ตอนที่ 315 หลังเสร็จศึก
กลุ่มดาววาฬ
กงชิ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ปลาวาฬฝ่ามือลูบคางคิดอย่างหนัก เขาอายุหกสิบปีแล้วแต่ยังดูเหมือนคนวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีไม่มีท่าทางของคนเจ้าโทสะมีลักษณะเหมือนบัณฑิตผู้คงแก่เรียนเขาเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาววาฬมานานกว่าสิบปีแล้วเป็นที่เคารพรักและนับถืออย่างสุดซึ้งจากพลเมืองของเขา
ในตอนนี้ พลเมืองของเขาทุกคนโกรธ และรู้สึกเจ็บปวด
“ท่านประมุข,เราจะปล่อยไปอย่างนั้นไม่ได้นะ! กลุ่มดาววาฬของเราเป็นหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลาง แม้ว่าเราจะไม่ชอบเดินทางไปที่ไกลๆ แต่เราจะยอมทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร? ภายใต้การจับตาของทุกคน เขาย่างเท้าเข้ากลุ่มดาววาฬของพวกเราและสร้างสมบัติดวงดาวมืด ฮึ่ม,กลุ่มดาวหมาป่านั่นก็แค่กลุ่มดาวขอบฟ้าใต้พวกมันไม่มีคุณสมบัติหิ้วรองเท้าให้เรา และเจ้าถังเทียนนั่น ก็แค่นักสู้ระดับแปด มันกล้าทำเหมือนกลุ่มดาววาฬของพวกเราเป็นหินหยั่งเท้า คงจะเบื่อหน่ายชีวิตแล้วกระมัง...”
บุรุษผู้กล้าและทรงพลังแข็งแกร่งคนหนึ่งรูปร่างสง่างามกล่าว
ฝูเยี่ยนคือหนึ่งในบริวารฝ่ายขวาของกงชิ่ง เขามีชื่อเสียงและแข็งแกร่งมากในกลุ่มดาววาฬ
คนอื่นๆ พากันผงกศีรษะของพวกเขา การต่อสู้ในกลุ่มดาวหมาป่าเดิมทีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาววาฬ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในท้ายที่สุดถังเทียนจะต่อต้านกลุ่มดาววาฬและสร้างสมบัติดวงดาวมืด เหมือนกับว่าเป็นการทำร้ายจิตใจชาวกลุ่มดาววาฬและพวกเขาโกรธแค้นมาก
กงชิ่งไม่ได้เหลือบตาและถามเฉื่อยชา“พวกเจ้ามีความเห็นอะไรบ้าง? พวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่กลุ่มใหญ่จะวิ่งออกไปหาคนกลุ่มน้อยแล้วเข่นฆ่าเด็กๆ น่ะหรือ ถ้าข่าวแพร่ออกไปเราคงหนีข้อครหาว่าเป็นผู้เข้มแข็งรังแกผู้อ่อนแอกว่าไม่พ้น”
“เราสามารถไปที่สมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อกดดันพวกเขา และขอให้ถังเทียนวางมือจากสมบัติมืดซะ ข้าน้อยพบว่าถังเทียนมีตำแหน่งไม่สูงในสมาพันธ์ชาวยุทธ แค่ระดับเดียวกับจิ่งหาว ข้าเชื่อว่าแค่กดดันสมาพันธ์ชาวยุทธได้ พวกเขาจะไม่คัดค้านเรา” บุรุษผู้คล้ายบัณฑิตก้าวออกมา เขาชื่อจี๋ชิว เป็นที่ปรึกษาผู้โดดเด่น
“นั่นเป็นความคิดที่ดี!”ฝูเยี่ยนกำหมัดแน่น และตอบด้วยความตื่นเต้น
กงชิ่งผงกศีรษะ “นั่นสินะ,แต่ถ้าถังเทียนไม่ตอบสนองจะเกิดอะไรขึ้น? เราต้องไปหาเรื่องกับเขาหรือไม่? หนึ่งในตำหนักระนาบกลางไปหาเรื่องกับเด็กตัวแสบ ต่อให้เราชนะ ก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย”
จี๋ชิวกล่าวเฉลย “ข้าน้อยได้ยินมาว่า เดิมทีถังเทียนตั้งใจจะไปกลุ่มดาวกางเขนใต้ ถ้าถังเทียนไม่ยอมวางมือ เราสามารถปิดประตูดวงดาวระหว่างกลุ่มดาววาฬและกลุ่มดาวหมาป่าได้ถือเป็นการลงโทษตอบโต้”
กงชิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล กลุ่มดาววาฬเป็นทางลัดที่สุดเพื่อมุ่งสู่กลุ่มดาวกางเขนใต้ ถ้าถังเทียนและพวกไม่ปฏิบัติตาม นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเดินทางอ้อมกันขนานใหญ่ ต้องใช้เวลาอีกมากมายและบางทีต้องเผชิญอันตราย เนื่องจากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อยากขัดแย้งกับสมาพันธ์ชาวยุทธเช่นกัน และไม่มีใครสามารถพูดเรื่องนั้นได้
เขาผงกศีรษะ “งั้นก็ทำตามนั้น”
หน้าของถูหรูไห่เขียวคล้ำ เขารู้ว่าวันข้างหน้าคงไม่ดีแน่ เขาเสียหน้ามากหลังจากการต่อสู้ที่กลุ่มดาวหมาป่า หกองครักษ์ตระกูลถูคือผลงานที่เขาต้องทุ่มเทเลือด หยาดเหงื่อและน้ำตาเป็นสิ่งที่เขาต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้าง และเรื่องที่ทำให้เขาโกรธมากขึ้นก็คือการกระทำสุดท้ายของเหมิงเว่ย นังแพศยานั่นไม่รู้วิธีตายที่สมควรกลับถ่ายเทพลังทั้งหมดเข้าไปในกระบี่ชำรุดเล่มหนึ่ง
ตอนนี้มีข่าวลือมากมายพูดกันว่าสถานะของเขาในฐานะผู้อาวุโสขอบฟ้าเหนือไม่มั่นคง
ผู้อาวุโสขององค์การวิญญาณมืดมีการจัดอันดับที่เข้มงวด การจัดอันดับของพวกเขา คล้ายๆการจัดชั้นของกลุ่มดาว มีขอบฟ้าใต้, ขอบฟ้าเหนือ, ขั้วขอบฟ้า, ตำหนักระนาบกลาง,ตำหนักระนาบสุริยุปราคา ทั้งห้าระดับชั้นแต่ละชั้นจะมีการจำกัดเจาะจงจำนวนผู้อาวุโสซึ่งต้องทำตามกฎ และได้เลื่อนระดับยากมาก นอกจากสร้างผลงานที่พิเศษต่อองค์การผู้อาวุโสที่ต้องการจะเลื่อนอันดับ จำเป็นต้องมีตำแหน่งว่างที่สูงกว่า
ผู้อาวุโสขอบฟ้าใต้หลายคนอิจฉาตำแหน่งของเขา และไม่สามารถรอให้ตำแหน่งของเขาตกต่ำได้
ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าแทนที่ข้า!
ถูหรูไห่ยืนขึ้น เขาต้องหาความช่วยเหลือ ช่วยให้เขาชนะการต่อสู้ ถ้าไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสฝ่ายขอบฟ้าใต้จะเป็นเหมือนมังกรร้ายที่ไล่กวดหลังเขาต้องการจะหั่นเขาให้เป็นชิ้นๆ
ไม่มีการอนุญาตให้ชิงดีชิงเด่นในองค์การวิญญาณมืดนั่นเป็นคำพูดลมๆ แล้งๆ พวกเขาจะไม่ทำกันต่อหน้า แต่จะใช้วิธีการที่เจ้าเล่ห์แทน
ด้วยความรู้สึกที่เร่งด่วน เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องดำเนินการ
เขาเดินไปที่ประตู แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที และต้องถอยกลับมาครึ่งก้าว
ประตูข้างหน้าเขาเปิดเองอัตโนมัติ และร่างหนึ่งพร้อมกับเคียวยมทูตขนาดใหญ่อยู่ที่หลังปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“เคียวยมทูตดำ”
หน้าของถูหรูไห่บิดเบี้ยวทันที แต่ก็ยังเปล่งเสียงสั่น“ใคร..ใครจ้างเจ้ามา? ข้าจะจ่ายให้เป็นสองเท่า ไม่สิสามเท่า”
อีกฝ่ายหนึ่งไม่สนใจเคียวยมทูตหายวับเข้ามาอยู่ในมือเขาทันทีและประกายสีดำวาบผ่าน....
*******************************
เจ้าเมืองอ้วนหลี่เปิดขวดเหล้าหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และรินใส่แก้วให้ม่อเว่ยเทียน “น้องม่อท่านต้องส่งอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านั้นทั้งหมดมาเร็วๆ ข้ายังต้องการสร้างกองทัพ”
ม่อเว่ยเทียนดูเหมือนมีความในใจ แต่รู้สึกตัวโดยเร็ว “ท่านเจ้าเมืองหาผู้นำทหารได้แล้วหรือ?”
“ไม่ผู้นำทหารใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ” เจ้าเมืองอ้วนหลี่หัวเราะ “แต่ข้ามีเงินมาก”
ม่อเว่ยเทียนผงะ “ท่านเจ้าเมืองร่ำรวยมาอีกแล้วหรือ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เจ้าเมืองหลี่ยิ้มอย่างมีความสุข “ห้าเมืองหลุดจากอำนาจของถูหรูไห่แล้ว สองเมืองกลับคืนมาอยู่ในเงื้อมมือข้า นอกจากนี้ ข้ายังส่งคำพูดออกไปว่าข้าไม่ต้องการสามเมืองที่เหลือหึ หึ แมลงเล็กแมลงน้อยจะโผเข้าตะครุบแน่ ถูหรูไห่จบสิ้นแล้ว”
“ไวขนาดนั้นเชียวหรือ?” ม่อเว่ยเทียนประหลาดใจ
“ถูหรูไห่ทำงานอย่างราบรื่นมามากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เขาทำข้อผิดพลาดเคลื่อนไหวอย่างประมาทพลาดท่าพ่ายทั้งกระดาน เขาคงถูกลืมเลือนไปนาน” เจ้าเมืองหลี่จิบไวน์ในมือและกล่าวต่อ “ถ้าเขามีเวลาได้อีกสิบวัน เขาอาจจะมีโอกาสฟื้นคืนอีกครั้ง น่าเสียดาย ข้ารอวันนี้มานานแล้ว”
เขาทำท่าเชือดคอ
ม่อเว่ยเทียนตาเบิกกว้าง เขาไม่อยากเชื่อ “อย่าบอกนะว่า....”
เจ้าเมืองหลี่หัวเราะและรินเหล้าใส่แก้วอีกครั้งและกล่าวอย่างมีความสุข “บอกข้าที ข้าควรจะฉลองหรือเปล่า?”
ม่อเว่ยเทียนตะลึง
*********************
ฐานที่มั่นตระกูลซือหม่า
ชิวจื่อจวินพูดอย่างใจเย็น “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับอูหวังไห่มีน้อยนิด แต่เราพบว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว น่าสงสัยว่าขุนพลวิญญาณของอูหวังไห่ปรากฏตัวใกล้ๆกับกลุ่มดาวกางเขนใต้”
“กลุ่มดาวกางเขนใต้?” ซือหม่าเซี่ยวหยิบอาหารรสโอชะใส่ปากและพูดทั้งที่อาหารเต็มปาก “คนของเราเข้าถึงข้อมูลได้ลึกซึ้งดี มีเบาะแสอื่นอีกไหม?”
“ไม่มี”ชิวจื่อจวินส่ายหัว
“ดูเหมือนเราทำได้แต่เพียงใช้ชีวิตอยู่กับมัน” ซือหม่าเซี่ยวมีสีหน้าจนใจ
“แผนการที่เจ้าพูดไว้เรื่องจะชิงตำแหน่งประธานสมาคมจบสิ้นแล้วนะ” ชิวจื่อจวินกล่าว “ข้าได้รับข่าวว่า เหล่าผู้อาวุโสคิดว่าสาขาตระกูลที่หนึ่งเสียสละมากเกินไป จึงตัดสินใจส่งเสริมสาขาที่หนึ่งดังนั้นพวกเขาจะยังยึดตำแหน่งนั้นต่อไป”
“ไม่มีทางเลือก,พื้นฐานของเรายังอ่อนเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ และพูดอู้อี้ “แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็หาผู้นำทหารดีๆได้แล้ว ตราบใดที่เราสร้างกองทัพของเราได้ จะได้ตำแหน่งประมุขหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
“ใครกัน?” ชิวจื่อจวินถาม
“กลุ่มดาวฟีนิกซ์เต๋อหรงผู้ได้รับฉายาว่าถุงมือเหล็ก”
ชิวจื่อจวินประหลาดใจ “เจ้ามั่นใจเขาหรือ?”
“ไม่กี่ปีมานี้ข้าได้ยินว่าธิดาของเขาป่วยด้วยโรคประหลาด และตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ข้ามองหาวิธีรักษาให้เขา โชคดีที่ข้าหาวิธีนั้นพบเมื่อเร็วๆ นี้” ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “กลุ่มดาวฟีนิกซ์ไม่มีกองทัพ และเต๋อหรงไม่ได้เป็นทายาทโดยตรง เขาใช้เวลาในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ฆ่าเวลา และไม่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร สามารถหากองทัพได้ที่นี่ เขาจะไม่มีความสุขได้ยังไง?”
ชิวจื่อจวินผงกหัว “มาตรฐานของเขาดี ความสำเร็จของเขาในกองทัพครั้งก่อนที่เราจะจ้างไว้ โดดเด่นจากอดีต แม้ตั้งแต่เขาออกมา กองทหารก็อยู่ได้ไม่นาน แต่ข้าได้ยินว่าเขาดื้อรั้นหัวแข็งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมรับคำสั่งจากเบื้องบนในกลุ่มดาวฟีนิกซ์”
“คนมีพรสวรรค์คนไหนไม่ดื้อบ้าง?” ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “ถ้าข้าไม่ใจกว้างเท่านี้ข้าจะมีความสำเร็จได้ยังไง? กองทัพที่มอบให้เขาเขาจะทำอะไรก็สุดแท้แต่ ข้าไม่ถามไถ่”
จากนั้นชิวจื่อจวินถามต่อ “อย่างนั้นเรื่องหยางอู่เล่า?”
หยางอู่คือคนที่ซือหม่าเซี่ยวเลือกไว้ก่อนนั้นและตอนนี้เขามีเต๋อหรง หยางอู่จึงไม่มีประโยชน์
ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “ให้เขาแข่งกัน ผู้แพ้กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นั่นยุติธรรมมากกว่า และไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วย
“นั่นเป็นความคิดที่ดี” ชิวจื่อจวินตัดสินและถามขึ้นทันที “ทำไมเจ้าถึงมองเรื่องนี้ในแง่ร้ายนัก? หรือข้าควรบอกว่า ทำไมเจ้าถึงรู้สึกว่าถังเทียนจะมีผลต่อแผนการของเราจริง?”
ใบหน้าซือหม่าเซี่ยวมีรอยยิ้ม “ข้าไม่รู้ แต่เตรียมตัวไว้จะดีกว่าจะได้ไม่เกิดเรื่องแย่”
เขายิ้มทันทีอีก“และท่านไม่คิดหรือว่าสองสามวันมานี้เงียบเกินไป?”
ถังเทียนเพิ่งเข้ามาในประตูแสง เมื่อร่างสีดำวิ่งเข้ามาอยู่ต่อหน้าเขาและหยุดทันทีด้วยความกลัวเขา
เป็นหยาหยา
นั่นมัน..
“เฮ้, หยาหยาเจ้าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” ถังเทียนมองดูหยาหยาที่รอบๆ ตัวมีแต่ควันและตะลึง
ตลอดทั้งตัวของหยาหยาดำเหมือนกับว่าโผล่ออกมาจากปล่องไฟและเต็มไปด้วยเขม่า มีแต่เพียงตาของมันที่ขาว
หยาหยาชูมือทั้งสอง และเริ่มสารภาพผิด มันทำเสียงดูดที่ปาก
ถังเทียนสับสน และหลังจากนั้นชั่วขณะ เขาถาม“เจ้า..กำลังบอกว่า เจ้า..กลืนควันเข้าไปในตัวเจ้าหรือ?”
หยาหยาชี้ที่พุงของมันอย่างมีความสุข และเสนอหน้าว่าท่านยกย่องข้าจะดีกว่า
ถังเทียนบีบจมูกของมันและมืออีกข้างตีก้นมันและจับมันมาวางข้างหน้า
“สกปรกชะมัดข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ อย่ามาปีนป่ายข้าอีกต่อไป หึ หึ อย่างกะเครื่องขุด ดีนะว่าเจ้าดูดไอ้ควันโง่ๆ นั่น มันเสียงดังมาก” ถังเทียนกล่าวทันที “แต่ข้าขอบอกเจ้า เจ้าตัวเล็ก การสูบไม่ดีต่อร่างกายเจ้า”
หยาหยาดิ้นหลุดจากถังเทียนที่จับจมูกกับก้นของมัน
มันร้องอย่างไม่พอใจ หมัดของมันทุบที่หน้าอกแสดงว่ามันทนและแข็งแกร่ง
“หวา..แกเจ้าตัวเล็ก อย่านึกว่าย้อมดำแล้วเจ้าจะมีอะไรอย่างอื่น” ถังเทียนหัวเราะ สีหน้าของเขาแสดงอาการขำขัน
หยาหยาโกรธ และทำท่างอแขนเบ่งกล้ามแสดงพลังของมัน
ถังเทียนมองดูธงที่บั้นท้ายหยาหยาสั่นพร้อมหยาหยาซึ่งดูขำขันมาก เขาถึงกับงอตัวหัวเราะขำขันและใช้นิ้วโบกธงน้อยๆ
หยาหยาล้มลงกับพื้นเพราะถังเทียนควบคุมมันได้
หยาหยายิ่งโกรธ ปัง ปัง ปัง มันเดินและกระโดดสองครั้ง ในที่สุดถังเทียนก็ไล่ตามมันทันอีกครั้งจับธงที่อยู่ตรงบั้นท้ายหยาหยาอีกครั้ง
หยาหยายึดธงไว้ทันทีและรีบวิ่งหนีไปห่างๆ ก่อนจะหยุด
ครั้งนี้ถังเทียนเล่นจนพอแล้ว เขาแค่ยืนหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ก็ได้ วันนี้เลิกเล่นแค่นี้ก่อน ข้ามีเรื่องต้องทำ...”
หยาหยาตะโกนคำหนึ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ฮั่วอี”
หมัดสีดำและคมกริบถูกปล่อยออกมาทันที
ถังเทียนตัวแข็งทื่อ และม่านตาของเขาหดลีบทันที