68
บทที่ 68
[สตรีมจะเริ่มเลทไป 30 นาที ]
นี่คือชื่อห้องสตรีมของ ฮยอนอู ทำไมชื่อห้องถึงเป็นแบบนี้ !?มันเป็นเพราะความโลภมากเกินไปของ ฮยอนอู
‘ฉันจะต้องล่ามอนสเตอร์ให้ได้ 99 ตัวใน 6 ชั่วโมง’
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับการไล่ล่ามอนสเตอร์อย่างตะกละตะกลามของเขา !?มันแย่มาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาล่ามอนสเตอร์แล้ว 900 ตัว และตอนนี้เหลืออีกเพียง 99 ตัวเท่านั้น หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ฮยอนอู ก็ต้องรีบเดินทางออกจากป้อมปราการทาลัส เขาล่ามอนสเตอร์จนครบตามที่ตั้งใจ แต่นั่นก็ทำให้เขาเกือบจะไม่ทันเวลา 6 โมงเย็น
“ผมขอโทษที่มาสาย”
เมื่อการสตรีมเริ่มขึ้น ฮยอนอู ก็โค้งคำนับเก้าสิบองศาพร้อมกับขอโทษอย่างจริงจัง การถ่ายทอดรายการศึกราชันหน้ากากรอบแรกเป็นไปอย่างราบรื่น และได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก แต่ถึงกระนั้น อัลเลย์บอส ก็ยังคงขอโทษทุก ๆ คนที่ไม่ดำเนินรายการตามตารางเวลาที่กำหนดไว้
-ไม่เป็นไร มันไม่ได้สายเกินไป
-มันเป็นความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว
-เราเข้าใจ แค่นี้เองไม่มีปัญหาหรอก
“ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ครั้งหน้าผมจะไม่สายอีก” อัลเลย์บอส โค้งคำนับอีกครั้ง
“งั้นเรามาเริ่มชมศึกราชันหน้ากากในรอบที่สองกันเลย เชิญทุกคนรับชมกันได้เลยครับ” ทันทีที่ ฮยอนอู พูดจบ แอนเดรีย ก็พูดด้วยเสียงที่มีเสน่ห์เช่นเคย
“หน้ากากนักสู้คนแรกในวันนี้คือนักสู้หน้ากากสาว เคาท์เตสโอสเตส !!”
ผู้หญิงในชุดเกราะที่ทำให้นึกถึงดอกกุหลาบสีแดงปรากฏตัวขึ้นตามเสียงประกาศ
“หน้ากากนักสู้คนที่สอง เขามาจากจักรวาลอันไกลโพ้น !!อันโดรเมด้า พรีเดเตอร์ !!”
หน้ากากนักสู้คนที่สองได้รับการออกแบบชุดคอสตูมจากบริษัทเบอร์เซิร์กเกอ์ที่เป็นคู่แข่งของควินซี่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนวัสดุในการทำคอสตูมของเขาจะเป็นวัสดุราคาถูก และจากลักษณะการเดินของเขาแล้วดูเหมือนหน้ากากนักสู้คนนี้จะไม่ค่อยชอบชุดคอสตูมของตัวเองมากนัก
-ฉันคิดว่าศึกราชันหน้ากากสัปดาห์นี้จะแตกต่างจากสัปดาห์ก่อนหลังจากได้เห็นการปรากฏตัวของ เคาท์เตสโฮสเตส แต่ว่า ...
-ใช่เลย !!มันคงไม่ใช่ศึกราชันหน้ากากถ้าคอสตูมไม่ออกมาเป็นแบบนี้
-ถูกต้อง !!นี่แหละรสชาติของศึกราชันหน้ากาก
วันนี้ช่องแชทของห้องสตรีมแทบลุกเป็นไฟ เหล่าผู้ชมต่างพากันหัวเราะให้กับชุดคอสตูมของ แอนโรเมด้า พรีเดเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นหน้ากากนักสู้คนที่สามก็ปรากฏตัวขึ้น
“หน้ากากนักสู้คนที่สาม เขามีขาที่แข็งแกร่ง และร่างกายที่ทนทานราวกับหินผา โมอาย !!”
หน้ากากโมอาย ที่ถูกทาด้วยสีเทาทั้งตัวให้ดูเหมือนกับรูปปั้นโมอายของชิลีดูตลกพอ ๆ กับ หน้ากาพรีเดเตอร์ อย่างไรก็ตาม มันกลับดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง หน้ากากโมอาย จะชื่นชอบหน้ากากของเขาไม่น้อย ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมาเขาก็เริ่มโพสท่าต่าง ๆ ทันที
-ถ้าคนคนนี้ชอบชุดคอสตูมแบบนี้ฉันก็พอเข้าใจได้ล่ะนะ
-ฉันพอจะเดาได้แล้วว่าเขาเป็นใคร
-เขาทำตัวแปลก ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือว่าเขาเป็นคนที่ทำตัวแปลก ๆ อยู่แล้ว !?
-ทำไมถึงถามแบบนั้น !?แน่นอนว่ามันเป็นเพราะอย่างหลังมากกว่าอยู่แล้ว
-อ่า ... คราวนี้ฉันเริ่มมาถูกทางบ้างแล้วสินะ 5555
-จะมีใครโชคดีจับฉลากได้คอสตูมดี ๆ แบบ เคาท์เตส อีกบ้างไหมนะ
การตอบรับของผู้ชมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะผสมไปกับความชื่นชมตลอดเวลา ขณะเดียวกันหน้ากากนักสู้คนที่สี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
“หน้ากากนักสู้คนที่สี่ เขามีบรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความโรแมนติก !!โรแมนติกแอสซาซิน!!”
หน้ากากนักสู้คนนี้สวมชุดสูท ใส่หมวกทรงสูงของนักมายากล และสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เขาดูโดดเด่นกว่า MC และ อัลเลย์บอส อย่างชัดเจน นอกจากนี้เขาดูไม่เหมือนนักฆ่า แต่ดูเหมือนคุณชายเจ้าสำอางมากกว่า
-มีเพียง 2 ใน 12 ชุด ตอนนี้มือทองออกมาแล้วสองคนทั้ง ๆ ที่โอกาสมีเพียง 1/6 เท่านั้น หลังจากนี้คงได้กลายเป็นหายนะแล้วสินะ
-ฉันยอมรับเลย ถ้าพวกเขาโชคดีมือทองขนาดนี้ พวกเขาจะต้องดรอปไอเทมง่าย ๆ แน่นอน
-ดูเหมือนโชคของพวกเขาคงจะทำให้ดรอปไอเทมระดับแรร์ หรือไม่ก็ระดับอีปิค แน่ ๆ
ใบหน้าของ ฮยอนอู บิดเบี้ยวไปทันทีที่เห็นข้อความจากผู้ชม หากตอนนี้เขาไม่ได้สวมหน้ากากอยู่ ใบหน้าในตอนนี้ของเขาคงถูกบันทึกภาพไว้ และถูกนำไปเผยแพร่ในกระทู้ของอารีน่าไปอีกนานแน่นอน เพราะความจริงที่เกิดขึ้นกับเขาแล้ว ... เขายังไม่ดรอปไอเทมสวมใส่สักชิ้นหลังจากออกล่าเป็นเวลานาน
‘ฉันก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น ฉันแค่ต้องการไอเทมระดับแรร์ หรือระดับอีปิค สักสองสามชิ้นเหมือนกัน ...’
ขณะที่ ฮยอนอู กำลังคร่ำครวญในใจ หน้ากากนักสู้คนที่ห้าก็ปรากฏตัวขึ้น
“หน้ากากนักสู้คนที่ห้า ... ผืนแผ่นดินต้องสั่นสะเทือน ถือกำเนิดมาเพื่อปกป้อง บินไปเลย ซูเปอร์แมน !!”
-อ๊ากกก ... ตาฉัน !!!!
-ทำไมฉันต้องมาดูอะไรแบบนี้ด้วย
-ทำไมไม่มีใครส่งผ้าเช็ดตัวให้เขาสักผืน
-เรากำลังจมน้ำไปพร้อมกันสหาย
หน้ากากซูเปอร์แมน มีชุดคอสตูมตามที่ทุกคนเคยเห็น ซึ่งประกอบไปด้วยกางเกงในสีแดง ผ้าคลุมสีแดง และกางเกงรัดรูปสีน้ำเงิน มันเป็นชุดที่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกอึดอัดจนต้องรีบเดินออกไปให้พ้นมุมกล้องในทันที
“หน้ากากนักสู้คนสุดท้าย ถ้าซูเปอร์แมนไม่ว่าง แบทแมนจะต้องลงมือ วายร้ายที่น่ากลัวที่สุด โจ๊กเกอร์ !!”
ในที่สุดหน้ากากนักสู้คนสุดท้ายก็ปรากฏตัวออกมา มันคือ หน้ากากโจ๊กเกอร์ ที่ถอดแบบมาจากภาพยนตร์ไม่ใช่จากไพ่ในสำรับ ริมฝีปากสีแดงที่ฉีกยาวไปจนเกือบถึงใบหูบนใบหน้าสีขาว และขอบตาดำคล้ำ นี่คือโจ๊กเกอร์ที่สมบูรณ์แบบ
“มาเริ่มต้นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในตอนที่สองของศึกราชันหน้ากากกันเลย !!” อัลเลย์บอส ตะโกนเสียงดัง จากนั้นเวทมนตร์หลากสีก็ปะทุขึ้นกลางอากาศ “กฎการต่อสู้จะเป็นเหมือนกับครั้งที่แล้ว ดังนั้น หน้ากากนักสู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นคนแรกจะกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันคนแรก ขอเชิญ เคาท์เตส !!”
เมื่อสิ้นเสียงของ อัลเลย์บอส หน้ากากนักสู้หญิงที่สวมชุดที่ทำให้นึกถึงกุหลายสีแดงก็ก้าวขึ้นมาบนเวที
“หน้ากากนักสู้คนไหนที่อยากจะประลองกับ หน้ากากเคาท์เตส ขอเชิญขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ”
ทันทีที่ ฮยอนอู พูดจบ หนึ่งในหน้ากากนักสู้ก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีทันที “ฉันขอท้าประลอง”
คู่ต่อสู้ที่ก้าวออกมาเป็นคนแรกก็คือ หน้ากากโจ๊กเกอร์
“ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลย ประจำตำแหน่ง และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้”
ตามคำพูดของ อัลเลย์บอส , หน้ากากเคาท์เตส และ หน้ากากโจ๊กเกอร์ ก็เดินสวนกันกลางเวทีเพื่อไปประจำตำแหน่งในมุมของตัวเอง
“เริ่มได้ !!” เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองแล้ว อัลเลย์บอส ก็ให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้ระหว่างหน้ากากนักสู้ทั้งสองทันที
[เคาท์เตสโฮสเตส VS โจ๊กเกอร์ ]
เคาท์เตส ใช้ดาบที่ยาวกว่าดาบทั่วไป และมันสั้นกว่าส่วนสูงของเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกัน โจ๊กเกอร์ ก็ถือดาบสั้นสองเล่มที่มีความยาวราว 30 ซม. จากลักษณะภายนอกแล้วดูเหมือนว่า โจ๊กเกอร์ จะต้องฝ่าระยะการโจมตีเข้าไปเพื่อเข้าต่อสู้ในระยะประชิดกับ เคาท์เตส
โจ๊กเกอร์ รับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และเขาก็เริ่มเข้าประชิดคู่ต่อสู้ของเขาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม เคาท์เตส ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ เช่นกัน เธอแทงดาบสวนกลับไปเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของ โจ๊กเกอร์ แต่ โจ๊กเกอร์ ก็สามารถหลบการโจมตีของเธอได้ด้วยการเคลื่อนไหวที่แพรวพราว จากนั้นเขาก็ใช้ดาบสั้นแทงกลับไปที่เธอด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
อย่าไรก็ตาม เคาท์เตส ย่อมเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถมากพอจนได้รับการเชื้อเชิญให้มาร่วมรายการศึกราชันหน้ากาก เธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้คู่ต่อสู้แสดงความเหนือกว่าออกมาเพียงฝ่ายเดียวแน่นอน เมื่อ โจ๊กเกอร์ ใช้สกิลโจมตีออกมา เธอก็ไม่ลังเลที่จะใช้สกิลในการตอบโต้กลับไปเช่นกัน
‘สเตลท์’ โจ๊กเกอร์ ใช้สกิลเพื่อซ่อนตัว เขาหายไปจากสายตาของ เคาท์เตส ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งต่อหน้าของเธอพร้อมกับการโจมตีที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม เคาท์เตส ไม่ได้เหวี่ยงดาบออกไปเพื่อป้องกันการโจมตีครั้งนี้ เธอดูผ่อนคลายมากกว่าที่ทุกคนคิด หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอสวมหน้ากากอยู่ ทุกคนคงจะบอกได้ทันทีว่าการโจมตีของ โจ๊กเกอร์ ทำให้เธอผิดหวังอยู่ไม่น้อย
‘กำลังดูถูกฉันเหรอ .... !?’
“ถ้างั้นก็อัดให้ยับไปเลยแล้วกัน !!” เคาท์เตส หัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะที่เธอนึกถึงศึกราชันหน้ากากในรอบที่แล้ว การกระทำของพวกเขาในตอนนั้นสมเหตุสมผลแล้วสำหรับเธอ เธอไม่สามารถซ่อนความสามารถไว้ได้อีกต่อไป เพราะยิ่งเธอพยายามซ่อนความสามารถไว้มากเท่าไหร่ โอกาสพ่ายแพ้ของเธอก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
‘ช่วยไม่ได้ล่ะนะ’
เคาท์เตส ตัดสินใจที่จะใช้สกิลที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แน่นอนว่าเธอสามารถซ่อนมันต่อไปได้ แต่มันจะมีความหมายอะไรหากเธอพ่ายแพ้ พริบตานั้นเกล็ดน้ำแข็งก็เริ่มก่อตัวขึ้นบนใบดาบของเธอ นี่คือออร่าดาบที่มีคุณสมบัติของน้ำแข็ง
“เรน่า !?”
ทุกคนรู้จักชื่อที่โพล่งออกจากปากของ โจ๊กเกอร์ , เรน่า คือเจ้าหญิงน้ำแข็ง เธอคือผู้เล่นหญิงที่ดีที่สุด และเป็นแรงค์เกอร์อันดับสิบของอารีน่า และยังเป็นหัวหน้าทีมนิวยอร์กวอริเออร์อีกด้วย
-ไม่น่าเชื่อว่า เรน่า จะมาร่วมรายการด้วย
-โว้ว !!ดูเหมือนศึกราชันหน้ากากจะมีกำลังต่อรองที่ไม่ธรรมดาเลย
-อีกห้าคนที่เหลือเป็นใครกันแน่ !?ฉันอยากรู้มากขึ้นกว่าเดิมอีก
-กำปั้นดุ แน่นอนว่าต้องเป็น จิน ชิจอง
-ใช่แล้ว มองค์รูลิ ในรายการก็มีแค่ จิน ชิจอง นั่นแหละ
‘ฉันต้องจัดการกับเธอก่อนที่สกิลดอกไม้น้ำแข็งของเธอจะปล่อยออกมา’ โจ๊กเกอร์ ตัดสินใจ
เขาคิดว่าคู่ต่อสู้จะต้องเป็นหนึ่งในแรงค์เกอร์ แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็น เรน่า ถ้าสกิลที่น่ากลัวของเธอถูกใช้ออกมาได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาใช้สกิลของตัวเองออกมาก่อน
‘สะบั้นเงา !!’ ดาบสั้นในมือของ โจ๊กเกอร์ ตัดผ่านอากาศ มันไม่ได้หยุดลงภายใต้การโจมตีครั้งเดียว แต่ยังคงระดมโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง
-สะบั้นเงา !!
-ฉันเห็นมันในสตรีมเมื่อวานนี้ มันคือสกิลสะบั้นเงาแน่นอน
-ว้าว !!เรนะ ปะทะ อิจิโนะ เหรอเนี่ย !?
อิจิโนะ คือหนึ่งในสตรีมเมอร์ที่โด่งดังของญี่ปุ่น เขามีคลาสอาชีพระดับแรร์ในสายนักฆ่า และเขายังถูกเรียกว่านินจาเพราะสกิลส่วนใหญ่ของเขาคล้ายกับนินจาในมังงะ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้เล่นมืออาชีพ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในผู้เล่น 1,000 อันดับแรกของอารีน่า อย่างไรก็ตาม สะบั้นเงา ของ อิจิโนะ ถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยกำแพงน้ำแข็งที่ เรน่า สร้างขึ้น
‘ให้ตายเถอะ ฉันก็อยากจะชนะสักครั้งนะ’
อิจิโนะ ได้ข่าวมาจากคนใกล้ชิดว่า เรน่า เองก็เข้าร่วมศึกราชันหน้ากากเช่นกัน แม้ว่าเขาจะท้าทายเธอด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอ เพราะเขาควรเอาชนะเธอให้ได้ก่อนที่เธอจะใช้สกิลเฉพาะตัวออกมามากกว่า อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะเขาลังเลมากเกินไปทำให้ตัวเองพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว
‘ฉันเสียใจจริง ๆ’ อิจิโนะ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจขณะที่เขาวิ่งเข้าหา เรน่า อีกครั้ง
‘สเตลท์!!” อิจิโนะ ใช้สกิลซ่อนตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรน่า เคยเอาชนะเขามาแล้วหลายครั้งก่อนจะมาถึงเวทีของศึกราชันหน้ากาก
‘ทุ่งน้ำแข็ง !!’ พื้นที่รอบตัวทั้งหมดของ เรน่า ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และขณะเดียวกันบนร่างกายของ อิจิโนะ ก็มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่างเช่นกัน
[ผู้เล่น อิจิโนะ ติดสถานะ แช่แข็ง ]
อิจิโนะ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อพบว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองช้าลง ‘นี่มันเป็นกับดักชัด ๆ!!’
อิจิโนะ สลายสกิลสเตลท์ออกทันที เมื่อสกิลทุ่งน้ำแข็งถูกใช้ออกมาการซ่อนตัวใด ๆ ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป ในฐานะคลาสอาชีพนักฆ่าแล้ว การที่เขาไม่สามารถซ่อนตัวจากนักดาบอย่าง เรน่า ได้นั้น มันไม่ต่างไปจากก็อบลินที่ถูกจ้องมองโดยออร์คแม้แต่นิดเดียว สกิลของเขาใช้ไม่ได้ผลกับเธอ
“ฉันยอมแพ้ !!” ในที่สุด อิจิโนะ ก็ประกาศยอมแพ้ เขาใช้สกิลเกือบทั้งหมดยกเว้นไพ่ตายออกไปแล้ว แต่มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับ เรน่า ได้เลย มันเป็นเหมือนกับเขาเผชิญหน้ากับศัตรูทางธรรมชาติของตัวเองก็ว่าได้
[เคาท์เตส ชนะ ]
“ขอบคุณสำหรับความลำบากของทั้งสองท่านด้วยครับ เชิญ โจ๊กเกอร์ ไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
หลังจากผลการต่อสู้ถูกตัดสิน อัลเลย์บอส ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที
“งั้นเราจะพักกันสักหน่อยนะครับ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของ อัลเลย์บอส กระจกก็ถูกตั้งขึ้นด้านหน้าหน้ากากนักสู้แต่ละคน มันถึงเวลาที่พวกเขาจะได้พูดคุยกับผู้ชมแล้ว
.....
10 นาที ต่อมา ...
หลังจากผ่านการสัมภาษณ์ช่วงสั้น ๆ ไปที่น่าพอใจไปแล้วนั้น การต่อสู้ครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น
“ตอนนี้ เคาท์เตส ได้รับชัยชนะไปหนึ่งครั้งแล้ว ขอเชิญหน้ากากนักสู้คนต่อสู้ขึ้นมาได้เลยครับ”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หน้ากากนักสู้คนอื่น ๆ รู้แล้วว่า เคาท์เตส ก็คือ เรน่า ซึ่งติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของการจัดอันดับในโคลอสเซียม มันจึงทำให้ทุกคนลังเลที่จะขึ้นมาท้าประลองกับเธอ และต่างก็มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน
‘ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน ขึ้นไปบนเวทีให้เธอเชือดซะเถอะ’
หลังจากที่ อัลเลย์บอส นับถอยหลังจนเกือบหมดเวลานั้น หน้ากากนักสู้คนหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวที
“ฉันขอท้าประลอง”