ตอนที่ 50 พวกขี้ขลาด (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 50 พวกขี้ขลาด
*ปี๊ดดด*
ทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดมาดามฮูชก็โยนลูกบอลควัฟเฟิลขึ้นไปในอากาศ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจอกับแม็กนัส เอ็มม่าตามมาในฐานะกัปตันทีมของเธอ
"นายที่จะพร้อมจะแพ้ยังไอ้หนูมังกร?" เธอเหน็บแนม
แม็กนัสตะคอก "เห ความมั่นใจมากเกินไปจะเป็นสาเหตุของความพินาศของเธอนะ"
ลูกควัฟเฟิลถูกแม็กนัสคว้าได้ทันที แต่ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น ลูกบลัดเจอร์จากฝั่งหญิงก็ถูกเขวี้ยงมาทางเขา ไม่ใช่แค่ลูกเดียวด้วย บีตเตอร์สามคนล้อมเขาไว้และเหวี่ยงไม้บีตเตอร์มาทางเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
แม็กนัสเข้าใจเทคนิคของพวกเธอแล้ว พวกเธอมองว่าเขาเป็นภัยคุกคามและจดจ่ออยู่กับการหยุดเขาอย่างเดียว ในขณะที่เอ็มม่ามีอิสระที่จะดูแลส่วนที่เหลือ ตอนนี้พวกเขาต้องการให้เขาปล่อยลูกควัฟเฟิล
แต่เขายิ้ม พวกนั้นประเมินทีมของเขาต่ำไป เขาสั่งให้รักนาร์ ดาร์เรียน และดักก์ตีบลัดเจอร์ใส่ไม้กวาด ไม่ใช่ผู้เล่น เขาเปิดคลอสระยะสั้นสอนอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับจุดศูนย์ถ่วงและสอนเกี่ยวกับจุดศูนย์ถ่วงของคนบนไม้กวาดอยู่ที่หน้าอกของพวกเขา ดังนั้น หากพวกนั้นเคลื่อนไหวไม้กวาดมากพอ จุดศูนย์ถ่วงมันจะไม่เสถียรและพวกนั้นก็จะตกลงมาอย่างง่ายดาย
"ฮิฮิ..." บีตเตอร์ของทีมชายหัวเราะเบาๆ
จากนั้นพวกเขาก็เล็งไม้ตีฝ่ายตรงข้ามให้อยู่ในแนวสายตาและเหวี่ยงไม้ตีบลัดเจอร์
*เปรี้ยง*
รักนาร์โยนก่อน "เยสส... มันได้ผล"
เขาส่งเสียงเชียร์เมื่อเด็กสาวล่วงลงบนพื้นหญ้าเบื้องล่าง แม็กนัสสบโอกาสจึงเดินหน้าไปที่เป้าหมาย เอ็มม่าไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้ ดังนั้นเธอจึงพยายามไล่ตามเขา
"ฮ่าฮ่า... เด็กมังกรคนนี้เร็วนะ เอ็มม่า" แม็กนัสล้อเลียนเธอ
*ติ๊ง*
แม็กนัสยิ้มกว้างให้ เอ็มม่าขณะที่เขาทำประตู
“เธออยากพูดอะไรไหม คุณเอ็มม่า?”
เธอกระฟัดกระเฟียดใส่เขาแล้วกลับไปหาเพื่อนร่วมทีมของเธอ แม็กนัสกำลังสนุกกับการแข่งขัน อันที่จริง แม็กนัสเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกฎควิดดิชมาแล้ว
เขารู้ว่าทั้งหมด 700 ฟาวล์ที่สามารถกระทำได้ ที่น่าตกใจคือในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1473 มีการทำผิดกติกาทั้งหมด 700 ครั้ง ก็รวมอยู่ด้วย
โดยการเปลี่ยนร่างเชสเซอร์ให้กลายเป็นแมวเผือก พยายามฟันคีปเปอร์ด้วยดาบ การปล่อยค้างคาวแวมไพร์ดูดเลือดหนึ่งร้อยตัวจากใต้เสื้อคลุมของกัปตันทีมทราซิลเวอเนียในระหว่างเกม จุดไฟที่ปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม โจมตีไม้กวาดของฝ่ายตรงข้ามด้วยขวาน
สมัยก่อนเป็นยุคที่บ้าบอแน่ๆ
แม็กนัสดำเนินเกมต่อไปแต่ทั้งสองฝ่ายทำประตูได้ช้า เขามีทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่การตัดสินใจของแม็กนัสที่บังคับให้สเนปเป็นผู้รักษาประตูกลับทำให้เขาเจ็บปวด สเนปทำมันได้แย่มาก
เขาเดาไม่ถูกว่าลูกควัฟเฟิลจะมาตรงไหน เขามีอาการสับสนระบุไม่ได้ว่าเอ็มมาและเชสเซอร์คนอื่นๆ ปาลูกควัฟเฟิลนั้นจริงหรือหลอก การควบคุมไม้กวาดของเขาก็ยังไม่ค่อยดีนัก
เกมมาถึงช่วงสุดท้ายอย่างช้าๆ และถึงเวลาสำหรับการเล่นตัดสิน เอ็มม่ามีควัฟเฟิลอยู่ในครอบครอง เธอกำลังพุ้งไปที่ด้านข้างของเด็กชาย การหลบบัตเตอร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ
สุดท้ายแล้วแม็กคือคู่ต่อสู้คนสุดท้ายของเธอ ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วเต็มที่
~เฮ้ย นี่เขาโกรธจริงเหรอ? เราคงบาดเจ็บแน่ๆ ถ้าเราชนกันแบบนี้~ เอ็มม่าคิด
แต่เธอเห็นว่าแม็กนัสไม่ได้ช้าลงเลย ~เขาบ้าไปแล้วเหรอ~
*เฟี้ยววว*
เธอเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของแม็กนัส ~เขาจะหยุดทันทีใช่ไหม?~
10เมตร...5เมตร.
~ทำไมล่ะ? เขาบ้าไปแล้ว~
เธอเบรคตัวเองทันทีแล้วดึงไม้กวาดขึ้นไป นี่คือสิ่งที่แม็กนัสต้องการ เขาพุ่งไปด้านข้างเธอ ถอยห่างจากเธอเล็กน้อยแล้วฉกลูกควัฟเฟิลออกจากแขนของเธอ จากนั้นก็ม้วนตัวแล้วจับมัน
“นาย... นายทำแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไง? ถ้าเราชนกันล่ะ” เธอบ่นแบบสาว ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอแกล้งทำ
แม็กนัสหัวเราะ "ฉันเชื่อในความเท่าเทียมทางเพศ คุณเอ็มม่า"
ด้วยสิ่งนั้น ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ และเขาก็ทำประตูง่ายๆ ชนะทีมเด็กผู้หญิง
*ปริ๊ดดด*
ไม่มีรางวัลสำหรับการชนะยกเว้นสิทธิ์ที่จะชื่นชมยินดีในชัยชนะและเอาไว้ข่มพวกเด็กสาวเมื่อใดก็ตามที่พวกเธอโต้เถียงกับพวกเขา
การแข่งขันจบลงพร้อมกับคลาสเรียนเช่นกัน พวกเขาเหงื่อออกมาก ดังนั้น แม็กนัสและเพื่อนๆ ของเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่หอพักหลังจากนั้น พวกเขาไม่มีเรียนในวันนี้
"เพื่อน ฉันต้องการหนังสือ ฉันจะไปห้องสมุด" รักนาร์พูดและจากไป เขาต้องการหนังสือสำหรับปรุงยาใหม่ที่เขากำลังจะลอง เขาผ่านจุดเรียนรู้จากหนังสือไปแล้วและตอนนี้กำลังพยายามทดลองปรุงยาใหม่ๆ อย่างลับๆ
แม้ว่าเขาจะบอกแม็กนัสว่าเขารวยและมีเงินมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้รวยจริง เดิมทีเขาก็รวยแหละ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาใช้มันหมดไปในการปรุงยา ตอนนี้เขาจำเป็นต้องคิดค้นยาตัวใหม่เพื่อหาเงินจากมัน เขาสามารถขอเงินแม็กนัสได้ แต่เขาไม่ต้องการ นี่เป็นตั้งตัวครั้งแรกของเขาในโต๊ะกลม
แม็กนัสกับสเนปกลับมาที่ห้องของพวกเขา ขณะที่เดินผ่านโต๊ะเรียนของสเนป เขาเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาสนใจ
“การพินิจใจหรอ?” แม็กนัสพึมพำ
สเนปหยิบหนังสือและมอบให้เขา "อ่านนี่ซะ ฉันเชื่อว่าถ้าเราต้องการสร้างกลุ่มลับที่ยากจะเข้าถึง เราจำเป็นต้องมีความสามารถในการป้องกันความคิดของเราจากการถูกอ่าน
การพินิจใจเป็นศิลปะของการนำทางอย่างน่าอัศจรรย์ผ่านชั้นต่างๆ ของจิตใจคนและตีความสิ่งที่ค้นพบได้อย่างถูกต้อง ส่วนการสกัดใจเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามและเป็นเกราะกำบังจิตใจของนาย” สเนปอธิบาย
“มันฟังเหมือนกับการอ่านใจในอีกระดับหนึ่ง ฉันเห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคน โอเค ตั้งแต่วันนี้ เราสามคนจะฝึกฝนสิ่งนี้ทุกวัน” แม็กนัสตัดสินใจ เขาชื่นชมสเนปที่ก้าวไปข้างหน้าในกลุ่มของพวกเขา
นี่หมายความว่าตอนนี้เขาถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มด้วยใจจริง
...
ห้องสมุดฮอกวอตส์,
รักนาร์มองหาหนังสือบางเล่มที่ไม่พบในร้านค้า แต่มีหนังสือที่เก่ามากและเลิกใช้แล้วในห้องสมุด เนื่องจากหนังสือเหล่านี้มีมาตั้งแต่สร้างฮอกวอตส์
เขามองไปรอบๆ แผนกปรุงยาในห้องสมุดเพื่อหาแรงบันดาลใจหรือหนังสือเก่าๆ ที่มีความรู้ที่เขาไม่มี นอกจากนี้เขายังมีความสุขที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสโมสรซลัก โดยศาสตราจารย์ซลักฮอร์น แม็กนัสและสเนปได้รับเชิญไปด้วย แม้ว่าเขาจะเดาว่าแม็กนัสได้รับเชิญเพราะอิทธิพลของเขามากกว่าพรสวรรค์ในการปรุงยา แต่ถึงกระนั้น เขาก็เข้าใจว่าศาสตราจารย์ซลักฮอร์นทำสิ่งนี้เพื่อรับประกันอนาคตที่สดใสสำหรับตัวเขาเอง เพราะเขารู้ว่านักเรียนที่ฉลาดเหล่านี้จะดำรงตำแหน่งระดับสูงหรือจะเป็นมหาเศรษฐีในอนาคต
แต่เมื่อเขากำลังง่วนอยู่กับงานเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
“แหมๆ เราเจออะไรที่นี่แหละ? คนทรยศต่อเลือด” ทันใดนั้น มัลซิเบอร์ แกสเปอร์ เอเวอรี่ และอีวาน โรเซียร์ก็ปรากฏตัวขึ้น พวกนั้นล้อมรอบเขา
รักนาร์เย้ยหยัน “หากการเป็นหนึ่งในพวกแกหมายถึงการรังแกเด็ก ฉันยอมเป็นคนทรยศต่อเลือดเสียดีกว่า”
“แกนี่ปากมากจริง เราคิดว่าแกเป็นจะเป็นคนถ่อมตัวซะอีก” มัลซิเบอร์พูดอย่างบ้าคลั่ง เขาเป็นหนึ่งในประเภทบ้าไปแล้วโดยไม่สามารถควบคุมปากและการกระทำของเขาได้
รักนาร์หัวเราะเบาๆ "ฉันไม่ได้ขอให้แกอธิบายความเป็นลูกผู้ชายของแกนะ"
“หยิ่งยโสเกินไปแล้วไอ้หนู แกจะต้องรับผลที่ตามมาจากสิ่งที่เพื่อนของแกทำไว้ รู้ไหม เพราะมัน พ่อของฉันถึงโดนส่งไปอัซคาบัน” เอเวอรี่พูด เขาเป็นคนโตสุดในสามคน
“สายเกินไปที่ฉันต้องบอกว่า เอเวอรี่ ช่างเป็นชื่อที่ดีของตระกูลใหญ่ ถูกทำลายโดยพวกหน้าซื่อใจคดและพวกชอบเหยียด บรรพบุรุษของแกต้องกลิ้งอยู่ในหลุมฝังศพของพวกเขาด้วยความภาคภูมิใจ” รักนาร์โต้กลับโดยไม่มีลังเล เขามีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อพวกมันทั้งหมด
เอเวอรี่หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ “แก...แกคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญงั้นเหรอ? ไม่มีใครมาที่นี่เพื่อช่วยแก ไอ้สารเลวเมอร์ลินนั่นอยู่ในห้องของมัน ตอนนี้ฉันควรใช้นิ้วไหน”
“ก็ตรงหว่างขาแกไง ถ้าใช้มันก็สร้างสิ่งที่น่าสมเพศอยู่ดี” รักนาร์ดูถูกเขา
"ฮื้ม...ครูซี..."
ก่อนที่เอเวอรี่จะร่ายจบ รักนาร์ก็หยิบหลอดทดลองเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา มันมีไม้ก๊อกอยู่ ใบหน้าของเขาเย็นชาดูจริงจัง
“วินาทีที่ฉันเปิดฝาออก แก๊สพิษจะรั่วออกมา มันจะฆ่าพวกแกทุกคน ยกเว้นฉัน เพราะมันเป็นเวทมนตร์ของฉัน อยากรู้ไหมว่าหลังความตายมีสวรรค์หรือนรก?” รักนาร์พูดอย่างผู้เหนือกว่า
เด็กชายทั้งสามเริ่มก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ การแสดงออกบนใบหน้าของรักนาร์นั้นดูจริงอย่างที่สุด ลูเซียสเตือนพวกเขาแล้วว่า รักนาร์เป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมาก
รักนาร์เริ่มคลายส่วนบนของหลอดทดลอง ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมหวานโชยมาแตะจมูกของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศทำให้พวกเขาหวาดกลัว
“อ่า นี่ไม่ใช่ยาพิษที่ดีที่สุดเหรอ? ฉันต้องบอกว่ากลิ่นที่สดชื่น แต่เป็นการสังหาร วิธีนำไปสู่การตายอย่างมีความสุข เนื่องจากพิษนี้ทำมาจากสมุนไพรธรรมชาติจากกลุ่มพืชที่หายากมาก แค่หนึ่งมิลลิลิตรก็สามารถฆ่าคนส่วนใหญ่ได้” เขาประกาศ
“ก-เก็บมันซะ ร-เรากำลังจะไปแล้ว...” ทั้งสามขอร้องเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาไปแล้ว รักนาร์ก็ยิ้มและเปิดฝาหลอดทดลองอย่างใจเย็นสูดดมกลิ่นอย่างสดชื่น
~ ฮึ่ม ช่างเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวเสียนี่กระไร นี่แค่น้ำหอมกุหลาบสำหรับดับกลิ่นตัวเล็กๆ ของฉันเอง~
_____________________________
ห้องสมุดฮอกวอตส์