อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 182 ข้อตกลงลับๆ
ตอนที่ 182 ข้อตกลงลับๆ
วันต่อมา
ลอสแอนเจลิสไทมส์
หน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรก
'เมื่อวานนี้ พิธีกรรายการข่าว 2 คนของสถานีโทรทัศน์เอบีซีได้ออกมาพูดว่าพวกเขานั้นกำลังถูกสถานีโทรทัศน์อื่นคุกคาม แต่มันก็ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นยังมีพระเอกนางเอกของ 'A Fairy Wife' พิธีกรรายการ 'ทีวีช้อปปิ้ง' และรายการ 'สอนเข้าครัว' หรือคนอื่นๆ ในบริษัทก็โดนทาบทามด้วยเหมือนกัน'
'ซึ่งพวกเขาได้บอกว่าเป็นเอนบีซีและซีบีเอสที่กำลังทำแบบนี้'
'การสำรวจแบบสอบถามเมื่อไม่กี้วันก่อนของเอบีซีแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเพิ่งจะแซงหน้าเอนบีซีและซีบีเอสไป ถึงแม้จะเพิ่งเปลี่ยนเจ้าของกับกลับมาออกอากาศเมื่อไม่กี่วันนี้ก็ตาม…ซึ่งในเวลานี้สถานีโทรทัศน์เอบีซีมีเรตติ้งสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับรายการที่มีความนิยมของผู้ชมหลายรายการ มันเลยสร้างความกดดันให้อีกสองสถานีสูงมาก'
'แล้วผู้เขียนก็ชอบซีรีส์เรื่อง A Fairy Wife เช่นกัน มันถูกผลิตออกมาอย่างดี ด้วยเนื้อเรื่องที่ผ่อนคลายและสนุกในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าเอบีซีได้ลงทุนลงแรงไปเยอะมาก มันจึงกล่าวได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา'
'ถ้าพระเอกกับนางเอกถูกล่อลวงไป ซีรีส์ชุดนี้ก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างแน่นอน มันจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับผู้ชมชาวอเมริกันทุกคนที่ชื่นชอบซีรีส์ 'A Fairy Wife' และมันจะเป็นสิ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้'
'เมื่อถึงตรงนี้ผมก็ขอบอกอะไรบางอย่างในที่นี้ว่าถ้ามีบริษัทไหนที่ทำงานออกมาได้ดีกว่าคุณ คุณก็ควรหาปัญหาของตัวเองและทำให้รายการของตัวเองดีขึ้นเพื่อที่จะดึงดูดผู้ชมได้ ก่อนที่จะไปทำลายบริษัทอื่นๆ'
'พฤติกรรมแบบนี้มันน่าละอาย'
'นักข่าวได้ออกไปสอบถามผู้คน 50 คนบนถนนนิวยอร์กและลอสแอนเจลิส ในบรรดาผู้คนที่เราสัมภาษณ์มี 48 คนที่ดูซีรีส์ 'A Fairy Wife' และชื่อชอบซีรีส์เรื่องนี้มาก นักข่าวเลยถามพวกเขาว่าถ้ามีใครสร้างปัญหาจนนำไปสู่การหยุดฉายซีรีส์เรื่องนี้พวกเขาจะยอมไหม?'
'หลายคนโกรธมากพร้อมกับบอกว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับสิ่งนี้และพวกเขาจะต่อสู้กับกองกำลังชั่วร้ายเหล่านั้นจนถึงที่สุด'
จบขั้นตอนแรกด้วยการถามความคิดเห็นของผู้ชมสาธารณะเพื่อที่จะดูว่าทิศทางมันเป็นยังไง…
ในตอนเช้าของวันที่สาม
ที่ประตูสำนักงานใหญ่ของเอนบีซีมันก็มีกลุ่มชายหญิงและเด็กปรากฏขึ้น พวกเขามีจำนวนราวๆ 50 ถึง 60 คน และคนเหล่านี้ก็ถือป้ายในมือพร้อมกับปิดกั้นทางเข้าออก
บนป้ายเขียนไว้ว่า
'หยุดคุกคาม เอบีซี เรายังต้องการดู A Fairy Wife'
'ต่อต้านการรุกล้ำที่น่ารังเกียจ'
'การก่อวินาศกรรมเป็นสิ่งที่ไร้ยางอายที่สุด เอนบีซีหยุดกระทำชั่วร้ายนั้นเดียวนี้!'
คนเหล่านี้ถือป้ายเผชิญหน้ากับอาคารสำนักงานของเอนบีซี พร้อมกับที่พวกเขายังตะโกนออกไปว่า 'หยุดการกระทำที่ไร้ยางอายเดี๋ยวนี้'
ต้องบอกว่ายังไงพวกเขาก็ยังอยากดูซีรีส์ 'A Fairy wife' อยู่
…
ที่ประตูทางเข้าของอาคารสำนักงานใหญ่ของซีบีเอสก็มีกลุ่มผู้ประท้วงพร้อมกับป้ายในมือเหมือนกัน
คนของบริษัทที่มาทำงานเช้าๆ ก็เห็นกลุ่มประท้วงกำลังยืนถือป้ายพร้อมกับตะโกนใส่พวกเขาจนทำให้พวกเขาต้องรีบวิ่งเข้าไปในบริษัท
ต้องบอกว่ามันง่ายมากจริงๆ ที่จะหาคนมาประท้วงเช่นนี้ เพราะด้วยอิทธิพลของครอบครัวคอร์เลโอเนในนิวยอร์กมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหาคนได้หลายพัน
เมื่อได้ยินข่าวว่ามีการประท้วงหน้าประตูของสถานีโทรทัศน์หลักสองแห่ง
ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์รายใหญ่ต่างก็รีบมาทันที
ผู้สื่อข่าวยังคงถ่ายภาพผู้ชุมนุมประท้วงและบางคนก็ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย ทำให้หน้าประตูของบริษัทออกอากาศทั้งสองแห่งนี้เริ่มมีชีวิตชีวาทันที
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่เป็นชายวัยกลางคนว่า "ทำไมคุณถึงมาประท้วงที่นี่หรือครับ?"
"ก็ฉันชอบ 'A Fairy Wife' และไม่ต้องการให้มันหายไปนะสิ แถมพฤติกรรมของเอนบีซีและซีบีเอสก็น่าละอายมาก เพราะถ้าพวกเขาได้ตัวนักแสดงหลักไปพวกเราก็จะไม่ได้ดู A Fairy wife ที่บ้านของตัวเองอีก มันเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้!"
ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่พอใจ
"แล้วคุณมาที่นี่โดยที่ไม่ได้โดนจ้างมาใช่ไหม?" ผู้สื่อข่าวถามอย่างสงสัย
"ใช่ แล้วฉันก็ยังระดมเพื่อนบ้าน เพื่อนๆ กับผู้คนอีกมากมายในชุมชนที่พวกเขาจะตามมาทีหลัง และนี่ก็เป็นแค่วันแรกเท่านั้น! ผมเชื่อว่าจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกในวันพรุ่งนี้" ชายวัยกลางคนตอบ
"แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเอนบีซีและซีบีเอสคุกคามบริษัทเอบีซีจริงๆ?"
"จะเป็นใครไปได้อีก! เพราะพวกเขานั้นทำผลงานในรายการได้ไม่ดีและไม่อยากดูคนอื่นทำได้ดี มันจึงเป็นเรื่องน่าละอายจริงๆ ที่ใช้อุบายแบบนี้"
ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์เด็กหญิงวัย 6 ขวบ
"เพื่อนตัวน้อย ทำไมหนูถึงมาร่วมประท้วงด้วยล่ะ หนูเข้าใจความหมายไหม?"
เด็กน้อยกะพริบดวงตากลมโตและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ารักว่า "แม่ของหนูบอกว่าถ้าสถานีโทรทัศน์เอบีซีหายไป หนูก็ไม่ได้ดูมาคาบาก้าอีก"
"เอ้ ใครคือมาคาบาก้าเหรอ?" นักข่าวถามด้วยความอยากรู้
แม่เด็กที่อยู่ข้างๆ ก็ตอบว่า "มาคาบาก้าคือตุ๊กตาตัวหนึ่งที่อยู่ในการ์ตูนเรื่อง 'Garden Baby' ของเอบีซี เห็นว่าตัวละครในเรื่องจะชื่อมาคาบาก้านะ และเด็กๆ ก็ชอบรายการนี้เป็นพิเศษ แต่ฉันได้ยินมาว่าเอนบีซีและซีบีเอสต้องการทีมครีเอทีฟหลักของ 'Garden Baby' ก็เลยบอกกับเธอไปอย่างนั้น"
สาวน้อยข้างกายชูกำปั้นขึ้น “ไม่ยอม! หนูไม่อยากให้มาคาบาก้าหายไป”
บริษัทกระจายเสียงรายใหญ่สองแห่งถูกปิดล้อม และผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เลวร้ายมาก
พวกเขาจึงเลือกที่จะโทรแจ้งตำรวจและให้ตำรวจขับไล่ผู้ชุมนุมเหล่านี้ไป
เมื่อตำรวจปรากฏตัว
พวกเขาก็เดินไปกล่าวเตือนผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าไปในบริษัทออกอากาศและห้ามกระทำพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเช่นทุบตีทำร้ายข้าวของ
จากนั้น…ก็ไม่มีอะไรเพิ่มอีก...และเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ก็ไปยืนอยู่ในร่มไม้ใกล้เคียง
โดยพวกเขาแค่ยืนคุยกันอยู่แถวนั้น...
พนักงานของเอนบีซีเลยออกมาถามกับตำรวจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ไล่ผู้ประท้วงเหล่านี้ไป ตำรวจก็ผายมือกล่าวว่า "พวกเขาไปรายงานกับสถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว และแค่นั้นมันก็เป็นการแสดงถึงกฎหมาย ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้กระทำที่ผิดกฎหมายมากเกินไป เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซง"
"อ่อ แล้วก็ฝากบอกข้อความนี้ถึงหัวหน้าสถานีด้วยนะครับ วันพรุ่งนี้อาจจะมีคนมากกว่านี้ เตรียมๆ หาทางออกกันไว้ด้วย" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำทีมกล่าว
ในบริษัทประธานกำลังโทรหาผู้บัญชาการของกรมตำรวจนิวยอร์กด้วยตัวเอง แต่เลขาของเขากลับบอกว่าหัวหน้าไม่อยู่และกำลังลาพักร้อนประจำปีกับครอบครัวเมื่อสองวันก่อน
ผู้บริหารของเอนบีซีเมื่อได้ยินข่าวก็โกรธจัดจนเกือบจะทุบถ้วยชาแตก
วันต่อมา
มีผู้คนมาร่วมประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าจะให้นับตอนนี้ก็ราวๆ ร้อยกว่าคน ซึ่งมีทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็ก
มันจึงทำให้แถวนี้คึกคักอย่างมาก
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ถูกเตรียมมาโดยครอบครัวคอร์เลโอเน แต่มันก็มีบางคนที่ตั้งใจจะมาที่นี่จริงๆ เพราะพวกเขาชอบ 'A Fairy Wife' และไม่ต้องการให้มันหายไปจากโทรทัศน์
'นิวยอร์กไทมส์'
'ลอสแอนเจลิสไทมส์'
'วอชิงตันโพสต์'
หนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กทั้งหมดต่างก็รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่งในภาพจะเห็นว่าอาคารของบริษัทออกอากาศของเอนบีซีและซีบีเอสต่างก็ถูกปิดกั้นโดยฝูงชนและตอนนี้ทั้งสองบริษัทก็กำลังอับอายอย่างมาก
แน่นอนว่านี่คือขั้นตอนที่สองสำหรับการแสดงและเดินขบวนเพื่อทำลายชื่อเสียง
…
สถานีโทรทัศน์เอบีซี
'ข่าวเที่ยงวัน'
ผู้ประกาศในวันนี้ยังคงเป็นพิธีกรที่ออกมาแฉว่าเอนบีซีและซีบีเอสกำลังคุกคามบริษัทเอบีซี
หลังจากที่พิธีกรทั้งสองออกข่าวไปสองเรื่อง พิธีกรสาวก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นข่าวต่อไปคือ 'ข่าวเกี่ยวกับเอนบีซีและซีบีเอสสองสถานีหลัก'
"จากการคุกคามของเอนบีซีและซีบีเอส เวลานี้ผู้ชมที่ดูโทรทัศน์จำนวนมากกำลังรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งหลายๆ คนกลัวว่ารายการทีวีโปรดของพวกเขาจะถูกระงับ ดังนั้นพวกเขาจึงไปประท้วงที่ประตูสำนักงานใหญ่ของเอนบีซีและซีบีเอส เป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้ว พร้อมกับที่ผู้คนที่เดินทางไปประท้วงกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้"
เมื่อพิธีกรสาวพูดจบกล้องก็หันไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้ประท้วงชูป้ายและด่าเอนบีซีและซีบีเอสว่าน่ารังเกียจและไร้ยางอาย พร้อมกับตะโกนว่าหยุดคุกคามซีรีส์ที่พวกเขาชื่นชอบเดียวนี้
นักข่าวสัมภาษณ์ผู้ประท้วงในที่เกิดเหตุ และหลายคนตะโกนบอกกล้องว่า "เอนบีซีและซีบีเอสพวกคุณควรกลับไปทบทวนตัวเองได้แล้ว! ถ้าต้องการให้พวกเราชื่นชอบรายการของพวกคุณ ก็กลับไปทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงตัวเองสิ! อย่ามาใช้เล่ห์เหลี่ยมเลอะเทอะแบบนี้! พวกเรารู้อย่างชัดเจนว่าใครดีใครไม่ดี ซึ่งตอนนี้เอนบีซีและซีบีเอสพวกคุณเป็นคนทำผิดอยู่ ดังนั้นขอโทษเอบีซีเดียวนี้!"
"ใช่ ต้องขอโทษเอบีซี"
"ขอโทษเอบีซี"
"ขอโทษ"
ฝูงชนจำนวนมากที่อยู่ข้างหลังตะโกนคำว่าขอโทษออกมาเสริม
เมื่อกล้องกลับมาที่สตูดิโอ พิธีกรทั้งสองพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่หัวเราะออกมา ขณะที่พิธีกรสาวพูดว่า "สถานีของเราก็ได้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของสถานีของเราเป็นพิเศษ เพื่อดูว่าพวกเขามีอะไรจะพูดหรือไม่"
กล้องหันไปที่สำนักงานใหญ่ของเอบีซี
คนแรกที่ปรากฏตัวคือเจสสิก้า วอลเตอร์ที่เป็นนางเอกของเรื่อง A Fairy Wife นักข่าวถามเธอว่า "เจสสิก้าฉันได้ยินมาว่ามีคนเข้ามาหาคุณด้วยใช่ไหมคะ?"
เจสสิก้ายิ้ม "มีจริงๆ แต่ฉันก็ปฏิเสธกลับไปทันที"
"ทำไมถึงปฏิเสธเหรอคะ?"
เจสสิก้ายักไหล่ "ฉันมีช่วงเวลาที่ดีมากกับบริษัทเอบีซี ดังนั้นทำไมฉันถึงต้องเปลี่ยนงานด้วยล่ะ? ต้องบอกว่าฉันเคยเป็นนักแสดงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีคนเห็นค่า และก็โดนทาบทามโดยบริษัทนี้เพื่อให้มาแสดงภาพยนตร์ซีรีส์ ซึ่งมันก็เป็นโชคดีที่ผู้ชมยอมรับตัวฉัน ฉันก็เลยอยากตอบแทนให้กับพวกเขาและอยากแสดงบทบาทของอิซาเบลล่าใน A Fairy Wife ต่อไป"
พิธีกรสาวยังได้สัมภาษณ์ผู้กำกับ ช่างไฟ และทีมงานอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน
ซึ่งทุกคนก็บอกว่า 'มีคนมาชักชวนพวกเขาจริงๆ' และผู้กำกับวัยกลางคนก็พูดอะไรบางอย่างที่มีความหมายดีๆ ใส่กล้องว่า "ผมรู้ว่านี่คือการร่วมมือกันของสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ในการสร้างปัญหาให้เรา ซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาเข้ามาชักชวนพวกเราแต่เราก็คงจะไม่ได้ตามที่พวกเขาพูดหรอก และการทรยศนั้นก็เป็นการกระทำที่น่าละอาย มันไม่มีใครชอบอยู่แล้วดังนั้นถึงเราจะออกไปจากที่นี่ตามคำชักชวน พวกเขาก็จะไม่ยอมรับเราแน่ๆ"
พร้อมกับที่กล้องไปสัมภาษณ์พิธีกรรายการทีวีช้อปปิ้ง พวกเขาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีคนเข้ามาชักชวนจริงๆ
"แล้วคุณมีความคิดที่จะไปหรือไม่" พิธีกรข่าวถาม
"ไม่มีเลยสักนิด เพราะในเวลานี้สถานีโทรทัศน์เอบีซีเป็นสถานีที่มีพลังมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เรารักสถานที่แห่งนี้และเชื่อว่าที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นไปอีก" พิธีกรชายของทีวีช้อปปิ้งกล่าว
ต่อไปก็เป็นพิธีกรสาวที่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า "มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาฉันและบอกว่า ‘เขาสามารถให้เงินเดือนสูงกว่าที่นี่ได้’ ฉันก็เลยแกล้งเขานิดหน่อย แล้วถามเขากลับว่าคุณให้ฉันได้เท่าไหร่? และเขาก็เขียนตัวเลขให้ดูทันที"
"ซึ่งฉันก็ส่ายหัวทันที แล้วพูดว่า 'รู้ไหมว่าฉันได้เงินเท่าไหร่? มันเป็นสองเท่าของตัวเลขที่คุณเขียนมา' ฮ่าๆๆ ผู้ชายคนนั้นอึ้งไปทันที ก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้งและรู้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร?"
"เขาพูดว่าอะไรเหรอ?" นักข่าวถามด้วยความอยากรู้
"เขาพูดว่า 'บริษัทเอบีซียังต้องการคนอยู่ไหม?' ฮ่าๆๆๆ มันช่างน่าตลกมากจริงๆ"
หลังจากพิธีกรหญิงพูดจบผู้คนในห้องข่าวก็หัวเราะออกมาด้วยกัน เพราะคนที่มาชักชวนนั้นกลับได้น้อยกว่าพวกเขาซะอีก มันจึงน่าอายจริงๆ ที่มาแย่งคนด้วยวิธีการเช่นนี้
กล้องหันกลับไปที่สตูดิโอ
ซึ่งผู้ชมทางบ้างก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพิธีกรทั้งสองกำลังนั่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และถึงจะผ่านไปเวลานานรอยยิ้มของทั้งสองก็ยังไม่หาย
ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่รายการข่าวแล้ว มันเป็นการเอามาแขวนพร้อมกับเยาะเย้ยตรงๆ เลยต่างหาก
ขั้นตอนที่สามคือการเหยียบซ้ำคนที่ตกลงมาในหลุมพรางโดยเยาะเย้ยพวกเขาและถ่มน้ำลายใส
…
เมืองนิวยอร์ก
เฮนรี่กำลังเฝ้ามองอะไรบางอย่าง
และเขาก็หมายตาคนคนหนึ่งไว้ที่ชื่อฮาร์วีย์ โซล่ารองประธานของเอนบีซี
ฮาร์วีย์นั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการวางแผนรายการผลิต และประสานงานจัดการกับช่องต่างๆ
มันต้องบอกเลยว่าฮาร์วีย์เป็นคนที่มีอำนาจมากสำหรับเอนบีซี
ฮาร์วีย์ขับรถออกมาจากบริษัทด้วยรถของตัวเองและก็หันมองไปผู้ประท้วงที่ยังไม่แยกย้ายออกไปพร้อมกับพูดสาปแช่งก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
…
คฤหาสน์เล็กๆ หลังหนึ่งแถวชานเมือง
มันคือสถานที่ส่วนตัวของเขา
เขาแอบซื้อเก็บไว้อย่างลับๆ แม้แต่ภรรยาก็ไม่รู้ว่าเขามีสถานที่นี้อยู่
ฮาร์วีย์ โซล่าอาบน้ำด้วยความอารมณ์ดี และหลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ไปหยิบนิตยสารเพลย์บอยมาอ่านทั้งชุดนอน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในคฤหาสน์จอดอยู่ด้านล่าง
ฮาร์วีย์ โซล่าลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่หน้าต่างมองลงไปข้างล่าง พร้อมกับที่มีหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยงามออกมาจากรถ
ถ้าคนจากเอนบีซีอยู่ที่นี่พวกเขาจะรู้ทันทีว่าเธอเป็นใคร
ซึ่งเธอก็คือพิธีกรหญิงที่เพิ่งเข้าเอนบีซีมาได้แค่ครึ่งปี
ผู้หญิงคนนี้เดินเข้าไปในคฤหาสน์
"คุณโซลา คุณช่วยหารายการเดี่ยวให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?"
"ได้สิ มันเป็นเรื่องง่ายๆ อยู่แล้ว"
"งั้นขอถามได้ไหมว่ามันคือรายการอะไร?"
"สถานีโทรทัศน์เอบีซีตอนนี้กำลังออกอากาศเกือบทั้งวัน ประธานเลยสั่งให้สถานีของเราเพิ่มเวลาออกอากาศไปด้วยเพื่อที่จะหารายการใหม่ๆ มาลง ทำให้แผนกของฉันในตอนนี้วุ่นวายไปหมด แต่มันก็แค่นั่นแหละ พวกเราก็แค่วางแผนรายการตามสถานีโทรทัศน์เอบีซีก็พอแล้ว และหยิบเอารายการของเขามาสองอันก็คือรายการแต่งหน้ากับสอนเข้าครัว"
"แต่มันก็มีคนเสนอไอเดียดีๆ ขึ้นมาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือรายการสอนดูแลเด็ก โดยจะมีพยาบาลมาสอนคุณแม่มือใหม่บนหน้าจอโทรทัศน์เช่นเปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นมลูก รักษาอาการสะอึก และอื่นๆ"
"แล้วผมก็คิดว่ารายการนี้น่าจะเหมาะกับคุณ และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมากแล้ว คุณคิดว่าไง?"
"แต่ฉันไม่รู้วิธีเลี้ยงลูกเลยนะ?"
"เรื่องพวกนั้นไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวผมส่งคุณไปเรียนที่โรงพยาบาลสักสองอาทิตย์ก็น่าจะพอแล้ว และเมื่อถึงเวลาบันทึกรายการ เราจะหาพยาบาลมาสอนคุณและคุณก็แค่ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอสอนก็พอ" ฮาร์วีย์พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหาผู้หญิงคนนั้น
"ผมทำตามที่สัญญาเอาไว้แล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาที่คุณจะต้องทำตามสัญญาบ้าง"
หญิงสาวเล่นตัวเล็กน้อยก่อนที่เธอจะถอดเสื้อผ้าออกและเดินไปหาเขา…
ซึ่งทั้งสองก็ฟัดกันอยู่ในคฤหาสน์เป็นเวลานาน...
แต่รองประธานเอนบีซีไม่ได้รู้เลยว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้หญิงคนนี้กับเขานั้นถูกบันทึกไว้หมดแล้ว...