ้าดิลลอนและรูดี้ตาย นั่นจะกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ลินลี่ย์จะต้องได้ทราบข่าวนี้แน่นอน
“ปู่เบรุตทรงพลังมาก” บีบีอธิบาย “เขาบอกว่าคนที่ไม่ใช่ระดับเทพจะไม่สามารถซ่อนความทรงจำต่อหน้าเขาได้ แม้จะเป็นเซียนก็จะมีความทรงจำของพวกเขาให้อ่านโดยไม่ทำให้พวกเขารู้ตัวแม้แต่น้อย
ลินลี่ย์ไม่อยากจะเชื่อ
นี่...นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
แม้แต่พวกเซียนก็ไม่สามารถสังเกตเห็นหรือ? ลินลี่ย์ปฏิเสธจะเชื่อว่าเทพชั้นต้นจะมีพลังขนาดนั้นได้
“ปู่เบรุตเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของดินแดนยูลานทั้งหมด” บีบีอธิบาย “เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างมิต้องสงสัย แม้แต่เทพสงครามและมหานักพรตก็ต้องฟังปู่ แม้แต่ผู้ดูแลประจำพิภพอย่างฮ็อดเดิลก็ยังไม่กล้าตอแยปู่เบรุต”
“ปู่เบรุตเป็นราชันย์แห่งพิภพทวีปยูลาน” บีบีพูดต่อ
ลินลี่ย์และเดเลียต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นลินลี่ย์จำได้ถึงคำพูดของจ้าวมุสิกม่วงทองทั้งสามที่บอกบีบีเมื่อพวกเขามาเชิญบีบีให้ไปกับพวกเขา พวกเขาก็พูดอย่างเดียวกัน ลอร์ดเบรุตคือราชันย์แห่งทวีปยูลาน!
“ปู่เบรุตเป็นหนูกินเทพตัวแรกสุดในพิภพจักรวาล! แม้แต่ชื่อว่า ‘หนูกินเทพ’ ก็เป็นปู่เบรุตเลือกมาเอง” บีบีพูดด้วยความภูมิใจ “และข้า.. ในพิภพจักรวาลนับไม่ถ้วนข้าเป็นหนูกินเทพตัวที่สอง!”