ตอนที่ 10-48 เบรุต
เวทพ่อมด,เวทแห่งชีวิต, เวทศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดนี้มีพลังลึกลับในตัวเอง
อย่างไรก็ตามยอดฝีมือในสี่พิภพระดับสูงรู้ดีว่าในบรรดาเวททั้งสามนี้เวทศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวที่สุดและคาดการณ์ไม่ได้มากที่สุดในเวททั้งสามนี้ เหตุเป็นเพราะพลังโจมตีของมันน่าทึ่งที่สำคัญเวทศักดิ์สิทธิ์มาจากจอมเทพแห่งโชคชะตา หนึ่งในสี่จอมเทพ
กฎแห่งโชคชะตามากจากจอมเทพและเวทศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตกทอดให้ก็มีความลึกซึ้งและลึกลับอย่างคาดไม่ถึง
“แย่แล้ว!” กลุ่มของเดลี่ ฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสันมาถึงในที่สุด แต่พวกเขาได้ยินคำที่ไฮเดนส์เพิ่งพูดออกมา “พิฆาต...ชีวิต!”
ทันใดนั้นพลังงานที่มองไม่เห็นล้อมคลุมลินลี่ย์ไว้ทันที และลินลี่ย์ชะงักค้างไม่สามารถขยับได้ พลังที่มองไม่เห็นและประหลาดนี้ไม่สนใจม่านพลังทั้งหมดตรงเข้าโจมตีสำนึกและวิญญาณของลินลี่ย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวิญญาณของคน
ถ้าคนผู้หนึ่งตาย วิญญาณของเขาสามารถไปที่ยมโลกและถือกำเนิดใหม่ได้
แต่ถ้าวิญญาณถูกทำลายอย่างนั้นแม้แต่มหาเทพก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
ทะเลจิตสำนึกอันกว้างใหญ่ซึ่งมีอัญมณีสีรุ้งกึ่งโปร่งใสล้อมรอบไปด้วยแสงสีฟ้าเลือนลางซึ่งครอบครองโดยนักรบเลือดมังกร พลังไร้ลักษณ์นี้โจมตีที่นี่ และแสงสีฟ้ากระเด็นเข้ามาทันที
พลังไร้ลักษณ์กำลังอ่อนแรง แต่แสงสีฟ้าก็อ่อนแรงลงเช่นกัน
พลังของเวทศักดิ์สิทธิ์ยังคงขึ้นอยู่กับผู้ฝึก ถ้าผู้ฝึกเป็นระดับเทพและร่ายเวทลินลี่ย์คงไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
“ปัง” แสงสีฟ้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และแตกสลายลง
พลังไร้ลักษ์แม้จะลดพลังโจมตีไปได้มากกว่าครึ่งแต่ก็ยังปะทะกับวิญญาณของลินลี่ย์ ทะเลพลังจิตรายล้อมดวงแก้วสีรุ้งกึ่งโปร่งใสไม่สามารถต้านทานพลังเวทศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกซึ้งลึกลับได้ ในที่สุดพลังโจมตีก็กรุยทางเข้าโจมตีอัญมณีกึ่งโปร่งใสนั้น
ครืนนน!
แรงสั่นสะเทือนจากวิญญาณเขารุนแรงแม้แต่ร่างของลินลี่ย์ก็สั่นไปด้วย
“พี่ใหญ่” บีบีแทบบ้าคลั่ง
อัญมณีสีรุ้งกึ่งโปร่งใสยังคงมีชั้นแสงสีฟ้าจางครอบคลุม เมื่อพลังไร้ลักษณ์โจมตีอัญมณีรุ้ง ไม่มีใครสังเกต..แหวนมังกรขนดในนิ้วมือของลินลี่ย์!
กระแสแสงสลัวที่สังเกตแทบมองไม่ออกไหลออกมาจากแหวนมังกรขนดจากนั้นก็หายไป
ขณะนั้นเอง...
ดูเหมือนว่าแสงสีฟ้าที่คลุมรอบอัญมณีกึ่งโปร่งใสก็รับพลังงานอย่างเพียงพอทันที
“ครืดดด...”
แสงสีฟ้ารอบอัญมณีพลันสว่างวาบทันทีเหมือนกับว่ามันเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์น้ำเงินในท่ามกลางทะเลพลังจิต และแสงสีน้ำเงินสว่างไปทั่วทะเล ภายใต้แสงฉายของดวงอาทิตย์น้ำเงิน พลังของเวทศักดิ์สิทธิ์แม้ว่ายังคงต่อต้านได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็เริ่มละลายไปช้าๆ เหมือนน้ำแข็งระเหย
แสงสีน้ำเงินยังคงอยู่เป็นเวลานาน แต่จากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
“นั่นเป็นไปได้อย่างไร?” หน้าไฮเดนส์ซีดขาวทันที เขาจ้องมองลินลี่ย์ด้วยอาการตะลึง เขาใช้พลังขั้นสูงสุดของเขาโจมตี แต่เขาก็ยังไม่สามารถฆ่าลินลี่ย์ได้ ลินลี่ย์ยังไม่ถึงระดับเซียนจอมเวทเลย! และยังยากจะกล่าวว่าเซียนจอมเวทธรรมดาจะรับมือกับการโจมตีนี้ได้
และจากนั้นไฮเดนส์ลอบเห็นว่ากลุ่มของเดลี่กำลังมาจากแต่ไกล เขารู้ว่าหลายอย่างกำลังจะเลวร้าย “พวกเขาก็มาเหมือนกัน!”
“ใบไม้ร่วง, ไปกันเถอะ, เร็วเข้า” ไฮเดนส์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยกลายร่างเป็นเส้นแสงสีขาวบินไปทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูง โยคีใบไม้ร่วงที่อยู่ใกล้ๆก็แปลงร่างเป็นแสงสีขาวบินไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูง
ทั้งเดลี่และบีบีพุ่งความสนใจไปที่ลินลี่ย์
พวกเขาไม่มีเวลาให้ความสนใจไฮเดนส์หรือโยคีใบไม้ร่วง
“เฮ้อ” ลินลี่ย์ระบายลมหายใจ จากนั้นลืมตา
แม้ว่าต้องใช้เวลาอธิบายยืดยาว แต่ในความเป็นจริงพลังของเวทศักดิ์สิทธิ์นั้นและการโจมตีพลังวิญญาณของลินลี่ย์ใช้เวลาเพียงสองวินาที แต่ในหนึ่งหรือสองวินาทีนั้นไฮเดนส์และโยคีใบไม้ร่วงก็หายลับไปทางขอบฟ้าตะวันตก ขณะที่อัฟเฟล็คและโอคาซีย์ทั้งสองคนหนีไปพร้อมกับอสูรเวทก่อนที่ไฮเดนส์จะหนีไปเสียอีก
“พี่ใหญ่! เป็นอะไรหรือเปล่า?” บีบีบินเข้ามาดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและกลัว
บีบีเชื่อมโยงวิญญาณกับลินลี่ย์ดังนั้นจึงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของวิญญาณลินลี่ย์ได้ นับว่าอันตรายจริงๆ
“ไม่เลว, ไม่เลว” ลินลี่ย์ยังมีอาการกลัวอยู่
ในใจของเขาลินลี่ย์ยังคงงงอยู่เช่นกัน “ตอนนั้นข้ารู้สึกว่าพลังป้องกันที่เป็นของนักรบเลือดมังกรของเราถูกพลังโจมตีที่น่าทึ่งของเวทศักดิ์สิทธิ์ทำลาย แต่ทำไมจู่ๆ พลังป้องกันก็เพิ่มขึ้นมามากอย่างฉับพลันเช่นนั้นและทำลายเวทศักดิ์สิทธิ์ได้?”
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจเหตุผล
แต่ลินลี่ย์รู้เป็นอย่างดีว่าวิญญาณของเขาสั่นสะเทือนในตอนนั้น
เขารู้...เพียงแค่นั้นถ้าเขาไม่สามารถป้องกันพลังโจมตีไว้ได้บางทีวิญญาณของเขาอาจแตกสลาย
“พวกเขาไปไหนแล้ว?” ลินลี่ย์กวาดสายตามองดูทั้งสี่ทิศ แต่อัฟเฟล็ค, โอคาซี่ย์,ไฮเดนส์และโยคีใบไม้ร่วงหนีไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางตามได้ทัน
เดลี่เหาะมาถึงและกล่าวขอโทษ “ลินลี่ย์ ข้ามาสายไปหน่อย ถ้าเจ้าถูกเวทศักดิ์สิทธิ์ของไฮเดนส์ฆ่า ข้าคงจะ...” เดลี่รู้สึกผิดจริงๆ เขารู้ดีว่าเวทศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวมากเพียงไหน
“เป็นข้าย่ามใจเกินไป” ลินลี่ย์ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง
ลินลี่ย์เชื่อว่าพลังป้องกันของวิญญาณเขาแข็งแกร่งมาก ด้วยการป้องกันของเกล็ดมังกรและชีพจรป้องกันของเขา เขาเชื่อว่าศัตรูจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่เพียงแค่นั้นทำเอาเขาเกือบเสียชีวิต
โชคดีที่ในช่วงสุดท้ายภายในวิญญาณของเขา พลังป้องกันที่ได้รับตกทอดจากนักรบเลือดมังกรเพิ่มพรวดพราดอย่างรวดเร็วเป็นร้อยเท่าสลายพลังที่รุนแรงของเวทศักดิ์สิทธิ์ออกไป
“นับว่าเจ้าบัดซบทั้งสี่คนหนีได้เร็วพอ” บีบีพูดอย่างโมโห
บาร์เกอร์พยักหน้าจากนั้นพูดเสียงดัง “ท่านลอร์ดลินลี่ย์, ข้าว่าศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย โอเซนโนเพิ่งตายในเงื้อมมือข้าเช่นกัน และเจ้าเครเมอร์สันก็ตายด้วยเช่นกันเทวทูตอีกหลายตนก็ตายไปด้วย พลังของพวกเขาตกลงมาก ข้าเห็นว่าเนื่องจากพลังปัจจุบันของเรา น่าจะไม่ใช่เรื่องยากหากเราจะไล่ล่าสังหารไปจนถึงศาสนจักรเจิดจรัสในตอนนี้”
“ใช่แล้ว” ซาสเลอร์หัวเราะอย่างน่ากลัว “ท่านลอร์ดลินลี่ย์ พวกเขาทำลายข้อตกลงครั้งก่อน ไม่มีความจำเป็นที่ท่านต้องยึดถือข้อตกลงอีกต่อไป”
ลินลี่ย์ตื่นเต้น
ในอดีตเขาผูกพันข้อตกลงว่าเขาสามารถไปตามแก้แค้นได้เพียงลำพัง แต่ตอนนี้เนื่องจากอีกฝ่ายทำลายข้อตกลงแล้ว อย่างนั้นเขาสามารถนำกลุ่มของเขาไล่ล่าฆ่าฟันจนถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้ การทำลายศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ลินลี่ย์” เดลี่ย์รีบกล่าว “พูดกันตามตรงแล้วอีกสองฝ่ายก็กระทำการเกินไป และเจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามข้อตกลงอีกต่อไปแล้ว แต่ข้าต้องขอเตือนเจ้าอย่าไปโจมตีเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส”
ลินลี่ย์ไม่พอใจ “ท่านเดลี่ ท่านเชื่อว่าในอนาคตถ้าข้านำน้องชายข้า บาร์เกอร์และน้องๆ บีบี ซาสเลอร์ และคนอื่นๆ ไป...เราจะไม่สามารถทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ? ตอนนี้บนเกาะศักดิ์สิทธิ์มีเพียงไฮเดนส์ โยคีใบไม้ร่วงและเลห์แมนเท่านั้นที่คุกคามได้”
“ไม่ใช่แค่นั้น”
เดลี่ย์ส่ายศีรษะ “เจ้าต้องเข้าใจว่า ในอดีต ข้าก็เคยเป็นคนของศาสนจักรเจิดจรัสมาก่อน”
ลินลี่ย์ฟัง
เดลี่ถอนหายใจ “ศาสนจักรเจิดจรัสทนอยู่มาได้นานนับปีไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือมีคลื่นลมรุนแรงเพียงใดก็ตาม ศาสนจักรเจิดจรัสไม่เคยถูกทำลาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไม” ลินลี่ย์มองเดลี่อย่างมึนงง
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลที่พวกเขาคงอยู่มาได้เป็นเวลานาน
“ประการแรกทั้งหมด เกาะศักดิ์สิทธิ์มีวงเวท ‘ศิริของมหาเทพเจิดจรัส’ ปกป้องไว้ มีแต่คนที่มีพลังระดับเทพจึงจะสร้างความเสียหายและทำลายวงเวทนี้ได้” เดลี่กล่าว
ลินลี่ย์จำได้ทันทีว่าในอดีตเมื่อเขาอยู่ในเมืองเฟนไล เขาถูกจองจำอยู่ในวิหารเจิดจรัสเนื่องจากพยายามลอบสังหารกษัตริย์แห่งเฟนไล วิหารเจิดจรัสนั่นถูกปกป้องด้วยวงเวทที่ชื่อว่า ‘ศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัส” ด้วยการสนับสนุนอย่างนั้นแม้แต่เซียนก็ไม่สามารถทำลายผนังของวิหารเจิดจรัสขณะโจมตีได้
นี่เป็นผลมาจากวงเวทนี้
แม้แต่นักสู้ชั้นเทพอย่างไดลินก็ยังต้องโจมตีถึงสองครั้งสองครา
ทุกคนคงจะนึกภาพออกว่ามีพลังป้องกันแข็งแกร่งเพียงไหน
“ศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัสไม่ใช่แค่วงเวทธรรมดาเท่านั้น ถ้าคนภายในบังคับควบคุมได้อย่างเข้มแข็งก็สามารถใช้โจมตีศัตรูได้” เดลี่ถอนหายใจ ลินลี่ย์ ถ้าเจ้าเข่นฆ่าไปจนถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์บางทีเจ้าจะสามารถฆ่าคนได้มากมายบนเกาะศักดิ์สิทธิ์ แต่เจ้าจะไม่สามารถฆ่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ในวิหารเจิดจรัสได้เลย”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
นี่เป็นเรื่องจริง เมื่อวิหารเจิดจรัสในเฟนไลถูกทำลาย เขาเองก็อยู่ภายในวิหาร
“ก็ได้ อย่างนั้นก็ให้พวกเขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในเกาะน้อยต่อไป” ลินลี่ย์ได้แต่ตัดสินใจเช่นนี้ ในใจเขา ลินลี่ย์แอบคิดด้วยตนเอง “ในอนาคตเมื่อสัจธรรมแห่งธาตุลมและสัจธรรมแห่งธาตุดินของข้ารุ่งเรืองจนถึงขีดจำกัด บางทีข้าค่อยไปเยี่ยมเกาะศักดิ์สิทธิ์และทดสอบพลังวงเวทศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัสก็ได้”
ตอนนี้ลินลี่ย์ไม่กลัวศาสนจักรเจิดจรัสอีกต่อไปแล้ว
“บาร์เกอร์ ไปจัดการซากของฟีนิกซ์ไฟนรก แก่นเวทระดับเซียนจะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้” ลินลี่ย์หัวเราะ
“ได้เลย, ท่านลอร์ด” บาร์เกอร์หัวเราะ
ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ชนะศึกนี้ไปแล้ว ฝ่ายลินลี่ย์สู้กับอีกสองฝ่ายคือศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงา แต่ในที่สุด แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้ชัยชนะเด็ดขาด แม้ว่าฝ่ายเดลี่จะไม่ต้องช่วยพวกเขาก็ตาม
การสู้รบครั้งนี้เป็นการกำหนดสถานะสุดท้ายของดินแดนอนารยชน
นักรบของอาณาจักรบาลุคและฝูงหนูได้ร่วมกันเป็นกองทัพ ปรากฏอยู่ในทุกที่และที่ใดก็ตามที่พวกเขาไป เมืองนั้นๆ จะยอมแพ้ แม้ว่าบางส่วนจะเป็นพวกตายยากที่สุดของศาสนจักร แต่ภายใต้แรงกดดันของฝูงหนูก็ล่มสลายและหายไป และแผ่นดินอนารยชนก็รวบรวมกันได้รวดเร็วน่าอัศจรรย์
ขณะเดียวกันข่าวการสู้รบของลินลี่ย์กับศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาแพร่กระจายไปทั่วโลก
ข่าวนี้เป็นการจงใจแพร่กระจายของอาณาจักรบาลุค ฝ่ายลินลี่ย์เอาชนะอีกสองฝ่ายรวดเดียวนี่ทำให้สถานะของลินลี่ย์ในทวีปยูลานเพิ่มขึ้นมากอีกครั้งบดบังรัศมีของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และเจ้านิกายเงาได้ สถานะของเขาในตอนนี้สูงมากเป็นรองแค่เทพสงครามและมหาพรตเท่านั้น
ตำนานของลินลี่ย์ถูกขับขานไปทั่วทวีปยูลาน
สำหรับดินแดนอนารยชนคนนับไม่ถ้วนต่างก็ทึ่งกับลินลี่ย์ ผู้เยาว์หลายคนใช้ลินลี่ย์เป็นแบบอย่างและเริ่มฝึกฝนอย่างหนัก
….
ดินแดนอนารยชนอาณาจักรบาลุค ในวังหลวง
ปุยหิมะลอยลงมาจากท้องฟ้า ตอนนี้เป็นเดือนธันวาคมห่างจากเทศกาลฉลองศักราชยูลานอีกไม่กี่วัน ลินลี่ย์ เดเลีย ซาสเลอร์ ชาชา และเด็กที่เหลือพี่น้องบาร์เกอร์ รีเบ็คกา ลีนา เจนน์และวอร์ตันรวมกันอยู่ที่นี่ทุกคน
รีเบ็คกาและลีน่าโดยเฉพาะรีเบ็คกาเป็นคนที่สนุกสนาน และเมื่อสิบปีที่แล้วนางแต่งงานกับเกทส์ผู้เสียงดังโผงผาง ขณะที่ลีน่าผู้สงบเรียบร้อย นางแต่งงานกับบาร์เกอร์และแน่นอนว่าพี่น้องบาร์เกอร์อีกสามคนล้วนแต่งงานกันหมดแล้ว มีเพียงเจนน์เท่านั้นที่ยังคงเป็นสหายสนิทกับราชตระกูลแต่นางยังครองตัวเป็นโสด
“นั่นรวดเร็วมากเหลือเกิน นี่จะเป็นอยู่อย่างนี้ได้อีกนานเท่าใด? ทั่วทั้งดินแดนอนารยชนถูกรวบรวมไว้แล้ว” วอร์ตันหัวเราะ
“เป็นธรรมดา” เทย์เลอร์ภูมิใจมาก “ท่านพ่อข้าน่ากลัวจริงๆ”
เมื่อเห็นเทย์เลอร์ทำท่าอย่างนั้นลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ ลินลี่ย์ลูบศีรษะเทย์เลอร์และมองดูวอร์ตัน “วอร์ตัน, จำไว้นะ การนับถือลัทธิศาสนาทั้งหมดเป็นเรื่องต้องห้าม ถ้าเจ้าปล่อยให้พวกเขาเผยแพร่คำสอน ต่อไปในอนาคตลูกหลานของเจ้าจะไม่สามารถปกครองอาณาจักรได้อย่างได้ผล”
“ข้ารู้ในช่วงไม่กี่วันมานี้มีผู้เชื่อในลัทธิต่างๆ สร้างความยุ่งยากอยู่” วอร์ตันถอนหายใจ
ศาสนจักรคือภัยคุกคามอาณาจักรทั้งหมด ตอนนี้ฝ่ายลินลี่ย์รวบรวมดินแดนอนารยชนไว้ทั้งหมด อาณาจักบาลุคตอนนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นจักรวรรดิบาลุคได้แล้ว
แม้ว่าตัวลินลี่ย์เองจะไม่สนใจอำนาจของจักรวรรดิ แต่เขาต้องคิดถึงลูกหลานในตระกูลของเขา
“ลินลี่ย์, บีบี” จ้าวมุสิกม่วงทองทั้งสามปรากฏตัวในท้องพระโรงทันใด ตอนนี้ทุกคนมองดูจ้าวมุสิกม่วงทองทั้งสาม และแฮร์รี่ที่อาวุโสที่สุดในพวกเขาเอ่ยปากพูดด้วยภาษามนุษย์ “ลินลี่ย์! เรามาเพื่อเชิญบีบีให้เดินทางไปไพรทมิฬกับเรา”
“เชิญข้า?” บีบียืนอยู่บนโต๊ะอาหาร
“เป็นผู้ใดเชิญ?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
“ท่านพ่อของเรา” จ้าวมุสิกม่วงทองตัวที่สามฮาร์วี่ย์พูดอย่างภูมิใจ “ราชันย์แห่งไพรทมิฬ จะนับว่าเป็นราชาแห่งทวีปยูลานทั้งหมดก็ได้ เป็นผู้ทรงพลังไร้เทียมทานที่สุดแล้ว” จ้าวมุสิกม่วงทองทั้งสามภูมิใจอย่างมากมาย
ราชันย์แห่งไพรทมิฬ? ราชาแห่งทวีปยูลานทั้งปวง?
ลินลี่ย์ลอบตกใจและประหลาดใจ “ราชันย์แห่งไพรทมิฬคือราชาแห่งทวีปยูลานทั้งหมดหรือ?หรือว่าเขายังทรงพลังมากกว่าเทพสงครามและมหานักพรต?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์ตื่นเต้นและถามทันที“ขอถามได้ไหม บิดาของพวกท่านชื่ออะไร?”
จ้าวมุสิกทองม่วงตัวที่สองพูดทันที “ลินลี่ย์,เจ้าสามารถระบุชื่อของบิดาพวกเราได้ในนามว่า... ลอร์ดเบรุต!”
“เบรุต!” ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าอยู่ในหัว
และบีบีเช่นกันจ้องพวกเขาด้วยนัยน์ตากลมโต