ตอนที่ 10-45 ไร้ยางอาย
เหนือแม่น้ำลิวยันที่มีกระแสไหลแรง เรือลำใหญ่กำลังแล่นไปตามลำน้ำแต่ไม่ได้มีคนเดียวที่อยู่บนกราบเรือ
ชั้นบนสุดในดาดฟ้าเรือมียอดฝีมือมากมายเหมือนเมฆ
ทุกคนที่อยู่ภายในดาดฟ้าเรือเป็นยอดฝีมือระดับเซีน ภายในห้องโถงใหญ่มีเก้าอี้เก้าตัวแบ่งเป็นข้างละสาม
ลินลี่ย์บาร์เกอร์และซาสเลอร์นั่งอยู่ด้านหนึ่ง
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ตุลาการโอเซนโนและท่านใบไม้ร่วงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะที่อีกด้านหนึ่งคือกองกำลังของลัทธิเงา,ประมุขนิกายเงาอัฟเฟล็ค, ตุลาการอาวุโสโอคาซี่ย์ หัวหน้าเทวทูตตกสวรรค์เครเมอร์สัน
เบื้องหลังแต่ละคนจะมีเทวทูตระดับเซียนหรือเทวทูตตกสวรรค์ระดับเซียนคนละสอง
ไฮเดนส์กับอัฟเฟล็คมองหน้ากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจพวกเขา ทั้งสองเป็นผู้นำกองกำลังใหญ่และเป็นศัตรูกัน
แต่วันนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดนี้ก็คือลินลี่ย์ อัจฉริยะที่น่าทึ่งผู้เติบโตแข็งแกร่งในระดับที่เร็วมาก แม้เขายังเยาว์วัย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่มีพลังสูงสุดยอดในทวีป แม้แต่คนที่ได้รับการยกย่องอย่างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขลัทธิเงาก็ต้องก้มหน้าให้ต่ำกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าลินลี่ย์และพูดคุยเจรจากับเขาดีๆ
“ไฮเดนส์ อัฟเฟล็ค”ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม “ข้าไม่ทราบว่าเหตุใดพวกท่านถึงได้เชิญข้ามาที่นี่ มีเรื่องอะไรกัน?” บีบีหมอบอยู่บนต้นขาของลินลี่ย์อย่างสบายใจ ดวงตาของมันจ้องมองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขลัทธิเงา
ผิวของประมุขลัทธิเงาขาวนวลราวกับเด็กสาว เสียงของเขานุ่มนวล “มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราหลายคนจากนิกายเงาต้องมาโดยหลักก็คือขอร้องเจ้าก่อนลินลี่ย์, ช่วยควบคุมและให้คลื่นทหารและหนูของเจ้าหยุดโจมตีก่อน ข้าคิดว่าไฮเดนส์มาที่นี่ก็เพราะเหตุผลที่คล้ายกัน ถูกไหม ไฮเดนส์?”
ไฮเดนส์พยักหน้าเล็กน้อย จากมองดูลินลี่ย์ สายตาเขาอ่อนโยนให้ความรู้สึกเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ “ลินลี่ย์ เจ้าจะยอมยกเลิกการโจมตีได้ไหม?”
“พวกท่านทุกคนกำลังฝันหรือเปล่า?” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ไฮเดนส์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ลินลี่ย์, ตราบใดที่เจ้ายินดีจะยกเลิกการโจมตีนี้ ศาสนจักรเจิดจรัสของเรายินดีจะชดเชยในราคาที่สูง เขาจะทำให้เจ้าพอใจได้อย่างแน่นอน”
“ทางเราก็เหมือนกัน เราจะชดเชยให้เจ้าจนพอใจอย่างแน่นอนลินลี่ย์” อัฟเฟล็คกล่าว
ผู้นำกองกำลังทั้งสองกำลังทำหน้าที่เจรจายอมแพ้ลินลี่ย์
พวกเขาไม่ต้องการสู้กับลินลี่ย์โดยตรง ประการแรกพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น ถ้าพวกเขาสู้กับลินลี่ย์โดยตรง ก็จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายเดลี่มีเหตุผลเข้าแทรกแซง และประการที่สองศาสนจักรเจิดจรัสอย่างน้อยที่สุดยอมตกลงเห็นด้วยว่าภายในยี่สิบปีนี้พวกเขาจะไม่โจมตีลินลี่ย์ขีดจำกัดของเวลายังไม่หมด
“ลินลี่ย์! เจ้าคิดว่าไงบ้าง?” ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกเกลียดศาสนจักรเจิดจรัสอย่างลึกซึ้ง ลินลี่ย์เก็บงำความไม่ชอบคนโหดร้ายป่าเถื่อน แต่สำหรับคนที่เสแสร้งเป็นมีเมตตาอย่างไฮเดนส์และพวกที่แสร้งใจดีเป็นพ่อพระ แต่ความจริงกลับไร้เมตตา โหดร้าย เลือดเย็น ลินลี่ย์รู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด
ผู้นำศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงามองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยิ้มแต่พูดออกมาไม่กี่คำ “ไม่มีทาง!”
หน้าของไฮเดนส์และอัฟเฟล็คชะงักค้างขณะเดียวกันหัวหน้าของเทวทูตตกสวรรค์อย่างเครเมอร์สันแค่นเสียงเย็นชา “ลินลี่ย์ หรือว่าเจ้าคิดเอาเองว่าตัวเจ้าเองจะสามารถต่อต้านทั้งศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาได้?”
“เครเมอร์สัน” ประมุขนิกายเงาอัฟเฟล็คดุเขาทันที
ลินลี่ย์มองดูผู้นำกลุ่มเทวทูตตกสวรรค์เครเมอร์สันและหัวเราะเบาๆ “เท่าที่ข้ารู้สำหรับเทวทูตประทับ พวกเขาจำเป็นต้องได้ร่างที่ทรงพลัง ท่านเครเมอร์สัน ท่านทรงพลังมากดังนั้นร่างนี้อย่างน้อยก็ต้องมีพลังระดับเจ็ดหรือระดับแปด นิกายเงาของพวกท่านไปหาร่างที่ทรงพลังอย่างนั้นมาจากไหน?”
ในอดีตห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็ถึงระดับแปดเฉพาะแค่ฝึกพลังภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น
ลินลี่ย์รู้ดีว่าคนทั้งหมดสามารถฝึกพลังภายนอกได้ถึงระดับหกเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์มากมายเพียงใดก็ตาม ระดับเจ็ดก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้บางทีอาจจะปรากฏมีหนึ่งในล้าน มีแต่เพียงเชื้อสายของสี่สุดยอดนักรบจึงจะสร้างความอัศจรรย์นั้นได้ต่อเนื่องจากฝึกฝนพลังภายนอก
ดังนั้นร่างของเครเมอร์สันผู้นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นของหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบ
“ใช่แล้ว ไปได้ร่างนั่นมาจากไหน?” บาร์เกอร์จ้องมองฝ่ายลัทธิเงาอย่างเย็นชา
ตอนนั้นเขากับน้องอีกสี่คนเกือบตายและเปลี่ยนตัวเองให้เป็นร่างประทับของเทวทูตแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อเขาเป็นพิเศษ
“นั่นเป็นความลับของนิกายเงาของเรา” เครเมอร์สันยิ้ม “พอได้แล้ว, ลินลี่ย์กลับเข้าเรื่องที่ค้างไว้กันเถอะ เจ้าไม่ยินดีจะยอมเลิกราแม้แต่น้อยจริงๆหรือ? ถ้าเจ้ายินดีจะเลิกรา เจ้าจะได้รับความซาบซึ้งใจจากนิกายเงาของเราตลอดไป”
ซาบซึ้งขอบคุณ?
ลินลี่ย์ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และแม้แต่บีบีเริ่มกุมท้องหัวเราะลั่นทันที
“ลินลี่ย์! เจ้าคิดดูให้ดีๆ” ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์เช่นกัน
เสียงหัวเราะของลินลี่ย์จางหายไป และหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น เขากวาดตามองคนที่อยู่ต่อหน้าเขาและพูดอย่างจริงจัง “ไฮเดนส์, อัฟเฟล็ด ฟังให้ดี ข้า,ลินลี่ย์ขอบอกเรื่องนี้กับพวกท่านอย่างชัดเจน ไม่ว่าข้าจะถอนกำลังทหารของข้าหรือไม่ก็ตาม การผนวกดินแดนอนารยชนจะต้องเกิดขึ้นและไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งได้!”
“ลินลี่ย์! อย่าให้มากเกินไปนัก” โอเซนโนแค่นเสียงเย็นชา
ว่ากันเรื่องความอดทนเห็นได้ชัดเจนว่าโอเซนโนด้อยกว่าไฮเดนส์และท่านใบไม้ร่วง
“เกินไปหรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว, สายตาของเขาจ้องมองโอเซนโนเหมือนกับมีดคมกริบ “โอเซนโนอย่ามาพ่นลมต่อหน้าข้าเลย วันนี้ข้าพูดไว้ชัดเจนแล้ว ถ้าท่านต้องการให้ข้าถอนกำลังทหารของข้านั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
บรรยากาศในห้องประชุมดาดฟ้าเรือกลายเป็นเคร่งเครียดทันที
“มีอะไรอื่นจะพูดอีกไหม? พูดมาได้เลย” ลินลี่ย์พูดตามปกติ
บีบีเสริม “ถูกแล้ว,ถ้าพวกเจ้ามีอะไรอยากบอกก็รีบพูดออกมา ข้าเตรียมจะนำกองทัพหนูกวาดแผ่นดินใหญ่แล้ว”
สายตาเยือกเย็นสลัวของซาสเลอร์กวาดมองทุกคนในห้อง เขาหัวเราะหึหึ แต่ไม่พูดอะไร
บนดาดฟ้าเรือเงียบไปชั่วขณะ
“งั้นก็ดี” ไฮเดนส์ถอนหายใจ “ศาสนจักรเจิดจรัสของเราจะตัดสินใจสุดท้ายเอง เราเสนอแผ่นดินซึ่งเราควบคุมอยู่ให้อาณาจักรบาลุคของเจ้าและให้เจ้าปกครอง”
“เหรอ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจเล็กน้อย
ไฮเดนส์ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? ทำไมถึงยอมให้ลินลี่ย์ได้ดินแดนอนารยชนทั้งหมด?
“เราก็ยินดีจะทำอย่างนี้เช่นกัน” อัฟเฟล็คกล่าว
ลินลี่ย์ชำเลืองมองไฮเดนส์ จากนั้นก็อัฟเฟล็ค เขารำพึงในใจ “ผู้นำศาสนจักรทั้งสองนี้มีแผนอะไรอยู่กันแน่?”
ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์ “ข้อขอร้องของเราง่ายมาก ตราบใดเจ้ายินดีให้ศาสนจักรเจิดจรัสเผยแพร่คำสอนในจักรวรรดิของเจ้าและไม่กดขี่ศาสนาของเราไว้สิ้นเชิง เราก็พอใจแล้ว”
“เผยแพร่คำสอน? ไม่กดขี่ไว้?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
อัฟเฟล็คพยักหน้าเช่นกัน “ข้อขอร้องของเราก็เหมือนกัน ให้นิกายเงาของเราได้เผยแพร่คำสอนอย่างเปิดเผยโดยไม่มีการกดขี่”
ลินลี่ย์หัวเราะ
ตอนนี้เขาเข้าใจความตั้งใจของพวกเขาแล้ว นิกายเงาและศาสนจักรเจิดจรัสให้คุณค่ากับพลังศรัทธา เทียบกันแล้วพวกเขาไม่สนใจเรื่องการปกครองดินแดนเท่าใดนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแท้จริงก็คือพลังศรัทธาจะต้องคงเอาไว้
“ลินลี่ย์! การเผยแพร่คำสอนของเราในจักรวรรดิของเจ้าในแดนอนารยชนจะไม่ส่งผลต่อการปกครองของเจ้ามากนัก เจ้าน่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้จริงไหม?” อัฟเฟร็คพูดโน้มน้าว
ไฮเดนส์เพียงแต่มองดูลินลี่ย์อย่างเงียบๆรอให้ลินลี่ย์ตอบ
“พวกท่านจะอนุญาตให้ข้ารวมดินแดน และท่านแค่เผยแผ่ศาสนาน่ะหรือ?” ลินลี่ย์มองดูทั้งสอง
“ถูกแล้ว” ไฮเดนส์พยักหน้าทันที “นี่เป็นเรื่องหลักที่เราสามารถทำได้ ลินลี่ย์! ถ้าเจ้าตกลงเห็นด้วย อย่างนั้นเราทั้งสองฝ่ายจะสามารถดำรงมิตรภาพต่อไปได้ และเราจะลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต”
ถ้าลินลี่ย์เห็นด้วยอย่างนั้นศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงาก็จะเห็นแก่หน้าลินลี่ย์ในอนาคตแน่นอน ในอนาคตลินลี่ย์จะเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัดในทวีปยูลานเหมือนปลาในน้ำ
แต่...
พวกเขาลืมไปว่าลินลี่ย์ไม่สนใจเรื่องการครอบครอง ในหัวใจของเขามีสิ่งที่ปรารถนาคือความมั่นใจในตัวเองและถึงที่สุดของการฝึกฝน ความรักของเขาที่มีต่อครอบครัวและสหายคำสาบานที่ฝังอยู่ในใจของเขา
คำสาบานที่เขาได้สาบานไว้เมื่อปู่เดลินตายและตอนที่เขาออกจากเมืองเฮส!
คำสาบานที่เขาจะทำลายศาสนจักรเจิดจรัสทั้งหมดแบบถอนรากถอนโคน!
บิดาของเขาตาย มารดาของเขาตาย ปู่เดลินของเขาต้องมาตาย!
“กลายเป็นสหายกันหรือ? เป็นมิตรกับศาสนจักรเจิดจรัสน่ะหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะในใจอย่างเย็นชา “ดินแดนอนารยชน? ถ้าข้าสามารถได้ท่านพ่อท่านแม่และปู่เดลินกลับมามีชีวิต ข้ายอมสละแดนอนารยชนทั้งหมดและแม้กระทั่งพลังของข้าเอง!!!”
อารมณ์ของลินลี่ย์เริ่มไม่แน่นอน
“กลายเป็นสหายน่ะหรือ?แล้วให้พวกเจ้าเผยแพร่คำสอนต่อไปน่ะหรือ?” ความโกรธในใจลินลี่ย์ปะทุขึ้น แต่หน้าของเขายังคงสงบเหมือนเคย
ในห้องดาดฟ้าเรือเงียบทุกคนจ้องมองลินลี่ย์ รอคำตอบของลินลี่ย์
ยอมให้ลินลี่ย์ได้รวบรวมดินแดนอนารยชนขณะที่ทั้งสองลัทธิศาสนายังคงเผยแพร่คำสอนเป็นหลักเพื่อสองลัทธิศาสนาเหล่านี้ ถ้าลินลี่ย์ปฏิเสธอย่างนั้นเขาจะทำให้สองลัทธิศาสนานี้โกรธไปด้วย
เซียนของศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงามองดูด้วยความคาดหวังริมฝีปากของลินลี่ย์โค้งยิ้มเล็กน้อย “ในดินแดนของข้า ทุกศาสนาจะต้องถูกห้าม ถ้าข้าพบเจอ ข้าจะทำลายซะ!”
หน้าของไฮเดนส์อัฟเฟร็ค ท่านใบไม้ร่วงและคนอื่นเปลี่ยนไปทันที
“พวกท่านยังได้ยินข้าพูดชัดไม่พอหรือ?” ลินลี่ย์มองดูพวกเขา “นั่นคือคำตอบของข้า!”
“ฮึ่ม!” ตุลาการโอเซนโนและผู้เทวทูตตกสวรรค์เครเมอร์สันลุกขึ้นจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชาทันที
ครั้งนี้ไฮเดนส์และอัฟเฟล็คไม่ห้ามพวกเขา
“ลินลี่ย์นี่คือแก่นสำคัญที่สุดของศาสนจักรเราแล้ว และเป็นส่วนสำคัญที่สุดของมหาเทพของเรา เจ้ารู้ไหม... จะมีผลเช่นไรหากเจ้าท้าทายส่วนสำคัญของมหาเทพ?” ไฮเดนส์หน้ายังคงสงบ
อัฟเฟล็คมองดูลินลี่ย์อย่างเย็นชา
ทันใดนั้นอุณหภูมิในห้องประชุมดาดฟ้าเรือพลันเพิ่มขึ้นสูง ความเครียดหนาแน่นมากและอัดแน่น เป็นไปได้ว่าหากผู้ที่อยู่ไม่ใช่ระดับเซียนแล้ว พวกเขาคงไม่สามารถหายใจได้
“ปัง!” ลินลี่ย์ตบพนักวางแขนของเก้าอี้ ตาของเขาเย็นชากวาดมองดูคนข้างหน้า “อะไรกัน, พวกท่านเจ้าต้องการคุกคามข้างั้นหรือ?”
เซียนของศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงายังคงเงียบ แต่ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนมาก
ความจริงพวกเขากำลังคุกคามเขา
“ไฮเดนส์ ท่านลืมข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อสิบสองปีที่แล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์จ้องมองทั้งสองฝ่ายอย่างเย็นชา
ตามข้อตกลงของพวกเขาพวกเซียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งกับการสู้รบทางโลก แต่ถ้าเซียนไม่มีส่วนร่วม ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถหยุดฝูงหนูได้ ดังนั้นเมื่อพวกเขายกเลิกและเปลื้องตัวจากข้อตกลงทั้งหมดทั้งศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะส่งพวกเซียนไปหยุดฝูงหนู
อีกส่วนหนึ่งของข้อตกลงก็คือภายในยี่สิบปีศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตีลินลี่ย์
“ลินลี่ย์, เจ้าทำเกินไปแล้ว” ไฮเดนส์พูดเสียงต่ำ
อัฟเฟล็คกล่าว “ลินลี่ย์! ลูกผู้ชายควรจะรู้เมื่อถึงคราวต้องถอยหนึ่งก้าว”
“น่าขายหน้า, ไร้ยางอายนัก!” ลินลี่ย์ยืนขึ้น เขาหัวเราะและส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายอย่างพวกเจ้าเลย เมื่อกองทัพของพวกเจ้าเข้ามารุกรานดินแดนข้า พวกเจ้าบุกตะลุยตลอดทางจนถึงเหมืองอัญมณีเวท แต่ข้าไม่ได้เข้าแทรกแซงเพราะว่าข้ายังยึดมั่นข้อตกลงของเรา”
“แล้วพวกเจ้าเล่า?”
สายตาเยาะเย้ยของลินลี่ย์กวาดมองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขนิกายเงา “พวกท่านเป็นผู้นำของสองกองทัพใหญ่ ทันทีที่การสู้รบเริ่มและท่านรู้ตัวว่าจะแพ้พวกท่านก็เข้ามาแทรกแซงทันที และยังกล่าวว่าข้ากระทำการเกินไปอีกหรือ? เท่าที่ข้าเห็น พวกท่านนั่นแหละไร้ยางอาย ไร้ยางอายสิ้นดี!”
คำพูดของลินลี่ย์ทำให้สีหน้าของเซียนทั้งฝ่ายศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาบิดเบี้ยวน่าเกลียด พวกเขามีสถานะสูงส่งกันทุกคน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทนสายตาเยาะเย้ยของลินลี่ย์ไม่ได้
“ระวังปากของเจ้าไว้” โอเซนโนแค่นเสียง
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น ทั่วทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยแสงสีม่วงทันทีและโอเซนโนผู้น่ากลัวแปลงเป็นร่างเงามายาสี่ร่างถอยไปด้วยความเร็วสูง
“อ๊า!”อ๊า!” เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังต่อเนื่องสองครั้ง
ร่างของเทวทูตสี่ปีกผู้ยืนอยู่ด้านหลังโอเซนโนถูกตัดขาดเป็นสองท่อนศพของพวกเขาล้มลงพื้นเปรอะนองไปด้วยโลหิต
พลังโจมตีของจังหวะสายลมระดับสองผสานกับพื้นที่แช่แข็งและตัดพับพื้นที่
โอเซนโนจับหน้าอกและจ้องมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
“โอเซนโน ด้วยพลังเล็กน้อยที่เจ้ามีอย่ามาตวาดและตะโกนใส่หน้าข้า” ลินลี่ย์จ้องโอเซนโนเขม็ง “ต่อให้ข้าไม่แปลงร่างก็ฆ่าคนอย่างเจ้าได้!”