ตอนที่แล้วตอนที่ 314 ความจำเสื่อม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 316 หยาหยาผู้น่าสงสาร

ตอนที่ 315 หลังเสร็จศึก


กลุ่มดาววาฬ

กงชิ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ปลาวาฬฝ่ามือลูบคางคิดอย่างหนัก เขาอายุหกสิบปีแล้วแต่ยังดูเหมือนคนวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีไม่มีท่าทางของคนเจ้าโทสะมีลักษณะเหมือนบัณฑิตผู้คงแก่เรียนเขาเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาววาฬมานานกว่าสิบปีแล้วเป็นที่เคารพรักและนับถืออย่างสุดซึ้งจากพลเมืองของเขา

ในตอนนี้ พลเมืองของเขาทุกคนโกรธ และรู้สึกเจ็บปวด

“ท่านประมุข,เราจะปล่อยไปอย่างนั้นไม่ได้นะ! กลุ่มดาววาฬของเราเป็นหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลาง  แม้ว่าเราจะไม่ชอบเดินทางไปที่ไกลๆ  แต่เราจะยอมทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร?  ภายใต้การจับตาของทุกคน เขาย่างเท้าเข้ากลุ่มดาววาฬของพวกเราและสร้างสมบัติดวงดาวมืด  ฮึ่ม,กลุ่มดาวหมาป่านั่นก็แค่กลุ่มดาวขอบฟ้าใต้พวกมันไม่มีคุณสมบัติหิ้วรองเท้าให้เรา และเจ้าถังเทียนนั่น ก็แค่นักสู้ระดับแปด มันกล้าทำเหมือนกลุ่มดาววาฬของพวกเราเป็นหินหยั่งเท้า  คงจะเบื่อหน่ายชีวิตแล้วกระมัง...”

บุรุษผู้กล้าและทรงพลังแข็งแกร่งคนหนึ่งรูปร่างสง่างามกล่าว

ฝูเยี่ยนคือหนึ่งในบริวารฝ่ายขวาของกงชิ่ง  เขามีชื่อเสียงและแข็งแกร่งมากในกลุ่มดาววาฬ

คนอื่นๆ พากันผงกศีรษะของพวกเขา  การต่อสู้ในกลุ่มดาวหมาป่าเดิมทีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาววาฬ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในท้ายที่สุดถังเทียนจะต่อต้านกลุ่มดาววาฬและสร้างสมบัติดวงดาวมืด เหมือนกับว่าเป็นการทำร้ายจิตใจชาวกลุ่มดาววาฬและพวกเขาโกรธแค้นมาก

กงชิ่งไม่ได้เหลือบตาและถามเฉื่อยชา“พวกเจ้ามีความเห็นอะไรบ้าง? พวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่กลุ่มใหญ่จะวิ่งออกไปหาคนกลุ่มน้อยแล้วเข่นฆ่าเด็กๆ น่ะหรือ  ถ้าข่าวแพร่ออกไปเราคงหนีข้อครหาว่าเป็นผู้เข้มแข็งรังแกผู้อ่อนแอกว่าไม่พ้น”

“เราสามารถไปที่สมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อกดดันพวกเขา  และขอให้ถังเทียนวางมือจากสมบัติมืดซะ  ข้าน้อยพบว่าถังเทียนมีตำแหน่งไม่สูงในสมาพันธ์ชาวยุทธ แค่ระดับเดียวกับจิ่งหาว ข้าเชื่อว่าแค่กดดันสมาพันธ์ชาวยุทธได้ พวกเขาจะไม่คัดค้านเรา” บุรุษผู้คล้ายบัณฑิตก้าวออกมา เขาชื่อจี๋ชิว เป็นที่ปรึกษาผู้โดดเด่น

“นั่นเป็นความคิดที่ดี!”ฝูเยี่ยนกำหมัดแน่น และตอบด้วยความตื่นเต้น

กงชิ่งผงกศีรษะ  “นั่นสินะ,แต่ถ้าถังเทียนไม่ตอบสนองจะเกิดอะไรขึ้น? เราต้องไปหาเรื่องกับเขาหรือไม่? หนึ่งในตำหนักระนาบกลางไปหาเรื่องกับเด็กตัวแสบ  ต่อให้เราชนะ ก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย”

จี๋ชิวกล่าวเฉลย “ข้าน้อยได้ยินมาว่า เดิมทีถังเทียนตั้งใจจะไปกลุ่มดาวกางเขนใต้  ถ้าถังเทียนไม่ยอมวางมือ เราสามารถปิดประตูดวงดาวระหว่างกลุ่มดาววาฬและกลุ่มดาวหมาป่าได้ถือเป็นการลงโทษตอบโต้”

กงชิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล กลุ่มดาววาฬเป็นทางลัดที่สุดเพื่อมุ่งสู่กลุ่มดาวกางเขนใต้  ถ้าถังเทียนและพวกไม่ปฏิบัติตาม  นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเดินทางอ้อมกันขนานใหญ่ ต้องใช้เวลาอีกมากมายและบางทีต้องเผชิญอันตราย  เนื่องจากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อยากขัดแย้งกับสมาพันธ์ชาวยุทธเช่นกัน และไม่มีใครสามารถพูดเรื่องนั้นได้

เขาผงกศีรษะ “งั้นก็ทำตามนั้น”

หน้าของถูหรูไห่เขียวคล้ำ เขารู้ว่าวันข้างหน้าคงไม่ดีแน่ เขาเสียหน้ามากหลังจากการต่อสู้ที่กลุ่มดาวหมาป่า หกองครักษ์ตระกูลถูคือผลงานที่เขาต้องทุ่มเทเลือด หยาดเหงื่อและน้ำตาเป็นสิ่งที่เขาต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้าง  และเรื่องที่ทำให้เขาโกรธมากขึ้นก็คือการกระทำสุดท้ายของเหมิงเว่ย นังแพศยานั่นไม่รู้วิธีตายที่สมควรกลับถ่ายเทพลังทั้งหมดเข้าไปในกระบี่ชำรุดเล่มหนึ่ง

ตอนนี้มีข่าวลือมากมายพูดกันว่าสถานะของเขาในฐานะผู้อาวุโสขอบฟ้าเหนือไม่มั่นคง

ผู้อาวุโสขององค์การวิญญาณมืดมีการจัดอันดับที่เข้มงวด  การจัดอันดับของพวกเขา คล้ายๆการจัดชั้นของกลุ่มดาว มีขอบฟ้าใต้, ขอบฟ้าเหนือ, ขั้วขอบฟ้า, ตำหนักระนาบกลาง,ตำหนักระนาบสุริยุปราคา  ทั้งห้าระดับชั้นแต่ละชั้นจะมีการจำกัดเจาะจงจำนวนผู้อาวุโสซึ่งต้องทำตามกฎ  และได้เลื่อนระดับยากมาก  นอกจากสร้างผลงานที่พิเศษต่อองค์การผู้อาวุโสที่ต้องการจะเลื่อนอันดับ จำเป็นต้องมีตำแหน่งว่างที่สูงกว่า

ผู้อาวุโสขอบฟ้าใต้หลายคนอิจฉาตำแหน่งของเขา  และไม่สามารถรอให้ตำแหน่งของเขาตกต่ำได้

ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าแทนที่ข้า!

ถูหรูไห่ยืนขึ้น เขาต้องหาความช่วยเหลือ ช่วยให้เขาชนะการต่อสู้ ถ้าไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสฝ่ายขอบฟ้าใต้จะเป็นเหมือนมังกรร้ายที่ไล่กวดหลังเขาต้องการจะหั่นเขาให้เป็นชิ้นๆ

ไม่มีการอนุญาตให้ชิงดีชิงเด่นในองค์การวิญญาณมืดนั่นเป็นคำพูดลมๆ แล้งๆ พวกเขาจะไม่ทำกันต่อหน้า แต่จะใช้วิธีการที่เจ้าเล่ห์แทน

ด้วยความรู้สึกที่เร่งด่วน  เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการ

เขาเดินไปที่ประตู แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที และต้องถอยกลับมาครึ่งก้าว

ประตูข้างหน้าเขาเปิดเองอัตโนมัติ และร่างหนึ่งพร้อมกับเคียวยมทูตขนาดใหญ่อยู่ที่หลังปรากฏตัวต่อหน้าเขา

“เคียวยมทูตดำ”

หน้าของถูหรูไห่บิดเบี้ยวทันที  แต่ก็ยังเปล่งเสียงสั่น“ใคร..ใครจ้างเจ้ามา? ข้าจะจ่ายให้เป็นสองเท่า ไม่สิสามเท่า”

อีกฝ่ายหนึ่งไม่สนใจเคียวยมทูตหายวับเข้ามาอยู่ในมือเขาทันทีและประกายสีดำวาบผ่าน....

*******************************

เจ้าเมืองอ้วนหลี่เปิดขวดเหล้าหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และรินใส่แก้วให้ม่อเว่ยเทียน “น้องม่อท่านต้องส่งอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านั้นทั้งหมดมาเร็วๆ ข้ายังต้องการสร้างกองทัพ”

ม่อเว่ยเทียนดูเหมือนมีความในใจ  แต่รู้สึกตัวโดยเร็ว  “ท่านเจ้าเมืองหาผู้นำทหารได้แล้วหรือ?”

“ไม่ผู้นำทหารใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ” เจ้าเมืองอ้วนหลี่หัวเราะ “แต่ข้ามีเงินมาก”

ม่อเว่ยเทียนผงะ “ท่านเจ้าเมืองร่ำรวยมาอีกแล้วหรือ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”  เจ้าเมืองหลี่ยิ้มอย่างมีความสุข  “ห้าเมืองหลุดจากอำนาจของถูหรูไห่แล้ว  สองเมืองกลับคืนมาอยู่ในเงื้อมมือข้า  นอกจากนี้ ข้ายังส่งคำพูดออกไปว่าข้าไม่ต้องการสามเมืองที่เหลือหึ หึ แมลงเล็กแมลงน้อยจะโผเข้าตะครุบแน่ ถูหรูไห่จบสิ้นแล้ว”

“ไวขนาดนั้นเชียวหรือ?”  ม่อเว่ยเทียนประหลาดใจ

“ถูหรูไห่ทำงานอย่างราบรื่นมามากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา  เขาทำข้อผิดพลาดเคลื่อนไหวอย่างประมาทพลาดท่าพ่ายทั้งกระดาน เขาคงถูกลืมเลือนไปนาน”  เจ้าเมืองหลี่จิบไวน์ในมือและกล่าวต่อ  “ถ้าเขามีเวลาได้อีกสิบวัน  เขาอาจจะมีโอกาสฟื้นคืนอีกครั้ง  น่าเสียดาย ข้ารอวันนี้มานานแล้ว”

เขาทำท่าเชือดคอ

ม่อเว่ยเทียนตาเบิกกว้าง เขาไม่อยากเชื่อ “อย่าบอกนะว่า....”

เจ้าเมืองหลี่หัวเราะและรินเหล้าใส่แก้วอีกครั้งและกล่าวอย่างมีความสุข  “บอกข้าที  ข้าควรจะฉลองหรือเปล่า?”

ม่อเว่ยเทียนตะลึง

*********************

ฐานที่มั่นตระกูลซือหม่า

ชิวจื่อจวินพูดอย่างใจเย็น  “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับอูหวังไห่มีน้อยนิด  แต่เราพบว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว  น่าสงสัยว่าขุนพลวิญญาณของอูหวังไห่ปรากฏตัวใกล้ๆกับกลุ่มดาวกางเขนใต้”

“กลุ่มดาวกางเขนใต้?”  ซือหม่าเซี่ยวหยิบอาหารรสโอชะใส่ปากและพูดทั้งที่อาหารเต็มปาก “คนของเราเข้าถึงข้อมูลได้ลึกซึ้งดี มีเบาะแสอื่นอีกไหม?”

“ไม่มี”ชิวจื่อจวินส่ายหัว

“ดูเหมือนเราทำได้แต่เพียงใช้ชีวิตอยู่กับมัน”  ซือหม่าเซี่ยวมีสีหน้าจนใจ

“แผนการที่เจ้าพูดไว้เรื่องจะชิงตำแหน่งประธานสมาคมจบสิ้นแล้วนะ”  ชิวจื่อจวินกล่าว  “ข้าได้รับข่าวว่า เหล่าผู้อาวุโสคิดว่าสาขาตระกูลที่หนึ่งเสียสละมากเกินไป  จึงตัดสินใจส่งเสริมสาขาที่หนึ่งดังนั้นพวกเขาจะยังยึดตำแหน่งนั้นต่อไป”

“ไม่มีทางเลือก,พื้นฐานของเรายังอ่อนเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ และพูดอู้อี้ “แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็หาผู้นำทหารดีๆได้แล้ว  ตราบใดที่เราสร้างกองทัพของเราได้  จะได้ตำแหน่งประมุขหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ใครกัน?”  ชิวจื่อจวินถาม

“กลุ่มดาวฟีนิกซ์เต๋อหรงผู้ได้รับฉายาว่าถุงมือเหล็ก”

ชิวจื่อจวินประหลาดใจ “เจ้ามั่นใจเขาหรือ?”

“ไม่กี่ปีมานี้ข้าได้ยินว่าธิดาของเขาป่วยด้วยโรคประหลาด  และตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ข้ามองหาวิธีรักษาให้เขา โชคดีที่ข้าหาวิธีนั้นพบเมื่อเร็วๆ นี้” ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “กลุ่มดาวฟีนิกซ์ไม่มีกองทัพ และเต๋อหรงไม่ได้เป็นทายาทโดยตรง เขาใช้เวลาในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ฆ่าเวลา  และไม่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร  สามารถหากองทัพได้ที่นี่  เขาจะไม่มีความสุขได้ยังไง?”

ชิวจื่อจวินผงกหัว “มาตรฐานของเขาดี  ความสำเร็จของเขาในกองทัพครั้งก่อนที่เราจะจ้างไว้ โดดเด่นจากอดีต  แม้ตั้งแต่เขาออกมา กองทหารก็อยู่ได้ไม่นาน  แต่ข้าได้ยินว่าเขาดื้อรั้นหัวแข็งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมรับคำสั่งจากเบื้องบนในกลุ่มดาวฟีนิกซ์”

“คนมีพรสวรรค์คนไหนไม่ดื้อบ้าง?”  ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ  “ถ้าข้าไม่ใจกว้างเท่านี้ข้าจะมีความสำเร็จได้ยังไง?  กองทัพที่มอบให้เขาเขาจะทำอะไรก็สุดแท้แต่  ข้าไม่ถามไถ่”

จากนั้นชิวจื่อจวินถามต่อ “อย่างนั้นเรื่องหยางอู่เล่า?”

หยางอู่คือคนที่ซือหม่าเซี่ยวเลือกไว้ก่อนนั้นและตอนนี้เขามีเต๋อหรง หยางอู่จึงไม่มีประโยชน์

ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “ให้เขาแข่งกัน ผู้แพ้กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นั่นยุติธรรมมากกว่า และไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วย

“นั่นเป็นความคิดที่ดี”  ชิวจื่อจวินตัดสินและถามขึ้นทันที  “ทำไมเจ้าถึงมองเรื่องนี้ในแง่ร้ายนัก?  หรือข้าควรบอกว่า ทำไมเจ้าถึงรู้สึกว่าถังเทียนจะมีผลต่อแผนการของเราจริง?”

ใบหน้าซือหม่าเซี่ยวมีรอยยิ้ม  “ข้าไม่รู้ แต่เตรียมตัวไว้จะดีกว่าจะได้ไม่เกิดเรื่องแย่”

เขายิ้มทันทีอีก“และท่านไม่คิดหรือว่าสองสามวันมานี้เงียบเกินไป?”

ถังเทียนเพิ่งเข้ามาในประตูแสง  เมื่อร่างสีดำวิ่งเข้ามาอยู่ต่อหน้าเขาและหยุดทันทีด้วยความกลัวเขา

เป็นหยาหยา

นั่นมัน..

“เฮ้, หยาหยาเจ้าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” ถังเทียนมองดูหยาหยาที่รอบๆ ตัวมีแต่ควันและตะลึง

ตลอดทั้งตัวของหยาหยาดำเหมือนกับว่าโผล่ออกมาจากปล่องไฟและเต็มไปด้วยเขม่า มีแต่เพียงตาของมันที่ขาว

หยาหยาชูมือทั้งสอง และเริ่มสารภาพผิด มันทำเสียงดูดที่ปาก

ถังเทียนสับสน และหลังจากนั้นชั่วขณะ เขาถาม“เจ้า..กำลังบอกว่า เจ้า..กลืนควันเข้าไปในตัวเจ้าหรือ?”

หยาหยาชี้ที่พุงของมันอย่างมีความสุข และเสนอหน้าว่าท่านยกย่องข้าจะดีกว่า

ถังเทียนบีบจมูกของมันและมืออีกข้างตีก้นมันและจับมันมาวางข้างหน้า

“สกปรกชะมัดข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ อย่ามาปีนป่ายข้าอีกต่อไป หึ หึ อย่างกะเครื่องขุด ดีนะว่าเจ้าดูดไอ้ควันโง่ๆ นั่น มันเสียงดังมาก” ถังเทียนกล่าวทันที “แต่ข้าขอบอกเจ้า  เจ้าตัวเล็ก การสูบไม่ดีต่อร่างกายเจ้า”

หยาหยาดิ้นหลุดจากถังเทียนที่จับจมูกกับก้นของมัน

มันร้องอย่างไม่พอใจ หมัดของมันทุบที่หน้าอกแสดงว่ามันทนและแข็งแกร่ง

“หวา..แกเจ้าตัวเล็ก  อย่านึกว่าย้อมดำแล้วเจ้าจะมีอะไรอย่างอื่น” ถังเทียนหัวเราะ  สีหน้าของเขาแสดงอาการขำขัน

หยาหยาโกรธ และทำท่างอแขนเบ่งกล้ามแสดงพลังของมัน

ถังเทียนมองดูธงที่บั้นท้ายหยาหยาสั่นพร้อมหยาหยาซึ่งดูขำขันมาก  เขาถึงกับงอตัวหัวเราะขำขันและใช้นิ้วโบกธงน้อยๆ

หยาหยาล้มลงกับพื้นเพราะถังเทียนควบคุมมันได้

หยาหยายิ่งโกรธ ปัง ปัง ปัง  มันเดินและกระโดดสองครั้ง  ในที่สุดถังเทียนก็ไล่ตามมันทันอีกครั้งจับธงที่อยู่ตรงบั้นท้ายหยาหยาอีกครั้ง

หยาหยายึดธงไว้ทันทีและรีบวิ่งหนีไปห่างๆ ก่อนจะหยุด

ครั้งนี้ถังเทียนเล่นจนพอแล้ว เขาแค่ยืนหัวเราะ  “ฮ่าฮ่า ก็ได้ วันนี้เลิกเล่นแค่นี้ก่อน ข้ามีเรื่องต้องทำ...”

หยาหยาตะโกนคำหนึ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น

“ฮั่วอี”

หมัดสีดำและคมกริบถูกปล่อยออกมาทันที

ถังเทียนตัวแข็งทื่อ และม่านตาของเขาหดลีบทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด