ตอนที่ 327 – ตอนที่ 308 วิหารเทพของจักรพรรดิอวี้
“ข้าไม่มีเครื่องพิสูจน์” เย่ว์หยางร้องออกไปพร้อมผายมือทั้งสอง “ถ้าข้ารู้ว่าท่านต้องการเครื่องพิสูจน์ ข้อคงจะขอหลักฐานพิสูจน์ตัวกับจักรพรรดินีราตรีมาแล้ว ไม่ว่าอย่างทำอย่างไรก็ตาม”
“ทุกๆ ปี มักจะมีคนมารบกวนการนอนหลับที่สุขสบายของข้า บางทีก็เป็นมนุษย์นักรบ บางทีก็ปีศาจ..” เต่ามังกรถอนหายใจยาวด้วยน้ำเสียงชราภาพ “ถ้าเจ้าไม่สามารถพิสูจน์สถานะหรือความสามารถของเจ้าได้ ข้าคงไม่เชื่อเจ้าง่ายๆ ข้าว่าเจ้าไปเสียเถอะ!”
“พี่ชายข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของจักรพรรดินีราตรีจริงๆ นะ เขาไม่ได้โกหกท่าน!” เย่ว์ปิงรีบพูดแก้ตัวแทนเย่ว์หยาง เมื่อนางเห็นเต่ามังกรปฏิเสธพี่ชายนาง
“เขายังเป็นลูกศิษย์ของจื่อจุนด้วย!” อี้หนานคิดว่าพวกเขาน่าจะได้รับความเชื่อถือที่ดีกว่าถ้าอ้างชื่อของจื่อจุน
“จริงหรือ? อย่างนั้นเจ้าเรียนทักษะสูงสุดอะไรมาจากจื่อจุนบ้าง?” ดูเหมือนเต่ามังกรก็รู้จักจื่อจุนเช่นกัน และดูเหมือนจะคุ้นเคยกับนางมากเสียด้วย
“…..” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
แม้ว่าจื่อจุนจะเป็นผู้แนะนำของเย่ว์หยาง แต่นางไม่เคยสอนทักษะสูงสุดอะไรให้กับเย่ว์หยางมาก่อน
นอกจากออกบัตรแก้วให้ที่ค่ายฉางอู่และพูดคุยกับเขาตอนอยู่ที่ถ้ำขอบฟ้าบนยอดเขาทะเลสาบเทียมเมฆ ปกตินางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวเย่ว์หยาง อย่าว่าแต่สอนทักษะสูงสุดให้เขาเลย
จื่อจุนยอมรับว่านางเป็นผู้แนะนำของเย่ว์หยาง แต่นางก็ล้มเหลวเล็กน้อยกับการเป็นผู้แนะนำของเขา ตามคำบอกเล่าของจื่อจุน นางต้องการให้เย่ว์หยางมีอิสระเต็มที่ในการเรียนรู้ทักษะด้วยตนเอง นางไม่ต้องการจำกัดเย่ว์หยางเหมือนกับที่นางทำกับน้องสาวนางเมื่อหลายปีก่อน อันที่จริงเย่ว์หยางก็หวังจริงๆ ว่าจะมีสาวสวยหุ่นยั่วยวนเป็นครูคอยสอนคอยดูแลเขา มีสาวสวยฉลาดอกโตอยู่ต่อหน้าเขาทุกวันก็ดีไม่ใช่หรือ? น่าเสียดายที่ว่าเพราะประสบการณ์ที่ไม่ดีกับน้องสาวของนาง จื่อจุนไม่ยินดีจะดูแลเย่ว์หยางอีกต่อไป ในที่สุด เพราะความอิสระสูงสุดนี้ จึงไม่มีสมบัติหรืออสูรในตำนานใดๆ เลย เขาไม่รู้แม้กระทั่งวิชาสุดยอดของจื่อจุนผู้งดงามด้วยซ้ำ
เย่ว์หยางไม่มีทางตอบคำถามของเต่ามังกรได้
อย่าว่าแต่เรียนวิชาของนางเลย เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีอะไรด้วยซ้ำ
เย่ว์ปิงหาสิ่งที่ค่อนข้างยากมาอธิบาย แต่นางก็พยายามตอบตามความเป็นจริง “ผู้เฒ่าเต่ามังกร! จื่อจุนไม่ได้ถ่ายทอดวิชาสูงสุดให้พี่ชายข้า นางรับเป็นผู้แนะนำ ถ้าท่านต้องการดูความสามารถของพี่ชายข้า ทำไมท่านไม่ขอให้เขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดแสดงให้ท่านดูเสียที่นี่เล่า?”
เต่ามังกรส่ายศีรษะยักษ์ของมัน “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้ามิได้ตาบอด ข้าแค่จ้องมองก็เห็นพลังของเขาแล้ว ข้าสามารถเห็นได้ว่าเด็กน้อยนี้มีพลังปราณก่อเนิดระดับ 3 เขามีศักยภาพไม่น้อย ข้าไม่เคยเห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุเยาว์อย่างเขามาก่อน น่าเสียดายที่เขายังอายุเยาว์มาก ขณะที่เจ้าและสาวน้อยอีกคน เจ้าก็มีความแข็งแกร่งของนักสู้ระดับ 7 ชั้นเริ่มต้นและแม่หนูอีกคนหนึ่งก็เป็นนักสู้ระดับ 6 ชั้นสูง เจ้าแข็งแกร่งกว่าแม่หนูนั่นผู้มีทักษะพลังจิตเป็นอย่างดีเล็กน้อย แต่ข้าขอติงพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ ด้วยความสามารถปัจจุบันของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้ภารกิจพวกเจ้าไปวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้เพื่อช่วยให้ข้าได้คทาเทพและผนึกของจักรพรรดิอวี้ เจ้าจะไม่สามารถอยู่ข้างในได้ถึงครึ่งชั่วโมง..”
“ให้เราหาสมุนไพรมารักษาบาดแผลท่านไม่ได้หรือ?” อี้หนานรู้ว่าพลังของเขากำลังอ่อนลง แต่นางไม่เคยคาดคิดว่าเต่ามังกรกลับพูดว่าแม้แต่เย่ว์หยางก็อาจถูกฆ่าได้ ถ้าเขาเข้าไปวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้
นางเข้าใจชัดเจนว่าเย่ว์หยางเป็นคนแบบไหน
เย่ว์หยางไล่ล่าประมุขนิกายบรรพตขจีตวนมู่หลงเฉิงผู้หลบหนีไปยังแดนปีศาจและกลับมาโดยปลอดภัยหลังจากฆ่าเขาได้
เต่ามังกรชราตนนี้ยังบอกว่าเย่ว์หยางไม่สามารถเข้าไปในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้
นี่จะไม่มากไปหน่อยหรือ?
“ข้าบาดเจ็บกินลึกถึงวิญญาณ ตอนนี้ ร่างของข้าเหมือนกับตุ่มน้ำที่รั่ว ไม่สามารถเก็บกักปราณไว้ได้ จึงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะกินยาชนิดใดๆ แม้ว่าข้าสามารถฟื้นฟูได้ ข้าก็เพียงฟื้นฟูได้แค่ความแข็งแกร่งชั้นแพลตตินัมระดับ 10 ข้าไม่คิดว่าข้าจะฟื้นฟูพลังดั้งเดิมได้แม้จะผ่านไปเป็นพันปีก็ตาม ในกรณีนั้น ยาก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงมิใช่หรือ” เต่ามังกรถอนหายใจยาว
“ท่านรีบหรือเปล่า?” เย่ว์หยางคิดว่าเต่ามังกรมีน้ำเสียงแปลกไปเล็กน้อย
บางทีเต่ามังกรคงมอบภารกิจระดับสูงให้เขาเมื่อมองเห็นความสามารถของเขา
ก่อนหน้านี้ จักรพรรดินีราตรีไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้กับเขาเลย
แม้ถ้าว่าความสามารถปัจจุบันของเขาไม่สามารถทนอยู่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง ทำไมจักรพรรดินีราตรีถึงมอบภารกิจอันตรายอย่างนั้นให้กับเขา?
ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดินีราตรีอาจไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเร็วนัก มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดการณ์ด้วยตัวเอง… ดูน่ากังขาแต่เพียงภายนอก แต่ความจริงดูเหมือนมันตั้งใจมอบภารกิจให้เขา มิฉะนั้น ทำไมถึงพูดเรื่องไร้สาระมากมายนักเล่า? มันก็แค่กลับไปกบดานอยู่ในบ่อและหลับต่อไป ก็แค่นั้น ระดับภารกิจของมันสูงเกินไปมิใช่หรือ?
เดิมที ภารกิจรักษาเต่ามังกรน่าจะเป็นภารกิจระดับB และรางวัลก็คือมุกเต่าดำ
แต่ตอนนี้ เต่ามังกรนี้จู่ๆ ก็ยกระดับของภารกิจทันที และดูเหมือนอย่างน้อยก็เป็นภารกิจระดับ S หรืออาจจะเป็นระดับ SS ก็ได้ ถ้าเขาไม่อาจทนอยู่ในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ได้ถึงครึ่งชั่วโมง เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง
สำหรับการได้รับคทาและผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ ของแบบนั้นเป็นของชนิดไหนกัน?
เครื่องมือระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือว่า เครื่องมือระดับตำนาน?
เต่ามังกรพึมพำกับตัวเองเป็นเวลานาน และในที่สุดก็ถอนหายใจตอบด้วยน้ำเสียงชราภาพว่า “ที่หอทงเทียนชั้นสิบ มีประตูที่เข้าสู่แดนสวรรค์ ต่อล่วงร้อยปีประตูนี้ถึงจะเปิดครั้งหนึ่ง ถ้าข้าไม่ได้ไม่ได้คทาและผนึกเทพมาในปีนี้ ข้าจะไม่สามารถฟื้นคืนพลังดังเดิมได้ ถ้าข้าไม่อาจฟื้นคืนพลังดังเดิมได้ ข้าจะไม่สามารถฆ่าคนทรยศผู้นั้น ขุนพลเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ ถ้าขุนพลเทพแห่งจักรพรรดิอวี้เข้าไปในแดนสวรรค์ได้ ข้าเกรงว่าเขาจะสามารถหนีพ้นความผิดที่เขาได้ก่อเอาไว้ น่าเสียดายที่จื่อจุนและจักรพรรดินีราตรี เนื่องจากติดที่ข้อจำกัดในสนธิสัญญาพันธมิตรปราณก่อกำเนิด จึงไม่สามารถฆ่าคนที่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ได้ หลังจากผ่านปีนี้ไป ประตูแดนสวรรค์ก็จะปิด พวกเจ้าเด็กน้อยทุกคนมีศักยภาพสูง น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถรอจนกระทั่งพวกเจ้าแข็งแกร่งได้ ข้าไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว..”
“มีอะไรอยู่ข้างในวิหารเทพแห่กจักรพรรดิอวี้หรือ?” เย่ว์หยางกำลังไตร่ตรองว่าเขาควรจะรับภารกิจดีหรือไม่ น่าจะอันตรายแน่นอนถ้าเขาจะทำ แต่จะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ถ้าเขาทำไม่ได้
“หกพันปีที่แล้ว ข้ายังมีอายุสองพันปีและสถานะของข้าก็คืออสูรองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของจักรพรรดิอวี้ ตอนนั้นข้ายังอายุเยาว์มาก ข้าเยาว์วัยที่สุดในบรรดาอสูรองครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งหมด แต่ข้าได้รับความเชื่อใจจากองค์จักรพรรดิเรือนอวี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปยังนรกหรือสวรรค์ ข้ามักจะไปพร้อมกับจักรพรรดิอวี้ในฐานะบริวารมือขวาของเขา จักรพรรดิอวี้เป็นนักรบมนุษย์มีพลังที่นักรบทุกวันนี้มิอาจคาดคำนวณได้ พระองค์เป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ แม้แต่นักรบจากแดนสวรรค์ก็ยังตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนั้นมา ความกลัวว่าจักรพรรดิอวี้จะเป็นภัยคุกคามต่อแดนสวรรค์ สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ฝ่าฝืนกฎรหัสโบราณนำกำลังออกจากแดนสวรรค์ลงมาในพิภพเบื้องล่างด้วยตนเอง พวกเขานำทหารนักรบแดนสวรรค์บุกจู่โจมใส่จักรพรรดิอวี้ สงครามครั้งนั้นทำลายทั้งโลกและสวรรค์ มากขนาดที่ทำให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำ สองในสามผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสวรรค์พ่ายแพ้ เช่นเดียวกับพวกเทพล่มสลายไปในครั้งโบราณกาล พวกเขาถูกผนึกไว้ในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้และไม่สามารถกลับแดนสวรรค์ได้ชั่วนิรันดร์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือหนีกลับแดนสวรรค์และทอดทิ้งนักรบแดนสวรรค์กว่าร้อยนายไว้เอาตัวรอดเพียงลำพัง จักรพรรดิอวี้ร่วมกับนักรบมนุษย์ในตอนนั้นฆ่านักรบแดนสวรรค์ทีละคน พวกเขายังผนึกทุกคนไว้ในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้.. จักรพรรดิอวี้ใช้ชีวิตพระองค์เองเป็นทุนในการผนึกศัตรูของพระองค์ไว้ หลังจากผนึกทุกคนไว้แล้ว พระองค์ได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถไปจากวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ได้และถูกผนึกอยู่ภายในนั้นเช่นกัน จากนั้นมาทวีปมังกรทะยานก็สูญเสียจักรพรรดิอวี้ไปในเหตุวุ่นวายครั้งนั้น เวลานี้ ขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้ เจ้าคนหักหลังนั่น ฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายเพิ่มเติม ในที่สุดความมั่นคง ความสงบสุขในทวีปมังกรทะยานก็ล่มสลายไปโดยสิ้นเชิง ทวีปมังกรทะยานค่อยๆ เสื่อมโทรมลง ไม่สามารถฟื้นฟูสู่ความรุ่งโรจน์ดังเดิมได้ นักรบผู้แข็งแกร่งตายในระหว่างทำสงครามกับแดนสวรรค์ สหายของข้าเสียชีวิตทีละคนในระหว่างสงคราม และในที่สุด ข้าก็เป็นเพียงผู้เดียวที่รอดเหลืออยู่ ภายในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ มีผนึกวิญญาณนักรบสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เหลือเลือดเนื้อแล้ว แค่วิญญาณพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเอาชนะได้ง่าย” เสียงชราของเต่ามังกรเต็มไปด้วยความเสียใจกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมาอย่างมิอาจอธิบายได้ เพียงแค่นั้นเย่ว์หยางก็รู้ว่าก่อนนั้นมนุษย์แข็งแกร่งมากเพียงไหน พวกเขาสามารถเอาชนะสงครามกับพวกแดนสวรรค์ได้จริงๆ
คิดถึงตอนนี้แล้ว นักรบชาวมนุษย์ในทวีปมังกรทะยานยังไม่สามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ได้
ความแตกต่างระหว่างหกพันปีที่แล้วกับหกพันปีที่ผ่านมาช่างมหาศาลเสียเหลือเกิน
เย่ว์หยางพยายามเทียบกับคำพูดของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเป็นนักสู้จากแดนอเวจีเมื่อหมื่นปีที่แล้ว แม้ว่านางจะแข็งแกร่งมาก แต่นางก็ยังถูกนักรบมนุษย์ผนึกเอาไว้ภายในมิติหลุมดำได้ จากเหตุนี้สามารถอนุมานได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
ถ้ามนุษยชาติสูญเสียจื่อจุนหรือจักรพรรดินีราตรีไป นักรบแข็งแกร่งสุดยอดเหล่านั้นและปล่อยให้จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยซุ่นเทียนหรือประมุขนิกายพันปีศาจสร้างความเสียหายให้กับทวีปมังกรทะยานอีก มนุษยชาติจะไม่สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรได้เลยหลังจากผ่านไปไม่กี่ร้อยปี ถึงตอนนั้นมนุษยชาติจะต้องล่มสลายตกอยู่ในความควบคุมของปีศาจแดนนรกและกลายเป็นทาสหรืออาหาร ทวีปมังกรทะยานในปัจจุบันเหมือนกับเรือที่เต็มไปด้วยรอยรั่ว มีน้ำรั่วไหลเข้ามาทุกที่ทาง ถ้าไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยเร็ว อย่าว่าแต่จะแล่นต่อไปเลย อาจจะอัปปางลงในสมุทรในวันพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่สามารถพลิกฟื้นได้อีกตลอดกาล
“เราต้องสู้กับวิญญาณที่ถูกผนึกเหล่านั้นหรือ? เราจะขโมยของออกมาแทนได้ไหม?” อี้หนานเสนอคำแนะนำ
“วิญญาณที่อยู่ภายในจะต้องข้องเกี่ยวกับขโมย ยิ่งกว่านั้น ทันที่ผนึกและคทาถูกเอาไปจากผนึก วิญญาณที่ถูกผนึกไว้จะได้รับอิสรภาพและฟื้นคืนพลังกลับมา แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถไปจากวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ได้ แต่พลังของพวกมันจะเพิ่มอย่างน้อยก็สิบเท่า ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะจากออกมาได้ยาก” เห็นได้ชัดว่าเต่ามังกรไม่คิดคาดหวังกับเย่ว์หยางและสองสาวไว้สูงเกินไปเพราะสายตาของเขา เย่ว์หยางยังอายุน้อยเกินไป แม้ว่าเขาเขาจะเป็นยอดอัจฉริยะ นักสู้ปราณก่อกำเนิดวัยยี่สิบ แต่ก็ยังอายุน้อยเกินไปอยู่ดี
“ปู่เต่ามังกร, เราสามารถช่วยให้จักรพรรดิอวี้ออกมาได้ไหม?” เย่ว์ปิงรู้สึกว่าจักรพรรดิอวี้อาจจะตายไปแล้ว แต่นางยังหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ ถ้าพวกเขาช่วยจักรพรรดิอวี้ผู้มีร่างแข็งแกร่งออกมาได้ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถช่วยได้แค่วิญญาณของเขา เรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นมาก
“จักรพรรดิอวี้ตายไปแล้ว คทาเทพและผลึกเทพของเขาเก็บกักพลังของเขาไว้ส่วนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่ทายาทของจักรพรรดิอวี้ มิฉะนั้นเจ้าจะได้รับตกทอดพลังของจักรพรรดิอวี้ได้ ด้วยคทาเทพและผนึกเทพ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าสามารถฆ่าขุนพลเทพแห่งจักรพรรดิอวี้คนทรยศนั้นได้ ถึงตอนนั้น ถ้าเขายังไม่กลายเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ นักรบแดนสวรรค์ก็จะยังไม่สามารถบุกลงมายังทวีปมังกรทะยานได้ง่ายๆ นัก” เต่ามังกรได้แต่เสียใจมาเป็นเวลาหกพันปี เขามุ่งมั่นที่จะฆ่าขุนพลเทพจักรพรรดิเรือนจำ ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“ดังนั้น เจ้าจำเป็นต้องได้คทาเทพและผนึกเทพจักรพรรดิอวี้..” เย่ว์หยางรู้สึกว่านอกจากจื่อจุนแล้ว แม้แต่จักรพรรดินีราตรีก็ไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ แม้ว่าเต่ามังกรนี้จะมีพลังแข็งแกร่งเต็มที่ หลังจากได้รับบาดเจ็บแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถเห็นพลังที่แท้จริงของเขาได้
เป็นไปได้ไหมว่าเต่ามังกรนี้จะมองเห็นทักษะลวงของเขาได้จริงๆ?
ด้วยเพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลก, ระเบิดดวงดาว สนามพลังดูดกลืนและที่สำคัญที่สุด ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา มีโอกาสต่อต้านเขาได้หรือไม่?
บรรดาอสูรของเขา เขามีเสี่ยวเหวินหลี, นางพญากระหายเลือด, โคเงาอาหมันและอื่นๆ คอยช่วยเขารบ
ถ้าเขาทำไม่ได้จริงๆ เขายังมีสาวกิเลนและหนูน้อยหงส์เพลิงแฝด … แต่ถ้าพวกเธอไม่ยินดีออกมาช่วย อย่างนั้นเขาสามารถหลบเข้าไปซ่อนตัวในมิติหลุมดำของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ได้และคิดหาวิธีปลดปล่อยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมา นางมีพลังมากเมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนางบาดเจ็บและถูกผนึกไว้ จักรพรรดิอวี้จำและสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อาจเป็นแค่มดแมลงที่น่ารำคาญสำหรับนาง
เย่ว์ปิงและอี้หนานยังคงต้องการถามสถานการณ์ แต่เย่ว์หยางส่ายศีรษะบอกนางว่าไม่จำเป็นต้องทำ
เขาบันทึกตำแหน่งข้างหน้าเต่ามังกรไว้ในม้วนเทเลพอร์ตสิบม้วน จากนั้นผงกศีรษะให้เต่ามังกร “ข้าอาจจะลองบุกเข้าวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ในนามของท่านก็ได้ แต่ข้าจำเป็นต้องเตรียมการบางอย่างก่อน”
เต่ามังกรดูเหมือนจะเข้าใจว่าเย่ว์หยางทำใจได้ แต่ก็ยังให้คำแนะนำสุดท้าย “เด็กน้อย! ข้าขอบใจสำหรับความตั้งใจดีของเจ้า ทว่า วิหารเทพจักรพรรดิอวี้คือมิติผนึกพิเศษชนิดหนึ่ง ไม่มีคทาเทพและผนึกเทพ เจ้าจะไม่สามารถออกมาได้ ปัญหาก็คือคทาเทพและผนึกเทพถูกใช้เพื่อผนึกสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ แม้ว่าพวกมันจะเหลือพลังเพียงหนึ่งในร้อย แต่พวกมันก็ยังแข็งแกร่งกว่าระดับของเจ้ามากมายนัก”
“ท่านไม่ใช่ข้า แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำไม่ได้?” เย่ว์หยางเหลือกตา เขาลอบคิด เขาสามารถเข้าและออกมิติหลุมดำเมื่อใดที่เขาต้องการก็ยังได้ แล้ววิหารเทพจักรพรรดิอวี้จะเอาชนะเขาได้อย่างไร? เขาวางแผนว่าจะกลับไปปรึกษากับเสวี่ยอู๋เสียและแม่เสือสาวก่อน และอาจจะเจรจาต่อรองเพื่อขอรางวัลให้มากขึ้น มิฉะนั้น เขาคงไม่ได้เปรียบในภารกิจครั้งนี้ รางวัลต้องไม่ต่ำเกินไปกับความพยายามที่เขาได้ทุ่มเทลงไป
อย่างน้อยเขาควรจะได้รับอุปกรณ์ในตำนานจากเต่ามังกรหรือบางอย่างก็ได้ ถ้าเขาไม่สามารถได้คทาเทพหรือผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ เขาก็ไม่เกี่ยงถ้าจะได้เกราะเทพของจักรพรรดิอวี้, เกราะหมวกหรืออะไรอื่นก็ได้
เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและอี้หนานเทเลพอร์ตกลับไปที่บ้านในสวนน้อย
การบุกวิหารเทพจักรพรรดิอวี้น่าจะยากกว่าการบุกเข้าวิหารสิบสองนักษัตรมากนัก
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาควรปรึกษากับสาวๆ ก่อนและฟังความเห็นของพวกนาง บางทีพวกนางอาจมีความคิดดีๆ ก็ได้
****************