ตอนที่ 333 – ตอนที่ 314 ปีศาจกำสรวล
เทียบกับหัวหน้าปีศาจนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 พวกปีศาจเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหล่านั้นปรับตัวได้ช้ากว่า
เมื่อนางพญาดอกหนามมงกุฎทองปรากฏตัว พวกเขาไม่อาจระบุสถานะนางได้ก่อน ต่อเมื่อได้ยินหัวหน้าปีศาจของพวกเขาระบุออกมา พวกเขาถึงกลับกระโดดผางด้วยความตกใจ เตรียมป้องกันตนเอง … นางพญาดอกหนามมงกุฎทองคือฝันร้ายของแดนอเวจีตลอดมา สำหรับพวกปีศาจ ความคงอยู่ของนางไม่เพียงแต่เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นนักล่าระดับสูง แม้แต่งูที่อาละวาดบนภาคพื้นดินไม่มีอะไรขวางได้ ทันทีที่อินทรีล่าเหยื่อพบมัน มันก็ได้แต่จบลงด้วยความตาย ทั้งนี้เพราะอินทรีเป็นนักล่างูตามธรรมชาติ
มังกรบินหนังย่นไม่กล้าเข้ามาใกล้นางพญาดอกหนามมงกุฎทองแม้แต่นิด เมื่อพวกมันรู้ตัว ก็รีบกระพือปีกถอยไปอยู่ไกลๆ
มังกรบึงปีศาจในบ่อเลือดดำน้ำลงไปทีละตัว
ถ้าพวกมันมีปัญญามากพอ พวกมันจะไม่ทำอย่างนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะการซ่อนตัวอยู่ใต้บ่อเลือดไม่มีผลอะไรต่อนางพญาดอกหนามมงกุฎทองแม้แต่น้อย นางสามารถแหวกบ่อเลือดและกินพวกมันได้ง่ายเหมือนปลาในน้ำ
“อย่าตื่นเต้น ก็แค่นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง อสูรทองแดงระดับ 1 เท่านั้นเอง” หัวหน้าปีศาจประหม่ากลืนน้ำลายเอื๊อกและดุบริวารของเขา
โชคดีที่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองเพิ่งจะวิวัฒนาการ ลักษณะของนางยังดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อย
ถ้านางเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ศักยภาพของนางคงสุดยอด พวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้ศึกนี้
ปีศาจระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดดูเขินๆ เมื่อพวกเขาเรียกความรู้สึกกลับมาได้
พวกเขาคำรามด้วยความโกรธ
แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะถูกนางพญาดอกหนามมงกุฎทองขู่ขวัญจนกลัวแทบตาย แต่พวกเขาก็ตระหนักว่า นางไม่ใช่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่พวกเขาเคยได้ยินในตำนาน ทันใดนั้นพวกเขากลับมองดูเหี้ยมเกรียมดุดันอีกครั้ง แน่นอนว่า พวกเขาจะหนีถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับนางพญาดอกหนามมงกุฎทองตามลำพัง พวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้ พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือของนางพญาดอกหนามมงกุฏทองเมื่อสู้กันตัวต่อตัว
“กรรร, กรรร” ปีศาจ 2-3 ตนผลัดกันคำราม เตรียมพุ่งเข้าใส่และล้อมนางพญาดอกหนามมงกุฏทองไว้
“นี่คือที่ไหน? ข้ามาถึงแดนอเวจีหลังจากเพิ่งงีบไปหรือ? ไม่ใช่จ้าวปีศาจคุกโลหิตนี่… ไม่เป็นไร ปีศาจเหล่านี้ดีพอเป็นปุ๋ยได้ทุกตนเช่นกัน!” นางพญาดอกหนามมงกุฎทองยังคงสลึมสลือ พอเห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวปีศาจและเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวปีศาจ นางคิดว่าเย่ว์หยางคงบุกไปที่แดนปีศาจ
“นักรบชาวมนุษย์.. ศึกครั้งนี้ มีแต่จะทำให้พวกเราจบลงอย่างเสียหายหนัก หากเราสู้กันจนถึงที่สุด ทำไมเราไม่มาแบ่งรางวัลกันเล่า? เจ้าก็เอารางวัลฝ่ายเจ้าไป และเราก็จะเก็บรางวัลฝ่ายเรา ก็เหมือนเมฆหมอกในท้องฟ้า เราแบ่งกันฝ่ายละครึ่งเป็นอย่างไร เจ้าเองก็จะจบภารกิจและจากไปได้ ก่อนที่เราจะไปจากเทวสถานฟ้า เราก็ยังจะให้มุกดูดเลือดเป็นของขวัญแก่เจ้าด้วย” หัวหน้าปีศาจนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ล้วงมุกสีแดงดุจโลหิตออกมาและถาม ขณะแนะนำให้เขาแบ่งส่วนแบ่งด้วยความจริงใจ การอนุโลมตามเขา จะทำให้เย่ว์หยางได้เปรียบเล็กน้อย เพราะเย่ว์หยางฆ่ามนุษย์วิหคมากกว่าพวกเขา
“เป็นความคิดที่ดี” ก่อนที่นางพญากระหายเลือดจะแปลจบ เย่ว์พยักหน้า ยอมรับข้อเสนอแนะด้วยความยินดี
“มาลงชื่อในสัญญาปีศาจกัน เพื่อที่ว่าเราจะไม่แปรพักตร์เป็นอย่างอื่น” หัวหน้าปีศาจหยิบม้วนสัญญาสีแดงและดินสอที่ทำมาจากกระดูกนิ้วปีศาจประดับด้วยหัวกะโหลกตรงปลายด้ามออกมา
“แน่นอน ลงชื่อในสัญญาจะเป็นวิธีเริ่มสัมพันธ์ธุรกิจที่ดีที่สุด” เย่ว์หยางยิ้มอีกครั้ง
หัวหน้าปีศาจรู้สึกว่ายิ้มของเจ้าเด็กนี่น่ากลัวกว่าตัวเขาเองเสียอีก
แม้ว่ายิ้มของเจ้าเด็กนี่จะสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ แต่เขารู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในยิ้มนั้น ทั้งมืดมิดทั้งเยียบเย็น และเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกลิ่นอายชั่วร้ายแล่นผ่านกระดูกสันหลังเข้าไปแช่แข็งหัวใจของเขา
หัวหน้าปีศาจเขียนชื่อของเขาในสัญญาปีศาจก่อน จากนั้นก็ส่งต่อให้เย่ว์หยาง
เย่ว์หยางไม่ดูรายละเอียดในสัญญาปีศาจ เขาเซ็นลวกๆ ว่าไตตัน ใช่แล้วนี่คือชื่อที่เขาใช้ลงทะเบียนในสมาคมนักผจญภัย นอกจากนี้ยังเป็นชื่อที่เขาใช้ตอนเข้าหอทงเทียน ชื่อนี้สำคัญด้วยหรือ? แน่นอนว่าไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการลงชื่อในสัญญาปีศาจ.. ทันทีที่สัญญาปีศาจถูกลงชื่อ, ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกัน พวกเขาจะไม่ถูกจำกัดจากข้อจำกัดรหัสโบราณประจำเทวสถานฟ้าอีกต่อไป
มีเพียงผู้แข่งขันเท่านั้นสามารถได้รับการปกป้องจากรหัสโบราณ
ผู้ท้าแข่งขันตั้งแต่เริ่มผ่านด่านและหลังจากชนะ พวกเขายังคงได้รับการปกป้องจากรหัสโบราณเพื่อให้ไปจากเทวสถานฟ้าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
หัวหน้าปีศาจคิดว่าเจ้าเด็กนี่มีแค่เพียงอสูรที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่ตน ส่วนตัวเขาเองก็คงเป็นเพียงนักสู้จากทวีปมังกรทะยานที่มีระดับนักสู้ต่ำกว่า 6 กล่าวอีกอย่างหนึ่ง เขาสามารถฆ่าเด็กมนุษย์นี่ง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้ว
เมื่อสัญญาปีศาจที่ได้ถูกลงนามโดยทั้งสองฝ่ายเปล่งแสงแล้ว หัวหน้าปีศาจหัวเราะอย่างชั่วร้าย
หักหลังพันธมิตรคือพฤติกรรมที่หยิ่งผยองมาก
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็เป็นปีศาจดั้งเดิมตนหนึ่ง จะผิดอะไรด้วยหากจะหักหลังพันธมิตร? ปีศาจเกิดมาก็ชั่วร้ายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
“สัญญาปีศาจก็คือหยดเลือด” เย่ว์หยางเห็นว่าสัญญาปีศาจกำลังเผาไหม้ในอากาศและกำลังหยดเป็นเลือด ตามความรู้ที่ตกทอดมาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร เย่ว์หยางเข้าใจความหมายเช่นนี้ได้หมด “เจ้าละเมิดสัญญาปีศาจฝั่งเจ้า ต้องการจะฆ่าข้าใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” หัวหน้าปีศาจยังพูดไม่ทันจบประโยคก่อนที่เขาจะตวัดเคียวโลหิตใส่คอของเย่ว์หยาง
“ข้าชอบความซื่อสัตย์และความตรงไปตรงมาของเจ้า.. เนื่องจากเป็นอย่างนั้น ข้าจะปล่อยศพเจ้าที่มีอวัยวะครบถ้วนไว้เป็นรางวัล” เย่ว์หยางยิ้มไม่ร้อนใจ เขายกมือข้างขวาและอสูรทองน้อยที่ข้อมือเปลี่ยนร่างเป็นกระบี่ลึกลับที่มีอักษรรูนลึกลับต้านรับป้องกันคอของเย่ว์หยาง ภายใต้ข้อจำกัดของรหัสโบราณ เขาไม่สามารถโจมตีด้วยวิทยายุทธของเขาได้ แต่เขาสามารถป้องกันตนเองได้
เคียวระดับทองคมกล้ายิ่งนัก สับเหวี่ยงลงมาอย่างไร้ความปราณี
อย่างไรก็ตาม มันแค่เพียงเฉี่ยวจมูกของเย่ว์หยางเท่านั้น แรงลมที่แฝงมากับแรงฟันพัดใส่ผมเย่ว์หยาง นัยน์ตาเย่ว์หยางมีแววเยาะเย้ย ใบเคียวขาดครึ่งหนึ่งหยุดอยู่ข้างลำคอของเย่ว์หยางอย่างประหลาด
แล้วค่อยๆ ร่วงลงพื้นดังตุ้บ
สีหน้าของหัวหน้าปีศาจถึงกับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เขาไม่อาจเชื่อว่าเคียวโลหิตของเขาหักเป็นสองท่อน มันเป็นอาวุธชั้นทองที่ไม่มีทางถูกทำลาย
มันถูกทำลายด้วยกระบี่ที่ฟันลงมาครั้งเดียวของศัตรู เกิดอะไรขึ้น?
เขาตระหนักได้ทันทีและชี้ไปที่อสูรทองน้อยในเมือของเย่ว์หยางที่กลายร่างเป็นกระบี่ลึกลับ และร้องอย่างแตกตื่น “เจ้า, เจ้าคืออสูรทงเทียนใช่ไหม?”
เย่ว์หยางอ้าปากหาวและตอบสบายๆ “ถูกต้อง เป็นอสูรทงเทียนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตรงมาที่เย่ว์หยางและพูดว่า “เจ้าผู้นี้เขลาจริงๆ.. พวกปีศาจนี่เขลากันทั้งหมดหรือ? เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะจู่โจมทำร้ายท่านโดยคาดไม่ถึง? น่าขันพอๆ กับกินแข่งกับข้าไม่ใช่หรือ?” ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค มีหอกห้าเล่มซึ่งใช้ฆ่ามนุษย์วิหคกำลังพุ่งมาทางนาง แต่ละเล่มพุ่งมาด้วยพลังที่สามารถทะลวงร่างของนางได้
“ลอบจู่โจมที่น่าเบื่อ!” นางพญาดอกหนามมงกุฏทองโบกมือของนาง
ต้นดอกหนามบริวารและพุ่มดอกหนามอสูรระดับทองแดงงอกจากกลางอากาศเกินกว่าร้อยต้น ลำต้นของมันใหญ่กว่ามังกรบึงปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่บ่อเลือดเสียอีก
พวกปีศาจพร้อมด้วยหอกพุ่งเข้าใส่อย่างดุดัน อย่างไรก็ตาม หอกของพวกเขาดูเหมือนไม่มีผลอะไรต่อลำต้นที่อ่อนและลื่นของต้นดอกหนาม
บริวารต้นดอกหนามตรึงหอกปีศาจที่ปักอยู่ร่างของพวกมันได้ง่ายดายและส่งให้นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง กระบวนการนี้รวดเร็วมาก
ก่อนที่ปีศาจผู้เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะพุ่งหอกของพวกเขาเป็นครั้งที่สอง ต้นดอกหนามก็เริ่มงอกขึ้นมาบนพื้นเพิ่มอีก
ต้นดอกหนามรวมตัวเข้าด้วยกัน พันรอบต้นดอกหนามแต่ละต้นกลายเป็นต้นดอกหนามยักษ์สูงมากกว่าสามสิบเมตร
ต้นดอกหนามทั้งหมดเป็นอสูรระดับทองแดง พวกมันมีตั้งแต่อสูรชั้นทองแดงระดับ 1 จนถึงระดับ 9 ส่วนต้นที่เป็นอสูรทองแดงระดับ 10 ยังไม่ปรากฏ ถึงอย่างนั้นการปรากฏตัวของต้นดอกหนามยักษ์ อสูรทองแดงที่สูงถึงสามสิบเมตรก็เพียงพอทำให้ปีศาจเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงกับงงงวย เขาจะใช้วิธีเช่นไรต่อสู้สัตว์ประหลาดขนาดนี้? .. ห้าปีศาจยังไม่ทันจะเรียกความรู้สึกกลับมา ทันใดนั้นต้นดอกหนามยักษ์อีกสองต้นก็โผล่ขึ้นมาจากพื้น
โชคดีที่ ต้นดอกหนามยักษ์อีกสองต้นจะเล็กกว่าเล็กน้อย พวกมันสูงแค่ยี่สิบเมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของต้นดอกหนามยักษ์ไม่ใช่กับห้าปีศาจ แต่เป็นมังกรบึงปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อเลือด พวกมันโจมตีมังกรบินหนังย่นอย่างน่ากลัวได้ยินเสียงกรีดร้องดังอยู่ในท้องฟ้าทุกที่
หัวหน้าปีศาจรู้สึกอยากร่ำไห้ในใจเขา ความจริงเจ้าเด็กนี่เป็นใครกันแน่? ตอนแรกพวกเขาต้องการจะฆ่าเขาและริบเอาสมบัติสงครามเป็นของพวกเขาเองทั้งหมด แต่เขาไม่เคยคาดว่าความสามารถของเจ้าเด็กนี่ พวกเขามิอาจต่อสู้ต้านทานได้เลย หากเขารู้เร็วกว่านี้ เขาจะหนีไปจากเทวสถานฟ้าทันทีที่ผนึกถูกปลด ความโลภของเขานำความตายมาให้เขา
เป็นเรื่องดีแล้วที่พวกเขาลงชื่อในสัญญาปีศาจ แต่ทันทีที่พวกเขาเลือกหักหลังผิดสัญญา ตามกฎหอทงเทียนพวกเขาไม่สามารถไปจากสนามรบก่อนอีกฝ่ายได้
นี่ก็เท่ากับหาเรื่องนำความตายมาสู่ตนมิใช่หรือ?
“หยุดสู้เถอะ ถ้าเจ้ายินดี, ข้าจะให้สมบัติทั้งหมดที่นี่เป็นค่าตอบแทน ยิ่งกว่านั้นเราสามารถตกลงที่หอทงเทียนชั้นที่หก ข้าจะชดเชยให้เจ้าเป็นเหรียญแก้วผลึกหนึ่งร้อยเหรียญ มันมีแต่จะทำให้พวกเราสูญเสียทั้งสองฝ่าย ถ้าเจ้ายินยอม ข้ายินดีจะชดใช้ให้กับพฤติกรรมที่ล่วงเกินเจ้าก่อนหน้านี้ก็ได้” หัวหน้าปีศาจลอบวางแผนในใจ เขาจะเสียเปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน มันคงจะดีกว่าถ้าเขาทนอับอายและชดใช้ให้เด็กมนุษย์ในตอนนี้ เขายังสามารถเรียกกำลังเสริมมาฆ่าเด็กมนุษย์ผู้นี้ในอนาคตหลังจากไปจากที่นี่
เพื่อให้ได้มาซึ่งอสูรทงเทียนที่สามารถตัดอาวุธระดับทองของเขาได้ นักสู้ผู้แข็งแกร่งหลายคนจะต้องสนใจเข้าร่วมกับเขาแน่นอน
เกี่ยวกับคำแนะนำของหัวหน้าปีศาจ เย่ว์หยางโบกมือและยิ้ม “ปีศาจผู้ฉลาด เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าอีกหรือ? ถ้าข้าไม่วางกับดักล่อพวกเจ้าในเทวสถานฟ้านี้ ข้าจะไม่มีวันลงชื่อในสัญญาปีศาจกับเจ้า เอาล่ะ ข้าจะไม่วิจารณ์ความเฟอะฟะของเจ้าอีกต่อไป ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าเหล่าปีศาจเชี่ยวชาญอยู่แล้ว มาคุยกันดีกว่าว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าอย่างไร พวกเจ้าอยากถูกฆ่าแบบไหน?”
หัวหน้าปีศาจรู้สึกเหมือนถูกเย่ว์หยางต่อยใส่หน้าเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาเซถอยหลังไป 2-3 ก้าว
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะโง่ แต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในที่สุด
เจ้าเด็กนี่วางแผนไว้ตั้งแต่แรก
เด็กมนุษย์ผู้นี้กลัวว่าเขาจะหลบหนีไปจากเทวสถานฟ้าตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาแกล้งทำเป็นอ่อนแอและหลอกให้เขาคิดว่าจะปลอดภัยสำหรับเขาถ้าโค่นเขาลงได้ เจ้าเด็กนี่ทำให้เชื่อว่าเขาจะบังคับให้ลงชื่อสัญญาปีศาจ เมื่อเขาทำลายสัญญากับอีกฝ่าย เขาก็สามารถสู้กับเขาได้แม้ว่าพวกเขาจะมีสถานะเป็นพันธมิตรกัน
เขาซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงไว้
เขาเพียงเปิดเผยอสูรทงเทียนของเขาเมื่อหัวหน้าปีศาจหันมาเป็นศัตรูกับเขา
“เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ด้วยปีศาจอสรพิษน้อย, นางพญากระหายเลือด, โคเงาและนางพญาดอกหนามมงกุฎทองชั้นทองแดงของเจ้า?” หัวหน้าปีศาจคำรามอย่างดุร้าย “ข้าคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ไม่ว่าเจ้าจะมีอสูรมากเพียงใด พวกมันก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้าทั้งหมด ข้ายืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถเอาชนะเจ้าได้! เจ้ารู้ไหมว่าสนามพลังของข้าคืออะไร? สนามพลังของข้าคือ”เงามือ“ตราบใดที่ข้าไม่ปรากฏตัว เจ้าก็ไม่มีทางหาข้าพบในความมืดของสนามพลังข้าได้!”
“เจ้าจงทิ้งอสูรทงเทียนไว้ให้ข้า!” เย่ว์หยางยิ้ม เขาชอบดูท่าทีที่กระสับกระส่ายของศัตรูมากที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขารู้สึกจนมุม
“เจ้าจะไม่มีทางหาข้าพบแม้ด้วยอสูรทงเทียนของเจ้า..” หัวหน้าปีศาจชูมือทั้งสองขึ้นในท้องฟ้า และรอบๆ รัศมีเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบเมตรกลายเป็นพื้นที่มืดทันที ร่างของเขาค่อยๆ กลายเป็นเงา “ถ้าเจ้าเข้ามาในที่นี้ ข้าจะโจมตีเจ้าทันที เจ้าจะไม่มีทางหาข้าพบในที่นี้ และเจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าผู้เป็นเหมือนเงาได้ ถ้าเจ้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของข้า จงหยุดการโจมตีของเจ้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะให้เหรียญผลึก 100 กับเจ้า”
“จะเป็นยังไง ถ้าข้าบอกว่าข้ายังมีหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ มันสามารถสำรวจกับดักและสนามพลังได้มั้ง?” เย่ว์หยางเรียกหนูเบญจธาตุออกมา
“เจ้า…” หัวหน้าปีศาจโกรธจัดจนไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากได้
“ถ้าเจ้าคิดว่ายังไม่พอ ข้าสามารถเรียกอสูรออกมาอีกก็ได้ จนกว่าเจ้าจะพึงพอใจ!” เย่ว์หยางเรียกภูตควันไฟผู้เพิ่งจะย่อยสลายผลึกเวทของอสูรพายุทรายชั้นทองระดับ 8 “แก่นจ้าวพายุ” ปัจจุบันนี้นางเป็นภูตควันไฟ อสูรทองระดับ 5 แล้ว ร่างของนางมีเพลิงลุกท่วมและควันหนา มีเพลิงอมฤตลุกอยู่บนศีรษะนาง นั่นคือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพลิงสุดยอด
“เจ้ามีอสูรพิทักษ์อยู่มากเท่าใดกันแน่…?” หัวหน้าปีศาจมีสีหน้าผิดหวังท้อแท้ ภูตควันไฟนี้คือดาวข่มของสนามพลังมืดมิดของเขา ในสนามพลังของเขา ความจริงเขายังมีร่างเนื้ออยู่ แต่เขาไม่ได้เป็นเงา ไม่ได้เป็นองค์ประกอบธาตุ แล้วจะลวงภูตควันไฟซึ่งมีร่างเป็นเพลิง, พายุและควันได้อย่างไร? นั่นเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังที่สุดก็คืออสูรที่เจ้าเด็กนี่อัญเชิญ เป็นอสูรพิทักษ์ทั้งหมด หมายความว่ายังไง? นั่นหมายความว่าพวกมันไม่มีทางตาย ไม่มีทางหักหลังเขา ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขาจะเอาชนะศัตรูของเขาได้อย่างไร? อย่าว่าแต่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองเลย, นางพญากระหายเลือดที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์และเตรียมอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างโคเงา เขายังมีปีศาจอสรพิษน้อยที่ไม่มีทางที่เขาจะประเมินความแข็งแกร่งของเธอได้
ในใจของหัวหน้าปีศาจ ปีศาจอสรพิษน้อยนี้คงไม่อ่อนแอกว่านางพญาดอกหนามมงกุฎทองแน่นอน หัวหน้ามนุษย์วิหคผู้เป็นศัตรูของเขามานานหลายร้อยปีก็ตายเพราะเธอ
อีกครั้งหนึ่งที่เย่ว์หยางเรียกอสูรเพิ่มอีกตัวหนึ่ง, ตั๊กแตนมรณะออกมาไล่ฆ่ามังกรบินหนังย่นเหล่านั้นที่เอาแต่กลัวอย่างเดียวบินหนีอย่างวุ่นวาย
ขณะเดียวกัน เขายิ้มสดใสให้หัวหน้าปีศาจผู้อยู่ในอาการสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม ยิ้มของเขาดูชั่วร้ายกว่าจ้าวปีศาจเสียอีก ใบหน้าสง่างามของเขาเผยให้เห็นสีหน้าชั่วร้ายขณะที่เขาพูด “ถ้าเจ้าไม่ว่ากระไร ข้าอยากจะเรียกกำลังเสริมอีกสักเล็กน้อย!”
เมื่อเสี่ยวเหวินหลีได้ยินเขาพูด เธอโบกมือเบาๆ และเรียกคัมภีร์เพชรออกมา
กางโล่ป้องกันเสร็จ เธอก็เรียกเมดูซ่าศิลา, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้า, และปีศาจอสรพิษน้ำแข็งออกมารวดเดียว
เมื่อหัวหน้าปีศาจเห็นเช่นนี้ กรงเล็บปีศาจของเขาสั่นขณะถามด้วยเสียงสั่นเครือหวาดหวั่นว่า “คัมภีร์เพชรหรือ? เจ้า เจ้า, อสูรของเจ้ามีคัมภีร์เพชรหรือ? ซวยแล้ว! เจ้าเป็นใครกันแน่? นักสู้ที่ต่ำกว่าระดับ 6 ครอบครองอสูรในตำนานผู้มีคัมภีร์ของตนเองได้อย่างไร? นี่เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เจ้ายังเป็นนักสู้ไม่ถึงระดับ 6 เลย แล้วเจ้าครอบครองอสูรในตำนานได้อย่างไร?”
เย่ว์หยางยิ้ม ยิ้มของเขาสั่นสะท้านถึงไขสันหลังของปีศาจทั้งหก “ทำไมพวกเจ้าไม่คิดว่า เธอคืออสูรเหนือตำนานที่ข้าได้รับตกทอดมาเล่า?”
อสูรเหนือตำนานหรือ?
ทันใดนั้นหัวหน้าปีศาจชักหายใจติดขัด
เขาโง่จริงๆ ที่เริ่มต่อสู้กับคนที่ครอบครองอสูรเหนือตำนาน ยิ่งกว่านั้น มนุษย์ผู้นี้ยังครอบครองนางพญากระหายเลือดอสูรศักดิ์สิทธิ์และโคเงา..เตรียมอสูรศักดิ์สิทธิ์, ตั๊กแตนมรณะนักล่าเผ่ามังกรตามธรรมชาติ, หุ่นหนูและภูตควันไฟที่ทำให้สนามพลังของไร้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีอสูรทงเทียนและมีแม้กระทั่งนางพญาดอกหนามมงกุฏทองสิ่งมีชีวิตที่เป็นดาวข่มในตำนานของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ในโลกนี้ ยังมีผู้ใดที่โง่กว่า หยิ่งกว่า โลภกว่าและน่าอนาถยิ่งกว่าเขาไหม?
เมื่อเขาเห็นอสูรที่กำลังล้อมวงเข้ามา มรณภัยที่เขาไม่เคยรู้สึกมาพันปีก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจทันที.. เวลานี้ ดูเหมือนจะไม่ง่ายเหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกผนึกอยู่ในเทวสถานฟ้า จุดจบของเขาใกล้เข้ามาทุกที
“ไม่, ไม่…!” หัวหน้าปีศาจร้องโหยหวน เสียงร้องของเขาก้องไปทั้งเทวสถานฟ้าเป็นเวลานาน
**********