ตอนที่ 326 – ตอนที่ 307 เต่ามังกร
วังใต้วารีเป็นสถานที่แปลกประหลาดมาก
เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปตอนแรก เขาตระหนักว่าพื้นที่ข้างในเต็มไปด้วยอากาศ มีน้ำล้อมรอบเป็นโดมอยู่ด้านบนของวัง แยกน้ำกับวิหารออกจากกัน
พอเข้าไปข้างใน เย่ว์หยางรู้สึกถึงพลังแกร่งกล้าบางอย่างซึ่งมองไม่เห็นแยกน้ำออกไปเป็นพื้นที่แตกต่างจากกัน พื้นที่ตรงนี้แตกต่างจากพื้นดินด้านบนสิ้นเชิง แรงโน้มถ่วงเบาบางกว่า ดังนั้นคนจึงสามารถเดินตัวลอยในอากาศข้างในได้ พวกเขาสามารถว่ายวนไปมาได้เหมือนปลาและเดินอยู่ในอากาศได้ บางครั้งอสูรปลาบางตัวบังเอิญว่ายเข้ามา แต่พวกมันก็รีบจากไปทันที ไม่ว่าอสูรทะเลจะแข็งแกร่งขนาดไหน ดูเหมือนพวกมันจะระแวดระวังที่ซึ่งไม่เหมือนใครแห่งนี้ เย่ว์หยางสูดลมหายใจ 2-3 ครั้งและตระหนักว่าอากาศภายสะอาดและสดชื่นเหมือนกับอากาศในป่า แม้ว่าจะไม่มีลม แต่สถานที่นี้ก็ไม่รู้สึกร้อนหรืออุดอู้แต่อย่างใด
ขณะที่เย่ว์หยางเดินกระย่องกระแย่งลงไป เขาเห็นพืชประหลาดที่เปล่งแสงได้ มันดูเหมือนเช่นกับต้นไม้และมีเถาวัลย์ห้อยลงมา เย่ว์หยางไม่เคยเห็นพืชชนิดนี้ในทวีปมังกรทะยานมาก่อน
ทันใดนั้นเขาคิดถึงเรื่องบางเรื่องได้ เหมือนกับว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพืชพันธุ์บางอย่างเชื่อมโยงอยู่ในหัวของเขา
พอใช้สุดยอดพลังความทรงจำของเขาเค้นสมองค้นหาข้อมูลดู
มีบันทึกไว้ในสารานุกรมยาบ้างหรือไม่?
เย่ว์หยาง, เย่ว์ปิงและอี้หนานทำทางลงไปและเปรียบเทียบต้นไม้กับภาพวาดคล้ายจากในสารานุกรมยา เย่ว์หยางตระหนักว่าเขาสามารถหาส่วนเสี้ยวของข้อมูลพบจนได้ นี่คือ “ต้นผลไหมพลิ้ว” ซึ่งปกติจะงอกอยู่นอกแดนทงเทียน ในทวีปมังกรทะยาน มีแต่เพียงอาณาจักรหมิงซึ่งล่มสลายไปแล้วที่ปลูกมันได้ อย่างไรก็ตาม ดินแดนที่เป็นอาณาจักรของหมิงห้อมล้อมด้วยไฟสงคราม ต้นผลไหมพลิ้วจึงสูญพันธุ์ไปในเวลาไม่กี่ร้อยปี คาดไม่ถึงเลยว่าจะงอกอยู่ที่นี่
สารานุกรมยาบันทึกไว้ว่าต้นผลไหมพลิ้วสามารถใช้ลดผลกระทบจากพลังงานมืดได้ ถ้าใครก็ตามมีบาดแผลทุกข์ทรมานจากที่โดนอสูรปีศาจเล่นงาน เขาสามารถใช้น้ำผลไม้ของมันรักษาบาดแผลได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนต้องการมากที่สุดกลับไม่ใช่คุณสมบัติในการรักษาของพืชชนิดนี้
แต่เป็นคุณสมบัติของยาปลุกกำหนัด
ต้นผลไหมพลิ้วมีฤทธิ์ปลุกกำหนัดเหมือนกับหญ้าเขาแพะ อย่างไรก็ตามผลกระทบของต้นผลไหมพริ้วจะช้าและมีผลข้างเคียงอ่อน
หญ้าเขาแพะกลับตรงกันข้าม ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มันออกฤทธิ์เร็วแต่มีผลข้างเคียงอย่างมากมาย คนที่มีความต้องการทางเพศจะไม่เหนื่อยล้าแม้หลังจากใช้เป็นเวลานาน มันเป็นสมุนไพรซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงผู้สูงอายุ แน่นอนว่าผลข้างเคียงของมันนั้นรุนแรง จนถึงขั้นที่ว่าทำอันตรายต่อร่างกายผู้ใช้ ยิ่งใช้งานนานก็ยิ่งเสี่ยงชีวิต อย่าว่าแต่คนอี่นๆ เลย จักรพรรดิเมื่อสองรุ่นที่แล้ว กล่าวกันว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรสือจินก่อนนั้น ก็คือจักรพรรดิหมาป่าทอง ฉู่หงฉือผู้มีพลังนักสู้ระดับ 7 เนื่องจากพระองค์ใช้งานหญ้าเขาแพะเป็นเวลานานและบ่อยครั้งเริงรักกับหญิงสาวคืนละสิบนางทุกคืน เขาตายจากความเหนื่อยล้าในที่สุด นักสู้ระดับ 7 อย่างเขา ความจริงไม่ได้ตายในเงื้อมมือศัตรูผู้แข็งแกร่ง เขากลับเหนื่อยล้าตายคาอกนางสนมคนโปรด นั่นจึงกลายเป็นเรื่องเล่าสนุกเฮฮากันในทวีปมังกรทะยาน
แตกต่างจากหญ้าเขาแพะ เมื่อเปรียบเทียบกัน น้ำต้นผลไหมพริ้วจะส่งผลที่อ่อนโยนละเมียดละไมกับเลือดของผู้ใช้ มันไม่ได้ปะทุพลังออกมาเหมือนกับหญ้าเขาแพะ เว้นแต่ถูกใช้โดยคนที่อ่อนแอมาก มันไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายผู้ใช้แม้แต่น้อย
ในสารานุกรมยา หญ้าเขาแพะถูกจัดให้เป็นพิษระดับ 3 ขณะที่ต้นผลไหมพลิ้วจัดเป็นสมุนไพรระดับ 4
ขณะที่ต้นผลไหมพลิ้วสูญพันธุ์ไปจากอาณาจักรหมิง คนผู้ครอบครองมีน้อยมาก มันหายากมาก ดังนั้น ขุนนางผู้มีอิทธิพลจึงสามารถมีสมุนไพรที่มีค่ามากอย่างนี้ได้
ในรั้วในวัง ก็มีชื่อเรียกกันเล่นว่า “มังกรหลับกับพระสนม” หรือ “ลูกอึด”
เหตุผลก็เพราะถ้านางสนมครอบครองสมุนไพรไว้ นางก็จะได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ และอาจให้กำเนิดโอรสดังที่หวังก็ได้
หลายร้อยปีที่ผ่านมาต้นผลไหมพลิ้วเริ่มหายไปจากแผ่นดินมังกรทะยานช้าๆ และกำลังจะสูญพันธุ์ มิฉะนั้นฉู่หงฉือ จักรพรรดิหมาป่าทองคงไม่พบกับจุดจบที่น่าอนาถ เนื่องเสพหญ้าเขาแพะมากเกินไป
เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าต้นผลไหมพริ้วจะมีอยู่ในส่วนลึกใต้สมุทรในเหวสิ้นหวัง
พอมองดูใกล้ๆ ต้นผลไหมพลิ้วเหล่านี้เติบโตเป็นไม้ใหญ่ทั้งหมด ต้นใหญ่ที่สุดจะหนาเท่ากับสิบคนโอบ เห็นได้ชัดว่ามันอยู่มานานหลายพันปีแล้ว เย่ว์หยางผู้มีพลังเหลือล้นมีพรสวรรค์ในวิชาต่อสู้ผิดธรรมดา ลำพังหญิงงามอู๋เหินคงไม่สามารถตอบสนองเขาได้ทั้งหมด ถ้ามีสิ่งนี้… เย่ว์หยางยังต้องการเก็บต้นผลไหมพริ้วอีกด้วย
น้ำเลี้ยงเยื่อไม้ของต้นผลไหมพลิ้วมีคุณสมบัติไล่ความมืดและน้ำผลของมันมีฤทธิ์ปลุกกำหนัด นอกเหนือจากนี้ เย่ว์หยางยังรู้ความลับคุณสมบัติของต้นไม้ที่ไม่มีใครรู้ มันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสารานุกรมยา
เย่ว์หยางพบความลับอยู่ภายในความทรงจำที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารตกทอดมาให้เขา
ยาชุบชีวิต
หนึ่งในตัวแปรที่จำเป็นต้องใช้ปรุงยาเม็ดชุบชีวิตก็คือผลไหมพลิ้ว ถ้ามีผู้ผสมน้ำผลไหมพริ้วและน้ำเลี้ยงของกิ่งไม้แห่งชีวิตและใช้มันเป็นส่วนผสมที่เป็นตัวแปร มีผลทำให้ยาชุบชีวิตเข้มข้นขึ้น
เย่ว์หยางมีน้ำตาเทพธิดาและน้ำทิพย์ในตอนนี้แล้ว เขากำลังจะเริ่มปรุงยาเม็ดชุบชีวิต
ด้วยน้ำผลไหมพลิ้วที่อยู่ข้างหน้าเขา ก็เปรียบเหมือนกับให้หมอนกับคนที่กินยานอนหลับ
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ถือสาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ยังมีผลไม้ชนิดพิเศษในหอทงเทียน เรียกกันว่า “ผลเยาว์วัย” มันจะช่วยให้คนธรรมดาฟื้นฟูความเยาว์วัย และถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดบริโภค อายุขัยของเขาจะยืนยาวออกไปอีก อย่างไรก็ตาม ผลเยาว์วัยนี้ก็ยังมีพิษแรง ไม่สามารถจะบริโภคโดยตรงง่ายๆ ก่อนอื่นผู้บริโภคจะต้องกินยาป้องกันหัวใจเสียก่อน ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ร่างกายต้านพิษได้ จากนั้นร่างกายของเขาถึงจะสามารถดูดซึมคุณสมบัติทางยาของผลเยาว์วัยได้อย่างเต็มที่ หนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญใช้ในการสร้างยาเม็ดป้องกันหัวใจก็คือผลไหมพริ้ว
ถ้ามีผู้บรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด แม้ว่าจะไม่ได้บริโภคยาเทพ นักสู้ปราณก่อกำเนิดแท้จริงจะมีชีวิตที่ยืนยาวมากกว่าพันปี
แน่นอนว่า นี่เป็นข้อยกเว้นสำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเหยากวงและเทียนฉวนผู้กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้เร็วโดยให้คนอื่นช่วยยกระดับพลังให้พวกเขา
เย่ว์หยางไม่เคยกังวลห่วงใยตัวเองหรือเสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ แต่แม่สี่ไม่รู้จักวิทยายุทธแต่อย่างใด นางจะไม่สามารถคงความเยาว์วัยไว้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องการปรุงยาเม็ดชุบชีวิตหรือให้ผลเยาว์วัย เพื่อที่ว่านางจะได้มีชีวิตยืนยาวและมีความอ่อนเยาว์เหลืออยู่ แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เคยพูดมาก่อน แต่นี่คือความปรารถนาของเขาตลอดมา
“นี่คืออะไร?” เย่ว์ปิงและอี้หนานไม่มีความรู้เหมือนเย่ว์หยางหรือความรู้ที่เขาได้รับตกทอดจากมารดาสหายผู้น่าสงสาร พวกนางคิดแต่เพียงว่านั่นคือต้นไม้ที่ดูแปลก
“เป็นสมุนไพร” เย่ว์หยางไม่อธิบายรายละเอียดให้สองสาวผู้ไม่มีความสนใจในสมุนไพรนี้
ถ้าเป็นเย่ว์หวี่ นางคงจะถามอย่างละเอียด และให้เขาอธิบายรายละเอียดของต้นไม้แน่นอน
วังบาดาลนี้มีพืชพันธุ์อื่นๆ หลายชนิดนอกจากผลไหมพริ้วแล้ว เย่ว์หยางรวบรวมสมุนไพรอย่างอื่นอีกมาก พอจำสมุนไพรเหล่านั้นได้โดยผ่านหน่วยความทรงจำระดับสูงและความรู้ที่ตกทอดมาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร พืชพันธุ์ทั้งหมดที่นี่เป็นสายพันธุ์ที่ไม่มีอยู่ในทวีปมังกรทะยาน น่าเสียดายที่เย่ว์หยางไม่สามารถหารากบัวหิมะที่นี่ได้ มิฉะนั้น เขาจะสามารถสร้างยาเม็ดพลังยุทธอื่นๆ ได้อีก เมื่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้กลับมา เขาจะแสดงให้แต่ละท่านประหลาดใจ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ติดแหงกอยู่ในระดับนักสู้ของเขามานานหลายปี ไม่สามารถยกระดับได้ ถ้าได้กินยาเม็ดพลังยุทธ แม้ว่าท่านจะไม่ถึงกับกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในที่สุดก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังได้เพิ่มพลังอีกขนานใหญ่
ทันทีที่พวกเขาพลังเพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะมีพลังปกป้องตนเอง เย่ว์หยางจะได้ห่วงพวกท่านน้อยลงยามเมื่อเขาไปหอทงเทียนในอนาคต
หลังจากเดินไปตามทางมากกว่าสองกิโลเมตร ทันใดนั้นเย่ว์หยางรู้สึกถึงพลังลึกลับชนิดหนึ่งอยู่ข้างหน้า
พอผ่านดงพุ่มไม้ได้ เขาก็พบเสาหินขนาดใหญ่
มองจากด้านนอก มันมองดูคล้ายกับเสาแก้วผลึกที่ผนึกสาวกิเลนไว้ เพียงแต่มันไม่ได้ทำด้วยแก้วผลึกและไม่ได้มีมากมาย มีเพียงเสาหินขนาดยักษ์ต้นหนึ่งที่ดูลึกลับ ด้านบนเสายักษ์สูงสิบเมตร มีรูปสลักสัตว์ประหลาดยักษ์ที่มองดูคล้ายจ้าวปีศาจมาก มีแถวคำจารึกอยู่บนเสา แต่เย่ว์หยางรู้จักแค่เพียงบางส่วน
จารึกเหล่านี้เป็นภาษาโบราณ แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีความรู้ที่ได้รับตกทอด เขาก็ยังอ่านได้ยาก ดูเหมือนเป็นคำอธิบายและคำแนะนำเกี่ยวกับรูปสลักจ้าวปีศาจ
ที่ด้านล่างของเสาหินมีจารึกอักษรรูนอยู่แถวหนึ่ง
ยังคงมีอักษรรูนโบราณแสดงความหมายว่า “กำหราบ”
“แล้วนี่อะไรเหรอ?” เย่ว์ปิงและอี้หนานรู้สึกไม่ค่อยดีทันทีที่พวกนางเห็นเสา เหมือนกับว่ามีพลังชั่วร้ายบางอย่างซ่อนอยู่ภายใน
“ในสมัยโบราณ นักรบชาวมนุษย์เอาชนะนักรบวิบัติได้และผนึกพวกเขาไว้ที่นี่ ดูเหมือนว่านี่คือสุสานของนักรบวิบัติ เสาศิลานี้ไม่ไดมีเพียงต้นเดียว” เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและอี้หนานเดินต่อไปข้างหน้าและพบเสาที่มีลักษณะคล้ายกันในบริเวณนั้นอีก
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไป พวกเขาพบว่ายังมีเสาที่ใหญ่ยิ่งกว่าผนึกนักรบวิบัติเอาไว้
หลังจากนับจนถึงท้ายแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีนักรบวิบัติอย่างน้อยก็ร้อยตนติดอยู่ที่นี่ แม้ว่าพวกเขาอาจถูกผนึกไว้ในปีต่างๆ แต่พวกเขาก็ถูกผนึกไว้ที่นี่มาเป็นเวลานานมาก
ผู้ที่ถูกปิดผนึกมาแต่ครั้งโบราณนั้นไม่ได้ปล่อยพลังชั่วร้ายแต่อย่างใด เสาหินมีรอยกัดเซาะของลม ดูเหมือนนักรบวิบัติที่ติดอยู่ภายในจะหายไปโดยสิ้นเชิง มีบางเสาที่ยังเหมือนเดิม และมันคายกลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมา มีไอปีศาจที่ชั่วร้ายมีศักยภาพมากที่ดูเหมือนสามารถทำลายเสาผนึกหินเมื่อใดก็ได้ ตรงศูนย์กลางของเสาผนึกหินนักรบวิบัติ ยังมีห้องท้องพระโรงยักษ์ห้องหนึ่ง
เย่ว์หยางนำเย่ว์ปิงและอี้หนาน ขณะที่พวกเขาเข้าไปในท้องพระโรงยักษ์พร้อมกัน
พวกเขาพบว่านั้นคือวังที่ใหญ่มาก มีบันไดที่ดูเหมือนเป็นพันขั้นนำไปสู่ห้องท้องพระโรงยักษ์ เมื่อพวกเขาไปถึงท้องพระโรงยักษ์ พวกเขาก็พบว่ามันมีขนาดใหญ่พอๆ กับสนามฟุตบอล
ท้องพระโรงดูเหมือนจะเห็นร่องรอยความรุ่งเรืองในครั้งเก่าก่อน แต่หลังจากผ่านไปหลายปีดูเหมือนภาพงดงามได้หายไป นอกจากรูปปั้นบางตัวถูกกัดเซาะออกไป ท้องพระโรงว่างเปล่า หันมองไปรอบๆ ท้องพระโรง พวกเขาพบอาคารที่งดงามและน่าสนใจ
เดินลงบันไดร้อยขั้นและมุ่งหน้าต่อไปราวๆ หนึ่งกิโลเมตร พวกเขาก็มาถึงอาคารที่สร้างด้วยหินขาวสูงราวร้อยเมตร หอคอยปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะอยู่ต่อหน้าพวกเขา เหมือนกับว่ามันเป็นยักษ์กำลังมองมาที่ผู้คน
ทางด้านซ้าย มีบ้าน 2-3 มีขนาดต่างกัน
ทางด้านขวาไกลออกไป มีเนินเขาย่อมๆ ตรงเชิงเนินเขามีบ่อ พอเดินเข้าไปใกล้ เย่ว์หยางและคนอื่นๆ ก็ตระหนักได้ว่าความจริงบ่อนั้นใหญ่มาก ด้านรอบๆ ก็ยาวเป็นร้อยเมตร และภายในบ่อ มีเงาสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์บางอย่าง ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ในน้ำ
“เป็นเต่ามังกรนั่นเอง ในที่สุดเราก็พบเต่ามังกรแล้ว” เย่ว์ปิงร่าเริงยินดี
“ร่างของเขาใหญ่มาก..” อี้หนานคิดว่าแมมม็อธสายฟ้าและด้วงจอมพลังก็ใหญ่พอแล้ว จ้าวอัคนีสูงสามสิบเมตรก็ใหญ่ที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมา ไม่มีอสูรอื่นเทียบได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเงายักษ์ภายในบึงกับจ้าวอัคนีแล้ว ไม่ว่าจะเทียบกันอย่างไร เงาขนาดยักษ์ภายในบึงกับจ้าวอัคนี ก็มิมีทางเทียบกันได้เลย พอดูเงาดำที่ดูเหมือนจะนอนเต็มไปทั้งบึง อี้หนานรู้สึกว่าบึงจะแคบเกินไปสำหรับมัน
เย่ว์หยางต้องการโยนหินลงไปเพื่อปลุกเต่ามังกรให้ตื่น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้โยนก้อนหินลงไป บ่อน้ำเริ่มจะสั่นและล้น ในที่สุดน้ำก็กระเซ็นไปทุกที่และเกิดน้ำวนขณะที่เงาดำ เริ่มคืบคลานและขยับร่างยักษ์ของมันในน้ำ หัวของมันยืดยาวออกมาหลายเมตรทำให้น้ำแตกกระจายสาดใส่เย่ว์หยาง
พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
พร้อมกับเสียงร้องที่ดังมาก ร่างดำทะมึนโผล่พ้นผิวน้ำ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นรอบบ่อ
ศีรษะขนาดยักษ์และกระดองแข็งโผล่พ้นจากน้ำ
เย่ว์หยางมองเห็นได้ชัดเจน มันคือเต่ามังกร
มันคือสัตว์ที่มีหัวเป็นมังกรและร่างเป็นเต่า
ดูเหมือนจะเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 6 แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เย่ว์หยางตระหนักว่าเต่ามังกรได้รับบาดเจ็บจนถึงจุดใกล้ขอบปากเหวแห่งความตาย ถ้ามันยอมให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งของมันจนเต็มที่ มันจะไม่จบชีวิตพวกเขาหรือ? มันแข็งแกร่งมากแม้ว่าใกล้จะตายก็ตาม ถ้ามันฟื้นฟูพลังเต็มที่ ยังจะมีผู้ใดในทวีปมังกรทะยานสามารถหยุดมันได้?
แต่นอนว่าเต่ามังกรนี้ เดิมทีอยู่ในหอทงเทียนชั้นสูงๆ มันหลบหนีมารักษาตัวเพราะได้รับบาดเจ็บ
ถ้ามันไม่ได้บาดเจ็บหนัก เต่ามังกรนี้คงจะไม่มาทวีปมังกรทะยานที่เป็นเหมือนหมู่บ้านเกิดใหม่
“ผู้เฒ่าเต่า! ข้าได้รับภารกิจมารักษาท่าน แต่ขอให้ข้าพูดแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลยนะ นอกจากมุกเต่าดำแล้ว ท่านมีรางวัลอย่างอื่นอีกไหม? ไม่ว่ายังไง ท่านน่าจะให้รางวัลพิเศษแถมให้ข้าในการทำงานนี้ได้ไหม?? สำหรับข้าแล้ว มันยากมากกว่าจะมาถึงสถานที่นี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดินีราตรีแล้ว ข้าคงไม่มาสถานที่รกร้างแห่งนี้แน่” เย่ว์หยางจงใจอ้างชื่อจักรพรรดินีราตรีเพื่อพยายามดูปฏิกิริยาของเต่าชรา
“แม่หนูจักรพรรดินีราตรีเป็นคนส่งเจ้ามาหรือ? เจ้ามีเครื่องพิสูจน์อะไรบ้าง?” เย่ว์หยางคาดเดาถูก เต่ามังกรยักษ์สามารถพูดได้แน่ น้ำเสียงของเขาแก่มาก เหมือนกับว่ามันอยู่มาเกินหมื่นปี เย่ว์หยางลอบหลั่งเหงื่อเมื่อได้ยินเต่ามังกรเรียกจักรพรรดินีราตรีเป็น “แม่หนู” สำหรับเต่าชรานี้….
****************