ตอนที่ 318 ตัดสินใจ
เมื่อถังเทียนกลับมาที่เผ่า เขาตระหนักได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างกดดัน อาเฮ่อ, หลิงซิ่ว, อาโมรี่และพวกพ้องนั่งล้อมวงกันทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดี
เขารู้สึกประหลาดใจรีบเข้ามาถาม “เฮ้ เฮ้ เฮ้,เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคน? ผู้คนคิดว่าเราแพ้ใช่ไหม?”
ทุกคนยังคงเงียบ
อาโมรี่ลังเลอยู่ชั่วขณะจากนั้นกล่าว “ถังพื้นฐาน, เราต้องเล่าเรื่องให้เจ้าฟังก่อน”
“อะไรกัน?” ถังเทียนสงสัย “เฮ้, เจ้าวัวแมงวัน เจ้าพิรี้พิไรอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
แววโกรธแฝงอยู่ในดวงตาของอาโมรี่เขาพูดอย่างยากลำบาก “ผู้อาวุโสต้องการให้เจ้ามอบกระบี่ปลอดสำเนียงให้สมาพันธ์ฯ”
“ทำไมล่ะ?” ถังเทียนตะลึง
เหลียงชิวลุกขึ้นยืนกระแอมเบาๆ เขาตอบ“กลุ่มดาววาฬมากดดันเรา พวกเขาคิดว่าการกระทำต่อต้านกลุ่มดาววาฬของเรานั้นไม่ถูกต้อง พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะได้รับกระบี่ปลอดสำเนียงเพื่อเอามันไปทำลาย ผู้อาวุโสบอกว่าถ้าเจ้ายินยอมทางสมาพันธ์จะชดเชยให้เจ้า”
สีหน้าของถังเทียนเย็นชาทันที “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาด้วย”
อาโมรี่โกรธ “ฮึ่ม, ผู้อาวุโสอ่อนแอเกินไป! ถ้าศิษย์พี่จิ่งหาวอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
เหลียงชิวเข้าใจนิสัยของถังเทียน ที่สำคัญคือพวกเขามาจากภูมิภาคเดียวกัน และนิสัยของถังเทียนจะดื้อและเถื่อนเขาจะทนรับได้อย่างไร เบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธจะใช้แต่วิธีกดดันถังเทียนที่ชอบทำอะไรตามใจตนเอง สมาพันธ์ชาวยุทธมีระบบจัดลำดับที่เคร่งครัดและคำสั่งจากเบื้องบนที่มีต่อผู้น้อยจะต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด
แม้ว่าถังเทียนผู้ชอบทำตามใจตัวเองเขายังเป็นแค่นักสู้ระดับบรอนซ์ในสมาพันธ์ชาวยุทธและไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสมาพันธ์
แต่สิ่งที่เหลียงชิวผิดหวังมากที่สุดอย่างไม่ลังเลก็คือผู้อาวุโส มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้ถูกมองว่าอ่อนแอแม้ในกลุ่มสำนักระดับกลางๆ ผู้อาวุโสของพวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างถังเทียนกับจิ่งหาว และให้คำมั่นว่าจะดูแลพวกเขา แต่เขาตื่นกลัวได้ง่ายเกินไปทำให้พวกเขาผิดหวังนัก
และพวกเขาพบกับการลอบจู่โจมตอนเข้าสู่กลุ่มดาวหมาป่าซึ่งก็หมายความว่ามีใครบางคนสมคบคิดกับศัตรู
“กลุ่มดาววาฬแจ้งมาว่า ถ้าเราปฏิเสธพวกเขา พวกเขาจะปิดประตูดวงดาวระหว่างกลุ่มดาวหมาป่าและกลุ่มดาววาฬ”เหลียงชิวแจ้งข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง
สายตาของถังเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ
กลุ่มดาววาฬอาเฮ่อใช้สายตาเยือกเย็นกวาดมองดูอาการสนองตอบของถังเทียน เขากล่าว “ถังเทียน,กระบี่เล่มนี้เป็นของเจ้า เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”
“ถูกแล้ว!” หลิงซิ่วแค่นเสียง “ไอ้พวกปลาโง่, ข้าจะแทงให้ตายเสียให้หมด!”
หานปิงหนิงกล่าวทันที “ข้าจะไม่กลับไปที่กลุ่มอีกแล้ว”
อาโมรี่ทะลึ่งลุกพรวด “เจ๊ปิงหนิงไม่กลับ นั่นยิ่งดีใหญ่ ข้าก็จะไม่กลับไปด้วย สมาพันธ์ที่ไม่รักษาสัญญาแบบนั้นช่างหงุดหงิดเสียจริง เลิกกันที พอกันที ไม่อยู่กับสมาพันธ์อีกแล้ว”
เหลียงชิวยิ้มอย่างใจดี “ทุกคนจะอยู่ด้วยกัน”
ซือหม่าเซียงซานพูดเย็นชา “อย่างนั้นเราเตรียมรอให้พวกเขามาไล่ล่าพวกเราได้เลย”
อาโมรี่หน้าแดงทันที “มาก็มาสิวะ! ถ้าเป็นลูกผู้ชายต้องมีชีวิตอย่างเบิกบาน ทำไมจะต้องกลัวตาย ซือหม่า, ถ้าเจ้ากลัวตายก็พูดมาตรงๆ”
“เออ..ข้ากลัวตาย” ซือหม่าเซียงซานกล่าวอย่างน่าขนลุก “โชคดีที่ข้าเข้าไปเกี่ยวกับแผนการต่อสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไปก่อนแล้วไม่อย่างนั้นเราคงไม่โดนเจ้าปัญญานิ่มอย่างเจ้าดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นแน่”
“เจ้าเรียกใครปัญญานิ่ม?” อาโมรี่เบิกตากว้าง และพูดอย่างโมโห
เหลียงชิวห้ามทั้งสองคนทันที
ถังเทียนตื่นเต้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกคนยังให้ความเชื่อมั่น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ เขากล่าว “ข้าไม่เข้าใจเรื่องหลักการสำคัญอะไรนักแต่ข้าจะไม่ยอมส่งมอบกระบี่แน่ ข้าไม่ข้องใจ ไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ของทุกคนทั้งนั้น ข้ารู้อยู่แต่เพียงอย่างเดียว ตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้าพวกเขาให้เกียรติข้า ข้าก็จะให้เกียรติพวกเขา ถ้าพวกเขากล้ารังแกข้า ข้าจะใช้หมัดของข้าตอบโต้พวกเขา เฮ้, เสี่ยวซิ่ว เจ้าไม่กลัวจริงๆ เหรอ?”
หลิงซิ่วตะโกนอย่างโมโห“ลุย(แม่ง)โลด...”
ทุกคนหัวเราะลั่น
“กลุ่มดาววาฬต้องการปิดประตูดวงดาว เราก็ปิดประตูดวงดาวของเราด้วยเช่นกัน” ถังเทียนกัดฟัน “ถูกแล้ว ตอนนี้เราอาจอ่อนแอ แต่เราจะเดินทางไปตามทุกๆ กลุ่มดาวสักวันเราจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน เราอาจพ่ายแพ้หรือถูกฆ่า แต่จะไม่มีทางที่เรากลัวตาย ถ้าเราถอยไปจากที่นี่ อย่างนั้นอันตรายและความยากลำบากอีกมากมายแค่ไหนที่รอให้ข้าถอนถอย?”
“จะต้องมีสักวัน ข้าจะใช้หมัดของข้าทลายประตูของกลุ่มดาววาฬแน่”
คำพูดของถังเทียนเหมือนกับตะปูที่ถูกตอกย้ำ
“พูดได้ดี!”
“ฆ่ามันให้หมด!”
“พวกเราทุกคนแค่ต้องการสู้ ใครจะกลัวกันเล่า!”
“ข้าจะแทงพวกมันให้หมดด้วยพลังหอกของข้า”
อาเฮ่อมองดูทุกคนถูกปลุกระดม พวกเขาเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่สามารถรั้งรอชูกำปั้นได้ และนี่จะทำให้เกิดเรื่องปวดหัวตามมาอีกมากมาย พวกเขาเป็นพวกใจร้อนไม่ยั้งคิดวางแผนสักนิด ดังนั้นเขาจึงถาม“อย่างนั้นพวกเจ้าตั้งใจจะทำยังไงกับสมาพันธ์ชาวยุทธ?”
“ข้าขอลาออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ” ถังเทียนตอบยืนยัน “องค์กรแบบนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว”
อาเฮ่อไม่ได้คัดค้านและกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าเป็นคนที่กระทำการตามอารมณ์ถ้าเจ้าประกาศต่อสาธารณชนว่าเจ้าออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขาคงไม่ยินดีอยู่เฉยแน่เราต้องเตรียมตัวก่อน ประการแรกเราต้องปิดประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬและตัดเส้นทางโจมตีจากกลุ่มดาววาฬ เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขา ประการที่สอง ในช่วงเวลาสั้นๆเราต้องกวาดกลุ่มอิทธิพลอื่นของกลุ่มดาวหมาป่าและรักษาเสถียรภาพค่ายของเรา ประการที่สามเราจำเป็นต้องเตรียมตัวและรอการมาเยือนของสมาพันธ์ชาวยุทธ”
อาเฮ่อจัดลำดับไว้ชัดเจนและทุกคนผงกศีรษะเห็นด้วย
“ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือทอดเวลาออกไป” ดวงตาดำขลับของอาเฮ่อเป็นประกายเยือกเย็น “เรื่องกระบี่ เราต้องทำเป็นลังเล และบอกไปว่าเรากำลังพิจารณาอยู่ หลังจากนั้นเราจะแสร้งทำเหมือนว่าจะไปคุยเงื่อนไขกับสมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเรายินดีจะรับข้อตกลง แต่ต้องจัดการเงื่อนไขข้อแรกก่อน ในตอนนั้น เราต้องกวาดอิทธิพลกลุ่มดาวหมาป่าให้เร็วที่สุด”
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นจะทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธกลายเป็นศัตรูใหญ่ อาเฮ่อไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
ทันใดนั้นเสียงปิงดังขึ้น “หัวหม่าเอ๋อกับถังอี้จะนำกองกำลังไปควบคุมประตูดวงดาว พวกคนในท้องที่ของกลุ่มดาวหมาป่ายอมแพ้และสามารถเกณฑ์เป็นทหารได้ คานท์และคนที่เหลือตายแล้ว พวกเขาก็น่าจะเชื่อถือได้มากขึ้น หัวหม่าเอ๋อ ประตูดวงดาวของกลุ่มดาวหมาป่ามีอยู่เท่าไหร่?”
“สี่แห่ง” หัวหม่าเอ๋อตอบ “แห่งหนึ่งเข้าสู่กลุ่มดาววาฬ, กลุ่มดาวอีกา,กลุ่มดาวโลมาและแห่งสุดท้ายเข้าไปยังภูมิภาควิญญาณคือเมืองเจิ้นไห่”
ปิงพยักหน้า “ให้จัดการประโคมแตรชุดใหญ่และเคลื่อนกำลัง พยายามทำเสียงให้ดังเท่าที่เป็นไปได้ เราเพิ่งเอาชนะองค์การวิญญาณมืด ฉวยโอกาสตรงนั้นแล้วคนต่อต้านจะมีน้อยลง หัวหม่าเอ๋อ, ถังอี้พาเชลยศึกไปคนหนึ่งด้วย”
“ขอรับ!” ถังอี้ตอบรับ
หัวหม่าเอ๋อทำตามเขาทันที
เมื่อเป็นการบังคับบัญชาจะไม่มีคนอื่นพูดขัด ปิงสถาปนาอำนาจของเขาในฐานะผู้บัญชาการทหารเข้าต่อสู้ได้แล้ว
เมื่อปิงพูดจบอาเฮ่อพูดต่อ “เมื่อเราเก็บกวาดได้ทั่วกลุ่มดาวหมาป่า เราจะต้องปิดประตูดวงดาวกลุ่มดาววาฬทันที ถึงเวลานั้นสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาววาฬก็จะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธต้องการรับมือเรา พวกเขาจำเป็นต้องรวบรวมนักสู้จากสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือก่อนจึงจะมาได้ นั่นจำเป็นต้องใช้เวลา ดังนั้นเราต้องใช้เวลานั้นมุ่งมั่นเสริมเพิ่มพลังให้เรา”
หลิงซิ่วเตือนพวกเขา “ชุดพลังงานสำหรับฝึกฝนปราณแท้เป็นของดี”
“ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น” ถังเทียนไม่เข้าใจขั้นตอนเตรียมการสู้ แต่เมื่อว่ากันถึงการเพิ่มพลัง เขามีประสบการณ์มาก “เรามีสมบัติดวงดาวที่มีค่าจากสินสงครามครั้งนี้ ทุกคนไปดูกันว่ามีอะไรที่ดีต่อตัวพวกเจ้าเองบ้างและเลือกมาใช้ หลังจากนั้นทุกคนมาช่วยกันคิดว่าจะช่วยยกระดับพลังได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาสั้นๆการ์ดวิญญาณ, หินดวงดาว, ไม่ว่าของอะไรที่เป็นไปได้ บอกข้าได้ และข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้”
“เด็ดขาดดี ข้าชอบ” ซือหม่าหัวเราะ
เหลียงชิวกล่าว“สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธน่าจะเป็นสมบัติ”
“ก็ได้” ถังเทียนจดจำไว้
“พวกเจ้าไม่ควรปรากฏตัวสักสองสามวัน” อาเฮ่อแนะนำ “ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ปรากฏตัว การกระทำของถังอี้ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจมาก กลุ่มดาวหมาป่าเป็นสถานที่เล็ก ให้คนที่เหนือกว่าดูถูกเราไปก่อน”
ถังเทียนพยักหน้า เขาเข้าใจ
ทุกคนสงบใจได้ทันที พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคนและขณะเดียวกันก็หวั่นเกรงเล็กน้อย เกี่ยวกับหกองครักษ์ตระกูลถู ถูหรูไห่เป็นเพียงระดับผู้อาวุโสขอบฟ้าเหนือ ขณะที่คู่มือต่อไปก็คือสมาพันธ์ชาวยุทธ สิ่งที่รอทุกคนอยู่คือการต่อสู้โชคเลือด สมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่อดทนต่อคนทรยศและนักสู้ผู้หลีกหนีจากพวกเขา ถ้าพวกเขาพบ ระดับเบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธคงได้โกรธแน่
แต่สหายผู้ปรารถนาให้ทั้งโลกวุ่นวายก็ออกไปและเริ่มฝึกฝน
ถังเทียนและปิงเข้าไปในประตูแสงพร้อมกันและตระหนักว่ามีซอยเล็กๆ สายหนึ่งทอดตัวยาวไกลมาก เขาจำได้ทันทีว่า เวลาของที่นี่แตกต่างจากข้างนอก
หยาหยาและผู้ช่วยทั้งสามช่วยได้มาก และความเร็วในการขุดอุโมงค์ก็เพิ่มขึ้นมาก และเดินหน้าไปได้ไกลอีกสิบกิโลเมตร
ถังเทียนมีความคิดบางอย่างทันที “นี่ลุง ถ้าเราให้เซรีนช่วยสร้างอสูรจักรกลสักอีกสองสามตัวจะช่วยเร่งงานนี้ได้หรือไม่?”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี” ปิงนัยน์ตาเป็นประกาย “ข้าจะไปบอกนางเอง”
ถังเทียนเงียบชั่วขณะ จากนั้นเงยหน้า “ลุง”
“ว่าไง?” ปิงชะงัก และหยุด
“ช่วยยืมเงินให้ข้าได้ไหม?” ถังเทียนละอายอยู่บ้าง “เงินของม่อเว่ยเทียน”
“เจ้าเอาจริง?” ปิงประหลาดใจ
ถังเทียนพูดเหมือนกับกล่าวกับตนเอง “เราต้องชนะศึกนี้ให้ได้แน่นอน! ข้ารู้, เพราะข้า,ทุกคนจึงถูกลากเข้ามาในสงครามครั้งนี้! ไม่ว่ายังไง ข้าก็ล้มเหลวไม่ได้”
เมื่อกล่าวถึงที่สุดน้ำเสียงของถังเทียนเข้มข้นขึ้น
“ข้าต้องการใช้สิบหกพันล้านทุ่มให้กับทุกคน ข้าต้องการให้ทุกคนแข็งแกร่งมากขึ้น”
ถังเทียนเงยหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังมองดูปิง
“ลุง, ลุงต้องมีวิธีใช่ไหม?”
ปิงมองดูถังเทียนเงียบๆทันใดนั้น เหมือนกับเขาบินกลับไปในอดีต ปีนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็เหมือนกับถังเทียน เต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขามองออกไปด้วยจิตวิญญาณพร้อมต่อสู้ และด้วยความดื้อด้าน เขาถามผู้บังคับบัญชาว่า “ท่านขอรับ,ท่านมีวิธีทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นบ้างไหม?”
“ฮ่าฮ่า เสี่ยวปิงปิง แน่นอน ข้ามี แต่มันยากลำบากเอาการนะ” ปากของผู้บัญชาการผู้กล้าหาญยิ้มและลูบศีรษะบุรุษหนุ่มและหัวเราะลั่น
“บังเอิญรู้พอดี” ขณะที่ปิงกล่าว “แน่นอน ข้ารู้แต่มันยากลำบากมากเลยนะ”
“เยี่ยมมาก! ข้าไม่กลัวความยากลำบาก” ถังเทียนโลดเต้นอย่างมีความสุข น้ำเสียงของเขามั่นคง“ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว”
ปิงสะดุ้งเหมือนกับว่าเขากำลังรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดชีวิต