ตอนที่ 314 ความจำเสื่อม
เพลิงดำรวมตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่พุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
ลำแสงครั้งที่สองสลายไปในทันที ขณะที่เพลิงดำไม่ได้สลายไปกลับเป็นเหมือนภูตอสูรดวงดาวที่กระหายเลือดทะยานเข้าหากลุ่มดาววาฬในท้องฟ้า
มันทะยานสูงขึ้นทุกทีแต่ก็ไม่เพียงพอไปถึงกลุ่มดาววาฬ หลังจากไปไกลได้สองสามร้อยเมตร ในที่สุดก็หายไปในอากาศ
ถังเทียนแหงนหน้ามอง เพลิงดำทั้งตัวเขาพุ่งออกมาได้ดูเหมือนไม่สิ้นสุด เขาจ้องมองท้องฟ้าเหนือหัวเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย เปลวเพลิงสีดำหนาแน่นมีความรุนแรงมาก เขาเป็นเหมือนโจรที่คลานออกมาแดนมิคสัญญีเพลิงดำที่ครอบคลุมทั่วตัวเขาเหมือนกับรอยเปรอะเลือด
ลำแสงของกลุ่มดาววาฬกระพริบวูบวาบแต่ไม่ได้ยิงแสงครั้งที่สามออกมา
ภาพของกลุ่มดาววาฬค่อยๆจางลงแล้วหายไป
“เฮอะ!” ในมิติว่างเปล่า อูหวังไห่แค่นเสียงไม่พอใจ
เมฆดำสลายออกไปอย่างรวดเร็ว แสงตะวันฉายทะลุกลีบเมฆกำจัดแรงกดดันในหัวใจผู้คนทุกคนปลอดโปร่งโล่งใจทันที
ความคลั่งในดวงตาของถังเทียนค่อยๆลดลง
เขาลอยอยู่ในท้องฟ้าอย่างเงียบๆและมองลงมา แต่ใจของเขาคิดอย่างรวดเร็ว ข้ากำลังจะหลับไหลอีกครา เอ,เจ้าโง่นั่นมีสติปัญญาได้ไม่ถึงครึ่งของข้าเลย
ถ้าเป็นข้า...ข้าคงได้สัมผัสความจริงไปแล้ว....
เขาเก็บความคิดที่ไม่มีทางเป็นจริงนี้โยนทิ้งไว้เบื้องหลัง
อูหวังไห่ก็คือเซียนกระบี่ และดูเหมือนว่า บิดาข้าจะไม่ใช่คนธรรมดา และความลับที่ยังไม่รู้ในตัวของข้าดูเหมือนจะมีมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก ความทรงจำและข้อมูลที่ชิงมาได้จากพลังของกลุ่มดาวนกยูงและยังเพิ่มเพลิงดำจากมิติว่าง การชักกระบี่กักสมุทร อีกทั้งคลื่นข้อมูลวิชากระบี่และข้อมูลที่เข้ามาในสมองของเขา
ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงกระบวนการสมคบคิดบางอย่าง เจ้าคนบัดซบนั่นต้องการจะทำอะไรกันแน่?
กองทัพดาวกางเขนใต้, เซียนกระบี่...ทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกันหรือเปล่า....
ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกเจ็บปวดในหัว มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงจนถังเทียนต้องกุมศีรษะโดยไม่รู้ตัว
โธ่เว้ย!
เพลิงดำในตัวของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระบี่กักสมุทรในมือขวาของเขาก็อันตรธานไปเหมือนกับฟองน้ำต้องแสงตะวัน หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ เขาขมวดคิ้วแน่นทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดแสนสาหัส
บ้าจริงๆ..ขอเวลาให้ข้าอีกสักหน่อยเถอะ...
ถังเทียนจมลึกลงไปในความมืดไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อสูญเสียการควบคุมร่างกาย เขาร่วงลงจากอากาศทันทีในวินาทีที่เขาจะกระแทกกับพื้นทรายกระบี่ปลอดสำเนียงในมือซ้ายของเขาเปล่งแสงสลัวทันที รองรับร่างของเขายับยั้งจากการร่วงลงมา
พอเขาร่วงลงมาห่างจากพื้นครึ่งเมตรรังสีจากกระบี่ก็หายไปและปล่อยให้เขาร่วงลงกับพื้นทราย
ร่างสองร่างพุ่งวาบผ่านทะเลทรายเข้ามาเหมือนลมพัดเมื่อเห็นถังเทียนร่วงลงมา อาเฮ่อและหลิงซิ่วชะงักก่อนจะวิ่งเข้ามา
ในมิติว่างใบหน้าของอูหวังไห่มีแววกังวลเลือนราง
“ผิดแผนเสียแล้ว เจ้าเด็กนี่กระตุ้นจิตสำนึกที่สองเร็วเกินไป นั่นช่างน่าทึ่งจริงๆ แต่ว่า...”
อูหวังไห่มีรอยยิ้ม
“จิตสำนึกที่สองของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งมาก! คาดว่า...”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงช้าๆ จากนั้นร่างเขาในมิติว่างค่อยๆ เลือนหายไป
ไม่ว่าจะเป็นนักสู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่อสู้หรือนักสู้ที่ชมการต่อสู้ผ่านจอ มีทุกอารมณ์ที่ซับซ้อนให้เห็น แต่ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เพียงแต่ว่าตอนนี้มีข้อสงสัยอยู่มากมายซึ่งกลุ่มพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉากจะต้องสืบสวน
สิ่งที่จะต้องถูกสืบเสาะหาข้อมูลมากที่สุดก็คือกระบี่เพลิงดำในมือของถังเทียน
ในเวลาอันรวดเร็วชื่อของเซียนกระบี่อูหวังไห่ก็ออกมา
มาถึงตอนนี้ไม่มีใครกล้าลงมือโดยพลการอีก ถ้าต้องพัวพันกับเซียนกระบี่ ต่อให้เขาตายไปถึง 1500 ปีแล้วก็ตามและกระบี่กักสมุทรก็ยังอยู่ในเงื้อมมือของถังเทียนนั่นพิสูจน์ได้ว่าพลังของมันไม่ได้ลดทอนลงไปเลย ตำนานของเซียนกระบี่ผู้บ้าคลั่งกระหายเลือดมีแนวโน้มว่าอาจใช้วิธีเป็นขุนพลวิญญาณเพื่อความอยู่รอด
ขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่นั่นทำให้หลายคนสะดุ้ง
บางส่วนของกลุ่มอิทธิพลที่ทรงอำนาจที่มีความสามารถโดดเด่นเริ่มทำการสอบสวนความสำเร็จของอูหวังไห่กันตั้งแต่แรกเริ่ม จากนั้นพวกเขาค้นหาลักษณะที่น่าสงสัยแต่ก็ไม่พบร่องรอยความเกี่ยวข้องใดๆ ความสำเร็จในชีวิตของอูหวังไห่หาดูได้ยาก แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนกระบี่ในเวลานั้นก็ตาม แต่เวลานั้นหลายๆ คนให้ความสำคัญกับวิธีดั้งเดิม และอูหวังไห่มักใช้ชีวิตที่เดียวดายไม่ทิ้งคำพูดใดๆ ไว้เบื้องหลังเลย
เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่ามีเหตุผลอื่น?
ไม่ว่ากลุ่มมหาอำนาจจะพยายามสืบสวนอย่างลับๆยังไงก็ตาม ชื่อของถังเทียนแพร่กระจายไปทั่วขอบฟ้าใต้ ขอบฟ้าเหนือแม้แต่ห้าดินแดนขั้วขอบฟ้าอีกด้วย
ถังเทียนลืมตาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสามวัน
เมื่อมองเห็นเพดานเขาถึงกับตะลึง “เอ๋ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยัไง?”
ข้ากำลังสู้อยู่ไม่ใช่หรือ?
สีหน้าของเขาเปลี่ยนและร้องขึ้นมาทันที “อ๊า..ข้าหลับลึกหรือนี่? พระเจ้า! เสี่ยวซิ่ว, เสี่ยวเฮ่อ พวกเจ้าต้องทนก่อนนะ”
ถังเทียนตะโกนและกระโดดลุกขึ้นทันทีเขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและวิ่งออกมาทันที
เมื่อเขาวิ่งออกมานอกห้องก็ต้องตะลึงอีกครา ที่มั่นที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังคึกคักด้วยกิจกรรมต่างๆราวกับว่ามีงานเฉลิมฉลอง
นี่มัน...
“นายท่านฟื้นแล้ว!” ทันใดนั้นนักสู้คนหนึ่งตะโกนขึ้น
ถังเทียนตกใจ
เสียงตะโกนส่งผลให้คลื่นมหาชนและเหล่านักสู้หลั่งไหลเข้ามาทันที
“นายท่าน! ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้ารู้แล้ว่านายท่านจะปลอดภัย!”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้!”
……
….
เสียงโห่ร้องอย่างฉับพลันพร้อมกับฝูงชนรุมล้อมทำให้สมองของถังเทียนงุนงง เขาสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อาเฮ่อและหลิงซิ่วเข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นถังเทียนทำสีหน้างุนงง อาเฮ่อรู้สึกขัดใจ
หลิงซิ่วกัดฟันกรอดๆ “เจ้างี่เง่านี่ฟื้นขึ้นจนได้ มาให้ข้าทุบซะดีๆ”
อาเฮ่อฉุดหลิงซิ่วไว้ทันที
ทันใดนั้นถังเทียนก็สังเกตเห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยสองสามคนและเขารู้สึกประหลาดใจ “เอ๊ะ,เจ้าวัวแมงวัน, ทำไมพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้?”
เขามองดูคนทั้งสี่โบกมือให้เขาอย่างงุนงง ทั้งสี่คนมีสีหน้าละอาย
“ความจริงเรามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า แต่มีคนขัดขวางเราในระหว่างทาง” สีหน้าของทั้งสี่คนผิดปกติ ในที่สุดเหลียงชิวเป็นคนอธิบาย เดิมทีพวกเขาถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรและถูกคนขัดขวางไว้
อาโมรี่ยิ้มอย่างอึดอัด “เราทำร้ายคนสองสามคนที่กักกันเรา”
“เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม?” หานปิงหนิงรวบรวมความกล้าและถาม
“ข้าปลอดภัย” ถังเทียนส่ายศีรษะ เขาไม่ได้แจกแจงสถานการณ์ “ข้าคิดว่าข้าหลับเพลินนะ”
“หลับเพลิน?”
ทั้งสี่คนสะดุ้ง
อาโมรี่หัวเราะ “ข้าบอกพวกเจ้าทุกคนแล้ว ถังพื้นฐานมีร่างกายที่เหมือนใครซะที่ไหน บาดเจ็บมากมายก็เหมือนกับการหลับ”
จากนั้นสามคนค่อยตระหนักรู้
“ข้าได้รับบาดเจ็บเหรอ?” ตอนนี้ถังเทียนยังคงตะลึง เขาก้มมองตัวเอง “ข้าไม่รู้สึกว่าได้รับบาดเจ็บเลยนะ”
ถึงตอนนี้เองอาเฮ่อและหลิงซิ่วเดินเข้ามาถึง หลิงซิ่วสงบอารมณ์ได้มากแล้วหลังจากอาเฮ่อปลอบให้ใจเย็น เมื่อได้ยินคำพูดของถังเทียน อาเฮ่อสงสัย“เจ้าจำการต่อสู้ไม่ได้เลยเหรอ?”
“การต่อสู้? ต่อสู้อะไร?” ถังเทียนเกาศีรษะมีสีหน้าสับสนงุนงง
ถึงตอนนี้ทุกคนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
“เจ้าจำอะไรไม่ได้จริงๆ หรือ?” สีหน้าของหลิงซิ่วเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหาเรื่องกับเจ้าเลยพยายามเสพูดเป็นอย่างอื่นใช่หรือเปล่า?”
“ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องกับข้าด้วยเล่า?” ถังเทียนไม่เข้าใจ
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ?” หลิงซิ่วไม่สบายใจ
“จำอะไรกัน?” ถังเทียนชักจะหงุดหงิด “อย่ามาล้อเล่นกับข้าได้ไหม? ข้าจะบอกพวกเจ้าทุกคนก็ได้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนคงสุมหัวกันหลอกข้าอีกใช่ไหม? ไม่มีทาง, ข้าแค่หลับเพลินไปหน่อยก็เท่านั้น”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงใจของถังเทียน ทุกคนพูดไม่ออก
อาเฮ่อ : “เจ้าปลดปล่อยเพลิงสีดำออกมาได้ฉับพลัน”
หลิงซิ่ว : “จากนั้นเจ้าชักกระบี่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้”
อาเฮ่อ“และเหมิงเว่ยก็กระตุ้นพลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาว”
หลิงซิ่ว“นั่นคือกระบี่ที่นางให้มา”
ถังเทียนขมวดคิ้วและถาม “แล้วนางฟันข้าหรือเปล่า?”
อาเฮ่อ“นางมอบกระบี่ให้เจ้า”
หลิงซิ่ว“จากนั้นนางก็ตาย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ถังเทียนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เรื่องเล่าของเจ้ายังไม่ดีพอ นางมอบกระบี่ให้ข้าแล้วนางก็ตายงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า! สงสัยว่าข้าคงหล่อเกินกระมัง? เจ้าวัวแมงวัน ข้าหล่อกว่าเจ้าแล้ว!”
อาโมรี่ทำหน้าพิกล“ถังพื้นฐาน, พวกเขาไม่ได้โกหกเจ้า”
“เรื่องหลอกเด็กพื้นๆ แบบนี้ เจ้าต้องการอำหนุ่มน้อยชาวฟ้าหรือไง ฮ่า ฮ่ารู้นะว่าคิดอะไรอยู่!” ถังเทียนยิ้มกว้าง
“กระบี่อยู่กับเจ้า” อาเฮ่อชี้ที่เอวถังเทียน
ถังเทียนมองดูและสะดุ้ง แต่ก็ตอบอย่างมั่นใจ “พวกเจ้าต้องเอามาวางไว้บนตัวข้าแน่”
ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจกระบี่ที่เอวเลย แต่เมื่อเขาสัมผัสฝักกระบี่ เขาก็ต้องสะดุ้งความรู้สึกที่แปลกประหลาดผุดขึ้นมาในตัวทันที
“เอ๊ะ! รู้สึกแปลกๆ”ถังเทียนทำหน้างงงวย
อาเฮ่อจ้องมองสีหน้าถังเทียนและรีบถามทันที “รู้สึกยังไง?”
“เหมือนกับจะคุ้นและแปลกประหลาด เอ่,กระบี่นี่มีจิตวิญญาณยุทธด้วย” ถังเทียนประหลาดใจ
อาเฮ่อสะดุ้งในใจ “ลองแทงฟันดู”
ทุกคนกระจายตัวออกเว้นพื้นที่ว่างให้ถังเทียน
ถังเทียนไม่ยิ้มอีกต่อไป เขาสัมผัสฝักกระบี่และเกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยอีกครั้ง เหมือนกับว่าเขาเคยฝึกวิชากระบี่มานานมากแล้ว ซึ่งก็แปลกมากเขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้ฝึกวิชากระบี่
หัวใจเขาปั่นป่วน และเขาชักกระบี่ออก
ท่วงท่าของเขาไหลลื่นและรวดเร็ว ถังเทียนตกใจกับความเคลื่อนไหวของเขาเองและแทงออกอย่างต่อเนื่อง
ชี่....
รอยกระบี่เป็นทางตั้งแต่ใต้เท้าเขายืดยาวออกไปสิบห้าเมตร
ถังเทียนตะลึง
“ข้าจำไม่ได้จริงๆ”
“ลี้ลับมาก”
“หรือว่าความจำเสื่อม? ว้า เราตรวจสอบเขาให้ดีก่อนเถอะ”
“ใช่ ใช่แล้ว นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด....”
เสียงซุบซิบพูดคุยอย่างตื่นเต้นดังขึ้นจากด้านหลังเขา
ถังเทียนค่อยรู้สึกตัวและไม่สบายใจ “เฮ้, เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทุกคนเริ่มการสนทนาอย่างออกรสและทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นถูกนำมาพูดอีกครั้ง ถังเทียนฟังจนตาโต เขาทำหน้าเหลือเชื่อ
หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ถังเทียนเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นถามขึ้นทันที “อย่างนั้นกระบี่เซียนอยู่ที่ไหน?”
“หายไปแล้ว” อาเฮ่ออธิบาย
ถังเทียนใจหายวูบ “หายไป? หายไปได้อย่างไร? โอวพระเจ้า นั่นกระบี่เซียนเชียวนะ มีค่ามากขนาดไหน ถ้าข้าขายมันได้ เราจะรวย กินกันทั้งชีวิตก็ไม่หมด”
ทุกคนตะลึง
ถังเทียนพึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนว่าข้าน่าจะขายกระบี่ปลอดสำเนียงนี้สมบัติกลุ่มดาวมืดได้นะ ได้ยินชื่อนี้น่าจะขายได้ราคาดี
กระบี่ปลอดสำเนียงในมือของเขาสั่น
ความรู้สึกกลัวปรากฏอยู่ในตัวกระบี่ปลอดสำเนียง ถังเทียนหัวเราะลั่น “ล้อเล่น ล้อเล่นน่ะ”
“แต่อย่างที่บอก, เราชนะใช่ไหม?”
“ข้าคิดว่าอย่างนั้น” อาเฮ่อไม่แน่ใจ
“ฮ่าฮ่า งั้นก็ต้องเลี้ยงฉลองน่ะสิ” ถังเทียนชูมือทั้งสองอย่างอิ่มเอมใจพร้อมกันนั้น เขาวิ่งเข้าหาแพะที่กำลังย่างทันที
คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันเอง