ตอนที่ 312 กระบี่เซียนกักสมุทร
กระบี่มีขนาดกว้างเท่าฝ่ามือและยาวสองเมตรครึ่งซึ่งมีขนาดยาวกว่าตัวถังเทียน ตัวกระบี่ตรงและมีเปลวเพลิงดำไหลอยู่ทั่วตัวกระบี่
ถังเทียนผู้มีเพลิงดำครอบคลุมตัวยืนตรงอยู่พร้อมกับกระบี่ ปราณของเขาแตกต่างจากแต่ก่อนสิ้นเชิงทั้งรุนแรงและเยือกเย็น
กระบี่ของเหมิงเว่ยสั่นและเลือดในตัวนางแทบแข็งค้าง
พลังสายเลือดของกลุ่มดาวก็คือสายเลือดที่ถูกสร้างและเปลี่ยนแปลงจนมีประสบการณ์ภายใต้การเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวมาอย่างลึกซึ้งยาวนาน พลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาวเป็นเหมือนจิตวิญญาณยุทธของสมบัติดวงดาวที่กำลังเผาไหม้ ความแตกต่างกันก็คือหลังจากเผาไหม้แล้วสมบัติดวงดาวจะถูกทำลาย แต่สำหรับพลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาว ผู้ใช้จะได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง แต่ถ้าผู้ใช้สามารถทนได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันอาจเปลี่ยนสภาพ
พลังสายเลือดในร่างของเหมิงเว่ยมีระดับความบริสุทธิ์สูงมากและนั่นทำให้นางเชื่อมต่อกับกลุ่มดาววาฬได้ง่ายมากเมื่อเทียบนักสู้ธรรมดา เพราะระดับการเชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬนั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกัน นางก็มีความรู้สึกอ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลงของพลังกลุ่มดาว
เมื่อถังเทียนถูกเพลิงดำห่อหุ้มครอบคลุมทั้งตัวการเพิ่มพลังขึ้นของกลุ่มดาววาฬเหมือนต้องการจะปราบปรามเพลิงดำของถังเทียน แต่เมื่อถังเทียนชักกระบี่ออกมาจากอากาศ พลังของกลุ่มดาววาฬก็ลดฮวบอย่างรวดเร็ว เหมือนกับมันรู้สึกว่าไม่มีทางเอาชนะได้
แม้แต่พลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาวก็ยังไม่มีโอกาสชนะหรือนี่?
เหมิงเว่ยฝืนหัวเราะขณะที่นางมองดูถังเทียน
คนผู้นี้...เป็นใครกันแน่?
***********************
อาเฮ่อเงยหน้าและจ้องมองถังเทียนที่กำลังอยู่ในท้องฟ้า หัวใจของเขามีแววกังวลทันที ท่าจับกระบี่ของถังเทียนไม่ใช่มือใหม่แน่นอน แต่อาเฮ่อรู้อย่างชัดเจน วิชากระบี่ของถังเทียนมีอยู่เพียงผิวเผินมาก แต่ปราณในปัจจุบันของถังเทียน...แปลกประหลาดเกินไป...
ราวกับว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
อาเฮ่อพยายามระงับความคิดของเขาและหันมาจ้องผู้เฒ่าจวินโถวอย่างเย็นชา ดูเหมือนเราจำเป็นต้องรีบจัดการเจ้าคนที่อยู่ต่อหน้าเราให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
หลิงซิ่วยังคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของถังเทียนและตกใจพอๆกัน ร่างที่อยู่ในเปลวเพลิงดำในอากาศเย็นชาและดูระห่ำ ปฏิกิริยาแรกของหลิงซิ่วก็คือเขาไม่ใช่ถังเทียน! เพราะถังเทียนมีสมองที่เรียบง่ายและเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเอง ถังเทียนเป็นคนงี่เง่าที่เปิดเผย ไม่ใช่คนเย็นชาและบ้าระห่ำ
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่!
หลิงซิ่วหรี่ตาแคบ ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว)ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าร้ายจ้องมองเขาด้วยอารมณ์มืดมัว
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผล แต่การโจมตีของศัตรูทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขามาจากแหล่งกำเนิดเดียวกับหอกทะเลจุด แม้ว่าหลิงซิ่วจะรู้ชัดว่าหอกทะเลจุดนี้แข็งแกร่งกว่าก็ตาม
ข้าจำเป็นต้องชนะเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!
************************
“กักสมุทร!” ชิวจื่อจวินพูดเสียงสั่น “กระบี่เซียนกักสมุทร!”
“กะ..กระบี่เซียน?” ซือหม่าเซี่ยวตะกุกตะกัก เขาคิดว่าได้ยินผิดไป
ชิวจื่อจวินสงบใจได้ ตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่กระบี่ “ประมาณ 1500 ปีที่แล้วมีเซียนกระบี่ประหลาดคนหนึ่งนามว่าอูหวังไห่ มีข่าวลือว่าเมื่อเขายังเยาว์วัย เขาบรรลุวิชากระบี่อย่างหนึ่งที่สามารถตัดมิติได้ แต่เขาไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนผู้ประสบความสำเร็จและด้วยนิสัยที่ประหลาดพิกลเขากลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตและฆ่าคน ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากับเซียนนักสู้หกคนผู้ไล่ล่าเขา แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้เสมอ หลังจากยี่สิบปีที่ถูกไล่ล่าเขาจึงได้รับการยอมรับในฐานะเซียนกระบี่และเข้าสู่ขอบเขตเซียน กระบี่ของเขามีนามว่ากักสมุทร ตำนานกล่าวไว้ว่า ก่อนเขาตาย เขาโยนกระบี่กักสมุทรไว้ในมิติว่างเปล่า ข้าไม่เคยคาดเลยว่า...”
ซือหม่าเซี่ยวตกตะลึงเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเซียนกระบี่มาก่อน แต่เขารู้ในมุมมองนี้ว่า ศิษย์พี่ของเขาไม่เคยตัดสินผิดพลาด
เซียนกระบี่!
ไม่มีใครรู้ว่ามีเซียนกระบี่เกิดขึ้นในสวรรค์วิถีเท่าใดกันแน่ แต่เซียนกระบี่แต่ละคนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดยอด บางทีอาจมีมาตั้งแต่ก่อตั้งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาก็ได้และพวกเขาคงไม่ประหลาดใจ พวกเขามีประวัติศาสตร์ยาวนานและคงรู้ว่ามีผู้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนมีกี่คนกันแน่ แต่สำหรับองค์กรใหม่อย่างสมาคมรวมตระกูล เซียนกระบี่เหมือนกับเป็นตำนาน
เมื่อนึกถึงว่ากระบี่ที่อยู่ในมือของเจ้าผู้นั้นเป็นกระบี่เซียนเล่มหนึ่งจริงๆ!
เจ้าผู้นี้...มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่....
“เราสามารถชิงเอามาได้ไหม?” ทันใดนั้นตาของซือหม่าเซี่ยวเป็นประกายดูเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนหน้านี้ เขาแค่ทำตัวเหมือนนั่งบนภูดูเสือกัดกันและวางแผนฉวยโอกาสจากวิกฤติเพื่อให้ตัวเขาได้ประโยชน์ แต่ตอนนี้กระบี่เซียนปรากฏจึงทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผน
ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ กระบี่นั่นถูกผนึกอยู่ในมิติว่าง ข้าคิดดูแล้ว เปลวเพลิงดำก็คือเพลิงที่ซ่อนอยู่ในมิติว่าง หากปราศจากการเข้าถึงสนามพลังเซียนก็ไม่มีใครทำลายมิติว่างได้
“อย่างนั้นทำไมเขาจึงสามารถชักกระบี่ออกมาได้” ซือหม่าเซี่ยวถาม
“กระบี่เซียนในมือของเขาไม่ใช่ตัวกระบี่จริง เป็นแค่เพียงภาพจำลอง” ชิวจื่อจวินพูดต่อ “ร่างของเขาน่าจะมีผนึกเพลิงที่ซ่อนกระบี่กักสมุทรอยู่ในตัว เพลิงลับทั้งหมดนี้สามารถสะท้อนกับกระบี่กักสมุทรซึ่งถูกผนึกอยู่ในมิติว่างและนั่นเป็นพลังที่ยืมมา”
“น่าเสียดาย” ซือหม่าเซี่ยวเต็มไปด้วยความเสียดาย ถ้าเขาได้รับกระบี่เซียนอย่างนั้นเสียงของเขาในสมาคมรวมตระกูลคงไม่มีใครเทียบได้ เขารู้สึกริษยาขึ้นมาทันที “นั่นแค่ภาพจำลองก็ทรงพลังมากมายแล้ว แล้วพลังที่แท้จริงเล่า”
“พลังของกระบี่เซียนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ในตอนนี้พลังที่เซียนกระบี่มอบให้ก็คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า แม้แต่กระบี่เหล็กธรรมดาที่เซียนกระบี่มอบให้ก็เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งมาก” ดวงตาของชิวจื่อจวินเหม่อมองไปไกล
“ถังเทียนเป็นลูกหลานของอูหวังไห่หรือเปล่า?” ซือหม่าเซี่ยวถามด้วยความสงสัย
“เป็นไปไม่ได้! อูหวังไห่ไม่เคยแต่งงาน และนั่นเป็นเรื่องเมื่อ1500 ปีที่แล้ว นั่นเป็นเวลายาวนานเกินไป” ชิวจื่อจวินกล่าว
*********************
ถังเทียนไม่ได้สูญเสียจิตสำนึก แต่สำนึกของเขาอยู่ในสภาวะที่แปลกประหลาด เหมือนกับว่าเขาอยู่ในช่องว่างของความสับสนวุ่นวายแรกเริ่ม รอบๆตัวเขามีแต่เพลิงดำนับไม่ถ้วนและมีร่างเลือนรางอยู่ในที่ไกล
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ลุง! นี่ที่ไหนกัน?” ถังเทียนตะโกน
เมื่อเขาเห็นว่าเพลิงดำถูกสร้างด้วยพลังสายเลือดตามความเห็นของผู้เฒ่าเฟ่ย ถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นว่า ถ้าเขาสามารถใช้เพลิงดำได้นั่นจะน่ากลัวเพียงไหน เพลิงดำสามารถละลายสมบัติดวงดาวได้ ถ้าเราสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ ก็จะทำให้เราได้เปรียบอย่างมากไม่ใช่หรือ? ในที่สุดเขาก็พบวิธีกระตุ้นเปลวเพลิงได้จริงๆ นั่นก็คือ ใช้ตาสีแดง
ถ้าเขาสามารถใช้หมัดที่สว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงเหมือนครั้งก่อน จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาดูเหมือนไม่ได้ยินเขา ถังเทียนมองดูรอบๆ และจู่ๆเขาก็ตระหนักว่าเขากำลังกวัดแกว่งกระบี่ประหลาดเล่มหนึ่ง
กระบี่?
ถังเทียนสะดุ้ง นานเท่าใดแล้วตั้งแต่เขาจับกระบี่ครั้งล่าสุด? ครั้งสุดท้ายที่เขาจับกระบี่ก็คือในลานฝึกหลังโรงเรียนวิชากระบี่พื้นฐาน ทันใดนั้นข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ
ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกปวดหัวและเจ็บปวดในใจ เขานึกอยากจะจับศีรษะตนเองไว้
“จับกระบี่ไว้แน่นๆ”
มีเสียงพูดดังขึ้นทันที
ถังเทียนไม่สนใจอะไรอื่นและจับกระบี่แน่นอย่างสุดกำลังความเจ็บปวดถาโถมใส่เขาอย่างต่อเนื่อง
เขาจับกระบี่อย่างสุดกำลังและเขาสั่นไปทั้งตัว
“หึหึหึ ลูกชายของเขาตามที่คาดไว้จริงๆ”
ร่างที่อยู่ข้างหน้าถังเทียนส่งเสียงหัวเราะแหบๆแปลกประหลาดทันที และค่อยๆ จางหายไป
เหมิงเว่ยมองดูถังเทียนที่กำลังยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาไม้ หรือว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากปฏิกิริยาบางอย่าง? เหมิงเว่ยสับสน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สมบัติดวงดาวหลายอย่าง สมบัติดวงดาวเมื่อยอมรับเจ้านายของพวกมัน พลังของนักสู้จะอ่อนลงโดยปกติ
ปราณมหาศาลถูกเปลวเพลิงดำปลดปล่อยออกมาความกล้าแข็งจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน
เหมิงเว่ยไม่แน่ใจ แต่นางรู้ มันเป็นเพียงโอกาสของนาง
ข้าจะสู้!
เหมิงเว่ยยังยืนอยู่ที่เดิมดวงตาเปล่งประกายทันที และนางตัดสินใจเคลื่อนไหว
ทันใดนั้น ร่างของถังเทียนก้มลงในตำแหน่งที่โค้ง
“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”
เสียงตวาดของเขาเหมือนสัตว์ป่าดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่ทะเลทราย สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงคำรามก็คือคลื่นกดดันอากาศที่เย็นยะเยือกกวาดผ่านเข้ามาดุจพายุสลาตัน
ระลอกที่มองไม่เห็นระเบิดกระจายออกมาโดยมีถังเทียนเป็นศูนย์กลาง
เหมิงเว่ยเร่งความเร็ว แต่รู้สึกแค่เพียงว่านางเหมือนกำลังปะทะเข้ากับสัตว์ป่า พร้อมกับเสียงคำรามนางกระเด็นไปไกลเกินกว่าสามสิบเมตร นางหยุดยั้งตัวเองไม่ให้กระเด็นไปไกลขึ้น รอยเลือดสายหนึ่งไหลออกจากมุมปากของนาง
ปฏิกิริยาตอบสนองของอาเฮ่อรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงคำรามของถังเทียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนและโดยไม่มีความลังเลใจ เขาละทิ้งความคิดจะบินออกไปรอบนอกเหมือนศัตรูของเขา ในอากาศ เขาเป็นเหมือนนกกระเรียนดำตัวใหญ่ เมื่อระลอกคลื่นพลังวิ่งมาหาเขา สีหน้าเขาเคร่งขรึม เขากางแขนออกผ่อนคลายร่าง และเมื่อคลื่นปะทะใส่เขาหัวใจเขาสั่นสะท้าน ทัศนวิสัยการมองถึงกับยุ่งเหยิง
เขาฉวยโอกาสปล่อยตัวไหลไปตามกระแสพลัง ในพริบตาเขากระเด็นลอยไปไกลถึงสองร้อยเมตรหน้าของเขาถึงกับตกตะลึง
คู่ต่อสู้ของอาเฮ่อหันหลังให้กับถังเทียนและเมื่ออาเฮ่อปลิวทันที หน้าของเขาถึงกับเปลี่ยน แต่สายเกินไปแล้ว เขาได้แต่รั้งพลังกลับมาป้องกันหลังของเขาเอง เนื่องจากคลื่นพลังที่รุนแรงปะทะใส่ตัวของเขา
เขากระอักโลหิตทันทีและลอยกระเด็นไปทั้งตัว
หลิงซิ่วให้ความสนใจระมัดระวังถังเทียนอยู่เสมอ และเมื่อถังเทียนคำราม สีหน้าของเขาเปลี่ยน โดยไม่สนใจตู๋เตาที่อยู่ต่อหน้าเขาปลายหอกของเขาเปลี่ยนตำแหน่งมาป้องกันร่างกายเขาจากคลื่นพลัง
ปัง!
พลังรุนแรงแทรกซึมผ่านตัวหอกทำให้กล้ามเนื้อของหลิงซิ่วเกร็ง ปราณแท้ทั้งหมดของเขาโคจรอย่างรวดเร็วเขาตวาดลั่นและรังสีหอกระเบิดออก
แต่ฟลามิงโกไม่สามารถทนต่อคลื่นปราณที่น่ากลัวได้ขณะที่มันลื่นไถลไปตามพื้นทราย มันถอยไปถึงสิบเมตรกว่าจะหยุดได้
ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว)ใช้เวลานานก่อนที่เขาจะเรียกพลังได้ เขาถูกคลื่นพลังกวาดกระเด็นไปสิบเมตร และกระแทกพื้นทรายอย่างหนักหน่วงก่อนจะหยุดแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
สีหน้าปิงเคร่งขรึม เขาตะโกนทันที “ดาบ!”
ถังอี้เป็นคนแรกที่สนองตอบด้วยการกวัดแกว่งดาบเขามีคนเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนที่สนองตอบพร้อมกับเขาโดยปล่อยรังสีดาบ สีหน้าปิงเคร่งเครียด เขาโบกมือทั้งสองเบาๆทำให้รังสีดาบทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งแล้วฟันใส่คลื่นปราณที่มาถึงพวกเขา
ปัง
คลื่นปราณเหมือนกับกำแพงหลังจากกระแทกใส่รังสีดาบ จุดที่อ่อนลึกๆ ก็ถูกสร้างขึ้นมา คลื่นปราณที่รุนแรงสามารถกวาดล้างทั้งกองทัพได้ แต่เพราะจุดที่อ่อนของมัน จึงทำให้สลายลงได้และไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือล้มตาย
ปิงคลานออกมาจากทรายและมองไปทางถังเทียน
เจ้าผู้นี้...
นักสู้ทุกคนที่อยู่บนยอดเนินทรายห่างออกไปยี่สิบกิโลเมตรเห็นเพียงระลอกคลื่นกวาดตรงเข้ามาเหมือนคลื่นจากทะเลโถมเข้าหาพวกเขาทันใด
ร่างนับไม่ถ้วนกระเด็นออกมาจากเนินทรายที่ระเบิดจากแรงปะทะระลอกคลื่น
ถังเทียนร่วงลงมาจากฟ้าคุกเข่าข้างหนึ่งใช้กระบี่ค้ำ ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวด
ทันใดนั้นถังเทียนเงยหน้าและยืนขึ้น
ตาที่อยู่ในเปลวเพลิงดำแดงก่ำผิดปกติและเย็นชามาก
ไม่ใช่ความหนาวเย็นจากเนตรราชันย์มยุรา แต่เป็นความเย็นชาเฉยเมยที่ปรากฏกับคนที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา หัวใจถังเทียนมั่นคงไม่ปั่นป่วน เขากวาดตามองไปรอบๆ ในใจเขามีวิชากระบี่นับไม่ถ้วนผุดขึ้นเหมือนกับวิชาเหล่านั้นมีมาตั้งแต่เริ่มต้น
“ข้าเป็นใครกัน?”
ถังเทียนก้มหน้ามองดูมือตนเองและกระบี่ในมือเขา
สายตาของเขาค่อยๆกวาดมองไปทั่วสมรภูมิ
ปิง,หลิงซิ่วและอาเฮ่อ ความทรงจำในอดีตของเขา เขาจำได้ทั้งหมด แต่พวกเขาทุกคนดูเหมือนเป็นอดีตที่ห่างไกลไม่ก่อให้เกิดความว้าวุ่นอันใด ใจของเขาดูเหมือนผ่านประสบการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วน จึงได้แข็งเหมือนศิลา
สายตาเขาจับจ้องที่ตัวเหมิงเว่ย
ศัตรู
เขากวัดแกว่งกระบี่ในมือของเขา