ตอนที่ 316 หยาหยาผู้น่าสงสาร
แสงสว่างที่อยู่ต่อหน้าเขาหายวับไปทันทีทำให้ทัศนวิสัยของถังเทียนกลับอยู่ในสภาพมืด
ความมืดที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้ถังเทียนตกตะลึง
หือ!
ความมืดมาเร็วและไปเร็วในพริบตา เหมือนกับกระจกที่หายไป
หมัดน้อยๆของหยาหยาหยุดห่างจากจมูกของถังเทียนสองเซนติเมตร
ถังเทียนตะลึง
หยาหยามีความสุขมากกับปฏิกิริยาของถังเทียน แต่ลืมไปว่ามันยังอยู่ในกลางอากาศและมันร่วงลงกับพื้นทันทีกระแทกกับพื้นโดยตัวมันอ่อนนุ่มเหมือนเจลาติน ในพริบตามันก็เด้งขึ้นมาอีกและคืนสู่สภาพเดิม
ถังเทียนรู้สึกตัวและตะกุกตะกัก “หมัดเหล็กกลืนแสง...”
หยาหยาไขว้แขนตั้งท่าแบบจอมพลังอย่างมีความสุข
หลังจากหมุนตัวไปรอบๆ มันก็ถูกถังเทียนจับไว้ และยืดตัวมันเหมือนหนังยางแล้วปล่อยมันคืนสู่สภาพเดิมอีก “นอกจากดำขึ้นแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าใช้วิธีกลืนควันดำ? ข้าจะต้องวิเคราะห์หาดูไหม?ดูซิว่าการ์ดหมัดเหล็กกลืนแสงมันอยู่ตรงไหน?”
หยาหยาร่างแข็ง หน้าของมันเต็มไปด้วยความกลัว
“นั่นคือยอดวิชาโดดเด่นแต่ถูกตัวอ่อนขุนพลวิญญาณกินไป เสียของหมดนั่นคือเงินจำนวนมหาศาลนะ”
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธ และยิ่งเขาโกรธก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ สีหน้าที่เขามองหยาหยาไม่มีความปราณี หยาหยายิ้มประจบทันที แต่นอกจากตาของมันแล้ว ส่วนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นได้
มันเสียใจแทบบ้า ถ้ามันไม่อวดว่ามันมีฝีมือแล้ว มันจะไม่พบกับภัยพิบัติเช่นนี้
“ตอนนี้มีโอกาสให้มันทำงานชดใช้ความผิดแล้ว” เสียงของปิงดังมาจากด้านหลังถังเทียน
ถังเทียนหันไปมองปิงด้วยความสงสัย “โอกาสอะไร?”
“พลังของเจ้าก้าวหน้าจนเกินระดับของค่ายทหารใหม่ไปแล้ว ค่ายทหารใหม่ไม่สามารถช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้มากกว่านี้แล้ว ดังนั้นเราต้องไปที่ค่ายทหารจริงๆ กัน” ปิงอธิบาย เขาไม่ได้ยกเรื่องการต่อสู้วันนั้นมาพูด
“ค่ายทหารจริง?” ถังเทียนสนใจคำพูดของปิงทันทีและถามต่อ“ลุงบอกว่าค่ายทหารที่แท้จริง เป็นของกลุ่มดาวกางเขนใต้ทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”
“นั่นเป็นเรื่องจริง” ปิงกล่าว “แต่ที่ใกล้กับค่ายฝึกทหารใหม่ ความจริงยังมีค่ายทหารร้างอยู่”
“ค่ายทหารร้าง?” ถังเทียนสะดุ้ง
“ถูกแล้ว” ปิงรำพึง “นั่นเคยเป็นแนวหน้า และมีกองทหารประจำการที่นั่น แต่หลังจากนั้นอาณาเขตของเราขยายออกไปเพื่อขยับขยายพื้นที่ของทหารประจำการออกไป ดังนั้นค่ายทหารนั้นจึงถูกทิ้งร้าง”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ถังเทียนเข้าใจ จากนั้นถามด้วยความสงสัย “แล้วจะใช้ค่ายทหารร้างได้ยังไง?”
“มันอาจถูกทิ้งร้างแต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ประโยชน์ไม่ได้” ปิงอธิบายอย่างอดทน “และข้ายังคงควบคุมค่ายนั้นได้ ดังนั้นมันสามารถทำงานได้อีก มีความสามารถมากมายที่สามารถช่วยเจ้าได้ กองทัพดาวกางเขนใต้ มีค่ายทหารซึ่งมีความสามารถอย่างสมบูรณ์ และมันสามารถสร้างขุนพลวิญญาณผู้นำทหารระดับผู้กองออกมาได้อีกด้วย”
“นั่นก็หมายความว่าถ้ามีคนพบ พวกเขาก็สามารถสร้างขุนพลวิญญาณผู้นำทหารได้ใช่ไหม?” ถังเทียนถาม
ในที่สุดปิงก็ไม่อาจทนได้เขาแค่นเสียง “เจ้าคิดว่าใครๆ ก็สามารถทำให้มันใช้งานได้หรือ? มีแต่ผู้ที่มีพลังอย่างข้าจึงจะสามารถทำให้มันทำงานได้ การจัดอันดับของกองทัพเข้มงวดมากกว่าที่เจ้าคิดมากนัก เด็กใหม่”
เมื่อเห็นหน้าของปิงแสดงว่าตนเองคือคนสำคัญ ถังเทียนแค่นเสียงทันที “เฮ้, นายทหารอาวุโส อย่างนั้นท่านก็ไปเปิดการทำงานของมันซะสิ”
จากนั้นปิงค่อยรู้ตัวและพลิกลิ้นทันทีราวกับลมพัด “ด้วยการช่วยเหลือจากค่ายกองทัพ มันจะช่วยเหลือให้เจ้าสามารถฝึกฝนวิทยายุทธได้มากมาย ลองคิดดูปัจจุบันนี้เจ้าฝึกวิชาลมพรางและโล่อากาศโจมตี ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสุดยอดวิชาโดดเด่น ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกองทัพจะช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้อีกมากมาย ค่ายของกองทัพจะมีการฝึกฝนอบรมหลายเรื่องหลายหัวข้อซึ่งหัวข้อทั้งหมดก็เพื่อเค้นศักยภาพจนถึงขีดจำกัด”
“นี่พูดจริงหรือหลอกให้ดีใจ?” ถังเทียนไม่ค่อยอยากเชื่อเขา
“แน่อยู่แล้ว” ปิงรู้ว่าช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้วเขาเริ่มโม้เกี่ยวกับทุกอย่างที่เขามี “เจ้ารู้ไหมว่าในยุคของเรา โดยทั่วไปแล้วจะมีเสรีภาพมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฝึกฝนวิทยายุทธ ไม่มีข้อจำกัดข้อห้ามแบบนั้นอย่างที่เราพบอยู่ในปัจจุบันนี้ และการเค้นศักยภาพจนถึงขีดจำกัดก็คือหนึ่งในเสรีภาพที่เราจะทำได้ ยกตัวอย่างเช่น ฝึกกระบี่ไวที่สุด,พลังมหาศาลที่สุด, การป้องกันแข็งแกร่งที่สุด, สัญชาตญาณว่องไวที่สุด, ฝีเท้าคล่องแคล่วที่สุด ใครก็ตามสามารถถึงความชำนาญหนึ่งในทักษะเหล่านั้นก็จะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในค่ายทันที เจ้าพวกบ้านั่นระบายทุกอย่างกับการฝึกฝนทุกคนและใช้เวลากับการฝึกฝนตลอด ในสามกองทัพใหญ่ กองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ของเราดีที่สุดในเรื่องเสรีภาพ”
ถังเทียนเชื่อ “แล้วค่ายทหารร้างอยู่ที่ไหน?”
ปิงเดินมาอยู่ด้านซ้ายของถังเทียนและชี้ “ที่ตำแหน่งนั้น แต่เราต้องเปิดเส้นทางที่เต็มไปด้วยกรวดหินจากตำแหน่งนั้น หมัดกลืนแสงของหยาหยาจะเหมาะสมกับงานนี้”
หยาหยายืดอกเชิดหน้าแสดงสีหน้าว่า‘เรื่องนี้ไว้ใจข้าได้’
“เป็นอันตกลง” ถังเทียนโยนหยาหยาให้ปิงและถาม “ไปอีกไกลเท่าใด?”
สีหน้าปิงมีความสุขและกล่าว “ก็ไม่ไกลมาก แค่ข้ามที่ราบสูงนั้นไป”
“...ทะ ที่ราบสูง?” ถังเทียนถามตะกุกตะกัก
“ใช่แล้ว ข้าจำได้เมื่อเราใช้วิชาร่างแสงเพื่อการเดินทางของเราในเวลานั้นเราใช้เวลาประมาณสองเดือน” ปิงรำลึกอดีต “ที่ราบสูงนั้นกว้างขวางมาก และยังมีพวกเผ่าเซรามิคอยู่ที่นั่น ทหารของเราในอดีต เคยมีชนเผ่านั้นอยู่หลายคน”
ถังเทียนมองดูหยาหยาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เพราะมันต้องขุดเส้นทางตลอดแนวที่ราบสูง...
หยาหยาตกใจเป็นลมไปแล้ว
ถังเทียนออกจากค่ายทหารใหม่และเข้าไปในเมืองสามวิญญาณและทักทายกับผี่ผา นางพาเขาไปห้องค้นคว้าทดลองผู้เฒ่าเฟ่ย
“ยังนับว่าไม่เลวเลยนะ” ถังเทียนมองดูรอบๆ และพบว่าพื้นที่เพียงพอแล้วมีสมบัติดวงดาวหลายชิ้นวางเรียงรายส่องประกายเข้าตาเขา หลังจากใช้จ่ายไปถึงพันห้าร้อยล้านเหรียญกับสมบัติดวงดาว ผลที่ได้รับน่าทึ่งมาก ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญสายเลือดคนอื่นมาเห็นภาพนี้พวกเขาคงได้ตาร้อนจนกระอักเลือดอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
ผู้เฒ่าเฟ่ยหัวเราะอย่างโง่งมเขามีความสุขมากกับสภาพความเป็นอยู่ที่เขามี ตอนแรก เขากังวลใจอยู่บ้าง เขาไม่เคยได้ยินว่าเมืองสามวิญญาณจะมีสิ่งที่เขาไม่รู้จักรอเขาอยู่
แต่เมื่อตามติงตังกลับมาเมืองสามวิญญาณ เขาตะลึงเหมือนคนโง่งมเมื่อเห็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต
มันคือป้อมบรอนซ์ขนาดมหึมา!
ผู้เฒ่าเฟ่ยคาดว่าเจ้านายของเขาคงมาจากตระกูลเก่าแก่แน่นอน มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ขนาดนั้น ฐานทัพบรอนซ์ว่าทำให้เขาตกตะลึงได้มากพอแล้ว แต่งานฝีมือเชิงจักรกลของเซรีนยิ่งทำให้เขาตกตะลึงหนักขึ้นไปอีก เขาไม่มีความเข้าใจเรื่องอาวุธจักรกลเท่าใดนัก แต่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่จัดสรรให้กับนางนั้นทำให้วิศวกรจักรกลทั้งหลายต้องอิจฉาเป็นแน่
เซรีนจัดสรรพื้นที่ใหญ่น่าตกใจให้เขาทันทีและเขากล้ายืนยันได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญเมื่อเห็นสภาพเงื่อนไขความเป็นอยู่ปัจจุบันของเขาแล้ว พวกเขาคงได้ปฏิเสธเหรียญดาวทั้งหมดและวิ่งกรีดร้องโวยวายเป็นแน่
ถังเทียนมองดูพื้นที่ว่างและกล่าว“ถ้าท่านต้องการผู้ช่วยสักสองสามคน ก็เรียกมาได้เลย”
“ทำได้ด้วยเหรอ?” ผู้เฒ่าเฟ่ยร่าเริง เขารู้จักผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีชื่อเสียงหลายคนเมื่อเห็นห้องทดลองดังกล่าวแล้ว เขาคิดถึงเพื่อนเก่าของเขา
“ได้เลย” ถังเทียนกล่าว “ถ้ามีคนที่เหมาะสม ก็ติดต่อให้พวกเขามาได้เลย”
ถังเทียนมองดูผี่ผา นัยน์ตาเขาเป็นประกาย “ผี่ผา, เจ้ามีคำแนะนำว่าไงบ้าง?”
ถูกแล้ว ถ้าเขาไม่เข้าใจเพราะเขายังฉลาดไม่เพียงพอ เขายังมีสหายฉลาด
ผี่ผากระแอมจากนั้นถาม “เจ้านายท่านมีข้อขอร้องเกี่ยวกับห้องค้นคว้าทดลองยังไงบ้าง?”
“คำขอน่ะหรือ?” ถังเทียนสะดุ้ง “สามารถคลี่คลายพลังสายเลือดของข้าได้ไหม”
“ต้องการเอาไปใช้เพื่อทำกำไรหรือไม่?” ผี่ผาถามต่อ
“ยังไม่จำเป็น” ถังเทียนส่ายศีรษะ เขามีหลายวิธีสำหรับการหาเงิน แต่เขาไม่ต้องการทอดเวลายาวนานในการคลี่คลายพลังสายเลือดของเขาเพียงเพื่อประโยชน์กับการสร้างรายได้ “ข้าต้องการทราบผลให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ เป้าหมายเดียวของการสร้างห้องค้นคว้าวิจัยก็คือคลี่คลายเรื่องพลังสายเลือดของข้า”
“เข้าใจแล้ว” ผี่ผากล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าจะทำตามนั้นและกำหนดแผนงานที่เหมาะสม”
“ผี่ผามีอำนาจเต็มที่ ข้ามอบหมายให้เจ้าทั้งหมด” ถังเทียนพูดอย่างตื่นเต้น
ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ปฏิเสธ หลังจากผ่านไปได้สองสามวันของการตอบรับ ความรู้และความสามารถของผี่ผาทำให้เขามั่นใจ เมื่อเขามีข้อข้องใจใดๆ ก็ตาม เขาจะหาผี่ผาก่อนและนางยังน่าเชื่อถือมากกว่าเซรีนที่เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย
“เอาล่ะ ท่านผู้เฒ่าเฟ่ยช่วงนี้ได้ผลตอบรับอะไรมาบ้าง?” ถังเทียนถาม
“มีผลออกมาบางอย่าง” ผู้เฒ่าเฟ่ยกระตือรือร้น เขาแทบไม่ได้นอนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เอาแต่ค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องลืมแม้กระทั่งกินอาหาร เขาเข้าใจชัดมากกว่าเจ้านายทุ่มเงินถึงพันห้าร้อยล้านและจับตามองดูการค้นคว้าสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ผลลัพธ์ออกมายิ่งเจ้านายเห็นความสำคัญของเขา ความไว้วางใจในตัวเขาก็จะมากขึ้น
ถังเทียนเพียงแต่ถามดูตามปกติ แต่ไม่คาดว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะได้ผลบางอย่างจริงๆ เขาพูดทันที “มาเถอะ บอกมาเลย”
“นายท่านโปรดตามข้ามา” ผู้เฒ่าเฟ่ยนำทางและเดินผ่านประตูแล้วประตูเล่า เขามาถึงห้องที่มีการป้องกันแน่นหนาในส่วนลึกของห้องวิจัย
เมื่อเข้าไปแล้วถังเทียนให้ความสนใจเปลวเพลิงดำที่ลอยอยู่ในครอบแก้วทันที
“เพลิงดำที่สะสมอยู่ในสายเลือดของนายท่านหลังจากผ่านการแยกแยะและยืนยันล่าสุด มันคือเพลิงดำแห่งมิติว่าง” เมื่อได้พูดเรื่องถนัดของเขา ผู้เฒ่าเฟ่ยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “เพลิงดำมิติว่างคงสภาพอยู่ในมิติพื้นที่ว่างเปล่าและจนกระทั่งบัดนี้มีเพียงพลังสายเลือดสามรูปแบบเท่านั้นที่สามารถใช้เพลิงดำมิติว่าง แต่หลังจากผ่านการทดลองและควบคุมมันให้ออกมาสายเลือดของท่านไม่ใช่ทั้งสามแบบ และข้าตระหนักได้ว่า เพลิงดำมิติว่างในสายเลือดของท่านไม่ใช่เพลิงปกติธรรมดา”
“ไม่ธรรมดา? ท่านหมายความว่าไง?” ถังเทียนตะลึง
“ก็หมายความว่ามันไม่ได้ตกทอดมาจากบิดามารดาของท่าน” ผู้เฒ่าเฟ่ยอธิบาย
“ท่านหมายความว่ามันมาอยู่ในตัวข้าหลังจากข้าเกิดมาแล้วใช่ไหม?” ถังเทียนถาม
“เหตุผลของนายท่านถูกต้องแล้ว” สีหน้าของผู้เฒ่าเฟ่ยเคร่งเครียด “เพลิงดำมิติมืดนี้ผ่านกระบวนการมาอย่างรอบคอบและถูกบดอัดอยู่ในสายเลือดของนายท่าน นอกจากนั้นข้ายังพบสารที่เข้มข้นอย่างอื่นที่คล้ายกับเพลิงดำมิติว่าง”
ผู้เฒ่าเฟ่ยทำมือชี้ไปที่ครอบแก้วอีกชิ้นหนึ่ง
ถังเทียนไม่ได้สังเกตอยู่ก่อนนั้น แต่เมื่อตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิดเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นผลึกน้ำแข็งสีฟ้ามีขนาดเท่าเข็มลอยอยู่ข้างใน มันมีขนาดเล็กมาก แน่นอนถังเทียนจึงไม่ทันสังเกตเห็นมัน
ถังเทียนใจสั่นสะท้าน หรือว่าจะเป็น...
“ผลึกน้ำแข็งสีฟ้านี้มีพิษที่เข้มข้นน่ากลัวเรียกกันว่าหัวใจน้ำแข็งฟ้าเพราะใช้เป็นองค์ประกอบของคนโดยตรง ในอดีตจะมีคนใช้มันเพื่อฝึกควบคุมวิทยายุทธทางจิตมันเหมือนกับเพลิงดำมิติว่าง ได้จงใจผสมไว้ในสายเลือดของท่าน นอกจากนี้ หลังจากที่ผสานเข้ากับเพลิงมืดมิติว่างบังเอิญว่ามันมีความสมดุลกันดีอย่างละเอียดอ่อน วิธีที่มหัศจรรย์เช่นนั้นข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
จากนั้นผู้เฒ่าเฟ่ยกล่าวเบาๆ “เมื่อข้าแยกเพลิงดำมิติว่างและหัวใจน้ำแข็งฟ้าออกแล้ว สายเลือดของนายท่านกลับมีการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่”