ตอนที่ 49 แผนร้ายคืบคลาน (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 49 แผนร้ายคืบคลาน
วันนั้นเด็กผู้ชายของบ้านสลิธีรินและกริฟฟินดอร์ทุกคนเดินกันช้าๆ เพื่อไม่ให้กระโปรงสั้นของพวกเขาเปิดทำให้อับอาย เป็นอีเว้นในฮอกวอตส์สนุกที่สุดในรอบหลายปี
แม็กนัสมีความสุขกับความเจ็บปวดบนใบหน้าของลูเซียสและผู้ติดตามของเขา การพูดคุยเรื่องเลือดบริสุทธิ์ของพวกเขาดูไร้ความหมายเมื่อพวกเขาสวมเสื้อผ้าแบบนี้
พวกอาจารย์ก็สนุกเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่มีคนประพฤติตัวไม่เหมาะสมในชั้นเรียน อาจารย์จะเรียกเด็กๆ ด้วยคำนำหน้าว่า คุณผู้หญิงแทนคุณ แม้ว่าจะมีเพียงซลักฮอร์นและฟลิตวิคที่ทำ มักกอนนากัลพูดตรงๆ ขู่ให้พวกเขายืดเวลาเล่นพิเรนทร์ออกไปอีกถึงหนึ่งสัปดาห์
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีกับเด็กผู้ชาย วันจันทร์จบลงด้วยเสียงหัวเราะครั้งใหญ่ แต่วันต่อมา เมื่อ เดลี่พรอเฟ็ต มาถึงในตอนเช้าที่ห้องโถง นักเรียนทุกคนลืมกินข้าวเพราะมัวแต่ดูข่าว
การปะทะใหญ่ที่ตรอกไดแอกอน
ฝ่าบาท แม็กนัส แกรนท์ เอมริส เพนดรากอน ถูกโจมตีโดยผู้เสพความตายในเวลากลางวันแสกๆ นอกธนาคาร พระองค์ทรงต่อสู้อย่างกล้าหาญและเอาชนะอาชญากร 7 ใน 10 คน โดย 3 คนในจำนวนนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้เสพความตาย หนึ่งในนั้นระบุว่ามาจากตระกูลเอเวอรี่ ฝ่าบาททรงเผชิญหน้าและหยุดการโจมตีโดยตรงกับคำสาปพิฆาตด้วยดาบคู่บารมีของเขา เป็นที่น่าสังเกตว่าคำสาปนี้ถูกใช้โดยผู้นำตระกูลเอเวอรี่
แต่สิ่งนี้แลกมาด้วยราคาแพง มือปราบมารหลายคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ มือปราบมารผู้ช่ำชอง อลาสเตอร์ มู้ดดี้ก็สูญเสียขาข้างหนึ่งไปเช่นกัน มีการทำลายล้างเป็นวงกว้างในตลาด แต่ฝ่าพระบาทเพนดราก้อนทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด
ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ของพระองค์ก่อนเกิดเหตุโจมตี
...
เมื่อคุณอ่านจากคำพูดของพระองค์ อาจกล่าวได้ว่าพระองค์คือผู้กลับชาติมาเกิดของเมอร์ลินอย่างแท้จริง พระองค์ยืดถือคุณค่าของเหรียญตราแห่งเมอร์ลินที่แท้จริง และโลกเวทมนตร์ของอังกฤษควรจะยินดีที่มีเขาเป็นส่วนหนึ่ง
ในทางกลับกัน เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ กระทรวงจึงตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก และพวกเขาก็เริ่มออกล่าผู้เสพความตายอย่างจริงจังยิ่งขึ้น แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากการดำเนินการเหล่านี้ของกระทรวง
ริต้า สกีตเตอร์,
นักข่าวอิสระ.
[จบข่าว]
ทุกคนอ่านข้อความนี้อย่างช้าๆ และแล้วห้องโถงก็ดังระงมไปด้วยเสียงพูดคุยมากมาย
รักนาร์ดึงเสื้อคลุมของแม็กนัส "นายหยุดคำสาปพิฆาตได้เหรอ?"
จริงๆ แล้วเด็กปี 1 ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคำสาปพิฆาตคืออะไร แต่มันมีคำว่า "พิฆาต" เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นมันจะต้องแย่แน่ๆ ทว่าแรกนาร์กับสเนปรู้จักดี
“ด้วยดาบของฉัน” แม็กนัสตอบขณะรับประทานอาหารต่อไป
"พวกมันอยู่ที่ไหนล่ะ?" สเนปถาม เขาต้องการศึกษาดาบที่สามารถหยุดคำสาปได้อย่างแน่นอน
“มันเป็นความลับ แต่ฉันจะให้พวกนายดูคืนนี้ อีกอย่างนะอย่าไปสนใจบทความเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับฉันมากเกินไปเมื่อเวลาผ่านไป” เขาชี้แจง
แม็กนัสมองไปที่ดัมเบิลดอร์ซึ่งนั่งที่โต๊ะครู เขาพยักหน้าไปทางแม็กนัส ดูเหมือนว่าตาเฒ่ากำลังผลักดันให้เขาปรากฏตัวราวกับเป็นผู้กอบกู้ที่ยิ่งใหญ่
จากนั้นแม็กนัสก็หันไปทางซ้ายแล้วมองไปที่ลูเซียสซึ่งดูเหมือนจะโกรธ เพราะมีอีกบทความหนึ่งด้านล่างบทความสุดท้ายที่บอกว่า แม็กนัสหักแขนของลูเซียสระหว่างการต่อสู้ได้ยังไง นักเรียนจากบ้านอื่นหัวเราะเบาๆ ชี้มาที่เขา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าละอายมากสำหรับเขา
แม็กนัสกลั้นหัวเราะ เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจกับลูเซียสแม้แต่น้อย หลังจากได้ยินเรื่องราวเบื้องหลังของรักนาร์ บรรดาผู้ที่ปรับตัวเข้ากับผู้เสพความตายมีบาปเช่นเดียวกับพวกนั้น
"ไปกันเถอะ คาบต่อไปเป็นวิชาคาถาวิชาโปรดฉัน" แม็กนัสลุกขึ้น
ไหล่ของรักนาร์พองขึ้น “ฉันเกลียดคาถา”
“ไม่เอาน่า วันนี้เราจะฝึกคาถาจุดไฟกันนะ” แม็กนัสพูดอย่างตื่นเต้น
"แคว๊ก?"
เมื่อได้ยินคำว่าไฟ ดั๊กก็ตื่นเต้นด้วยเหตุผลบางอย่างเช่นกัน
สเนปเย้ยหยัน “หึ นายก็รู้คาถาพวกนี้ดีอยู่แล้ว จะเสียเวลาไปทำไม”
"เพื่อสร้างความทรงจำ..." แม็กนัสตอบพลางตรงไปที่ชั้นเรียน
...
แม็กนัสออกไปแล้ว แต่ลูเซียสและพรรคพวกยังคงนั่งอยู่ พวกเขาเรียกรวมกันว่าแก๊งสลิธีริน มีมากกว่า 20 คน แต่มีแค่ 6 คนเป็นผู้นำ พวกเขาคือ
1. ลูเซียส มัลฟอย - ปี 7
2. แกสเปอร์ เอเวอรี่ - ปี 7
3. นาร์ซิสซา แบล็ก - ปี 6
4. อีวาน โรเซียร์ - ปี 5
5. มัลซิเบอร์ที่ 2 - ปี 4
6. วิลค์ส - ปี 3
ทั้งหมดนี้เป็นเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลที่มีอิทธิพล แต่ทั้งหมดที่พวกเขาทำในโรงเรียนคือพุ่งเป้าไปที่ผู้ที่เกิดในตระกูลมักเกิ้ลและพวกที่เรียกว่าผู้ทรยศต่อสายเลือด
“มันคือเพนดราก้อนนั่น ฉันรู้ มีแค่มันที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มีเพียงมันเท่านั้นที่ไม่มีกระโปรง” มัลซิเบอร์เดือดดาล
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง ไอ้สารเลวนั่นจับพ่อของฉันไว้ เขาจะถูกส่งไปที่อัซคาบันเดี๋ยวนี้” แกสเปอร์ เอเวอรี่ กล่าว
ลูเซียสเงียบไปครู่หนึ่ง นาร์ซิสซาเองก็ไม่ชอบพูดถึงหัวข้อนี้เช่นกัน เธอยังคงไตร่ตรองว่าเธอเลือกเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับอนาคตของเธอหรือเปล่า
ลูเซียสยกมือขึ้นเพื่อให้พวกเขาหยุดพูด “เราไม่สามารถทำร้ายมันได้ กระทรวงให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป ฉันแน่ใจว่าฝ่ายบริหารโรงเรียนจะทำเช่นเดียวกัน แต่อย่างที่หมวกคัดสรรกล่าวไว้ มันมีนิสัยของบ้านทั้ง 4 หลัง ซึ่งหมายความว่ามันภักดีต่อเพื่อนของมัน
ถ้าอยากให้มันเจ็บ เราต้องทำลายเพื่อนของมัน อย่าพุ่งเป้าไปที่สเนป เขาเป็นนักปรุงยาที่ดี เราสามารถใช้เขาได้ ในทางกลับกัน โอโรบอส ตระกูลมันถูกสังหารโดยผู้เสพความตาย เพราะพวกมันเป็นผู้ทรยศต่อสายเลือด ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่เข้าร่วมกับเราแน่ในชีวิตนี้ เล็งที่เจ้านั่น เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ให้จัดการมันซะแต่อย่าให้ใครเห็น”
“แน่ใจเหรอ? พวกเขาเป็นแค่เด็กปี 1นะ” นาร์ซิสซาถาม
“มันเป็นคนทรยศต่อเลือด นี่คือความยุติธรรม” ลูเซียสตอบ
“เราจะปล่อยไอ้เด็กคนนั้นไปหรอ? พ่อของฉันจะต้องทรมานเพราะมันนะ ลูเซียส” เอเวอรี่เถียง
“ฉันรู้ท่านลอร์ดมืดต้องมีแผนจะลากตัวมันออกมา สำหรับเพนดราก้อน เราจะหาวิธีอื่นเพื่อพาไปหาเขา ไปที่ชั้นเรียนของนายเดี๋ยวนี้” เขาสั่ง.
...
ในขณะเดียวกัน แม็กนัสไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังพยายามยุ่งกับเขา ต้องการให้เขาแสดงพลังอันไร้ที่ติอื่นๆ ของเขา ปัจจุบันเขานั่งอยู่ในวิชาคาถา
"เอาล่ะ ทุกคนลองกันได้แล้ว พูดให้ชัดเจน อินเซนดิโอ" ศาสตราจารย์ฟลิตวิคสอนพวกเขา
*ปู้ด*
ไม้กายสิทธิ์ของ รักนาร์ส่งเสียงดังตด “อ๊ากกก ฉันเกลียดสิ่งนี้”
แม็กนัสและทั้งชั้นเรียนหัวเราะเบาๆ "ฉันจะช่วยนายเอง ฉันคิดว่านายมันขาดจินตนาการและสมาธิ ลองจินตนาการถึงไฟในขณะที่มีจดจ่ออยู่กับไฟที่ออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของนาย พยายามรู้สึกถึงการไหลของเวทมนตร์ในร่างกายของนายน่ะ"
แรกนาร์พยักหน้า เขาสูดลมหายใจยาวและทำตามที่ขอ *ฟู่*
คราวนี้ไฟขนาดเท่าไม้ขีดไฟโผล่ออกมา "ฮ่าฮ่าฮ่า... อืม มันยังถือว่าคืบหน้าอยู่นะ"
“แล้วทำไมนายไม่ทำล่ะ?” รักนาร์พูดกลับ
"ฉันไม่อยาก" แม็กนัสปฏิเสธ
“หึ ทำไม่ได้เหรอ?” รักนาร์ยิ้มเยาะ
*ถอนหายใจ* "นายขอมันเองนะ"
แม็กนัสชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่กระดาษแผ่นเล็กๆ ที่พวกเขาควรจะเผา
"อินเซนดิโอ"
*ฟวีดดดด...*
กระแสไฟพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของเขาและพ่นไฟราวกับว่ามันไม่ใช่ไฟธรรมดา แต่เป็นเครื่องตัดโลหะ เสียงของมันช่างน่ากลัว
“อ่า ไม่ ไม่นะ…” แม็กนัสเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผาโต๊ะด้วยและไฟก็เสกขึ้น
ศาสตราจารย์ฟลิตวิคซึ่งรู้สึกหวาดกลัวมาจนถึงตอนนี้ ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า "อกัวเมนตี"
ทันใดนั้น น้ำก็พุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของฟลิตวิคและดับไฟ แต่เขาก็ยังคงมีความสุขมาก
“คุณเพนดราก้อน คุณมีความสามารถพิเศษด้านเวทย์ไฟ เอาไป 10 คะแนนให้สลิธีริน” เขาประกาศ
แม็กนัสหันกลับมาหารักนาร์ "เห็นไหม ฉันทำแล้ว ตอนนี้คุณก็ทำตามที่ฉันสอนซะ"
"อึก..."
ในเวลาเดียวกัน สเนปก็ฝึกเสร็จแล้วเช่นกัน และเริ่มอ่านหนังสืออื่นบ้างแล้ว
...
หลังเลิกเรียนก็ได้เวลาเรียนการบิน ตอนนี้นักเรียนทุกคนรู้วิธีบินแล้ว และชั้นเรียนก็สนุกมาก พวกเขาเล่นควิดดิชในระดับความสูงต่ำ ความเร็วต่ำ โดยไม่มีลูกสนิชสีทอง
ครั้งนี้ก็เช่นเคย มีการแบ่งทีมฝั่งชายกับหญิง แม็กนัสเป็นผู้นำของฝั่งชายส่วนเอ็มม่า วานิตี้เป็นผู้นำของฝั่งหญิง
เกมนี้มีการซ้อนทับที่แตกต่างจากควิดดิชทั่วไป ทั้งสองทีมย่อมมี 7 คนเป็นกติกาพื้นฐาน เนื่องจากไม่มีไม้บีตเตอร์กับลูกบลัดเจอร์ที่สามารถกระแทกผู้เล่นได้ พวกเขาจึงใช้ลูกบอลที่หนัก จะมีบีตเตอร์ 2 คนซึ่งมีหน้าที่ขว้างบลัดเจอร์ปลอมใส่ผู้เล่นเพื่อให้พวกเขาออกจากไม้กวาด ในเกมจะมีบลัดเจอร์ปลอม 2 ลูก
จากนั้นมีเชสเซอร์ 3 คนที่จะผ่านและทำประตูด้วยลูกบอลที่เรียกว่าควัฟเฟิล แล้วก็มีคีปเปอร์เป็นผู้รักษาประตูคือคนสุดท้าย นี่เป็นเกมง่ายๆ ที่ไม่เป็นอันตราย ไม่มีใครควรจะอยู่สูงเกินห้าเมตร ไม้กวาดถูกร่ายมนตร์บังคับไม่ให้บินสูงกว่านั้นตั้งแต่การแข่งขันระหว่างแม็กนัสกับเอ็มม่า
ไม่มีลูกสนิชสีทองในเกมและพวกเขาจะเล่นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ฝ่ายที่ทำประตูได้มากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ
แม็กนัสเป็นหนึ่งในสามเชสเซอร์ อีกสองคนคือ เอ็ดดี้ แม็คบริด และ แฟร็งกลิน วอลลี่ ส่วนบีตเตอร์ มีรักนาร์, ดาร์เรียน สตีลลี และดัก คีปเปอร์คือสเนป เพื่อนของแม็กนัสกดดันให้เขาเล่นเกม
มาดามฮูชจะเป็นผู้ตัดสินในนัดนี้
_____________________________
อุปกรณ์ควิดดิช