ตอนที่ 325 – ตอนที่ 306 โบราณสถาน วังวารี
ครั้งสุดท้ายก่อนนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำให้เย่ว์ปิงเหนื่อยหนักมากในการสำรวจเหวสิ้นหวังครั้งนั้น
ใยแมงมุมเหยียดยาวไม่มีที่สิ้นสุด, สัตว์ประหลาดงูต่างๆ ปีศาจอินทรี, ค้างคาวยักษ์, มดแดงไฟ, ตัวต่อปีศาจและอื่นๆ อีกมากที่ทำให้เย่ว์ปิงต้องระวังตัวหนัก
แต่หลังจากหาญกล้าท้าทายภารกิจผ่านด่านสิบสองนักษัตรและแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียน, ช่วยเหลือมารดาของนาง, กลับปราสาทตระกูลเย่ว์เผชิญกับศึกใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เย่ว์ปิงเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากได้รับการสั่งสอนจากหยางด้วยความเอาใจใส่และได้รับรางวัลจากวิหารสิบสองนักษัตร พลังของเย่ว์ปิงจึงเหนือล้ำเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และแม้แต่สามดาวเพชฌฆาตไปแล้ว เสวี่ยทันหลางมีสัตว์อสูรที่เป็นดาวข่มตามธรรมชาติของอสูรของเย่ว์ปิงก็อาจจะมีพลังเหนือล้ำกว่านางเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นสมาชิกคนอื่นอย่างเฟิงชิซาและเหยียนพั่วจวิน พวกเขาพ่ายแพ้ราบคาบไม่มีทางได้เปรียบเลยในเมื่อนักรบพฤกษาของเย่ว์ปิงวิวัฒนาการเป็นขุนพลพฤกษาพันปี
ในเรื่องทักษะการต่อสู้ นอกจากเย่ว์หยางจะสอนให้แล้ว เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวๆ นางอื่นก็ยังสอนประสบการณ์ให้กับนาง
ฝีมือของเย่ว์ปิงรุดหน้ายิ่งขึ้นเมื่อผ่านไปแต่ละวัน
เย่ว์หยางเป็นพี่ชายผู้รอบรู้ มักจะคิดหาวิทยายุทธที่เหมาะสมกับน้องสาวของเขามากที่สุด
หลังจากได้รับผลสะท้อนจากการแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียนและผ่านการต่อสู้มามากมายหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่า พลังของเย่ว์ปิงมีจุดเด่นที่ความคล่องตัวและพลังโจมตี ขนดราก, หนามพฤกษ์และพิษกล้าของนักรบพฤกษาของนางมีผลมาก ข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ พลังป้องกันยังอ่อนอยู่ เย่ว์หยางเสนอว่าจะหาเกราะอะไรสักอย่างที่มีพลังป้องกันสูงให้นาง เหมือนเกราะที่สาวกิเลนสวมอยู่
น่าเสียดายที่สาวกิเลนยังคงระแวดระวังตัวต่อเย่ว์หยาง นางไม่ยอมให้เขาแตะต้องชุดของนาง มิฉะนั้นเย่ว์หยางก็อยากจะศึกษาชุดเทพของนางอยู่เหมือนกัน
มีเย่ว์หยางอยู่ข้างๆ นางและอี้หนานคอยสนับสนุนด้วยพลังจิตของนาง เย่ว์ปิงสั่งให้ขุนพลพฤกษาพันปีทั้งสองกำจัดขับไล่พวกอสูรสวะโดยรอบทั้งหมดโดยย่ำลึกเข้าไปในเหวต่อเนื่อง
นางพญากระหายเลือด ไม่จำเป็นต้องโจมตีอะไรเลย นางแค่คอยรวบรวมผลึกเวทและของมีค่าที่เหลือทิ้งไว้ข้างหลัง
สำหรับปีศาจดอกหนาม นางพยายามรีบวิวัฒนาการเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ตอนนี้นางอยู่ในระหว่างหลับลึก ดังนั้นศพจึงได้แต่ปล่อยให้เสียเปล่า
ตั๊กแตนมรณะบินวนเวียนอยู่ในอากาศ คอยขู่อสูรบินให้หนีไป
แม้ว่ามันจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าแม่ของมัน แต่ปัจจุบันนี้ตั๊กแตนมรณะยังคงเป็นจ้าวอสูรทอง
ตั๊กแตนมรณะเพิ่งจะวิวัฒนาการเป็นอสูรทองระดับ 4 ยังไม่รู้วิธีซ่อนพลังปราณเหมือนกับนางพญากระหายเลือด ปราณของจ้าวอสูรทองแผ่กระจายรอบๆ ตัวมัน ขู่คุกคามพวกอสูรบินระดับต่ำในเหวมรณะจนหนีกระเจิง ทันทีที่พวกมันเห็นตั๊กแตนมรณะ
บนภาคพื้นดิน ยังคงมีอสูรสัตว์ประหลาดที่แตกต่างกันซึ่งเผ่นหนีทันทีที่พวกมันเห็นขุนพลพฤกษาพันปี
มีเพียงสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอสูรทองแดงระดับ 6 และที่สูงกว่านั้น, จ้าวอสูรทอง, อาณาเขตของอสูรที่หิวกระหายอย่างเช่นมดแดงไฟที่มีปัญญาน้อยถึงจะกล้าเข้าทำร้ายขุนพลนักรบพฤกษา
“บึ้ม!”
งูเหลือมหงอนหลายตัวที่ตัวหนาพอๆ กับตุ่มใส่น้ำต่างก็ล้มตายภายใต้การโจมตีของขุนพลนักรบพฤกษาพันปีทั้งสอง
สาเหตุที่ทำให้พวกมันตายก็เพราะทักษะแฝงเร้นพิษร้ายและพิษยางน่องของเย่ว์ปิง
เนื้อของงูเหลือมหงอนมีขนาดหนามากและแข็งพอๆ กับเหล็ก มีหลายตัวจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน ลำพังแค่ความสามารถของขุนพลพฤกษา แม้ว่าพวกมันจะเอาชนะได้ในที่สุด แต่พวกมันจำเป็นใช้เวลาที่นานขึ้น
พอเห็นว่านักรบพฤกษาประสบช่วงเวลาที่ยากลำบาก เย่ว์หยางลอบส่งเงาปีศาจยักษ์ของเขาไปช่วยนักรบพฤกษาทั้งสอง ด้วยการเพิ่มพลังจากเงาปีศาจยักษ์ของเย่ว์หยาง แม้ว่าขุนพลพฤกษาจะไม่ได้เพิ่มพลังมากเท่าเย่ว์หยางตอนที่เย่ว์หยางใช้งานเงาปีศาจยักษ์เอง แต่ความสามารถของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า
พลังหมัดแข็งแกร่งถูกปล่อยออกเป็นชุด งูเหลือมหงอนถูกกระหน่ำจนกลายเป็นเนื้อแหลกเหลว
เย่ว์ปิงก็ยังคงใช้งานทักษะแฝงเร้นพิษร้ายของนางพร้อมกันไปด้วย พร้อมกับใช้ทักษะพิษยางน่องของนาง ทำให้การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว
พอเข้าไปถึงใจกลางเหวสิ้นหวัง ก็พบกับอสูรแข็งแกร่งอยู่ทั่วทุกที่ ในหนองน้ำและบึงก็จะมีจระเข้, งูเหลือมหงอน,ปลาหัวสุนัขและแมงมุมน้ำ ในท้องฟ้าจะมีค้างคาวยักษ์, อินทรีปีศาจและหมาไนปีศาจบิน ยิ่งกว่านั้นยังมีปีศาจคายน้ำปลอมตัวเป็นแอ่งน้ำอยู่ทั่วทุกที่
มีกระทั่งแมงป่องน้ำพิษและสุนัขทรายดูดที่ยากจะจัดการซ่อนตัวอยู่หลืบหิน
สุนัขทรายดูดเหล่านี้มองดูเหมือนแมงมุม แต่พวกมันมีหัวเป็นสุนัข
พวกมันไม่ได้ชักใยและไม่ได้ผลิตใยแมงมุม พวกมันเดินขวักไขว่เป็นจำนวนมาก พวกมันช้ามาก อย่างไรก็ตาม พวกมันดำลงในทรายได้รวดเร็วมาก พวกมันเชี่ยวชาญในการสร้างกับดักทรายดูดได้อย่างไร้ที่ติ ทันทีที่เหยื่อของพวกมันตกลงไปในกับดัก พวกมันจะโผล่ออกมาจากทรายดูดและจับเหยื่อกดลงในทรายดูดจนขาดอากาศ ก่อนที่เหยื่อของมันจะหลงเข้าไปในกับดัก พวกมันสามารถเลียนแบบสุนัขโดยเห่าหอนเหมือนสุนัขบาดเจ็บเพื่อหลอกล่อเหยื่อของพวกมัน
สุนัขทรายดูดแบบนี้เป็นอสูรที่เจ้าเล่ห์ ด้วยการใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 5 เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าสุนัขทรายดูดความจริงก็คือร่างเปลี่ยนแปลงของค้างคาวนั่นเอง ไม่ใช่ทั้งแมงมุม ไม่ใช่ทั้งสุนัข
ปีกของพวกมันหดเล็กลง ไม่สามารถบินได้ กระดูกปีกวิวัฒนาการเป็นมือขุด
กรงเล็บทั้งสี่แต่เดิมมีการวิวัฒนาการและแยกออกเป็นแปด ดังนั้นพวกมันมองเผินๆ จึงดูเหมือนแมงมุม
ระดับของสุนัขทรายดูดเหล่านี้ยังต่ำ ส่วนใหญ่จะเป็นระดับสามัญ มีเพียงหยิบมือที่เป็นอสูรทองแดง แต่เย่ว์หยางไม่เคยเห็นระดับชั้นเงินมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรู้สึกว่าผลึกเวทของพวกมันมีคุณสมบัติพิเศษ เย่ว์หยางคิดว่าผลึกเวทเหล่านี้จากอสูรที่มีความสามารถแปลกนั้นเหมาะสมกับฮุยไท่หลาง, ภูตควันไฟและโคเงา เหตุผลเพราะผลึกเวทเหล่านี้มีพลังที่เป็นคุณสมบัติธาตุดินอยู่ภายใน
พูดให้ถูกก็คือ เป็นพลังเปลี่ยนคุณสมบัติดินให้เป็นทรายดูด
ถ้าเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ใช้ผลึกเวทเหล่านี้ พวกเขาอาจมีความก้าวหน้าในทักษะแปลงร่างของพวกเขาก็ได้
เย่ว์หยางยังต้องการวิเคราะห์ผลึกเวทเหล่านี้และสร้างยาประเภทแปลงร่างขึ้นมา เนื่องจากความต้องการและเป้าหมายของเขาก็คือศึกษาผลึกเหล่านี้ เย่ว์หยางและสองสาวจึงฆ่าสุนัขทรายดูดไปมากกว่าร้อยและรวบรวมผลึกเวทไว้เป็นจำนวนมาก
พื้นที่ตอนกลางของเหวสิ้นหวังนั้นใหญ่มาก ไม่มีแผนที่ เย่ว์หยางทำได้แต่สำรวจไปทีละก้าว พวกเขาสำรวจลึกลงไป ก็กลับพบพื้นที่ลาดต่ำ
พื้นที่ส่วนใหญ่ผืนน้ำใหญ่ครอบคลุมไปหมด
น้ำที่เก็บกักอยู่ในทะเลสาบและน้ำตกจากหน้าผาสูงชันข้างหน้า ที่ด้านล่างของหน้าผามองไม่เห็นอะไรเลย
คนทั้งสามมาถึงขอบเหว ขุนพลพฤกษาก็ไม่สามารถไปต่อได้ สายน้ำตกปกคลุมขอบหน้าผาตลอดจนถึงด้านล่าง หยดน้ำนับไม่ถ้วนกระเซ็นอยู่ทั่วอากาศ ถ้าบางคนไม่มีอสูรบิน ก็คงไม่มีทางลงไปจนถึงด้านล่างได้หลังจากพยายามฝ่าม่านน้ำไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ไม่ต้องใช้กำลังขาอะไรเลยแม้แต่น้อย แค่ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาบางส่วน เขาก็พาเย่ว์ปิงและอี้หนานลอยตัวลงไปข้างล่างได้ง่ายดาย นางพญากระหายเลือดและตั๊กแตนมรณะนำทางอยู่ข้างหน้าพวกเขา พยายามหาเส้นทางลัดที่เย่ว์หยางจำเป็นต้องบินผ่าน เพื่อช่วยประหยัดพลังปราณก่อกำเนิดของเขา
ก่อนหน้านี้ พวกเขาสามารถเห็นท้องฟ้าเบื้องบน แต่ตอนนี้หายไปแล้ว
พอลงมาได้หลายไมล์ ร่องท้องฟ้าได้หายไปโดยสิ้นเชิง และเหวกลับกลายเป็นมืดมิดยิ่งขึ้น ขณะที่พวกเขาลงลึกเรื่อยไป ก็ยิ่งมืดสนิท
สัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนเปล่งรังสีฆ่าฟันอยู่ในความมืด บางพวกก็ผลิตแสงออกมาล่อเหยื่อ ทันทีที่เหยื่อเข้าไปใกล้แสงพวกมัน พวกมันก็จะอ้าปากและกลืนกินเหยื่อทั้งตัว
แน่นอนว่า เหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง
ทันทีที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดปรากฏตัว พวกอสูรทั้งหมดจะกลัวจนตัวแข็งและเก็บตัวอยู่เงียบๆ ด้วยความกลัว
มีอสูรเพียงไม่กี่ชนิดที่ไปหลบซ่อนไม่ทันเวลาและพยายามสู้เสี่ยงชีวิตของมัน แต่พวกมันก็ถูกนางพญากระหายเลือดและตั๊กแตนมรณะฆ่าตายอย่างง่ายดาย
เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและอี้หนานเหินร่อนลงมาตามน้ำตกยักษ์ลึกถึงยี่สิบกิโลเมตร ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าก้นเหวลึกความจริงก็คือเหวมหาสมุทรน้ำจืดนั่นเอง
เย่ว์ปิงและอี้หนานไม่มีทักษะจักษุราตรีเหมือนเย่ว์หยาง ดังนั้นพวกนางไม่สามารถมองเห็นอะไรๆ ได้
พวกนางสามารถใช้ได้แต่มุกราตรีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมอบให้พวกเขาและมองเห็นได้จำกัดแค่รอบๆ ตัวพวกเขา เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีคลื่นทะเลสาบซัดเข้าหาฝั่งที่ด้านล่าง พวกเขาถึงกับตื่นเต้นใหญ่ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าใจกลางเหวสิ้นหวังจะมีที่อย่างนี้ ในท้องฟ้ามีฟ้าแลบแปลบปลาบและฝนเริ่มตกหนัก ทั้งสองสาวสามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ตัวหนึ่งอย่างเลือนลางบนผิวทะเล คอยาวของมันสามารถหมุนได้รอบ
ถ้ามีเพียงแค่ตัวเดียว พวกเขานางคิดว่าสัตว์ประหลาดนั่นก็คือเต่ามังกร
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์อีกเป็นสิบยืดคอยาวออกมาทันที ทำให้พวกนางตกใจมากจนต้องขอให้เย่ว์หยางไปจากที่นี้และไปหาตรงที่อื่นที่ไม่มีสัตว์ประหลาด
เมื่อเย่ว์หยางฆ่าปูยักษ์หมื่นปีในวิหารปูครั้งก่อน เขาได้รับมุกฟองอากาศจากร่างของมัน
มุกอากาศสามารถสร้างฟองน้ำที่ปกป้องผู้ใช้เมื่อลงไปใต้น้ำ ป้องกันผลกระทบจากแรงกดของน้ำ
ขณะเดียวกัน ทักษะที่เรียกว่า “หายใจใต้น้ำ” สามารถใช้งานได้วันละสามครั้งด้วยความสามารถของมุกฟองอากาศ ถ้าบางคนสามารถทนแรงกดใต้น้ำได้ เขาก็สามารถใช้ทักษะว่ายอยู่ใต้น้ำได้เหมือนปลา
นางพญากระหายเลือดและตั๊กแตนมรณะเป็นจ้าวเวหา แต่ความสามารถในการต่อสู้จะลดลงอย่างมากเมื่ออยู่ใต้น้ำ พวกเขาอาจถูกอสูรประเภทปลาระดับชั้นทองแดงฆ่าตายได้ง่ายๆ เมื่ออยู่ใต้น้ำ นี่คือพลังของอสูรที่เป็นดาวข่มตามธรรมชาติของพวกเขา ก็เป็นไปในทำนองเดียวกับเมื่อจ้าวอัคคีผู้แข็งแกร่งเผชิญหน้ากับเงือกวายุย่อมพบจุดจบที่น่าอนาถอย่างรวดเร็ว
ถ้ายักษ์แม็กม่าหรือมังกรบินแม็กม่าลงไปอยู่ในใต้น้ำแทน ก็ไม่จำเป็นต้องให้ศัตรูฆ่าพวกมัน มันจะฆ่าตัวมันเองตายทันที
ฉะนั้น นางพญากระหายเลือดและตั๊กแตนมรณะถูกเรียกกลับเข้าไปในคัมภีร์ จากนั้นเย่ว์หยางเรียกเสี่ยวเหวินหลีที่พอลงน้ำได้พวกอสูรโดยรอบก็พอกันแตกกระเจิดกระเจิง จากนั้น เธอเรียกเมดูซาศิลา, เงือกวายุและนาคาสายฟ้า ขณะที่ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งไม่ได้ถูกเรียกออกมา บางทีเสี่ยวเหวินหลีคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องเรียกปีศาจอสรพิษน้ำแข็งในตอนนี้
เมดูซาศิลายังเรียกอสูรของตนเองออกมาด้วย ดังนั้นฉลามเสือทองซึ่งเพิ่งจะได้กินเนื้อแมงมุมหว่านแหอสูรชั้นทองระดับ 8 ที่เหลือและยังยกระดับขึ้นอีก จากนั้นนางสั่งให้มันทำงานทันที เปิดเส้นทางข้างหน้า
ทันทีที่อสูรทั้งสามเหล่านี้ซึ่งมีระดับจ้าวอสูรใต้น้ำปรากฏตัว อสูรสมุทรผู้หิวโหยจึงเผ่นกระเจิงทันที
แม่แต่ฉลามเสือทองก็ถือว่ามีพลังแข็งแกร่งในทะเลอยู่แล้ว
“พี่สาม! ท่านคิดว่าเต่ามังกรจะอยู่ในทะเลนี้หรือ?” เย่ว์ปิงคิดว่า มหาสมุทรกว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาจะหาเต่ามังกรพบได้อย่างไร?
“มันน่าจะอยู่นะ เราควรไปทางนี้ เดี๋ยว..ไปทางนั้นกัน!” เย่ว์หยางรู้ว่าการค้นหาเต่ามังกรในมหาสมุทรก็เหมือนมองหาเข็มในกองฟาง ถ้ามันอยู่มาก่อน เขาคงไม่แข็งขืนใช้พลังมากเกินไป อย่างไรก็ตามหลังจากบรรลุพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ห้าแล้ว เขารู้สึกได้ลางๆ ถึงพลังชีวิตของสัตว์ผู้แข็งแกร่งที่นี่ อาจจะไม่ถูกต้องเต็มร้อย แต่เขารู้สึกว่าเขาสามารถกำหนดตำแหน่งของต่ามังกรได้
เย่ว์หยางใช้ทักษะ “หายใจใต้น้ำ” ตนเองอยู่ด้านนอกฟองน้ำ ขณะที่เย่ว์ปิงและอี้หนานซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำ
เมดูซ่าศิลาและนาคาสายฟ้าคอยคุ้มครองด้านหน้า ขณะที่นางเงือกวายุคอยควบคุมการไหลของน้ำให้เคลื่อนฟองน้ำไปข้างหน้าช้าๆ ตามหลังเย่ว์หยางไปติดๆ
เย่ว์หยางขี่หลังฉลามเสือทองบ่ายหน้าไปตามเส้นทางที่เขารู้สึกในใจ
เต่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บกำลังหลับอยู่ข้างหน้า
ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างจากสาวกิเลน ถ้าเป็นสาวกิเลน นางคงรู้สึกถึงการมาของตัวเขาตั้งแต่ระยะไกล นางสามารถส่งคลื่นความคิดมาขอความช่วยเหลือเมื่อนางยังถูกผนึกไว้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันครอบครองมุกเต่าดำ พลังเดิมของมันต้องแข็งแกร่งมาก
พวกเขาล่วงลึกลงไป ก็มีอสูรสมุทรที่ดูน่าเกลียด ทรงพลังปรากฏตัวขึ้น มีแม้กระทั่งอสูรระดับทอง
เมื่อพวกมันมองเห็นเย่ว์หยาง พวกมันไม่ได้โจมตีเหมือนตามปกติทันที
พวกมันกลับรู้สึกได้ถึงอันตรายและหลบหนีไปไกล
เย่ว์หยางตั้งใจจะมองหาเต่ามังกรผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหลัก ดังนั้นเขาไม่ได้ไล่ตามฆ่าพวกมัน มิฉะนั้น เขาจะสามารถได้รับผลึกเวทชั้นทองอีกมาก
หลังว่ายน้ำมาอย่างรวดเร็วและเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่สามารถพบอะไร
นอกจากนี้เย่ว์หยางยังเหนื่อยเล็กน้อยจากการใช้ความรู้สึกมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงหยุดพักชั่วขณะ เขารู้สึกว่าไม่มีความรู้สึกผิดปกติ แต่ไม่สามารถพบสถานที่อะไรเลย สองสาวยังคงเบื่อเล็กน้อยที่อยู่แต่ภายในฟองน้ำ ดังนั้นพวกนางจึงว่ายขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำและกินของขบเคี้ยวบางอย่าง จากนั้นเย่ว์หยางคิดลองพยายามทำบางอย่าง เขาเรียกหนูธาตุน้ำออกมาแล้วพยายามเสี่ยงโชค เย่ว์หยางรู้สึกว่าแม้ว่าในมหาสมุทรนี้ จะมิใช่มหาสมุทรจริง แต่ก็ใหญ่พอๆ กับมหาสมุทรจริงๆ การสั่งให้หุ่นหนูค้นหาเต่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บในมหาสมุทรใหญ่อาจเป็นการตั้งความหวังไว้สูง
เขาแค่ต้องการลองดู ดังนั้นเขาจึงไม่ตั้งความหวังไว้มากนัก
คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเย่ว์หยางและสองสาวพักเสร็จแล้วและกำลังจะค้นหาต่อ คัมภีร์ของเย่ว์หยางก็พลิกหน้าเปิดขึ้นมาเอง หนูธาตุน้ำค้นพบบางอย่าง
มีคำว่า “ค้นพบวิหารสิ่งก่อสร้างโบราณใต้น้ำ” ปรากฏอยู่ในหน้าของคัมภีร์อัญเชิญ
“นี่เป็น..ไปไม่ได้..” เย่ว์หยางเหงื่อตก เขาค้นหามากว่าครึ่งวัน ก็ยังเทียบไม่ได้กับหนูตัวน้อย รู้อย่างนี้ เขาคงสั่งให้หุ่นหนูไปค้นหาเต่ามังกรแล้ว มิฉะนั้นก็คงไม่ต้องใช้ความสามารถให้เปลืองพลัง
ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเป็นคนฉลาดสุดยอดผิดธรรมดาแน่นอน มีความลับมากแค่ไหนที่เย่ว์หยางสามารถขุดออกมาจากหุ่นหนูค้นสมบัติที่เขาสร้างขึ้นมา?
**************